รีวิวซีรีส์ : The Untamed – ปรมาจารย์ลัทธิมาร (2019)
หมวดหมู่ซีรีส์ : แอ็คชั่น ดราม่า ตลก ผจญภัย แฟนตาซี ลึกลับ ระทึกขวัญ
ความยาวทั้งหมด 50 ตอน : 2,192 นาที (36 ชั่วโมง 32 นาที)
ซีรีส์ว่าด้วยเรื่องราวของปรมจารย์อี๋หลิงหรือ “เว่ยอู๋เซี่ยน” ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชามาร ที่ถูกเรียกให้ฟื้นคืนชีพกลับมาจากความตาย เพื่อแก้แค้นและทวงความยุติธรรมให้แก่เจ้าของร่างกายที่ตัวเขาอาศัยในการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง! และนั่นก็ทำให้เขาได้พบกับปริศนาชั่วร้ายที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์อันน่าสลดใจในอดีต โดยซีรีส์เซ็ตอัพอยู่ในโลกแห่งเซียนที่แผ่นดินแตกแยกและตระกูลต่างๆ เป็นอริหมายเอาชีวิตกันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่!! แต่เรื่องราวการผจญภัยของเว่ยอู๋เซี่ยนที่กลับมาจากความตายจะท้าทายและน่าสนุกขนาดไหน เชิญอ่านรีวิวประกอบการตัดสินใจได้เลยครับ
โดยก่อนจะมาเป็นซีรีส์นั้น เรื่องราวนี้เคยถูกเล่าผ่านฉบับนิยายมาก่อน โดยตีพิมพ์ครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อปี 2016 ที่เขียนขึ้นโดย 'โม่เซียงถงซิ่ว' ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนได้นำมาดัดแปลงเป็นฉบับแอนิเมชั่นและฉบับละครทางโทรทัศน์ ซึ่งก็ออกอากาศทางช่อง Tencent Video ในประเทศจีนพร้อมๆ กับการออกอากาศบน WeTV ของประเทศไทยเรานี่แหละครับ และตอนนี้บน Netflix เองก็มีให้เราได้รับชมกันครบทุกตอนแล้วครับ
สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับของเซียวจ้านนั้น บอกได้เลยครับว่าฟินกันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน เพราะเขาทุ่มเทกับบทนี้ที่ได้รับมากครับ ถึงขนาดที่ว่าเข้าโรงพยาบาลแล้วยังกลับมาถ่ายทำต่อ และสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่แฟนคลับตามมาดู เห็นจำนวนตอนแล้วก็อย่าเพิ่งสลบครับ แต่ 50 ตอนนี่ก็ไม่ใช่น้อยๆ ผมเห็นทีแรกก็ยังท้อเลย แต่ผมอยากบอกว่าถ้าคุณได้ลองเริ่มดูแล้ว คุณจะไม่อยากให้มันจบเลยครับ ตัวของผมเองก็ไม่ใช่แฟนคลับของนักแสดงคนไหนเป็นพิเศษ เพียงแต่เพื่อนแนะนำมาว่าเรื่องนี้สนุก พอมีโอกาสได้ดูเท่านั้นแหละ.. วันละ 5 ตอน 10 ตอนก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับที่จะดู เพราะเนื้อเรื่องมันเข้มข้นน่าติดตามมาก ทันทีที่คุณเริ่มดู อุปสรรคอย่างเดียวของคุณก็คือเวลานอนแล้วครับ เพราะไม่มีทางที่คุณจะสามารถมาราธอนเพื่อดูให้จบภายในวันสองวันได้เลย คุณคงต้องไปทำธุระหรือมีหน้าที่ที่ต้องไปจัดการ แต่เมื่อมีเวลาว่างขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็.. แม้จะเพียงน้อยนิด แต่มันก็อดไม่ได้ที่หยิบซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นมาดูต่อ / ระหว่างที่ดูซีรีส์เรื่องนี้ผมก็ไม่สามารถดูหนังหรือซีรีส์เรื่องอื่นคั่นได้อีกเลย อารมณ์มันค้างมากๆ ครับ ต้องดูต่อให้จบถึงจะมีอารมณ์ดูเรื่องอื่นต่อได้ และในที่สุด! วันนี้ mission ของผมก็ complete แล้วครับ / ขอบคุณเพื่อนที่ทำให้ติดซีรีส์เรื่องนี้ ไม่รู้สึกเสียเวลาเลยที่ดูไป เป็นการโดนดูดเวลาที่คุ้มค่าทุกวินาทีมากฮะ
มาเข้าสู่ในช่วงของการรีวิวแบบเต็มตัวกันครับ อย่างแรกที่ขอพูดถึงเลยเนี่ยคืองานสร้างภายในเรื่องครับ ที่ต้องบอกเลยว่า production เค้าแน่นจริงๆ!! ทุ่มทุนสร้างมาก ไหนจะเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ชุดคอสตูมประกอบฉากต่างๆ สถานที่ที่ต้องสร้างและเซ็ตขึ้นมาเพื่อถ่ายทำ คือเข้าไปดูภาพและคลิปเบื้องหลังนี่ก็จะพบได้ว่าทั้งทีมงานและนักแสดงนั้นมีความทุ่มเทและตั้งใจกับงานชุดนี้มากๆ ครับ สมแล้วที่เป็นซีรีส์จีนฟอร์มยักษ์แห่งปี ที่ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม อำนวยการสร้างยอดเยี่ยม ละครยอดนิยม ซีรีส์จีนยอดนิยมแห่งปี และไปไกลถึงการเป็นซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมแห่งปีในอาเซี่ยนด้วยครับ ซึ่งตามที่ว่ามาทั้งหมดนี้ จะว่าอวยก็อวยครับ แต่เราเห็นสมควรกับทุกรางวัลที่ซีรีส์ได้รับครับ เพราะมันยอดเยี่ยมตามนั้นจริงๆ และแน่นอนว่าถ้าสามารถคว้ารางวัลซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมได้ ฉากดราม่าซาบซึ้งนี่ก็ทำให้ใครหลายคนร้องไห้น้ำตาแตกได้ครับ / ซึ่งรวมถึงผมด้วย ฮืออออ...
พูดถึงงานสร้างและความเข้มข้นของเนื้อเรื่องไปแล้ว ก็จะขอขยี้เพิ่มเติมหน่อยครับ ว่าตัวเรื่องนี้มันมีความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนและมีปมปริศนามากมายให้เราได้คอยตามค้นหาด้วยครับ ซึ่งแม้จะบอกว่าเนื้อเรื่องเป็นการเล่าเรื่องในตอนที่เว่ยอู๋เซี่ยนหรือเว่ยอิงฟื้นกลับมาจากความตายแล้วต้องมาคอยแก้ไขปัญหาในปัจจุบันแล้วก็ตาม แต่ใจความสำคัญจริงๆ ของซีรีส์คือการเล่าเรื่องย้อนความไปในอดีตครับ ซึ่งกว่า 60% ของเรื่องก็จะเป็นพาร์ทอดีตเล่ายาวๆ ไปเลยครับ ตั้งแต่สมัยที่เว่ยอิงยังมีชีวิตก่อนจะตายและถูกทำให้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง และมีพาร์ทปัจจุบันเป็นส่วนเสริมเติมขยายให้กับพาร์ทอดีตที่ยังเล่าไม่สมบูรณ์ เพื่อทำให้เนื้อเรื่องนั้นสมบูรณ์ครบองค์ประกอบ โดยที่ทุกครั้งที่เนื้อเรื่องพาเราไปเจอกับปัญหาและถึงจุดที่ตัวละครสามารถแก้ปมจบคดีได้แล้ว ความคิดที่ว่าต่อจากนี้เนื้อเรื่องจะต้องดรอปลงและสนุกน้อยลงแน่ๆ ก็ลอยเข้ามาในหัวทันที แต่ทุกครั้งที่เรื่องราวหนึ่งจบลง ตัวเนื้อเรื่องนั้นก็ยังพาเราไปจุดใหม่ๆ ในสเกลที่สูงขึ้น ที่น่าติดตามมากขึ้น และน่าตื่นตาตื่นใจได้ตลอดเลยครับ ซึ่งยิ่งทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่ซีรีส์กำลังจะบอกเล่าต่อๆ ไปครับ / แล้วมันเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ เลย ไม่มีช่วงไหนที่ดรอปลงแม้แต่นิดเดียว มีแต่ทำมาตรฐานได้สูงขึ้นทุกครั้งไปที่จบเรื่องราวหนึ่ง เพื่อบอกเล่าและต่อยอดอีกเรื่องราวหนึ่งที่ถูกแทรกและค่อยๆ เผยออกมาทีละนิดๆ เป็นการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาดและทำให้เราประหลาดใจได้เสมอๆ เลยครับในระหว่างที่ดูไป...
ซีรีส์มีความตลกและอารมณ์ขัน สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี อันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและประทับใจเป็นอย่างมากภายในเรื่องเลย พร้อมด้วยฉากดราม่าแสนซาบซึ้งที่กระแทกกระทั้นเราได้อย่างตรงจุดถูกประเด็น และ touch หัวใจเรามากครับ ตรงนี้ขอชื่นชมสุดๆ เลย ไอ้เราดูไปก็เสียน้ำตาไป ร้องไห้จะเป็นจะตาย ครบทุกอารมณ์ มีทั้งความสุขความเศร้า ความดีใจหรือเสียใจ ซีรีส์เรื่องนี้ให้คุณได้ครบทุกอย่างเลย ซึ่งส่วนที่ซีรีส์สามารถทำออกมาได้ดีที่สุดสำหรับผมก็คือพาร์ทของการเดินทางเล่า Road Trip ที่เป็นคอมเมดี้และการผจญภัยครับ ตรงนี้ขอบอกเลยว่าตัวซีรีส์เล่าออกมาได้ลื่นไหลและสนุกสนานเพลิดเพลินมากๆ เลยครับ ชอบที่สุดเลย ยิ่งได้มีซีนจิ้นๆ ฟินๆ ระหว่าง'เซียวจ้านที่รับบทเป็น'เว่ยอิง'กับ'หวังอี้ป๋อ'ที่รับบทเป็น'หลานจ้าน' ก็คงทำให้ใครหลายๆ คนได้กรี๊ดกร๊าดกัดหมอนกัดไม่หยุดไม่อยู่ครับ เห็นว่าในฉบับนิยายนั้นทั้งสองคนเป็นแฟนกัน แต่ในฉบับซีรีส์นี้ปรับเปลี่ยนเพื่อให้สามารถออกอากาศทางโทรทัศน์ได้ โดยให้เป็นมิตรภาพของสหายร่วมรบแทน ซึ่งเราว่าแบบนี้ก็ดีแล้วแหละ ชอบตรงฟีลลิ่งของมิตรภาพในลูกผู้ชายมากครับ ดูเข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน แต่ไม่เปราะบางอ่อนแอแตกหักง่าย ถือว่าตัวซีรีส์ถ่ายทอดความสัมพันธ์ของทั้งเว่ยอิงและหลานจ้านออกมาได้ดีมากครับ เราดูแล้วก็อินตาม ประทับใจกับการเล่าเรื่องมากครับ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจำนวนถึง 50 ตอน กับเวลากว่า 36 ชั่วโมง แต่ซีรีส์ก็ไม่สามารถเล่าในทุกๆ รายละเอียดได้ แต่จากที่ดูมาตัวซีรีส์ก็พยายามที่จะใส่ข้อมูลมาอย่างเต็มที่โดยที่เราไม่รู้สึกว่ายัดเยียดได้อย่างแนบเนียนครับ ใครที่ดูจบแล้วสงสัยตรงไหนอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็คงต้องหาอ่านจากนิยายนอกรอบเอาครับ ซึ่งจากที่ผมฟังจากเพื่อนมานั้น ในซีรีส์เองก็มีความละเอียดสูง แต่เราอาจจะไม่ทันสังเกตเองหรือตีความได้ไม่ทัน และบอกตามตรงว่ามันมีอะไรซ่อนไว้อยู่ในฉากเยอะมากครับ พอได้ไปคุยกับเพื่อนที่ชื่นชอบก็เลย อ๋อออ... มันลึกซึ้งเหมือนกันนะเนี่ย / บางอย่างซีรีส์ไม่สามารถเล่าได้ แต่ก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เราไปหาต่อเองครับ
ในส่วนของฉากแอ็คชั่นนั้นก็ถือว่าเดือดและมีความโหดแอบแฝงอยู่ใช้ได้เลยครับ สร้างความเพลิดเพลินได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าท่าฟันดาบท่าร่ายรำจะดูลิเกๆ ไปนิด แต่ก็มันส์สะใจ และก็เป็นเอกลักษณ์ตามฉบับของหนังจีนกำลังภายในเขาล่ะเนอะ ที่มันต้องเน้นศิลปะและความสวยงามในการต่อสู้ แต่บ่อยครั้งที่เราสังเกตเห็นถึงความไม่ถนัดของฉากต่อสู้ในหลายๆ ครา เราจึงคิดว่าตัวของผู้กำกับเองน่าจะไม่ถนัดในการทำฉากแอ็คชั่นสู้กันเท่าไหร่นัก บางช่วงบางตอนก็ยังขาดความต่อเนื่องไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ดีเลยครับ โดยเฉพาะเมื่อมีการเดินเรื่องจะเป็นตัวนำและมีความสวยงามของฉากเป็นรอง ฉากแอ็คชั่นจึงเป็นส่วนเสริมที่ทำหน้าที่ให้องค์ประกอบเหล่านั้นของเรื่องออกมาสมบูรณ์แบบครับ / CG เอฟเฟคต่างๆ ออกมาดีใช้ได้เลยครับ มีบ้างที่ไม่แนบเนียน แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด ยังคงสนุกอยู่เช่นเดิมและไม่ทำให้เสียอรรถรสในการรับชม
โดยส่วนสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครครับ ทั้ง conflict เอยอะไรเลย คนเขียนเรื่องทำให้ตัวละครมันมีมิติราวกับว่ามีชีวิตอยู่และโลดแล่นออกมาได้จริงๆ เลยครับ ซึ่งไอ้ความสัมพันธ์และเรื่องราวเหล่านี้แหละที่เชื่อมตัวละครต่างๆ ไว้ด้วยกัน จนทำให้เกิดเป็นความผูกพันที่น่าจดจำและประทับใจไปอีกนานแสนนานจนเราไม่อยากให้มันจบ มี moment และช่วงเวลามากมายให้นึกถึงให้ได้ยิ้มให้คิดถึง ถือว่าตัวซีรีส์ประสบความสำเร็จในการนำตัวละครเข้าสู่หัวใจของคนดูแล้วครับ / ดูจบแล้วอารมณ์ยังค้างอยู่เลย / แต่ประเด็นที่น่าสนใจจริงๆ ภายในเรื่องที่เราอยากจะเกริ่นไว้ให้ทุกท่านได้คิดคือ ประเด็นหลักในเรื่องที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อออกมาให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ในตัวของคนคนหนึ่ง ทั้งเรื่องศีลธรรม ความดีความชั่ว ความถูกต้องและความยุติธรรมที่อาจจะขัดขาและค้ำคอกันอยู่ อะไรคือสิ่งที่ควรทำ และอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เว่ยอู๋เซี่ยนหรือพระเอกของเรานี่แหละ ได้ชื่อว่าเป็นปรมจารย์ลิทธิมารที่แข็งแกร่งที่สุดที่ไม่ว่าใครก็ต่างพากันหวาดกลัว อะไรที่ทำให้คนที่ยึดมั่นในวิชากระบี่แสนเที่ยงธรรม เข้าสู่วิชามารด้านมืดที่อาจต้องแลกด้วยการถูกกัดกินร่างกายและจิตใจ เพราะนอกจากความสนุกสนานดูเอาบันเทิง ความปราณีตละเมียดละไมในการสร้างแล้ว ซีรีส์ยังแฝงไปด้วยคติและข้อคิดมากมายให้เราได้กลับไปถามตัวเองอีกด้วยครับ
โดยคะแนนที่ผมจะให้นั้นเป็นคะแนนที่บ่งบอกถึงว่าผมชอบเรื่องนี้มากแค่ไหน รู้สึกกับมันเท่าไหร่ คะแนนไม่ได้บอกว่าเรื่องนี้มันดีหรือไม่ดีนะครับ มันเป็นเพียงความเห็นหนึ่งของผมเท่านั้น คะแนนความชอบ : 4.5 / 5
Cr.
https://www.facebook.com/TheFilmsterTH/
[CR] รีวิวซีรีส์ : The Untamed – ปรมาจารย์ลัทธิมาร (2019)
หมวดหมู่ซีรีส์ : แอ็คชั่น ดราม่า ตลก ผจญภัย แฟนตาซี ลึกลับ ระทึกขวัญ
ความยาวทั้งหมด 50 ตอน : 2,192 นาที (36 ชั่วโมง 32 นาที)
ซีรีส์ว่าด้วยเรื่องราวของปรมจารย์อี๋หลิงหรือ “เว่ยอู๋เซี่ยน” ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชามาร ที่ถูกเรียกให้ฟื้นคืนชีพกลับมาจากความตาย เพื่อแก้แค้นและทวงความยุติธรรมให้แก่เจ้าของร่างกายที่ตัวเขาอาศัยในการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง! และนั่นก็ทำให้เขาได้พบกับปริศนาชั่วร้ายที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์อันน่าสลดใจในอดีต โดยซีรีส์เซ็ตอัพอยู่ในโลกแห่งเซียนที่แผ่นดินแตกแยกและตระกูลต่างๆ เป็นอริหมายเอาชีวิตกันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่!! แต่เรื่องราวการผจญภัยของเว่ยอู๋เซี่ยนที่กลับมาจากความตายจะท้าทายและน่าสนุกขนาดไหน เชิญอ่านรีวิวประกอบการตัดสินใจได้เลยครับ
โดยก่อนจะมาเป็นซีรีส์นั้น เรื่องราวนี้เคยถูกเล่าผ่านฉบับนิยายมาก่อน โดยตีพิมพ์ครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อปี 2016 ที่เขียนขึ้นโดย 'โม่เซียงถงซิ่ว' ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนได้นำมาดัดแปลงเป็นฉบับแอนิเมชั่นและฉบับละครทางโทรทัศน์ ซึ่งก็ออกอากาศทางช่อง Tencent Video ในประเทศจีนพร้อมๆ กับการออกอากาศบน WeTV ของประเทศไทยเรานี่แหละครับ และตอนนี้บน Netflix เองก็มีให้เราได้รับชมกันครบทุกตอนแล้วครับ
สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับของเซียวจ้านนั้น บอกได้เลยครับว่าฟินกันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน เพราะเขาทุ่มเทกับบทนี้ที่ได้รับมากครับ ถึงขนาดที่ว่าเข้าโรงพยาบาลแล้วยังกลับมาถ่ายทำต่อ และสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่แฟนคลับตามมาดู เห็นจำนวนตอนแล้วก็อย่าเพิ่งสลบครับ แต่ 50 ตอนนี่ก็ไม่ใช่น้อยๆ ผมเห็นทีแรกก็ยังท้อเลย แต่ผมอยากบอกว่าถ้าคุณได้ลองเริ่มดูแล้ว คุณจะไม่อยากให้มันจบเลยครับ ตัวของผมเองก็ไม่ใช่แฟนคลับของนักแสดงคนไหนเป็นพิเศษ เพียงแต่เพื่อนแนะนำมาว่าเรื่องนี้สนุก พอมีโอกาสได้ดูเท่านั้นแหละ.. วันละ 5 ตอน 10 ตอนก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับที่จะดู เพราะเนื้อเรื่องมันเข้มข้นน่าติดตามมาก ทันทีที่คุณเริ่มดู อุปสรรคอย่างเดียวของคุณก็คือเวลานอนแล้วครับ เพราะไม่มีทางที่คุณจะสามารถมาราธอนเพื่อดูให้จบภายในวันสองวันได้เลย คุณคงต้องไปทำธุระหรือมีหน้าที่ที่ต้องไปจัดการ แต่เมื่อมีเวลาว่างขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็.. แม้จะเพียงน้อยนิด แต่มันก็อดไม่ได้ที่หยิบซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นมาดูต่อ / ระหว่างที่ดูซีรีส์เรื่องนี้ผมก็ไม่สามารถดูหนังหรือซีรีส์เรื่องอื่นคั่นได้อีกเลย อารมณ์มันค้างมากๆ ครับ ต้องดูต่อให้จบถึงจะมีอารมณ์ดูเรื่องอื่นต่อได้ และในที่สุด! วันนี้ mission ของผมก็ complete แล้วครับ / ขอบคุณเพื่อนที่ทำให้ติดซีรีส์เรื่องนี้ ไม่รู้สึกเสียเวลาเลยที่ดูไป เป็นการโดนดูดเวลาที่คุ้มค่าทุกวินาทีมากฮะ
มาเข้าสู่ในช่วงของการรีวิวแบบเต็มตัวกันครับ อย่างแรกที่ขอพูดถึงเลยเนี่ยคืองานสร้างภายในเรื่องครับ ที่ต้องบอกเลยว่า production เค้าแน่นจริงๆ!! ทุ่มทุนสร้างมาก ไหนจะเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ชุดคอสตูมประกอบฉากต่างๆ สถานที่ที่ต้องสร้างและเซ็ตขึ้นมาเพื่อถ่ายทำ คือเข้าไปดูภาพและคลิปเบื้องหลังนี่ก็จะพบได้ว่าทั้งทีมงานและนักแสดงนั้นมีความทุ่มเทและตั้งใจกับงานชุดนี้มากๆ ครับ สมแล้วที่เป็นซีรีส์จีนฟอร์มยักษ์แห่งปี ที่ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม อำนวยการสร้างยอดเยี่ยม ละครยอดนิยม ซีรีส์จีนยอดนิยมแห่งปี และไปไกลถึงการเป็นซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมแห่งปีในอาเซี่ยนด้วยครับ ซึ่งตามที่ว่ามาทั้งหมดนี้ จะว่าอวยก็อวยครับ แต่เราเห็นสมควรกับทุกรางวัลที่ซีรีส์ได้รับครับ เพราะมันยอดเยี่ยมตามนั้นจริงๆ และแน่นอนว่าถ้าสามารถคว้ารางวัลซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมได้ ฉากดราม่าซาบซึ้งนี่ก็ทำให้ใครหลายคนร้องไห้น้ำตาแตกได้ครับ / ซึ่งรวมถึงผมด้วย ฮืออออ...
พูดถึงงานสร้างและความเข้มข้นของเนื้อเรื่องไปแล้ว ก็จะขอขยี้เพิ่มเติมหน่อยครับ ว่าตัวเรื่องนี้มันมีความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนและมีปมปริศนามากมายให้เราได้คอยตามค้นหาด้วยครับ ซึ่งแม้จะบอกว่าเนื้อเรื่องเป็นการเล่าเรื่องในตอนที่เว่ยอู๋เซี่ยนหรือเว่ยอิงฟื้นกลับมาจากความตายแล้วต้องมาคอยแก้ไขปัญหาในปัจจุบันแล้วก็ตาม แต่ใจความสำคัญจริงๆ ของซีรีส์คือการเล่าเรื่องย้อนความไปในอดีตครับ ซึ่งกว่า 60% ของเรื่องก็จะเป็นพาร์ทอดีตเล่ายาวๆ ไปเลยครับ ตั้งแต่สมัยที่เว่ยอิงยังมีชีวิตก่อนจะตายและถูกทำให้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง และมีพาร์ทปัจจุบันเป็นส่วนเสริมเติมขยายให้กับพาร์ทอดีตที่ยังเล่าไม่สมบูรณ์ เพื่อทำให้เนื้อเรื่องนั้นสมบูรณ์ครบองค์ประกอบ โดยที่ทุกครั้งที่เนื้อเรื่องพาเราไปเจอกับปัญหาและถึงจุดที่ตัวละครสามารถแก้ปมจบคดีได้แล้ว ความคิดที่ว่าต่อจากนี้เนื้อเรื่องจะต้องดรอปลงและสนุกน้อยลงแน่ๆ ก็ลอยเข้ามาในหัวทันที แต่ทุกครั้งที่เรื่องราวหนึ่งจบลง ตัวเนื้อเรื่องนั้นก็ยังพาเราไปจุดใหม่ๆ ในสเกลที่สูงขึ้น ที่น่าติดตามมากขึ้น และน่าตื่นตาตื่นใจได้ตลอดเลยครับ ซึ่งยิ่งทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่ซีรีส์กำลังจะบอกเล่าต่อๆ ไปครับ / แล้วมันเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ เลย ไม่มีช่วงไหนที่ดรอปลงแม้แต่นิดเดียว มีแต่ทำมาตรฐานได้สูงขึ้นทุกครั้งไปที่จบเรื่องราวหนึ่ง เพื่อบอกเล่าและต่อยอดอีกเรื่องราวหนึ่งที่ถูกแทรกและค่อยๆ เผยออกมาทีละนิดๆ เป็นการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาดและทำให้เราประหลาดใจได้เสมอๆ เลยครับในระหว่างที่ดูไป...
ซีรีส์มีความตลกและอารมณ์ขัน สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี อันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและประทับใจเป็นอย่างมากภายในเรื่องเลย พร้อมด้วยฉากดราม่าแสนซาบซึ้งที่กระแทกกระทั้นเราได้อย่างตรงจุดถูกประเด็น และ touch หัวใจเรามากครับ ตรงนี้ขอชื่นชมสุดๆ เลย ไอ้เราดูไปก็เสียน้ำตาไป ร้องไห้จะเป็นจะตาย ครบทุกอารมณ์ มีทั้งความสุขความเศร้า ความดีใจหรือเสียใจ ซีรีส์เรื่องนี้ให้คุณได้ครบทุกอย่างเลย ซึ่งส่วนที่ซีรีส์สามารถทำออกมาได้ดีที่สุดสำหรับผมก็คือพาร์ทของการเดินทางเล่า Road Trip ที่เป็นคอมเมดี้และการผจญภัยครับ ตรงนี้ขอบอกเลยว่าตัวซีรีส์เล่าออกมาได้ลื่นไหลและสนุกสนานเพลิดเพลินมากๆ เลยครับ ชอบที่สุดเลย ยิ่งได้มีซีนจิ้นๆ ฟินๆ ระหว่าง'เซียวจ้านที่รับบทเป็น'เว่ยอิง'กับ'หวังอี้ป๋อ'ที่รับบทเป็น'หลานจ้าน' ก็คงทำให้ใครหลายๆ คนได้กรี๊ดกร๊าดกัดหมอนกัดไม่หยุดไม่อยู่ครับ เห็นว่าในฉบับนิยายนั้นทั้งสองคนเป็นแฟนกัน แต่ในฉบับซีรีส์นี้ปรับเปลี่ยนเพื่อให้สามารถออกอากาศทางโทรทัศน์ได้ โดยให้เป็นมิตรภาพของสหายร่วมรบแทน ซึ่งเราว่าแบบนี้ก็ดีแล้วแหละ ชอบตรงฟีลลิ่งของมิตรภาพในลูกผู้ชายมากครับ ดูเข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน แต่ไม่เปราะบางอ่อนแอแตกหักง่าย ถือว่าตัวซีรีส์ถ่ายทอดความสัมพันธ์ของทั้งเว่ยอิงและหลานจ้านออกมาได้ดีมากครับ เราดูแล้วก็อินตาม ประทับใจกับการเล่าเรื่องมากครับ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจำนวนถึง 50 ตอน กับเวลากว่า 36 ชั่วโมง แต่ซีรีส์ก็ไม่สามารถเล่าในทุกๆ รายละเอียดได้ แต่จากที่ดูมาตัวซีรีส์ก็พยายามที่จะใส่ข้อมูลมาอย่างเต็มที่โดยที่เราไม่รู้สึกว่ายัดเยียดได้อย่างแนบเนียนครับ ใครที่ดูจบแล้วสงสัยตรงไหนอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็คงต้องหาอ่านจากนิยายนอกรอบเอาครับ ซึ่งจากที่ผมฟังจากเพื่อนมานั้น ในซีรีส์เองก็มีความละเอียดสูง แต่เราอาจจะไม่ทันสังเกตเองหรือตีความได้ไม่ทัน และบอกตามตรงว่ามันมีอะไรซ่อนไว้อยู่ในฉากเยอะมากครับ พอได้ไปคุยกับเพื่อนที่ชื่นชอบก็เลย อ๋อออ... มันลึกซึ้งเหมือนกันนะเนี่ย / บางอย่างซีรีส์ไม่สามารถเล่าได้ แต่ก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เราไปหาต่อเองครับ
ในส่วนของฉากแอ็คชั่นนั้นก็ถือว่าเดือดและมีความโหดแอบแฝงอยู่ใช้ได้เลยครับ สร้างความเพลิดเพลินได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าท่าฟันดาบท่าร่ายรำจะดูลิเกๆ ไปนิด แต่ก็มันส์สะใจ และก็เป็นเอกลักษณ์ตามฉบับของหนังจีนกำลังภายในเขาล่ะเนอะ ที่มันต้องเน้นศิลปะและความสวยงามในการต่อสู้ แต่บ่อยครั้งที่เราสังเกตเห็นถึงความไม่ถนัดของฉากต่อสู้ในหลายๆ ครา เราจึงคิดว่าตัวของผู้กำกับเองน่าจะไม่ถนัดในการทำฉากแอ็คชั่นสู้กันเท่าไหร่นัก บางช่วงบางตอนก็ยังขาดความต่อเนื่องไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ดีเลยครับ โดยเฉพาะเมื่อมีการเดินเรื่องจะเป็นตัวนำและมีความสวยงามของฉากเป็นรอง ฉากแอ็คชั่นจึงเป็นส่วนเสริมที่ทำหน้าที่ให้องค์ประกอบเหล่านั้นของเรื่องออกมาสมบูรณ์แบบครับ / CG เอฟเฟคต่างๆ ออกมาดีใช้ได้เลยครับ มีบ้างที่ไม่แนบเนียน แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด ยังคงสนุกอยู่เช่นเดิมและไม่ทำให้เสียอรรถรสในการรับชม
โดยส่วนสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครครับ ทั้ง conflict เอยอะไรเลย คนเขียนเรื่องทำให้ตัวละครมันมีมิติราวกับว่ามีชีวิตอยู่และโลดแล่นออกมาได้จริงๆ เลยครับ ซึ่งไอ้ความสัมพันธ์และเรื่องราวเหล่านี้แหละที่เชื่อมตัวละครต่างๆ ไว้ด้วยกัน จนทำให้เกิดเป็นความผูกพันที่น่าจดจำและประทับใจไปอีกนานแสนนานจนเราไม่อยากให้มันจบ มี moment และช่วงเวลามากมายให้นึกถึงให้ได้ยิ้มให้คิดถึง ถือว่าตัวซีรีส์ประสบความสำเร็จในการนำตัวละครเข้าสู่หัวใจของคนดูแล้วครับ / ดูจบแล้วอารมณ์ยังค้างอยู่เลย / แต่ประเด็นที่น่าสนใจจริงๆ ภายในเรื่องที่เราอยากจะเกริ่นไว้ให้ทุกท่านได้คิดคือ ประเด็นหลักในเรื่องที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อออกมาให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ในตัวของคนคนหนึ่ง ทั้งเรื่องศีลธรรม ความดีความชั่ว ความถูกต้องและความยุติธรรมที่อาจจะขัดขาและค้ำคอกันอยู่ อะไรคือสิ่งที่ควรทำ และอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เว่ยอู๋เซี่ยนหรือพระเอกของเรานี่แหละ ได้ชื่อว่าเป็นปรมจารย์ลิทธิมารที่แข็งแกร่งที่สุดที่ไม่ว่าใครก็ต่างพากันหวาดกลัว อะไรที่ทำให้คนที่ยึดมั่นในวิชากระบี่แสนเที่ยงธรรม เข้าสู่วิชามารด้านมืดที่อาจต้องแลกด้วยการถูกกัดกินร่างกายและจิตใจ เพราะนอกจากความสนุกสนานดูเอาบันเทิง ความปราณีตละเมียดละไมในการสร้างแล้ว ซีรีส์ยังแฝงไปด้วยคติและข้อคิดมากมายให้เราได้กลับไปถามตัวเองอีกด้วยครับ
โดยคะแนนที่ผมจะให้นั้นเป็นคะแนนที่บ่งบอกถึงว่าผมชอบเรื่องนี้มากแค่ไหน รู้สึกกับมันเท่าไหร่ คะแนนไม่ได้บอกว่าเรื่องนี้มันดีหรือไม่ดีนะครับ มันเป็นเพียงความเห็นหนึ่งของผมเท่านั้น คะแนนความชอบ : 4.5 / 5
Cr.https://www.facebook.com/TheFilmsterTH/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้