กมธ.กฎหมายมีมติเชิญ”ประยุทธ์”เข้าชี้แจงรอบ2
นาย
รังสิมันต์ โรม โฆษกคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากกรณีที่ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้ทำหนังสือเชิญ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าคณะ รักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ได้กระทำการรัฐประหาร รวมถึงเชิญอดีตผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช.ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน มาให้ข้อมูลกรณีที่ฟ้องร้องกลุ่มผู้เห็นต่างทางการเมืองนั้น ปรากฎว่า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ทำหนังสือเพื่อให้ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบันมาชี้แจงแทน ซึ่ง ผบ.ทบ. ได้แจ้งมาเป็นหนังสือจำนวน 1 หน้า ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่าหนังสือดังกล่าวไม่เพียงพอต่อการชี้แจง พร้อมยืนยันว่าพล.อ.
ประยุทธ์ และผู้บัญชาการทหารบกไม่สามารถส่งหนังสือชี้แจงได้เพราะเป็นการเชิญโดยตำแหน่งตามที่ได้รับการร้องเรียนมา กรรมาธิการจึงจะให้โอกาส พล.อ.
ประยุทธ์ และผู้บัญชาการทหารบก ในการทำหนังสือเชิญเพื่อให้เดินทางมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ หากทั้ง 2 คน ยังไม่มีการมาชี้แจง ทางกรรมาธิการจะออกคำสั่งเรียกต่อไป โดยยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร แต่ทำไปตามบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ ซึ่งหวังว่าทั้ง พล.อ.
ประยุทธ์และผบ.ทบ. จะให้ความร่วมมือเพราะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและเป็นประโยชน์กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
นาย
รังสิมันต์ ยังกล่าวว่า คณะกรรมาธิการได้ติดตามการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงซึ่งพบว่า มีการคุกคามประชาชนนักศึกษาทั่วประเทศในหลายพื้นที่เช่น จังหวัดนครพนม บุรีรัมย์ พะเยา นครศรีธรรมราช ภายในมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดเชียงใหม่ อุบลราชธานี สุรินทร์ ทางคณะกรรมาธิการจึงจะทำหนังสือเชิญ พล.ต.อ.
จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ เพื่อสอบถามถึงเรื่องดังกล่าว รวมถึงเตรียมเชิญอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เพื่อมาสอบถามว่าเหตุใดนักศึกษาจึงไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของตนได้ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวไม่กระทบกับความมั่นคงรวมถึงจะเชิญผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองพะเยามาสอบถามด้วย โดยจะมีการหารือในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 22 ม.ค. นี้
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยังได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจและคำสั่งของ คสช.ตามมาตรา 44 เพื่อตรวจสอบผู้ที่ได้รับการกระทำจากมาตรา 44 และคำสั่ง คสช. พร้อมทั้งได้รับรายงานว่า มีชาวอุยกูร์จำนวนหนึ่งถูกกักตัวอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหารที่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทางคณะกรรมาธิการจึงจะลงพื้นที่เพื่อติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป
“ศาลอาญาคดีทุจริตฯ”สั่ง กกต.ส่งเอกสาร ขั้นตอนไต่สวนคดี-เเจ้งข้อหา ปมยื่นยุบอนค.เงินกู้พรรค
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_1895295
“ศาลอาญาคดีทุจริตฯ” สั่ง กกต.ส่งเอกสาร แสดงขั้นตอนการไต่สวนคดี -เเจ้งข้อหาปมยื่นยุบ อนค.เงินกู้พรรค ก่อนนัดคำสั่งชั้นตรวจฟ้อง ธนาธร-อนค. ฟ้อง 14 กกต.-กก.วินิจฉัยคดี สิบโมงเช้า 20 ก.พ.นี้
เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และ “
พรรคอนาคตใหม่” ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-2 ยื่นฟ้อง นาย
เกรียงศักดิ์ ม่วงอ่อนประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดียุบพรรค อนค. ,นาย
นิยต ดำรงประภักดิ์ ,นาย
สุชาติ เพชรอาวุธ ทั้งสองเป็นกรรมการสืบสวนและไต่สวน ,พ.ต.อ.
จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. , นางสุ
กัญญา รัตนนาคินทร์ , พล.ท.
สมชาย ชัยวณิชยา ,พ.ต.อ.
ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ ทั้งสาม เป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย , นาย
อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. นาย
สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ , นาย
ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย , นาย
ฉัตรชัย จันทร์พรายศรี , นาย
ปกรณ์ มหรรณพ , นาย
เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ , นาย
ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ ทั้งเจ็ดเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำเลยที่ 1-14 คดีหมายเลขดำ อท.185/2562
ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 69 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 86 กรณีมีการทำสำนวนคดียุบพรรค อนค.ไม่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน มีลักษณะเร่งรัดคดี โดยยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.62 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลตรวจฟ้องแล้ว เห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อให้ได้ความชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีที่จะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงอาศัยข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ข้อ 16 วรรคหนึ่ง และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 ข้อ 3 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 23 เห็นสมควร ให้มีหนังสือถึงสำนักงาน กกต. เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการสืบสวน , การไต่สวน , การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานและการดำเนินคดีกรณีกล่าวหาว่า นาย
ธนาธร ให้พรรคอนาคตใหม่ กู้ยืมเงินอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ว่ามีขั้นตอน-วิธีการสืบสวน , ไต่สวน , การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ตามกฎหมาย , กฎ, ประกาศ , ระเบียบ , ข้อบังคับ หรือคำสั่งใด อย่างไร
โดยให้ สำนักงาน กกต.จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ศาล ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากศาล เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป โดยศาลกำหนดนัดพร้อม หรือฟังคำสั่ง หรือคำพิพากษา ในวันที่ 20 ก.พ.นี้เวลา 10.00 น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าว ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 8 ก.ค.-11 ธ.ค.62 คณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1-3 ให้เป็นประธานกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพื่อรวบรวมหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องกล่าวหานายธนาธร หัวหน้าพรรคและพรรค อนค.โจทก์ที่ 1-2 ว่ากระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองหรือไม่ โดยอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ให้พรรคอนค.โจทก์ที่ 2 กู้ยืมเงินจำนวน 191,200,000 บาท โดยประธานและคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ จำเลยที่ 1-3 ทราบระเบียบแล้ว แต่ไม่ได้กระทำให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน กลับร่วมกันทำรายงานการไต่สวนพร้อมทั้งสรุปสำนวนการสืบสวนและไต่สวนเสนอจำเลยที่ 4 เพื่อพิจารณาทั้งที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับโจทก์ทั้งสอง จึงถือได้ว่ายังไม่มีการไต่สวนตามกฎหมายและเป็นการละเว้นการกระทำอันมิชอบ
ขณะที่เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ก็ทราบดีอยู่แล้วว่ายังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการหรือสั่งการให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวแก่โจทก์เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยจำเลยที่ 4 ส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 5-7 ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย อันเป็นการเร่งรัดคดีกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองต่อไป ส่วนจำเลยที่ 5-7 ก็มีมติเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลที่มีเขตอำนาจดำเนินการต่อไปและส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 8-14 ซึ่งเป็นคณะกรรมการ กกต.พิจารณาโดยไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน โดยหากจำเลยที่ 5-7 เห็นว่าสำนวนการสืบสวนหรือไต่สวนยังไม่ถูกต้องก็มีอำนาจส่งเรื่องกลับไปให้เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1-3 ดำเนินการ
ส่วนคณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ก็ทราบอยู่แล้วว่าสำนวนการสืบสวนและไต่สวนยังไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับร่วมกันลงมติให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ทั้งสองตามสำนวนการสืบสวนและไต่สวนดังกล่าว โดยมีมติเสียงข้างมากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค อนค.โจทก์ที่สอง มติของจำนวนที่ 8-14 จึงเป็นผลมาจากการร่วมกันกระทำโดยจงใจละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองที่ถูกริดรอนสิทธิที่จะรับทราบข้อกล่าวหา , ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา , เสนอพยานหลักฐาน หรือต่อสู้คดีตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ นาย
ธนาธร หัวหน้าพรรค อนค. ก็ได้ยื่นฟ้อง กกต.ทั้งคณะ 7 คนไปเมื่อวันที่ 18 พ.ย.62 อีกสำนวนในคดีหมายเลขดำ อท.168/2562 ความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 69 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เช่นกัน จากกรณีวันที่ 25 มี.ค. – 16 พ.ค.62 ดำเนินกระบวนการสืบสวนไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงกล่าวหาโจทก์ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัคมีเดีย จำกัด โดยการแสวงหาข้อเท็จจริงยังไม่สิ้นกระแสความและเร่งรัดการลงมติและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ เลขาธิการ กกต.ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมส่งเอกสารส่งศาล และนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาชั้นตรวจฟ้องไปเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.62 ซึ่งสุดท้าย ศาลตรวจดูข้อกล่าวหาในคำฟ้องในชั้นตรวจฟ้องแล้ว ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องไม่รับคดีไว้ เพื่อไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ เนื่องจากเห็นว่า ขั้นตอนการสืบสวน , การไต่สวน , การวินิจฉัยชี้ขาดในการยื่นคำร้องของ กกต.ให้ศาลวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่นั้นกระทำไปโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 14/2562 ว่า กกต. มีหน้าที่และอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 82 วรรคสี่ กรณีที่เห็นว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง
โดย กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อสำนวนถูกต้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แล้ว ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นให้เป็นที่เด็ดขาดมีผลผูกพันรัฐสภา ครม.ศาล องค์กรอิสระและหน่วยงานตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 211 การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง
JJNY : 4in1 กมธ.กม.เชิญประยุทธ์/ศาลอาญาคดีทุจริตฯสั่งกกต.ส่งเอกสาร ปมยื่นยุบอนค./ดอนเบี้ยวแจงกมธ.ตปท./ท่องเที่ยวหืดจับ
ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่าหนังสือดังกล่าวไม่เพียงพอต่อการชี้แจง พร้อมยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ และผู้บัญชาการทหารบกไม่สามารถส่งหนังสือชี้แจงได้เพราะเป็นการเชิญโดยตำแหน่งตามที่ได้รับการร้องเรียนมา กรรมาธิการจึงจะให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์ และผู้บัญชาการทหารบก ในการทำหนังสือเชิญเพื่อให้เดินทางมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ หากทั้ง 2 คน ยังไม่มีการมาชี้แจง ทางกรรมาธิการจะออกคำสั่งเรียกต่อไป โดยยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร แต่ทำไปตามบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ ซึ่งหวังว่าทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และผบ.ทบ. จะให้ความร่วมมือเพราะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและเป็นประโยชน์กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า คณะกรรมาธิการได้ติดตามการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงซึ่งพบว่า มีการคุกคามประชาชนนักศึกษาทั่วประเทศในหลายพื้นที่เช่น จังหวัดนครพนม บุรีรัมย์ พะเยา นครศรีธรรมราช ภายในมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดเชียงใหม่ อุบลราชธานี สุรินทร์ ทางคณะกรรมาธิการจึงจะทำหนังสือเชิญ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ เพื่อสอบถามถึงเรื่องดังกล่าว รวมถึงเตรียมเชิญอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เพื่อมาสอบถามว่าเหตุใดนักศึกษาจึงไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของตนได้ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวไม่กระทบกับความมั่นคงรวมถึงจะเชิญผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองพะเยามาสอบถามด้วย โดยจะมีการหารือในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 22 ม.ค. นี้
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยังได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจและคำสั่งของ คสช.ตามมาตรา 44 เพื่อตรวจสอบผู้ที่ได้รับการกระทำจากมาตรา 44 และคำสั่ง คสช. พร้อมทั้งได้รับรายงานว่า มีชาวอุยกูร์จำนวนหนึ่งถูกกักตัวอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหารที่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทางคณะกรรมาธิการจึงจะลงพื้นที่เพื่อติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป
“ศาลอาญาคดีทุจริตฯ”สั่ง กกต.ส่งเอกสาร ขั้นตอนไต่สวนคดี-เเจ้งข้อหา ปมยื่นยุบอนค.เงินกู้พรรค
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_1895295
“ศาลอาญาคดีทุจริตฯ” สั่ง กกต.ส่งเอกสาร แสดงขั้นตอนการไต่สวนคดี -เเจ้งข้อหาปมยื่นยุบ อนค.เงินกู้พรรค ก่อนนัดคำสั่งชั้นตรวจฟ้อง ธนาธร-อนค. ฟ้อง 14 กกต.-กก.วินิจฉัยคดี สิบโมงเช้า 20 ก.พ.นี้
เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และ “พรรคอนาคตใหม่” ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-2 ยื่นฟ้อง นายเกรียงศักดิ์ ม่วงอ่อนประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดียุบพรรค อนค. ,นายนิยต ดำรงประภักดิ์ ,นายสุชาติ เพชรอาวุธ ทั้งสองเป็นกรรมการสืบสวนและไต่สวน ,พ.ต.อ. จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. , นางสุกัญญา รัตนนาคินทร์ , พล.ท.สมชาย ชัยวณิชยา ,พ.ต.อ.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ ทั้งสาม เป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย , นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ , นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย , นายฉัตรชัย จันทร์พรายศรี , นายปกรณ์ มหรรณพ , นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ , นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ ทั้งเจ็ดเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำเลยที่ 1-14 คดีหมายเลขดำ อท.185/2562
ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 69 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 86 กรณีมีการทำสำนวนคดียุบพรรค อนค.ไม่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน มีลักษณะเร่งรัดคดี โดยยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.62 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลตรวจฟ้องแล้ว เห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อให้ได้ความชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีที่จะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงอาศัยข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ข้อ 16 วรรคหนึ่ง และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 ข้อ 3 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 23 เห็นสมควร ให้มีหนังสือถึงสำนักงาน กกต. เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการสืบสวน , การไต่สวน , การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานและการดำเนินคดีกรณีกล่าวหาว่า นายธนาธร ให้พรรคอนาคตใหม่ กู้ยืมเงินอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ว่ามีขั้นตอน-วิธีการสืบสวน , ไต่สวน , การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ตามกฎหมาย , กฎ, ประกาศ , ระเบียบ , ข้อบังคับ หรือคำสั่งใด อย่างไร
โดยให้ สำนักงาน กกต.จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ศาล ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากศาล เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป โดยศาลกำหนดนัดพร้อม หรือฟังคำสั่ง หรือคำพิพากษา ในวันที่ 20 ก.พ.นี้เวลา 10.00 น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าว ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 8 ก.ค.-11 ธ.ค.62 คณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1-3 ให้เป็นประธานกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพื่อรวบรวมหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องกล่าวหานายธนาธร หัวหน้าพรรคและพรรค อนค.โจทก์ที่ 1-2 ว่ากระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองหรือไม่ โดยอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ให้พรรคอนค.โจทก์ที่ 2 กู้ยืมเงินจำนวน 191,200,000 บาท โดยประธานและคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ จำเลยที่ 1-3 ทราบระเบียบแล้ว แต่ไม่ได้กระทำให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน กลับร่วมกันทำรายงานการไต่สวนพร้อมทั้งสรุปสำนวนการสืบสวนและไต่สวนเสนอจำเลยที่ 4 เพื่อพิจารณาทั้งที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับโจทก์ทั้งสอง จึงถือได้ว่ายังไม่มีการไต่สวนตามกฎหมายและเป็นการละเว้นการกระทำอันมิชอบ
ขณะที่เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ก็ทราบดีอยู่แล้วว่ายังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการหรือสั่งการให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวแก่โจทก์เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยจำเลยที่ 4 ส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 5-7 ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย อันเป็นการเร่งรัดคดีกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองต่อไป ส่วนจำเลยที่ 5-7 ก็มีมติเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลที่มีเขตอำนาจดำเนินการต่อไปและส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 8-14 ซึ่งเป็นคณะกรรมการ กกต.พิจารณาโดยไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน โดยหากจำเลยที่ 5-7 เห็นว่าสำนวนการสืบสวนหรือไต่สวนยังไม่ถูกต้องก็มีอำนาจส่งเรื่องกลับไปให้เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1-3 ดำเนินการ
ส่วนคณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ก็ทราบอยู่แล้วว่าสำนวนการสืบสวนและไต่สวนยังไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับร่วมกันลงมติให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ทั้งสองตามสำนวนการสืบสวนและไต่สวนดังกล่าว โดยมีมติเสียงข้างมากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค อนค.โจทก์ที่สอง มติของจำนวนที่ 8-14 จึงเป็นผลมาจากการร่วมกันกระทำโดยจงใจละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองที่ถูกริดรอนสิทธิที่จะรับทราบข้อกล่าวหา , ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา , เสนอพยานหลักฐาน หรือต่อสู้คดีตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ นายธนาธร หัวหน้าพรรค อนค. ก็ได้ยื่นฟ้อง กกต.ทั้งคณะ 7 คนไปเมื่อวันที่ 18 พ.ย.62 อีกสำนวนในคดีหมายเลขดำ อท.168/2562 ความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 69 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เช่นกัน จากกรณีวันที่ 25 มี.ค. – 16 พ.ค.62 ดำเนินกระบวนการสืบสวนไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงกล่าวหาโจทก์ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัคมีเดีย จำกัด โดยการแสวงหาข้อเท็จจริงยังไม่สิ้นกระแสความและเร่งรัดการลงมติและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ เลขาธิการ กกต.ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมส่งเอกสารส่งศาล และนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาชั้นตรวจฟ้องไปเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.62 ซึ่งสุดท้าย ศาลตรวจดูข้อกล่าวหาในคำฟ้องในชั้นตรวจฟ้องแล้ว ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องไม่รับคดีไว้ เพื่อไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ เนื่องจากเห็นว่า ขั้นตอนการสืบสวน , การไต่สวน , การวินิจฉัยชี้ขาดในการยื่นคำร้องของ กกต.ให้ศาลวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่นั้นกระทำไปโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 14/2562 ว่า กกต. มีหน้าที่และอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 82 วรรคสี่ กรณีที่เห็นว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง
โดย กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อสำนวนถูกต้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แล้ว ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นให้เป็นที่เด็ดขาดมีผลผูกพันรัฐสภา ครม.ศาล องค์กรอิสระและหน่วยงานตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 211 การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง