นครหริภุญชัย หรือ ลำพูน จังหวัดที่เล็กที่สุดในภาคเหนือของประเทศไทย
หากเอ่ยไปหลายๆ คนคงจะมองข้ามแน่นอน ด้วยความที่เป็นจังหวัดเล็กๆ
และตัวจังหวัดเองก็อยู่ห่างจากจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 30 กิโลเมตรเท่านั้น ขับรถครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว
อีกอย่างสถานที่ท่องเที่ยวก็ไม่หลากหลาย และมากมายเท่ากับเชียงใหม่นัก
ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกที่จะไปเชียงใหม่เสียมากกว่า
แต่รู้หรือไม่ว่า ! หากคุณลองไปค้นข้อมูลหาที่มาที่ไปของจังหวัดลำพูน มันจะทำให้จังหวัดเล็กๆ แห่งนี้
ดูน่าค้นหาขึ้นมาทันทีไม่แพ้จังหวัดอื่นในภาคเหนือเลย
อ่านประวัติแบบคร่าวๆ ที่จะทำให้ลำพูน อยู่ในใจของคุณ คลิกดูสปอย ได้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จังหวัดลำพูน แรกเริ่มเดิมที่คือ นครหริภุญไชย เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ ที่มีอายุกว่า 1,343 ปี
สร้างโดย "ฤาษีวาสุเทพ" เมื่อมาสร้างเสร็จได้ส่งทูตไปเชิญ ราชธิษัตริย์เมืองละโว้พระนาม “จามเทวี” มาเป็นปฐมกษัตริย์ปกครองเมืองหริภุญไชย
สืบราชวงศ์กษัตริย์ ต่อมาหลายพระองค์นานถึง 600 ปี จนกระทั่งถึงสมัยพระยายีบาจึงได้เสียการปกครองให้แก่พ่อขุนเม็งรายมหาราช ที่เห็นว่านครหริภุญชัย เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรือง จึงรวบรวมเข้าเป็นอาณาจักรล้านนา จนเป็นรากฐานอารยธรรมอันเจริญรุ่งเรืองสูงสุดส่งในทุกๆด้านให้แก่อาณาจักรล้านนานับตั้งแต่ด้านพุทธศาสนา เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง ศิลปกรรม วัฒนธรรม การทหาร
สรุปสั้นเลยคือ เคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากๆ อ่านต่อที่ http://www.lamphun.go.th/ ประวัติแบบเต็ม
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ทำไมผมถึงเลือกมาเที่ยวจังหวัดลำพูน ?
เอาล่ะ ! ผมจะเล่าถึงที่มาที่ไปว่าทำไมถึงมาลงเอยที่จังหวัดลำพูน ได้
สิ่งแรกเลย คือ ต้องการความสโลว์ไลฟ์แบบ เชียงคาน จ. เลย
สิ่งที่สอง คือ สภาพอากาศ เนื่องจากช่วงนี้อากาศในภาคเหนือยังคงเย็นๆ อยู่ ไม่ต้นปีก็ปลาย
ผมจะชอบเที่ยวเหนือเพราะต้องการไปสัมผัสอากาศหนาว
สิ่งที่สุดท้าย คือ เมื่อ 9 ปีก่อนเคยมาแล้วครั้งนึง แต่แค่มาไหว้พระธาตุที่เดียวเท่านั้น
และยังคงจดจำความรู้สึกของการมาเยือนที่นี่ได้ ก็เลยตัดสินใจว่าจะมาเติมเต็มในส่วนที่ขาดของ 9 ปีที่แล้ว
และก็นั่นแหละครับ การตัดสินใจของผมก็มีแค่นี้จริงๆ จังหวัดอื่นที่คล้ายๆ แบบนี้ก็มีนะ
แต่ว่าบางที่ผมเองเคยไปแล้ว และจังหวัดในภาคเหนือผมเหลือตัวเลือกอยู่ไม่กี่จังหวัดเท่านั้น
ทำให้ลำพูนคือจุดหมายที่ตอบโจทย์ที่สุดในการตอบสนองความต้องการของผม
ถึงเวลาแล้วที่ผมจะพาทุกคนไปทัวร์เมืองลำพูนกัน ไปครับ !!!!!!
เริ่มต้นกันที่หมอชิต 2 สำหรับการเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ จ. ลำพูน นั้น ผมนั่งรถทัวร์โดยบริษัท ขนส่ง จำกัด
ซึ่ง มีเพียงวันละ 2 เที่ยวเท่านั้น คือ รอบเวลา 20.00 น. และ 20.45 น. ซึ่งผมจะขอแนะนำให้นั่งรอบ 20.00 น.
เพราะรถจะมุ่งหน้าไปยังตัวเมืองเลย ส่วนรอบ 20.45 น. นั้น จะไปทาง อ. ลี้ ซึ่งค่อนข้างใช้เวลานานกว่าปกติ
แต่จริงๆ แล้วยังมีของบริษัทอื่นๆ อย่าง สมบัติทัวร์ ซึ่งวิ่งวันละรอบ หรือใครจะหาเพิ่มเติมก็มีบริษัทอื่นอีกก็ได้
*** อ่านตรงนี้ให้ดี ***
การมาเที่ยวลำพูนนั้น มีหลายวิธี ดังนี้
1. นั่งรถทัวร์ รถไฟ เครื่องบิน ไปลง จ. เชียงใหม่ แล้วหารถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์เช่า แล้วมาเที่ยว จ. ลำพูน
ข้อดี คือ เที่ยวสถานที่ไกลจากตัวเมืองได้ และปลอดภัยกว่า
ข้อเสีย คือ งบเพิ่มขึ้น
2. นั่งรถทัวร์ หรือ รถไฟ มาลง จ. ลำพูน แล้วเช่าจักรยานปั่นเที่ยวในเมือง
ข้อดี คือ ถูก หาที่จอดง่าย
ข้อเสีย คือ - เหมาะสำหรับเที่ยวแค่ในเมือง - ถนนไม่ค่อยเหมาะสำหรับการปั่นจักรยาน - เพราะไม่มีเลนจักรยาน - หมาในซอยไม่ค่อยน่าไว้ใจ ไม่เหมาะสำหรับคนกลัวหมา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมใช้วิธีที่ 2 ครับ เพราะ ตอนหาข้อมูลไม่เจอรีวิวด้วยวิธีนี้ เลยลองเสี่ยงดู แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร เพราะ ต้องการความสโลว์ไลฟ์ 5555
จาก หมอชิต 2 ผมมาถึง สถานีขนส่งจังหวัดลำพูน เกือบ 10 โมง ช้ากว่าที่ควรจะเป็นประมาณ 2 โมง เพราะรถทัวร์มีปัญหาตั้งแต่ออกจาก กรุงเทพฯ แต่ถ้าเป็นไปตามกำหนดการจริงๆ ก็จะต้องมาถึงประมาณ 7 โมง
เมื่อผมมาถึงยังสถานีขนส่ง พี่เจ้าของร้านเช่าจักรยานก็ขับรถมารับผมที่ขนส่ง และพาไปยังบ้านพี่เขา พี่เขาบอกเปิดเช่าจักรยานทำเล่นๆ ขำๆ 555
อัตราค่าบริการคือ วันละ 100 บาท มัดจำ 1,000 บาท
จริงๆ ก็มีถูกกว่านี้แหละ แต่ก็ยังตัดสินใจเลือกร้านพี่เขา และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะพี่เขาดูเอาใจใส่ เหมือนผมเป็นญาติเขาคนนึงเลย
เมื่อได้จักรยานคู่ใจแล้ว ผมก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรมทันที ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลเพื่อที่จะขอเขาเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว และฝากกระเป๋าไว้ก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลาเชคอิน แต่ด้วยความที่พนักงานบริหารจัดการได้อย่างน่าประทับใจมาก เคลียร์ห้องให้แล้วให้ผมเข้าเชคอินได้เลย ทำเอาผมอึ้งเลยไม่เคยเจอที่ไหนให้ผมเชคอินก่อนเที่ยง ผมขอแนะนำเลยไม่ได้สปอนเซอร์แต่อย่างใดด้วย
" อีซี่โฮเทล 1 ลำพูน | Easy Hotel 1 Lamphun "ความประทับใจของที่นี่คือ ห้องค่อนข้างใหม่ สะอาด ทำเลดี ไม่ไกลจากวัดพระธาตุฯ และพนักงานบริการดีมาก มีจักรยานให้ยืมด้วยนะ
จบเรื่องการเดินทาง และที่พักกันไปแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาออกสำรวจนครหริภุญชัยกันแล้วล่ะ
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ เก็บข้าวของเรียบร้อย ท้องก็เริ่มโวยวายเพราะยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย ที่แรกที่ผมจะไปก็คงหนีไม่พ้นร้านอาหาร และจากการหาข้อมูลมา เมนูที่เลื่องลือก็คือ ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำไย (เวียงยอง) ที่เป็นการฟิวชั่นระหว่าง ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น กับ ลำไย ผลไม้ประจำจังหวัดลำพูน
รูปร่างหน้าตาก็อย่างที่เห็น ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ถ่ายเนื้อลำไยในก๋วยเตี๋ยวมา ซึ่งจุดเด่นจองเมนูนี้ก็คือ เนื้อลำไยที่ถูกใส่ลงไปในก๋วยเตี๋ยว รสชาติก็จะหวานๆ แต่ความหอมของลำไยจะไม่เท่าลำไยสดๆ โดยรวมถือว่าแปลกดี ส่วนรสชาติก็ทั่วๆ ไปตามแบบฉบับก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น
เมนูอื่นๆ ก็จะมีอีกมากมาย เช่น ข้าวซอย ขนมจีบ กาแฟ และมีอาหารอื่นหลากหลายให้เลือกทานเลยแหละ
อิ่มท้องกับการกินของคาว แต่หากไม่กินของหวานเขาว่าสันดานไพร่ ผมก็เลยปั่นจักรยานจากร้านก๋วยเตี๋ยวมุ่งหน้าไปยังวัดพระธาตุหริภุญชัยที่มีร้านเฉาก๊วยอยู่ร้านนึงที่เขาว่าอร่อยมาก
ร้านนี้มีชื่อว่า เฉาก๊วยมุกดา ซึ่งร้านอยู่ในบริเวณวัดพระธาตุหริภุญชัยเลย ใกล้ๆ กับที่ขายตั๋วรถราง ราคานั้นแก้วนี้อยู่ที่ 40 บาท และเอกลักษณ์ของร้านนี้อย่างนึงคือ การจ่ายเงิน ที่ต้องเอาเงินใส่ตะกร้าที่เคาน์เตอร์ แล้วทอนเงินเองเลย
ส่วนตัวน้ำเฉาก๊วยนั้นค่อนข้างหอม หวานมัน และเฉาก๊วยก็เหนียวหนึบเคี้ยวอร่อยมาก กินแล้วสดชื่นพร้อมลุยต่อได้เลย
สำหรับแพลนการเที่ยวของผมนั้น คือ การนั่งรถรางเที่ยวรอบเมือง รถรางจะมีวันละ 2 รอบเท่านั้น คือ รอบ 9.30 น. และรอบบ่ายก็ 13.30 น.
แต่ว่า ณ ตอนนั้นพึ่งจะเที่ยงเศษก็เลยเข้าไปกราบขอพรพระธาตุหริภุญชัยก่อน แล้วสักประมาณบ่ายโมงค่อยเดินออกมาซื้อตั๋ว
ไปติดตามต่อในความเห็นต่อไปได้เลยครับ >>>>
[CR] ไหว้พระขอพร กินนอน นครหริภุญชัย (ลำพูน)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้