คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
เราที่เป็นแแฟนวอลเลย์บอลรุ่นพี่ ไม่เคยกล่าวว่ารุ่นพี่และยอมรับแต่โดยดีว่ามันหมดยุคเซียนแล้วจริงๆ
เราโดยส่วนตัวเราแบ่งยุคของวอลเลย์บอลชุดนี้เป็น3ยุค
1.ยุคกัปตันกิ๊ฟ
2.ยุคกัปตันหน่อง
3.ยุคกัปตันนุช
1.ยุคกัปตันกิ๊ฟ ยุคแห่งการเริ่มต้นและความสำเร็จ
จากยุคที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ด้วยความมุ่งมั่นขยันฝึกซ้อม รวมถึง พรสวรรค์ พรแสวง ของโค้ชและเด็กกลุ่มๆหนึ่ง มาสู่ยุคที่เป็นที่ยอมรับในทีมในระดับโลก มีการเล่นสไตล์ของตัวเอง ทุกคนต่างพึ่งพากันและกันได้ เข้าใจกันโดยแท้ ที่สำคัญคือทุกคนพึ่งพาตัวเองได้ จนเกิดการปรากฎของเหล่าเซียนทั้ง7ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทย แฟนๆวอลเลย์บอลและกับตัวพวกเธอเอง
2.ยุคกัปตันหน่อง ยุคของการผลัดใบอย่างแท้จริง
เมื่อจบคัดโอลิมปิก2016 เห็นได้ชัดว่าเริ่มเข้าสู่ยุคผลัดใบ พี่ๆบางคนได้ลดบทบาทลงและน้องๆได้ขึ้นมายืนเป็นตัวหลักแทน โดยมีรุ่นพี่ประคองน้องๆในสนาม2-3คน หลักๆเลยก็มีกัปตันหน่องที่ยืนประคองและรุ่นพี่คนอื่นเวียนเปลี่ยนไป ได้เห็นพี่ๆประคองโดยการพยายามถ่ายทอดคอยสอนสุดความสามารถที่มี น้องๆก็มุ่งเรียนรู้และสู้ด้วยความสดใหม่
เป็นช่วงที่เชียร์แล้วมีความสุขมากแม้จะแพ้ ในยุคนี้มีหลายๆแมชต์ลายๆทัวร์นาเมนต์ที่ประทับใจมากๆ ที่สุดของที่สุดคือชิงแชมป์โลก2018 เห็นการผสมผสานที่ลงตัวที่สุดของรุ่นพี่และรุ่นน้องตั้งแต่การรวมตัวกันมาตั้งแต่2016 มันส่งผลตอนนี้เนี้ยล่ะ
มีหลายๆนัดที่กลับไปดูบ่อยๆ โดยเฉพาะนัดรัสเซียกับนัดอเมริกา แม้ผลจะแพ้แต่ได้ใจมาก มันส์สุดๆ ฮึกเหิมมาก ซึ่งไลน์อัพยุคนี้ในใจสำหรับเราคือ หน่อง พู่ แนน/เตย เพียว บิ๋ม/กิ๊ฟ บีม/ปู แป้น
และถ้ามองย้อนกลับไปยุคกัปตันหน่องเป็นช่วงที่วอลเลย์บอลหญิงไทยสร้างสถิติใหม่ๆเยอะมากๆ เยอะกว่ายุคเซียนลงครบ7คนอีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3.ยุคกัปตันนุช ยุคลองทีมเพื่อไปสู่โอลิมปิก...
ตั้งแต่ปีที่แล้วจนมาถึงตอนนี้ สัมผัสได้ถึงการเล่นที่เปลี่ยนไปไม่นิ่ง แม้จะมีเหตุผลที่ว่าลองทีม
ถ้าพูดตรงๆคือเป็นช่วงที่เราดูวอลเลย์ไม่จอยเท่าที่ควร ดูแล้วรู้สึกสงสารนักกีฬา เห็นได้ชัดว่านักกีฬารุ่นพี่เริ่มโรยราและรุ่นน้องที่พร้อมใจกันเจ็บไม่สมบูรณ์มารบกวนตลอด
เป็นช่วงที่ทีมเปลี่ยนจาก2018ไปมากจนงง ทีมไม่นิ่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เหมือนย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มจับจุดไม่ได้ทั้งๆที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจากชชล2018แม้จะมีเหตุผลที่ว่าลองทีม เรียกฟอร์มรุ่นพี่ เป็นแผน กั๊กไว้กลัวโดนสเก๊าส์ แต่ผลท้ายที่สุดที่ต้องยอมรับก็คือว่ามันไม่ได้จริงๆไม่ใช่แผนหรืออะไรหรอก
จากนี้ไปคงถึงยุคใหม่โดยน้องๆเป็นผู้เดินเอง ยืนด้วยตัวเองโดยไม่มีพี่ๆประคองได้แล้วหรือเอาพี่ติดทีมไป2คน น้องๆเล่นไปล้มลุกเอง เล่นไม่ได้ค่อยให้พี่1ใน2ลงเปลี่ยนเกมส์
ส่วนเรื่องโค้ช เราใช้โค้ชไทยมาจะ20ปีมันก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปมากจากจุดเดิมเลย อยากให้ลองอะไรใหม่ๆลองโค้ชนอกดูเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแน่ๆดีกว่ามั้ย
เราโดยส่วนตัวเราแบ่งยุคของวอลเลย์บอลชุดนี้เป็น3ยุค
1.ยุคกัปตันกิ๊ฟ
2.ยุคกัปตันหน่อง
3.ยุคกัปตันนุช
1.ยุคกัปตันกิ๊ฟ ยุคแห่งการเริ่มต้นและความสำเร็จ
จากยุคที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ด้วยความมุ่งมั่นขยันฝึกซ้อม รวมถึง พรสวรรค์ พรแสวง ของโค้ชและเด็กกลุ่มๆหนึ่ง มาสู่ยุคที่เป็นที่ยอมรับในทีมในระดับโลก มีการเล่นสไตล์ของตัวเอง ทุกคนต่างพึ่งพากันและกันได้ เข้าใจกันโดยแท้ ที่สำคัญคือทุกคนพึ่งพาตัวเองได้ จนเกิดการปรากฎของเหล่าเซียนทั้ง7ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทย แฟนๆวอลเลย์บอลและกับตัวพวกเธอเอง
2.ยุคกัปตันหน่อง ยุคของการผลัดใบอย่างแท้จริง
เมื่อจบคัดโอลิมปิก2016 เห็นได้ชัดว่าเริ่มเข้าสู่ยุคผลัดใบ พี่ๆบางคนได้ลดบทบาทลงและน้องๆได้ขึ้นมายืนเป็นตัวหลักแทน โดยมีรุ่นพี่ประคองน้องๆในสนาม2-3คน หลักๆเลยก็มีกัปตันหน่องที่ยืนประคองและรุ่นพี่คนอื่นเวียนเปลี่ยนไป ได้เห็นพี่ๆประคองโดยการพยายามถ่ายทอดคอยสอนสุดความสามารถที่มี น้องๆก็มุ่งเรียนรู้และสู้ด้วยความสดใหม่
เป็นช่วงที่เชียร์แล้วมีความสุขมากแม้จะแพ้ ในยุคนี้มีหลายๆแมชต์ลายๆทัวร์นาเมนต์ที่ประทับใจมากๆ ที่สุดของที่สุดคือชิงแชมป์โลก2018 เห็นการผสมผสานที่ลงตัวที่สุดของรุ่นพี่และรุ่นน้องตั้งแต่การรวมตัวกันมาตั้งแต่2016 มันส่งผลตอนนี้เนี้ยล่ะ
มีหลายๆนัดที่กลับไปดูบ่อยๆ โดยเฉพาะนัดรัสเซียกับนัดอเมริกา แม้ผลจะแพ้แต่ได้ใจมาก มันส์สุดๆ ฮึกเหิมมาก ซึ่งไลน์อัพยุคนี้ในใจสำหรับเราคือ หน่อง พู่ แนน/เตย เพียว บิ๋ม/กิ๊ฟ บีม/ปู แป้น
และถ้ามองย้อนกลับไปยุคกัปตันหน่องเป็นช่วงที่วอลเลย์บอลหญิงไทยสร้างสถิติใหม่ๆเยอะมากๆ เยอะกว่ายุคเซียนลงครบ7คนอีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3.ยุคกัปตันนุช ยุคลองทีมเพื่อไปสู่โอลิมปิก...
ตั้งแต่ปีที่แล้วจนมาถึงตอนนี้ สัมผัสได้ถึงการเล่นที่เปลี่ยนไปไม่นิ่ง แม้จะมีเหตุผลที่ว่าลองทีม
ถ้าพูดตรงๆคือเป็นช่วงที่เราดูวอลเลย์ไม่จอยเท่าที่ควร ดูแล้วรู้สึกสงสารนักกีฬา เห็นได้ชัดว่านักกีฬารุ่นพี่เริ่มโรยราและรุ่นน้องที่พร้อมใจกันเจ็บไม่สมบูรณ์มารบกวนตลอด
เป็นช่วงที่ทีมเปลี่ยนจาก2018ไปมากจนงง ทีมไม่นิ่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เหมือนย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มจับจุดไม่ได้ทั้งๆที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจากชชล2018แม้จะมีเหตุผลที่ว่าลองทีม เรียกฟอร์มรุ่นพี่ เป็นแผน กั๊กไว้กลัวโดนสเก๊าส์ แต่ผลท้ายที่สุดที่ต้องยอมรับก็คือว่ามันไม่ได้จริงๆไม่ใช่แผนหรืออะไรหรอก
จากนี้ไปคงถึงยุคใหม่โดยน้องๆเป็นผู้เดินเอง ยืนด้วยตัวเองโดยไม่มีพี่ๆประคองได้แล้วหรือเอาพี่ติดทีมไป2คน น้องๆเล่นไปล้มลุกเอง เล่นไม่ได้ค่อยให้พี่1ใน2ลงเปลี่ยนเกมส์
ส่วนเรื่องโค้ช เราใช้โค้ชไทยมาจะ20ปีมันก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปมากจากจุดเดิมเลย อยากให้ลองอะไรใหม่ๆลองโค้ชนอกดูเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแน่ๆดีกว่ามั้ย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
โค้ชก็กดดันนะ ถ้าให้รุ่นน้องลงหมด ไม่มีรุ่นพี่ประกบ ถ้าเกิดแพ้ 5 สนามรวด คงโดนด่าเละ
ฝีมือนักกีฬาก็ส่วนนึง ต้องยอมรับเรายืนอยู่ได้แค่ในระดับเอเชียเพราะติดส่วนสูง ความได้เปรียบในระดับโลกไม่มีเลย
แต่กึ๋นของโค้ชไทย ยังไงก็คิดทำแบบไทยๆ คิดเอง เรียนรู้เอง แต่ไม่เคยเปิดโลกทัศน์ว่าโค้ชระดับโลกเขาสร้าง นกฬ พัฒนาระบบทีมยังไง
จิตวิทยาทีมโค้ชด่วนก็อ่อนมาก ทำให้ นกฬ เครียดตลอดเวลา ไม่เหมาะการเป็นเฮดโค้ช
ฝีมือนักกีฬาก็ส่วนนึง ต้องยอมรับเรายืนอยู่ได้แค่ในระดับเอเชียเพราะติดส่วนสูง ความได้เปรียบในระดับโลกไม่มีเลย
แต่กึ๋นของโค้ชไทย ยังไงก็คิดทำแบบไทยๆ คิดเอง เรียนรู้เอง แต่ไม่เคยเปิดโลกทัศน์ว่าโค้ชระดับโลกเขาสร้าง นกฬ พัฒนาระบบทีมยังไง
จิตวิทยาทีมโค้ชด่วนก็อ่อนมาก ทำให้ นกฬ เครียดตลอดเวลา ไม่เหมาะการเป็นเฮดโค้ช
ความคิดเห็นที่ 1
อ่านมาหลายกระทู้แล้ว ทำไมถึงคิดกันว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงล่ะคะ
อย่างน้อย นักกีฬาน่าจะเปลี่ยนแน่ๆ คิดว่าอะไรเหรอคะที่จะดึงดูดให้พวกพี่ๆอยู่ต่อ เงินก็น้อยนิด ซ้อมหนักมากกก โอลิมปิกครั้งหน้าก็ไกลเกินเอื้อม ยังงัยนักกีฬาเก่าๆก็ไปแน่ๆ ขึ้นอยู่กับสมาคมว่าจะดึงไว้รึป่าวแค่นั้น
ส่วนเรื่องโค้ช อยากให้เปลี่ยนเป็นต่างชาติมาก ถ้าใช้วิธีเดิมๆ ผลลัพธ์ก็คงจะเดิมๆ แต่อาจจะต้องอธิษฐานเอา แหะๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เชียร์มาตลอดก็ยังจะเชียร์ต่อไปค่ะ
อย่างน้อย นักกีฬาน่าจะเปลี่ยนแน่ๆ คิดว่าอะไรเหรอคะที่จะดึงดูดให้พวกพี่ๆอยู่ต่อ เงินก็น้อยนิด ซ้อมหนักมากกก โอลิมปิกครั้งหน้าก็ไกลเกินเอื้อม ยังงัยนักกีฬาเก่าๆก็ไปแน่ๆ ขึ้นอยู่กับสมาคมว่าจะดึงไว้รึป่าวแค่นั้น
ส่วนเรื่องโค้ช อยากให้เปลี่ยนเป็นต่างชาติมาก ถ้าใช้วิธีเดิมๆ ผลลัพธ์ก็คงจะเดิมๆ แต่อาจจะต้องอธิษฐานเอา แหะๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เชียร์มาตลอดก็ยังจะเชียร์ต่อไปค่ะ
แสดงความคิดเห็น
สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับสมาคม โค้ชด่วน และนักวอลเลย์หญิงไทยรุ่นเซียน
- โค้ชด่วนจริงๆคิดว่าแกไม่ค่อยอยากรับบทบาทเฮ็ดโค้ชทีมชาติ ดูแกก็รู้อยู่ว่าแกชอบทำเบื้องหลังมากกว่า เพราะเคยลาออกมาแล้ว แต่ที่รั้งไว้คือสมาคม ไม่รู้ว่าไม่อยากให้คนนอกมาเป็นเพราะอะไร ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากจ้างเพราะค่าจ้างแพงกว่า หรือ....
- ที่โค้ชให้เหล่าเซียนลงนัดชิงก็ไม่แปลกใจเท่าไร โค้ชอาจเกรงใจ และไม่อยากให้ค้างคาใจลงไปแข่งเองเลย เพราะถ้าน้องลงไปแข่งเองแล้วทำพลาดจะเป็นปมในใจของทั้งรุ่นน้องและพี่ๆ เห็นได้ชัดว่าเพียวไม่ค่อยมั่นใจ/ไม่ค่อยอยากจะลงเพราะเคยทำพลาดมาครั้งก่อนคงยังฝังใจอยู่บ้าง ทั้งที่นัดกับไต้หวันเพียวก็เล่นได้ดี
- เอาจริงๆเราอาจจะคิดไม่เหมือนคนอื่น อะไรเดิมๆเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่น่าติดตามกว่า การได้เห็นน้องๆใหม่ๆสามารถขึ้นทำแต้มได้แต่ละครั้ง แล้วแสดงความดีใจด้วยความมั่นใจแม้ว่าแมตช์นั้นจะแพ้หลุดรุ่ย เป็นสิ่งที่น่าชื่นใจกว่าการขนรุ่นพี่ลงทุกนัดเพื่อชัยชนะ แม้ว่านัดนั้นๆจะไม่ได้มีผลกับอันดับโลกเลยสักนิด เช่น vnl ทั้ง2ปีที่ผ่านมา หรือ montreux masters มันควรเป็นเวทีให้เด็กๆได้ล้มลุกคลุกคลานเองบ้าง ควรให้เด็กๆเล่นเป็นหลัก (เบื่อแค่ติดปัญหาสปอนเซอร์อย่างเดียว)
*******อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงก้าวพัฒนาไปสู่อนาคต ไม่ใช่จมปลักอยู่กับอดีต เริ่มที่ VNL ปีนี้เถอะ มันยังไม่สายเกินไป************