[SR] รีวิวเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dibea รุ่น F20 เครื่องดูดฝุ่นราคาไม่แพงที่น่ามีไว้ใช้งาน

ผมได้รับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายยี่ห้อ Dibea รุ่น F20 และได้ลองใช้อยู่ 3-4 วัน ซึ่งยี่ห้อ Dibea เป็นหนึ่งในแบรนด์ของบริษัท Autobot ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดูดฝุ่นและหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยี่ห้อ Autobot, Neato, Ticwatch และ Dibea ซึ่งผมเคยได้ยินชื่อแค่ 2 ยี่ห้อแรก เพราะเมื่อ 2 ปีก่อนได้มองหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาลองใช้ ก็เลยได้รู้จักกับ 2 ยี่ห้อนั้น ส่วนยี่ห้อ Dibea ยังไม่เคยได้ยิน จึงไปลองค้นหาข้อมูลและเจอว่า ยี่ห้อ Dibea มีสินค้าทั้งหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

เปิดกล่องออกมาดู จะเห็นอุปกรณ์ตามภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ลักษณะเหมือนปืน
- ท่อต่อยาว
- หัวขนาดใหญ่พร้อมล้อหมุน สำหรับใช้กับพื้นที่ทั่วไป เช่น พื้นกระเบื้อง ปาร์เก้ ลามิเนต
- หัวขนาดย่อมลงมาหน่อย พร้อมล้อหมุนแบบมีขนแปรง ตามข้อมูลที่หามาบอกว่าใช้กับพื้นที่เช่น เตียง โซฟา
- หัวแปรงขนาดเล็ก สามารถปรับใช้ได้ 2 แบบ เป็นแบบใช้แปรงกับไม่ใช้แปรง
- หัวแบบท่อแบน สำหรับใช้ดูดตามซอกต่างๆ
- แผ่นกรองอากาศสำรอง 1 ชิ้น (มีติดมากับเครื่องแล้วชิ้นนึง)
- สายชาร์ตไฟ
- อุปกรณ์สำหรับยึดผนังเพื่อแขวนเครื่องดูดฝุ่น
- คู่มือภาษาอังกฤษ


รูปหัวแปรงขนาดใหญ่ ด้านบน และ ด้านล่าง
จะเป็นแกนหมุน ซึ่งจะหมุนขณะที่เปิดเครื่องเพื่อทำงาน และจะมีล้อเล็กๆและล้อใหญ่อย่างละคู่ ช่วยให้ไม่ต้องออกแรงมากขณะใช้งาน ด้านหน้าจะมีไฟส่องสว่างเมื่อเปิดเครื่องทำงาน


รูปหัวแปรงขนาดกลาง ด้านบน และ ล่าง


รูปหัวแปรงขนาดเล็ก สามารถใช้ได้ 2 แบบคือ แบบมีหัวแปรง และ แบบไม่มีหัวแปรง


สเป็คเครื่องที่ได้จากในคู่มือ
- กำลังเครื่อง 400 วัตต์
- แบตเตอรี่ Li-ion 2000mAh 29.6V
- ใช้เวลาชาร์ตไฟ 2-3 ชั่วโมง
- ระดับเสียง 75 เดซิเบล (ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นระดับเสียงดังสุดเมื่อเปิดเครื่องแรงสุด)
- น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม
- ถังบรรจุฝุ่น 0.5 ลิตร

ส่วนที่ผมไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติม เครื่องนี้สามารถปรับระดับความแรงได้ 3 ระดับ
1. ระดับมาตรฐาน ให้กำลังดูดที่ 7,000 PA เหมาะสำหรับดูดฝุ่นผง เส้นผม ขนแมว ไฟท้ายเครื่องจะแสดงเป็นสีฟ้า ใช้งานได้ 50-60 นาที
2. ระดับกลาง ให้กำลังดูดที่ 13,000 PA เหมาะสำหรับดูดเศษอาหาร เศษชนมชิ้นเล็กๆ ไฟท้ายเครื่องจะแสดงเป็นสีม่วง ใช้งานได้ 25-30 นาที
3. ระดับแรง ให้กำลังดูดที่ 25,000 PA เหมาะสำหรับดูดถั่ว ลูกอม ฝุ่นชิ้นใหญ่ ไฟท้ายเครื่องจะแสดงเป็นสีแดง ใช้งานได้ 8-10 นาที


หลังชาร์ตไฟเต็ม ก็ลองประกอบเครื่องกับท่อและหัวแปรงขนาดใหญ่ การประกอบไม่ยาก แค่ต่อให้คลิ๊กลงล็อคก็ใช้งานได้ 
วัดความยาวได้ประมาณ 115 เซ็นติเมตร ขนาดกำลังพอดี (ผมสูง 172 เซ็นติเมตร)
 
ลองจับแล้ว ค่อนข้างถนัดมือ ปุ่มเปิด-ปิดเหมือนไกปืน ส่วนท้ายเครื่องมีปุ่ม +/- ใช้ปรับความแรงระดับ 1-3 แต่เนื่องจากมือผมใหญ่ การจับให้ถนัดจึงต้องจับแบบลักษณะถือปืน (รูปทางซ้าย) ซึ่งถ้าจับแบบเต็มมือ (รูปทางขวา) นิ้วจะเบียดกันนิดหน่อย แต่การควบคุมเครื่อง แม้จะจับแบบถือปืนก็ยังควบคุมได้ง่ายเพราะตามที่บอกไว้ข้างต้นว่า เมื่อเครื่องทำงาน แกนล้อแปรงผ้าจะทำงาน ประกอบกับมีล้อช่วยอีก 4 ล้อ ทำให้ควบคุมง่าย ไม่ต้องออกแรงเยอะ


เมื่อเปิดเครื่องและประกอบกับหัวแปรงขนาดใหญ่ จะมีไฟส่องสว่างที่ด้านหน้าหัวแปรง


ลองเอาไปดูดใต้ลู่วิ่งออกกำลังกายก็เข้าไปสบายครับ


ผมลองแบบใช้ความแรงสูงสุด เสียงดังปกติพอๆกับเครื่องดูดฝุ่นมีสายที่มีใช้อยู่ตัวนึง และลองจับเวลาใช้จนแบตเตอรี่หมด ปรากฎว่าทำงานได้ราวๆ 10 นาที ทำงานได้พื้นที่ราวๆ 30 ตารางเมตร หลังจากนั้นก็เสียบชาร์ตไฟให้เต็มเพื่อที่จะได้ลองใช้ความแรงมาตรฐานดู

หลังจากแบตเตอรี่เต็ม ก็เอามาดูดพื้นที่ที่เหลือ คราวนี้เปิดระดับมาตรฐาน แล้วลองดูดกระดาษที่หลุดออกมาจากที่ลับเล็บแมว และใกล้ๆกันก็มีอาหารเม็ดและทรายแมวกระเด็นมาอยู่ไม่ห่างกันมาก (อาหารเม็ดกับทรายแมวลืมถ่ายรูปมา) แค่ระดับมาตรฐานก็สามารถดูดขึ้นมาได้หมด (รอยจุดดำๆ 3-4 จุดในรูปล่างเป็นรอยพื้นเลอะนะครับ ต้องเอาผ้ามาถูถึงจะออก) ดังนั้นในความรู้สึกผมคิดว่า แค่ระดับมาตรฐานก็สามารถทำงานได้เพียงพอแล้ว เพราะหลังจากดูดพื้นแล้ว ลองเดินเท้าเปล่าดูก็รู้สึกไม่มีฝุ่นติดฝ่าเท้า และตามข้อมูลที่หามาได้ ระดับมาตรฐานจะสามารถทำงานได้ราวๆ 1 ชั่วโมง ซึ่งพื้นที่บ้านผมชั้นล่าง (หลังหักเฟอร์นิเจอร์ต่างๆแล้ว) ราวๆ 82 ตารางเมตร ใช้เครื่อง F20 นี่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เก็บเรียบได้ทั้งหมดแล้ว


ต่อไปผมลองเอามาใช้ดูดพื้นขั้นบันได ขนาดกำลังดี และการมีไฟส่องทำให้มองเห็นฝุ่นที่อยู่ในจุดที่แสงสว่างอาจไม่พอที่จะทำให้มองเห็น และก่อนหน้านี้ผมใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายไฟปกติ รู้สึกยุ่งยากมาก เพราะใกล้ๆบันไดไม่มีปลั๊กไฟ ก็จะยุ่งยากในการลากสายไฟพอควร พอมาใช้แบบไร้สาย รู้สึกคล่องตัวและง่ายขึ้นเยอะ


จากนั้นก็เอามาลองดูดในรถยนต์ ใช้หัวแบบท่อแบนๆ เข้าตามซอกและขอบได้ดี และด้วยลมทางช่องออกไม่แรงจนเกินไป เมื่อเทียบกับที่ผมเคยใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสาย ทำให้เข้าไปใช้งานได้สะดวกสบายกว่า


ส่วนหัวแปรงขนาดกลาง ผมเอามาลองดูดที่นอน หลังจากทำความสะอาดกล่องเก็บฝุ่นแล้ว เพื่อจะดูว่าจะดูดฝุ่นออกมาได้มากน้อยแค่ไหน ผมใช้ความแรงระดับกลาง หลังจากทำเสร็จ สังเกตเห็นมีฝุ่นออกมาบ้างแต่ไม่เยอะ (เคยไปเห็นในรีวิวของคนอื่นฝุ่นออกมาเยอะมาก) เลยมาลองวิเคราะห์ดูน่าจะมาจากปัจจัย 2-3 อย่างที่ทำให้ไม่เห็นฝุ่นออกมาเยอะคือ ผมดูดจากที่นอนโดยตรง ในขณะที่รีวิวที่ผมเห็น เค้าดูดผ้าปูที่นอน, ที่นอนผมมีผ้าพลาสติกกันไว้ชั้นนึง กันแมวขึ้นไปฉี่ใส่ที่นอน และ ผ้าปูที่นอนผมซักกับเครื่องแบบมีน้ำร้อน และตอนอบผ้า ฝุ่นผ้าก็ถูกเครื่องอบดึงออกไปด้วย เลยน่าจะทำให้ที่นอนผมมีฝุ่นไม่เยอะ


ส่วนหัวแปรงเล็กอันที่ปรับได้ 2 แบบ ผมไม่ได้ลองใช้ เพราะไม่รู้จะไปลองกับอะไร

ในส่วนของกระบอกเก็บฝุ่น สามารถถอดออกมาได้ทั้งหมด แยกออกเป็น 4 ชิ้น สามารถล้างน้ำได้ทั้งหมด


หลังจากมานั่งไล่ดู บ้านผมแค่ 2 ชั้น พื้นที่ 120/100 ตรม. (ชั้นล่าง/ชั้นบน) แต่มีเครื่องดูดฝุ่นถึง 6 ตัว!!! เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น 2 ตัวใช้ชั้นบนกับล่างอย่างละตัว, เครื่องดูดฝุ่นมีสายแบบทั่วๆไป, เครื่องดูดฝุ่นแบบไอน้ำร้อน, เครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กแบบมือถือ, และได้เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย F20 มาเพิ่มอีกตัว

จากการได้ลองใช้เจ้า F20 มา 2-3 วัน ผมคงตัดเครื่องดูดฝุ่นในบ้านเหลือแค่ 3 ตัวก็พอคือ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น 2 ตัวและเจ้า F20 ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว ที่เหลือเกินความจำเป็น

สรุปตามความเห็นของผม สำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย F20 นี้ ผมว่าเหมาะสำหรับบ้านหลังไม่ใหญ่มาก ขนาดพื้นที่ต่อชั้นไม่เกินซัก 100 ตารางเมตร (หลังหักพื้นที่วางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆออก) และน่าจะเหมาะมากสำหรับคอนโด อพาร์ตเม้นท์ ห้องเช่า ขนาดไม่ใหญ่

การใช้งาน แค่ความแรงระดับมาตรฐาน ด้วยแรงดูด 7,000 PA และการใช้งานได้ราวๆ 1 ชั่วโมง ก็เพียงพอแล้วสำหรับพื้นที่ไม่เกิน 100 ตารางเมตร และสำหรับคอนโดสมัยนี้ ขนาดพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ราวๆ 30-35 ตารางเมตร หรือเต็มที่ก็ 50-60 ตารางเมตร ถ้าอยากได้ความแรงเพิ่มที่ระดับกลางที่ได้ความแรง 13,000 PA ก็ใช้งานได้ราวๆ 25-30 นาทีได้สบายๆ
 
แผ่นกรองอากาศจากการไปหาข้อมูลมาเพิ่ม เป็นแบบ Cotton Filter H10 ซึ่งสามารถล้างน้ำได้ 

แบตเตอรี่สามารถชาร์ตได้ราวๆ 500 ครั้ง ถ้าใช้งานวันละครั้งจนแบตหมด ก็ได้เกือบปีครึ่ง (แต่ผมน่าจะไม่ได้ใช้งานทุกวัน แบตน่าจะอยู่ยาวๆไปได้เกือบ 2 ปี)

ในส่วนของการชาร์ตแบต จะเห็นว่าเป็นแบบสายเสียบชาร์ต ซึ่งบางยี่ห้อผมเห็นเป็นแบบที่แขวนติดผนังแล้วมีขั้วชาร์ตตอนแขวน แต่ในมุมมองของผม การเสียบสายชาร์ตแบบนี้มีข้อดีสำหรับคนที่ไม่อยากเจาะผนังบ้านเพื่อแขวนเครื่อง และยิ่งถ้าเป็นคนที่เช่าหอพักหรืออพาร์ตเม้นท์ เรื่องการเจาะผนังมันจะทำให้โดนค่าปรับตอนย้ายออก 

รูปด้านล่างเป็นชั้นวางพื้นสำหรับแขวน ในความเห็นของผม ผมว่าใช้แขวนแบบนี่สะดวกดี หากวันไหนจะจัดห้องใหม่แล้วย้ายที่วางก็ทำได้ง่ายกว่าแบบที่แขวนที่ต้องเจาะผนัง (ตอนนี้ผมวางชั่วคราวไว้หน้าห้องน้ำกับหน้าห้องเก็บของใต้บันไดเพราะยังไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหนดี)


สำหรับรีวิวนี้ก็จบเพียงเท่านี้ครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นไร้สายมาใช้งาน ถ้ามีคำถามอะไรอยากสอบถามเพิ่มเติม เรียนเชิญครับ

เพิ่มเติม :- ในเรื่องของบริการหลังการขาย เนื่องจากแบรนด์ Dibea เป็นแบรนด์ที่อยู่ในเครือของ Autobot ซึ่งผมได้ยินมาตั้งแต่หาข้อมูลเรื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเมื่อ 2 ปีก่อนจนถึงตอนนี้ว่า ศูนย์บริการดี เวลาเสียส่งซ่อมแล้วได้รับสินค้าคืนไว อะไหล่หาง่าย ดังนั้นก็สบายใจเรื่องบริการหลังการขายได้เลยครับ
ชื่อสินค้า:   (SR) รีวิวเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dibea รุ่น F20 จาก Autobot
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างแต่ได้รับผลประโยชน์อย่างอื่น เช่น บัตรกำนัล ค่าเดินทางตามจริง

    ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ได้รับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายยี่ห้อ Dibea รุ่น F20 จำนวน 1 ชุด พร้อมขาตั้งมาใช้งาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่