หลังเกมส์กับอิรัค อ.นิชิโนะและทีมชาติไทยชุด 23 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยได้เรียบร้อยแล้ว



ประวัติศาสตร์คือ
1.ทีมชาติไทยยู23 ได้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย หรือรอบน็อคเอาท์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรายการ AFC U23 หลังจากที่ทีมชาติไทยเตะที่รายการนี้มา 3 ครั้ง (2016 ตกรอบแรก,2018 ตกรอบแรก,2020 เข้ารอบ 8 ทีม,ส่วนปี 2013 ทีมชาติไทยไม่ผ่านรอบคัดเลือก)
2.ทีมชาติไทยยิงประตูในรอบแบ่งกลุ่ม 7 ลูก ซึ่งมากที่สุดใน1 ทัวร์นาเมนต์ที่ทีมชาติไทยเคยเตะในรายการนี้มา (2016 ยิงได้ 3 ลูก,2018 ยิงได้ 1 ลูก)
3.ทีมชาติไทยเสียประตูในรอบแบ่งกลุ่ม 3 ลูก ซึ่งน้อยที่สุดใน1 ทัวร์นาเมนต์ที่ทีมชาติไทยเคยเตะในรายการนี้มา (2016 เสีย 7 ลูก,2018 เสีย 7 ลูก)
4.ทีมชาติไทยมีประตูได้เสียในรอบแบ่งกลุ่มถึง +4 ซึ่งมากที่สุดใน1 ทัวร์นาเมนต์ที่ทีมชาติไทยเคยเตะในรายการนี้มา  (2016 -4 ,2018 -6)
5.ทีมชาติไทย เป็นทีมที่ 3 ในอาเซียนที่สามารถเข้ารอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จ ถัดจากเวียดนามและมาเลเซีย ปี 2018
6.นับเฉพาะทีมจากอาเซียน ทีมชาติไทยผ่านรอบด้วยแบ่งกลุ่มด้วยการยิงประตูมากที่สุด และผลต่างประตูดีที่สุด (2018 มาเลเซีย ยิง 3 ประตู -2,เวียดนาม ยิง 2 ประตู +0)
7.ทีมชาติไทย เป็นทีมเจ้าภาพประเทศที่ 2 ที่สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มในสำเร็จ นับตั้งแต่กาตาร์ เป็นเจ้าภาพรายการนี้เมื่อปี 2016 (2013 โอมาน ตกรอบแรก,2018 จีน ตกรอบแรก)
8.ทีมชาติไทย เป็นเจ้าภาพที่ยิงประตูในรอบแบ่งกลุ่มมากที่สุด รองจากกาตาร์ปี 2016 (ยิงได้ 9 ประตู)
9.ทีมชาติไทย เป็นเจ้าภาพที่เสียประตูในรอบแบ่งกลุ่มน้อยที่สุด สถิติร่วมกับ โอมานและจีน (เสีย 3 ประตูเท่ากัน)
10.ทีมชาติไทย เป็นเจ้าภาพที่มีผลต่างประตูได้เสียดีที่สุด รองจากกาตาร์ปี 2016 (+5)
11.ทีมชาติไทย เป็นทีมที่ยิงประตูในรอบแบ่งกลุ่มได้มากที่สุด เป็นอันดับที่ 4 ในประวัติศาสตร์รายการนี้ (จอร์แดน 2013 ยิง 8 ลูก,กาตาร์ 2016 ยิง 9 ลูก,เกาหลีใต้ 2016 ยิง 8 ลูก,ญี่ปุ่น 2016 ยิง 7 ลูก)
12.ทีมชาติไทย เป็นทีมที่ 16 ที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้เป็นครั้งแรกของรายการนี้ 
13.จุดโทษของ  เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ในเกมส์กับอิรัคที่ผ่านมา กลายเป็นจุดโทษที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการนี้ทันที ร่วมกับ อัคราม อาฟิฟ นักเตะกาตาร์ (นาทีที่ 6 เท่ากัน ในเกมส์ที่กาตาร์พบกับเกาหลีเหนือ ในรอบ 8 ทีม เมื่อปี 2016)
14.จุดโทษของ  เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ กลายเป็นจุดโทษลูกแรก ที่ทีมชาติไทยทำได้ในทัวร์นาเมนต์นี้
15.เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ กลายเป็นนักเตะคนแรกของทีมชาติไทย ที่สามารถยิงประตูในรอบสุดท้ายของรายการนี้ได้ถึง 2 นัด 
16.อ.นิชิโนะ กลายเป็นโค้ชคนแรกที่สามารถพาทีมชาติไทยเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ (2016 เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ตกรอบแรก, 2018 โซรัน ยานโควิช ตกรอบแรก)
17.อ.นิชิโนะ กลายเป็นโค้ชญี่ปุ่นคนที่ 3 ที่สามารถพาทีมผ่านรอบแรกได้สำเร็จ (2013 และ 2016 มาโกโตะ เทงุราโมริ,2018 ฮาจิเมะ โมริยาสุ พาทีมญี่ปุ่นเข้ารอบได้)
18.อ.นิชิโนะ กลายเป็นโค้ชคนที่ 3 ที่เป็นชาวต่างประเทศแล้วคุมทีมต่างชาติ ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ต่อจาก เฟลิกซ์ ซานเชซ บาส (คนสเปน คุมกาตาร์ผ่านรอบแรกปี 2016และ2018) และปาร์ค ซัง โฮ (คนเกาหลีใต้ คุมเวียดนามผ่านรอบแรกปี 2018)
19.ถ้านับรวมทีมชาติไทยทุกรุ่น นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทีมชาติไทย ผ่านรอบน็อกเอาส์ฟุตบอลเอเชียของ AFC ได้ 3 ปีติดต่อกันเป็นครั้งแรก (ยู 20 2018 รอบ 8 ทีม,เอเชียนคัพ 2019 ชุดใหญ่ รอบ 16 ทีม,ยู 23 2020 รอบ 8 ทีม)

อาจจะมีตกหล่นไปบ้าง ก็ต้องขออภัยด้วยครับ 
ในฐานะที่ดูบอลรายการนี้มาตั้งแต่ปี 2014 (ชื่อตอนนั้นเป็น 2013 AFC U22) ต้องบอกว่าทีมชาติไทยชุดนี้สร้างประวัติศาสตร์จริงๆ
โอเค ชุดนี้ยังไม่ได้ไปเล่นโอลิมปิกรอบสุดท้าย แต่ก็ต้องบอกว่านี่เป็นก้าวครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว ที่สามารถต่อกรกับทีมยักษ์ใหญ่ในเอเชียได้แบบไม่กลัวเลย โดยเฉพาะอิรัค เจ้าของแชมป์เมื่อปี 2013 นี่น่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์ในรอบหลายปี ที่ไทยเขี่ยยักษ์เอเชียตกรอบแรกได้สำเร็จ
เอาใจช่วยทีมชาติไทยชุดนี้กันต่อไปครับ พวกเขาจะไปโอลิมปิกหรือไม่ ขึ้นอยู่และนักเตะ โค้ช สมาคม และผู้ที่เกี่ยวข้อง
และที่สำคัญคือ กำลังใจของแฟนบอลไทยอย่างพวกเรานี่ล่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่