อึดอัดใจกับเรื่องนี้มานาน ลังเลอยู่ว่าจะตั้งกระทู้ดีไหม เพราะเคสเรื่องของเรา ถ้าตัวละครในเรื่องนี้คนใดคนหนึ่งมาอ่านเจอเข้า ต้องรู้แน่ๆ ว่าใครเป็นเจ้าของกระทู้ เพราะถ้าเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดลงไป ในประเทศไทยคงมีไม่กี่ครอบครัว (หรืออาจไม่มีเลย) แต่เนื่องจากอึดอัดใจ ไม่สามารถระบายกับใครได้ ก็ขอพื้นที่ตรงนี้ขอกำลังใจและคำปรึกษาสักนิดนึง หากใครจะด่าว่าโง่ หรือหากบางมุมมอง มีใครที่คิดว่าเราเห็นแก่ตัวมากไป ก็ขอให้ใช้วาจาสุภาพ และอย่ารุนแรง เพราะแค่เรื่องราวที่เจอ ก็รู้สึกจิตใจบอบช้ำมามากพอแล้วค่ะ
เรากับสามีอยู่ด้วยกัน มีลูกด้วยกัน 1 คน เราทั้งคู่ต่างมีลูกติดมาฝั่งละ 2 คน ก่อนหน้าจะเจอกับสามีคนนี้ เราซื้อบ้านอยู่กับลูกคนที่สอง เป็นซิงเกิ้ลมัม ทำงานผ่อนบ้านและเลี้ยงลูกเองทุกอย่าง เวลาไปทำงานก็ส่งลูกไปอยู่บ้านพี่เลี้ยง ซึ่งเป็นคนหมู่บ้านติดกัน สามีคนปัจจุบันเคยเป็นคนมีฐานะ แต่เนื่องจากไปประสบอุบัติเหตุ เลยต้องใช้เงินเพื่อรักษาตัวไปประมาณ 70 % ของทั้งหมดที่มีในตอนนั้น ส่วนอีก 30% ที่เหลือ คือบ้านเดี่ยว และรถAccord ที่ซื้อเป็นชื่อภรรยาที่อยู่ด้วยกันตอนนั้น ซึ่งเราจะขออนุญาติเรียกภรรยาคนนี้ว่าพี่บี
หลังจากที่สามีเรารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานร่วมเกือบ 2 ปี เมื่อกลับมาที่บ้านซึ่งตอนนั้นสามีอยู่กับอดีตภรรยาคือพี่บี ก็ได้มีปัญหากันทำให้ต้องเลิกรากันไป ซึ่งตอนแรกพี่บีบอกว่าจะขายบ้านและรถแล้วเอาเงินมาแบ่งกัน แต่ตอนสุดท้ายพี่บีเปลี่ยนคำพูด บอกว่ารถและบ้านเป็นชื่อของเค้า อยากได้ก็ไปฟ้องเอา (รถและบ้านสามีเป็นคนผ่อน เนื่องจากฝ่ายหญิงไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง ทำๆออกๆ และชอบไปนอนค้างบ้านเพื่อนบ่อย ถามว่าทำไมถึงเชื่อว่าของทั้งหมดสามีเป็นคนผ่อน เพราะเนื่องด้วยรายได้ของสามีที่ค่อนข้างดีมาก และตอนเราอยู่ด้วยกันกับสามีแล้ว พี่บีเคยโทรมาขอโทษกับสิ่งที่เคยทำกับสามี และตอนนั้นสามีได้เปิดแฮนด์โฟนให้เราฟัง ก็พอจะจับใจความได้ว่าเรื่องราวเป็นประมาณนั้นจริงๆ) และที่สามีใช้ชื่อภรรยาในการซื้อทรัพย์สินทุกอย่าง เนื่องจากชื่อสามียังติดเครดิตบูโรอยู่
เมื่อเลิกกับพี่บี สามีต้องย้ายออกจากบ้านเดี่ยว ทั้งๆที่ร่างกายจะเรียกได้ว่าเกือบพิการอยู่ ไปเช่าห้องเช่าห้องเล็กๆขนาดประมาณ 4X4 เมตรอยู่ กันรถคันเก่าๆอายุเกือบ 20 ปี 1 คัน
หลังจากนั้นเราก็ได้รู้จักกับสามีคนนี้ และย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านเรา และสามีก็ได้รับผิดชอบเรื่องผ่อนบ้านให้ต่อจากเรา หลังจากนั้นไม่นานเราก็ท้อง ตอนนั้นเราแพ้ท้องหนักมาก จนต้องออกจากงาน แต่เนื่องด้วยรายได้ของสามีที่เยอะของกว่าของเรา และบวกกับเราทั้งคู่ไม่ได้ใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย ทำให้ไม่ลำบากเรื่องการเงินแต่อย่างใด หลังจากอยู่ด้วยกันมา สามีก็เล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังอยู่เรื่อยๆ ทั้งเรื่องราวการใช้ชีวิต เรื่องราวความสัมพันธ์ของผู้หญิงที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต เรื่องราวการทำงาน รวมกระทั่งเรื่องราวของ"เมียเก่า" โดยเฉพาะเมียคนที่เป็นแม่ของลูกๆทั้งสองของเขา ซึ่งต่อไปนี้เราจะขออนุญาตเรียกพี่คนนี้ว่าพี่เอ
ก่อนหน้าสามีกับพี่เอเคยอยู่ด้วยกันแบบแฟนวัยรุ่นทั่วๆไป จนกระทั่งพี่เอท้อง สามีก็เลยพาไปฝากครรภ์ แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาล สามีก็ต้องตกใจ เมื่อพี่เอ มีนามสกุลเดียวกับภรรยาเก่าของเขาซึ่งเพิ่งเลิกกันมาแค่ไม่กี่เดือน ด้วยสาเหตุนี้ พี่เอเลยจะเอาเด็กออก และหลุดปากบอกกับสามีว่า เค้า"จะไม่ยอมปล่อยให้เด็กคนนี้ออกมาทำลายอนาคตของเขาเป็นอันขาด จะกลัวอะไรแค่เอาเด็กออก เพราะที่ผ่านมาที่อยู่กับแฟนเก่า ก็เคยทำแท้งมาแล้วถึง 6 ครั้ง" สามีก็ตกใจที่พี่เอพูดมาอย่างนั้น สามีเลยบอกจะรับผิดชอบเด็กคนนี้เองทุกอย่าง ให้เอาเด็กไว้ แล้วให้กลับไปเรียนปตามปกติ เพราะตอนนั้นพี่เอเรียนมหาลัยเทอมสุดท้าย พี่เอเลยยอมเก็บเด็กคนนั้นไว้ แต่ขอเลิกกับสามี เพราะมีปัญหากับทางบ้านที่รับไม่ได้ ที่มาท้องกับอดีตพี่เขย (พี่เอมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับอดีตภรรยาของสามี)
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ตัดความสัมพัธ์กันในฐานะแฟน และแยกกันอยู่ แต่สามีก็ยังทำหน้าที่พ่อของลูกตั้งแต่ตอนท้อง ยันตอนคลอด โดยการไปหาเกือบทุกวัน ตอนคลอดก็ไปดูแล คลอดเสร็จก็เอาลูกมาให้ย่าช่วยเลี้ยง ในขณะที่ตัวเองก็ยังแวะเวียนไปดูแลแทบทุกวัน พอลูกคนโตอายุได้ไม่ถึงขวบ ด้วยความเมา บวกกับความรักครอบครัว ไม่อยากเสียลูกเสียเมียไป อยากให้ทั้งคู่กลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง ก็เลยไปขึ้นห้องพี่เอ แล้วไปมีอะไรด้วยครั้งนึง หลังจากนั้นพี่เอก็โทรมาบอกว่าท้อง ทั้งคู่เลยมีลูกด้วยกันคนที่ 2 แต่พี่เอก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าจะไม่กลับไปใช้ชีวิตครอบครัวกับสามีแน่ๆ
หลายๆครั้งที่ญาติพี่เอมาเจอตอนสามีอยู่กับพี่เอ สามีจะโดนต่อว่าทุกครั้ง ไปตลอดจนถึงขั้น โดนทำร้ายร่างกาย แม้กระทั่งตอนญาติๆมาเยี่ยมวันที่ลูกคนที่สองคลอดแล้วมาเจอสามี ยังถูกตบด้วยด้ามปืน พร้อมทั้งไล่ให้ออกไป
หลังจากนั้นสามีก็คบผู้หญิงคนอื่นในฐานะแฟนมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังทำหน้าที่พ่อคอยรับส่งลูกไปเรียนเกือบทุกวัน ทำหน้าที่ส่งเสียทั้งลูกและพี่เอทุกอย่าง เพราะบางช่วงที่พี่เอทำงาน สามีก็ต้องทำหน้าที่ ไปรับและไปส่งลูกไปเรียนเอง สามีเข้าออกบ้านที่พี่เออาศัยได้ แต่ห้ามค้างคืน เนื่องจากไม่มีสิทธิ์ เพราะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่บ้านที่พี่เออาศัย สามีเป็นคนจัดการและรับผิดชอบให้ทุกอย่าง หรือแม้กระทั่งมีช่วงหนึ่งที่สามีมีแฟนใหม่ ซึ่งทำงานอยู่ในเครอเดียวกัน แฟนใหม่ของสามีทำหน้าที่ดูแลเด็กๆให้ทุกอย่าง จนลูกของสามีบอกกับคนรู้จักว่า บ้านเค้ามีพี่เลี้ยง (น้องเค้าคิดว่าแฟนใหม่ของพ่อ คือคนที่พ่อจ้างมาดูแลเค้า) จะไปเที่ยวต่างจังหวัดก็พาไปทั้งแฟนใหม่และพี่เอ รวมทั้งลูกๆด้วย จนวันนึง ก็ต้องมีเหตุให้สามีต้องเลิกกับแฟนคนนี้ และสามีก็มีผู้หญิงคนอื่นๆอีกเรื่อยมา เจอทั้งคนที่รับเรื่องครอบครัวของสามีเกี่ยวกับเรื่องพี่เอ ทั้งรับได้บ้าง รับไม่ได้บ้าง จนมาเจอพี่บี ภรรยาคนล่าสุดก่อนมาเจอเรา (ไม่นับรวมแฟนและผู้หญิงคนอื่นๆ ที่คั่นระหว่างพี่บีกับเรา)
สามีอยู่กินกับพี่บีมาประมาณ 10 ปี ระหว่างนั้นก็มีรักๆ เลิกๆ กันบ่อย
พี่บี มีลักษณะเหมือนรับครอบครัวฝั่งพี่เอไม่ได้ ไม่ยอมให้ลูกๆทั้งสองของสามีเข้าบ้าน แต่สามีก็ยังทำหน้าที่ส่งเสียตลอด ไม่เคยขาด มีหลายครั้งที่สามีเล่าให้ฟังว่า ทุกครั้งเวลาจะพาลูกๆไปเที่ยวต่างจังหวัด ต้องโกหกพี่บีว่า "ไปทำงาน" แต่ความจริงคือ พาลูกๆไปเที่ยว และบางครั้ง พี่เอ ก็ไปกับลูกๆด้วย
บางครั้ง เวลาทะเลาะกับแฟนคนอื่นที่เคยคบ หรือแม้กระทั่งตลอดระยะเวลาที่อยู่กับพี่บีแล้วทะเลาะกัน สามีก็ขอไปพักบ้านที่ซื้อไว้ให้พี่เอและลูกๆอยู่ และบางครั้ง สามีก็เข้าไปมีอะไรกับพี่บี โดยให้เหตุผลว่า "หมั่นไส้" ซึ่งลึกๆที่เราคิด เราคิดว่าสามีคงยังรักพี่เอมากนั่นแหละ แต่ดูเหมือนว่า พี่เอ จะไม่เคยรักสามีเลย เพราะว่า.....
สามีเคยเล่าว่า ที่ระยะเวลาที่คบกับพี่เอจริงๆ แค่ประมาณ 5-6 เดือน จากนั้นก็ท้อง แต่ระหว่างที่คบกัน พี่เอเคยแอบไปหาแฟนเก่ามาสองครั้ง ครั้งแรกที่จับได้ สามีเล่าว่าพี่เอบอกว่า ไม่ได้มีอะไรกัน แต่ผู้ชายขอมี แต่พี่เอไม่ยอม เลยใช้วิธี Oral ให้แทน
ครั้งที่สอง พี่เอบอกว่าจะกลับบ้าน สามีโทรไปที่บ้าน ญาติบอกว่าพี่เอไม่ได้กลับบ้าน เลยลองโทรไปที่เบอร์ร้านของแฟนเก่าพี่เอดู เมื่อแฟนเก่าพี่เอรับสาย แต่ตอนนั้นพี่เออยู่ตรงนั้นด้วย และก็ได้ยินเสียงพี่เอลอดออกมา เพราะพี่เอไม่รู้ว่าปลายสายนั้นคือใคร สามีเลยขับรถมาบ้านแฟนเก่าพี่เอ แล้วมาเจอพี่เอ นั่งอยู่กับแฟนเก่าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง สามีสะกดรอยตามไปจนทั้งคู่ ขับรถกันเข้าโรงแรม และตอนนั้น สามีเลยเอากระดาษเขียนข้อความตัดพ้อพี่เอ ไว้ที่กระจกรถของแฟนเก่าพี่เอ หลังจากที่พี่เอกลับมาถึงห้องพักที่อยู่ร่วมกันกับสามี พี่เอก็บอกว่า จะเลิกก็ได้นะ ถ้ารับไม่ได้ ทั้งคู่เลยเลิกกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน สามีก็ไปตามง้อพี่เอ จนพี่เอกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน พี่เอก็ท้อง แล้วเกิดเรื่องราวดังกล่าวที่เขียนไว้ข้างต้น จนวันคลอดลูกคนแรก สามีบอกกับเราว่า วันนั้นพี่เอร้องไห้ และสามีก็บอกว่า ทันทีที่เห็นหน้าลูก รู้เลยว่าเด็ก หน้าเหมือนแฟนเก่าพี่เอมาก แต่ก็ไม่พูดอะไร ้เพราะเคยสัญญาไว้ว่า ไม่ว่ายังไง ก็จะเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ จะไม่ทิ้งเค้าเด็ดขาด จนมีเหตุการณ์ทำให้สามีกลับขืนใจพี่เออีกครั้ง จนมีลูกคนที่สอง ลูกคนนี้ สามีบอกเราว่า เค้ามั่นใจ ว่าคือลูกของเค้า แต่เค้าก็ทำหน้าที่พ่อให้ลูกทั้งสองอย่างเท่าเทียมกัน ซื้ออะไร ก็ซื้อให้เหมือนกัน ไม่เคยแสดงออกให้เห็นหรือบอกให้บุคคลภายนอกรับรู้ ว่าสงสัยว่าคนโตไม่ใช่ลูกของเค้าเอง แม้กระทั่งกับแม่ของสามี ก็ไม่รู้ แม้กระทั่งสามีได้รับมรดกจากพ่อเป็นที่ดินราคาประมาณ 20 ล้าน สามีก็ยกให้กับพี่เอทั้งหมด แต่เนื่องจากพี่เอก็ติดเครดิตบูโร ก็เลยโอนให้เป็นชื่อพี่สาวของพี่เอแทน (สามีเรารักพี่เอมากแค่ไหนคิดดู แต่สามีเราปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้รัก ที่ให้ คือจะให้ลูก แต่ก็ได้ยินจากลูกคนเล็กของพี่เอ ว่าแม่จะขายที่ แม่บอกว่าถ้าแม่ขายที่ได้แม่จะแบ่งตังค์ให้ เพราะเดี๋ยวแม่ก็ต้องไปอยู่ต่างประเทศกับแฟนใหม่แล้ว และสามีก็รู้เรื่องที่พี่เอจะขายที่ตรงนี้ด้วย )
เรื่องของเรา จริงๆก็ไม่น่าจะมีอะไร นอกจากเรื่องราวของการที่ผู้ชายคนนึง ที่มีลูกติด 2 คน และอาจจะมีบางครั้ง ที่ลูกๆของเขาต้องมาพักที่บ้านเราบ้าง แต่เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เรามารู้ทีหลังว่ามีบางครั้ง พี่เอส่งข้อความมาขอเงิน สามีเราพูดกับเราว่า "จะอะไรของมันนักหนาในเมื่อมีผัวใหม่ไปแล้ว " แล้ว (ตอนนี้พี่เอกำลังคบหากับคนต่างชาติอยู่ และกำลังจะแต่งงานกันเร็วๆนี้) เราก็เลยถามกลับไปว่าแล้วก่อนหน้านี้เคยให้เขาไหมล่ะ สามีก็ตอบมาว่าก็ให้บ้างบางครั้ง (หมายถึงนอกเหนือจากค่าที่ให้ลูก)
สามีถามเราว่าจะให้มันดีไหม เราเลยตอบเขากลับไปว่า "แล้วแต่เลยค่ะเพราะว่าเงินของพี่" ตอนนั้นต่อไปก็ไม่คิดอะไร ก็คิดว่า คงเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในฐานะ เมียเก่าและแม่ของลูกเท่านั้น แต่พออยู่ๆไปเรื่องมันจะเยอะขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนวันเกิดเรา สามีชวนพี่เอไปทานข้าวด้วยกัน เพราะพี่เอเกิดก่อนเราแค่ไม่กี่วัน (แต่พี่เออายุมากกว่าเราประมาณ 10 ปี) เราก็ยินดีและไม่ได้คิดอะไรมาก เราให้เด็กเสิร์ฟถ่ายรูปให้ พี่เอบอกว่า ไม่ต้องลงโซเชี่ยลนะ เพราะพี่เอไม่อยากให้แฟนใหม่ของแกเห็น แสดงว่าพี่เอแคร์แฟนใหม่ของแกมาก เลยไม่อยากให้มารับรู้เรื่องราวตรงนี้ แต่ผิดกับสามีของเราที่ไม่รู้สึกแคร์เราเอาซะเลย หลายๆครั้งที่พี่เอแวะเข้ามา เยี่ยมลูกที่บ้านเวลาลูกพี่เอไม่มีเรียนแล้วต้องมาอยู่กับเรา หลายๆที่สามีพาเราและพี่เอไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกัน หรือแม้กระทั่งตอนที่พี่เอไปหาแฟนที่ต่างประเทศ
พี่เอให้สามีเราไปรับไปส่งที่ Airport ทั้งขาไปและขากลับ และบอกให้สามีเอารถมาใช้ ซึ่งรถคันนี้สามีเคยซื้อให้พี่เอ แต่หลังจากสามีผ่อนให้หมด สามีก็เอาไปเข้าไฟแนนซ์ และช่วงที่เกิดอุบัติเหตุได้ค้างค่าไฟแนนซ์อยู่ประมาณแสนกว่าบาท พี่เอได้เอาเงินจำนวนนี้ไปปิดเอง สามีก็เลยยกให้เป็นของพี่เอ แต่รถคันนี้สามีตั้งใจซื้อให้พี่เอใช้รับส่งลูกๆตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว
สามีซื้อบ้านหลังนึงให้พี่เออยู่กับลูกๆตอนนั้นประมาณ 3 ล้านกว่าบาท และก่อนเกิดอุบัติเหตุไม่นานพี่เอได้ขายบ้านหลังนี้ไปในราคาประมาณ 6 ล้านกว่าบาท โดยบอกว่าจะเอาเงินที่ขายบ้านได้ไปลงทุนทำธุรกิจให้ลูกในอนาคต ซึ่งหลังจากนั้น พี่เอได้เช่าบ้านหลังเดิมอยู่ โดยพี่เอขายให้กับญาติพี่เอนั่นเอง หลังจากที่สามีคบกับเราได้ไม่นานพี่เอก็ ลากค่าเช่าบ้านไม่ไหว (แต่ในขณะนั้นสามีเราก็ยังช่วยรับผิดชอบค่าอื่นๆทุกๆอย่างแม้กระทั่งค่าน้ำและค่าไฟ) พี่เอเลยกลับไปอยู่บ้านแม่ที่ต่างจังหวัด แต่ยังขับรถมาทำงานที่เดิม ซึ่งที่ทำงานของพี่เออยู่ใกล้บ้านเรามาก หลายครั้งที่พี่เอมานอนบ้านเรา เพราะว่าต้องทำธุระในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น จริงๆอยากๆเราก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกแต่พอมันบ่อยขึ้นบอกตรงๆว่าเราเริ่มรู้สึกอึดอัด ทั้งพอคิดถึงเรื่องที่สามีเคยบุกปล้ำพี่เอทั้งๆที่เลิกกันไปแล้วหลายๆครั้ง เราก็รู้สึกเจ็บแปล๊บทุกทีที่เรานอนอยู่ข้างบนห้อง แล้วสามีต้องลงไปหยิบของ หรือทำธุระข้างล่าง ในขณะที่พี่เอก็นอนอยู่ที่โซฟาข้างล่าง
รู้สึกยังไง ถ้าสามีเรากับอดีตภรรยาของเขา ระหว่างที่เลิกกันแล้ว ยังไปมาค้างคืนอยู่บ้านเดียวกัน และยังมีอะไรกันเป็นบางครั้
เรากับสามีอยู่ด้วยกัน มีลูกด้วยกัน 1 คน เราทั้งคู่ต่างมีลูกติดมาฝั่งละ 2 คน ก่อนหน้าจะเจอกับสามีคนนี้ เราซื้อบ้านอยู่กับลูกคนที่สอง เป็นซิงเกิ้ลมัม ทำงานผ่อนบ้านและเลี้ยงลูกเองทุกอย่าง เวลาไปทำงานก็ส่งลูกไปอยู่บ้านพี่เลี้ยง ซึ่งเป็นคนหมู่บ้านติดกัน สามีคนปัจจุบันเคยเป็นคนมีฐานะ แต่เนื่องจากไปประสบอุบัติเหตุ เลยต้องใช้เงินเพื่อรักษาตัวไปประมาณ 70 % ของทั้งหมดที่มีในตอนนั้น ส่วนอีก 30% ที่เหลือ คือบ้านเดี่ยว และรถAccord ที่ซื้อเป็นชื่อภรรยาที่อยู่ด้วยกันตอนนั้น ซึ่งเราจะขออนุญาติเรียกภรรยาคนนี้ว่าพี่บี
หลังจากที่สามีเรารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานร่วมเกือบ 2 ปี เมื่อกลับมาที่บ้านซึ่งตอนนั้นสามีอยู่กับอดีตภรรยาคือพี่บี ก็ได้มีปัญหากันทำให้ต้องเลิกรากันไป ซึ่งตอนแรกพี่บีบอกว่าจะขายบ้านและรถแล้วเอาเงินมาแบ่งกัน แต่ตอนสุดท้ายพี่บีเปลี่ยนคำพูด บอกว่ารถและบ้านเป็นชื่อของเค้า อยากได้ก็ไปฟ้องเอา (รถและบ้านสามีเป็นคนผ่อน เนื่องจากฝ่ายหญิงไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง ทำๆออกๆ และชอบไปนอนค้างบ้านเพื่อนบ่อย ถามว่าทำไมถึงเชื่อว่าของทั้งหมดสามีเป็นคนผ่อน เพราะเนื่องด้วยรายได้ของสามีที่ค่อนข้างดีมาก และตอนเราอยู่ด้วยกันกับสามีแล้ว พี่บีเคยโทรมาขอโทษกับสิ่งที่เคยทำกับสามี และตอนนั้นสามีได้เปิดแฮนด์โฟนให้เราฟัง ก็พอจะจับใจความได้ว่าเรื่องราวเป็นประมาณนั้นจริงๆ) และที่สามีใช้ชื่อภรรยาในการซื้อทรัพย์สินทุกอย่าง เนื่องจากชื่อสามียังติดเครดิตบูโรอยู่
เมื่อเลิกกับพี่บี สามีต้องย้ายออกจากบ้านเดี่ยว ทั้งๆที่ร่างกายจะเรียกได้ว่าเกือบพิการอยู่ ไปเช่าห้องเช่าห้องเล็กๆขนาดประมาณ 4X4 เมตรอยู่ กันรถคันเก่าๆอายุเกือบ 20 ปี 1 คัน
หลังจากนั้นเราก็ได้รู้จักกับสามีคนนี้ และย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านเรา และสามีก็ได้รับผิดชอบเรื่องผ่อนบ้านให้ต่อจากเรา หลังจากนั้นไม่นานเราก็ท้อง ตอนนั้นเราแพ้ท้องหนักมาก จนต้องออกจากงาน แต่เนื่องด้วยรายได้ของสามีที่เยอะของกว่าของเรา และบวกกับเราทั้งคู่ไม่ได้ใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย ทำให้ไม่ลำบากเรื่องการเงินแต่อย่างใด หลังจากอยู่ด้วยกันมา สามีก็เล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังอยู่เรื่อยๆ ทั้งเรื่องราวการใช้ชีวิต เรื่องราวความสัมพันธ์ของผู้หญิงที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต เรื่องราวการทำงาน รวมกระทั่งเรื่องราวของ"เมียเก่า" โดยเฉพาะเมียคนที่เป็นแม่ของลูกๆทั้งสองของเขา ซึ่งต่อไปนี้เราจะขออนุญาตเรียกพี่คนนี้ว่าพี่เอ
ก่อนหน้าสามีกับพี่เอเคยอยู่ด้วยกันแบบแฟนวัยรุ่นทั่วๆไป จนกระทั่งพี่เอท้อง สามีก็เลยพาไปฝากครรภ์ แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาล สามีก็ต้องตกใจ เมื่อพี่เอ มีนามสกุลเดียวกับภรรยาเก่าของเขาซึ่งเพิ่งเลิกกันมาแค่ไม่กี่เดือน ด้วยสาเหตุนี้ พี่เอเลยจะเอาเด็กออก และหลุดปากบอกกับสามีว่า เค้า"จะไม่ยอมปล่อยให้เด็กคนนี้ออกมาทำลายอนาคตของเขาเป็นอันขาด จะกลัวอะไรแค่เอาเด็กออก เพราะที่ผ่านมาที่อยู่กับแฟนเก่า ก็เคยทำแท้งมาแล้วถึง 6 ครั้ง" สามีก็ตกใจที่พี่เอพูดมาอย่างนั้น สามีเลยบอกจะรับผิดชอบเด็กคนนี้เองทุกอย่าง ให้เอาเด็กไว้ แล้วให้กลับไปเรียนปตามปกติ เพราะตอนนั้นพี่เอเรียนมหาลัยเทอมสุดท้าย พี่เอเลยยอมเก็บเด็กคนนั้นไว้ แต่ขอเลิกกับสามี เพราะมีปัญหากับทางบ้านที่รับไม่ได้ ที่มาท้องกับอดีตพี่เขย (พี่เอมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับอดีตภรรยาของสามี)
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ตัดความสัมพัธ์กันในฐานะแฟน และแยกกันอยู่ แต่สามีก็ยังทำหน้าที่พ่อของลูกตั้งแต่ตอนท้อง ยันตอนคลอด โดยการไปหาเกือบทุกวัน ตอนคลอดก็ไปดูแล คลอดเสร็จก็เอาลูกมาให้ย่าช่วยเลี้ยง ในขณะที่ตัวเองก็ยังแวะเวียนไปดูแลแทบทุกวัน พอลูกคนโตอายุได้ไม่ถึงขวบ ด้วยความเมา บวกกับความรักครอบครัว ไม่อยากเสียลูกเสียเมียไป อยากให้ทั้งคู่กลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง ก็เลยไปขึ้นห้องพี่เอ แล้วไปมีอะไรด้วยครั้งนึง หลังจากนั้นพี่เอก็โทรมาบอกว่าท้อง ทั้งคู่เลยมีลูกด้วยกันคนที่ 2 แต่พี่เอก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าจะไม่กลับไปใช้ชีวิตครอบครัวกับสามีแน่ๆ
หลายๆครั้งที่ญาติพี่เอมาเจอตอนสามีอยู่กับพี่เอ สามีจะโดนต่อว่าทุกครั้ง ไปตลอดจนถึงขั้น โดนทำร้ายร่างกาย แม้กระทั่งตอนญาติๆมาเยี่ยมวันที่ลูกคนที่สองคลอดแล้วมาเจอสามี ยังถูกตบด้วยด้ามปืน พร้อมทั้งไล่ให้ออกไป
หลังจากนั้นสามีก็คบผู้หญิงคนอื่นในฐานะแฟนมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังทำหน้าที่พ่อคอยรับส่งลูกไปเรียนเกือบทุกวัน ทำหน้าที่ส่งเสียทั้งลูกและพี่เอทุกอย่าง เพราะบางช่วงที่พี่เอทำงาน สามีก็ต้องทำหน้าที่ ไปรับและไปส่งลูกไปเรียนเอง สามีเข้าออกบ้านที่พี่เออาศัยได้ แต่ห้ามค้างคืน เนื่องจากไม่มีสิทธิ์ เพราะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่บ้านที่พี่เออาศัย สามีเป็นคนจัดการและรับผิดชอบให้ทุกอย่าง หรือแม้กระทั่งมีช่วงหนึ่งที่สามีมีแฟนใหม่ ซึ่งทำงานอยู่ในเครอเดียวกัน แฟนใหม่ของสามีทำหน้าที่ดูแลเด็กๆให้ทุกอย่าง จนลูกของสามีบอกกับคนรู้จักว่า บ้านเค้ามีพี่เลี้ยง (น้องเค้าคิดว่าแฟนใหม่ของพ่อ คือคนที่พ่อจ้างมาดูแลเค้า) จะไปเที่ยวต่างจังหวัดก็พาไปทั้งแฟนใหม่และพี่เอ รวมทั้งลูกๆด้วย จนวันนึง ก็ต้องมีเหตุให้สามีต้องเลิกกับแฟนคนนี้ และสามีก็มีผู้หญิงคนอื่นๆอีกเรื่อยมา เจอทั้งคนที่รับเรื่องครอบครัวของสามีเกี่ยวกับเรื่องพี่เอ ทั้งรับได้บ้าง รับไม่ได้บ้าง จนมาเจอพี่บี ภรรยาคนล่าสุดก่อนมาเจอเรา (ไม่นับรวมแฟนและผู้หญิงคนอื่นๆ ที่คั่นระหว่างพี่บีกับเรา)
สามีอยู่กินกับพี่บีมาประมาณ 10 ปี ระหว่างนั้นก็มีรักๆ เลิกๆ กันบ่อย
พี่บี มีลักษณะเหมือนรับครอบครัวฝั่งพี่เอไม่ได้ ไม่ยอมให้ลูกๆทั้งสองของสามีเข้าบ้าน แต่สามีก็ยังทำหน้าที่ส่งเสียตลอด ไม่เคยขาด มีหลายครั้งที่สามีเล่าให้ฟังว่า ทุกครั้งเวลาจะพาลูกๆไปเที่ยวต่างจังหวัด ต้องโกหกพี่บีว่า "ไปทำงาน" แต่ความจริงคือ พาลูกๆไปเที่ยว และบางครั้ง พี่เอ ก็ไปกับลูกๆด้วย
บางครั้ง เวลาทะเลาะกับแฟนคนอื่นที่เคยคบ หรือแม้กระทั่งตลอดระยะเวลาที่อยู่กับพี่บีแล้วทะเลาะกัน สามีก็ขอไปพักบ้านที่ซื้อไว้ให้พี่เอและลูกๆอยู่ และบางครั้ง สามีก็เข้าไปมีอะไรกับพี่บี โดยให้เหตุผลว่า "หมั่นไส้" ซึ่งลึกๆที่เราคิด เราคิดว่าสามีคงยังรักพี่เอมากนั่นแหละ แต่ดูเหมือนว่า พี่เอ จะไม่เคยรักสามีเลย เพราะว่า.....
สามีเคยเล่าว่า ที่ระยะเวลาที่คบกับพี่เอจริงๆ แค่ประมาณ 5-6 เดือน จากนั้นก็ท้อง แต่ระหว่างที่คบกัน พี่เอเคยแอบไปหาแฟนเก่ามาสองครั้ง ครั้งแรกที่จับได้ สามีเล่าว่าพี่เอบอกว่า ไม่ได้มีอะไรกัน แต่ผู้ชายขอมี แต่พี่เอไม่ยอม เลยใช้วิธี Oral ให้แทน
ครั้งที่สอง พี่เอบอกว่าจะกลับบ้าน สามีโทรไปที่บ้าน ญาติบอกว่าพี่เอไม่ได้กลับบ้าน เลยลองโทรไปที่เบอร์ร้านของแฟนเก่าพี่เอดู เมื่อแฟนเก่าพี่เอรับสาย แต่ตอนนั้นพี่เออยู่ตรงนั้นด้วย และก็ได้ยินเสียงพี่เอลอดออกมา เพราะพี่เอไม่รู้ว่าปลายสายนั้นคือใคร สามีเลยขับรถมาบ้านแฟนเก่าพี่เอ แล้วมาเจอพี่เอ นั่งอยู่กับแฟนเก่าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง สามีสะกดรอยตามไปจนทั้งคู่ ขับรถกันเข้าโรงแรม และตอนนั้น สามีเลยเอากระดาษเขียนข้อความตัดพ้อพี่เอ ไว้ที่กระจกรถของแฟนเก่าพี่เอ หลังจากที่พี่เอกลับมาถึงห้องพักที่อยู่ร่วมกันกับสามี พี่เอก็บอกว่า จะเลิกก็ได้นะ ถ้ารับไม่ได้ ทั้งคู่เลยเลิกกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน สามีก็ไปตามง้อพี่เอ จนพี่เอกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน พี่เอก็ท้อง แล้วเกิดเรื่องราวดังกล่าวที่เขียนไว้ข้างต้น จนวันคลอดลูกคนแรก สามีบอกกับเราว่า วันนั้นพี่เอร้องไห้ และสามีก็บอกว่า ทันทีที่เห็นหน้าลูก รู้เลยว่าเด็ก หน้าเหมือนแฟนเก่าพี่เอมาก แต่ก็ไม่พูดอะไร ้เพราะเคยสัญญาไว้ว่า ไม่ว่ายังไง ก็จะเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ จะไม่ทิ้งเค้าเด็ดขาด จนมีเหตุการณ์ทำให้สามีกลับขืนใจพี่เออีกครั้ง จนมีลูกคนที่สอง ลูกคนนี้ สามีบอกเราว่า เค้ามั่นใจ ว่าคือลูกของเค้า แต่เค้าก็ทำหน้าที่พ่อให้ลูกทั้งสองอย่างเท่าเทียมกัน ซื้ออะไร ก็ซื้อให้เหมือนกัน ไม่เคยแสดงออกให้เห็นหรือบอกให้บุคคลภายนอกรับรู้ ว่าสงสัยว่าคนโตไม่ใช่ลูกของเค้าเอง แม้กระทั่งกับแม่ของสามี ก็ไม่รู้ แม้กระทั่งสามีได้รับมรดกจากพ่อเป็นที่ดินราคาประมาณ 20 ล้าน สามีก็ยกให้กับพี่เอทั้งหมด แต่เนื่องจากพี่เอก็ติดเครดิตบูโร ก็เลยโอนให้เป็นชื่อพี่สาวของพี่เอแทน (สามีเรารักพี่เอมากแค่ไหนคิดดู แต่สามีเราปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้รัก ที่ให้ คือจะให้ลูก แต่ก็ได้ยินจากลูกคนเล็กของพี่เอ ว่าแม่จะขายที่ แม่บอกว่าถ้าแม่ขายที่ได้แม่จะแบ่งตังค์ให้ เพราะเดี๋ยวแม่ก็ต้องไปอยู่ต่างประเทศกับแฟนใหม่แล้ว และสามีก็รู้เรื่องที่พี่เอจะขายที่ตรงนี้ด้วย )
เรื่องของเรา จริงๆก็ไม่น่าจะมีอะไร นอกจากเรื่องราวของการที่ผู้ชายคนนึง ที่มีลูกติด 2 คน และอาจจะมีบางครั้ง ที่ลูกๆของเขาต้องมาพักที่บ้านเราบ้าง แต่เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เรามารู้ทีหลังว่ามีบางครั้ง พี่เอส่งข้อความมาขอเงิน สามีเราพูดกับเราว่า "จะอะไรของมันนักหนาในเมื่อมีผัวใหม่ไปแล้ว " แล้ว (ตอนนี้พี่เอกำลังคบหากับคนต่างชาติอยู่ และกำลังจะแต่งงานกันเร็วๆนี้) เราก็เลยถามกลับไปว่าแล้วก่อนหน้านี้เคยให้เขาไหมล่ะ สามีก็ตอบมาว่าก็ให้บ้างบางครั้ง (หมายถึงนอกเหนือจากค่าที่ให้ลูก)
สามีถามเราว่าจะให้มันดีไหม เราเลยตอบเขากลับไปว่า "แล้วแต่เลยค่ะเพราะว่าเงินของพี่" ตอนนั้นต่อไปก็ไม่คิดอะไร ก็คิดว่า คงเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในฐานะ เมียเก่าและแม่ของลูกเท่านั้น แต่พออยู่ๆไปเรื่องมันจะเยอะขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนวันเกิดเรา สามีชวนพี่เอไปทานข้าวด้วยกัน เพราะพี่เอเกิดก่อนเราแค่ไม่กี่วัน (แต่พี่เออายุมากกว่าเราประมาณ 10 ปี) เราก็ยินดีและไม่ได้คิดอะไรมาก เราให้เด็กเสิร์ฟถ่ายรูปให้ พี่เอบอกว่า ไม่ต้องลงโซเชี่ยลนะ เพราะพี่เอไม่อยากให้แฟนใหม่ของแกเห็น แสดงว่าพี่เอแคร์แฟนใหม่ของแกมาก เลยไม่อยากให้มารับรู้เรื่องราวตรงนี้ แต่ผิดกับสามีของเราที่ไม่รู้สึกแคร์เราเอาซะเลย หลายๆครั้งที่พี่เอแวะเข้ามา เยี่ยมลูกที่บ้านเวลาลูกพี่เอไม่มีเรียนแล้วต้องมาอยู่กับเรา หลายๆที่สามีพาเราและพี่เอไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกัน หรือแม้กระทั่งตอนที่พี่เอไปหาแฟนที่ต่างประเทศ
พี่เอให้สามีเราไปรับไปส่งที่ Airport ทั้งขาไปและขากลับ และบอกให้สามีเอารถมาใช้ ซึ่งรถคันนี้สามีเคยซื้อให้พี่เอ แต่หลังจากสามีผ่อนให้หมด สามีก็เอาไปเข้าไฟแนนซ์ และช่วงที่เกิดอุบัติเหตุได้ค้างค่าไฟแนนซ์อยู่ประมาณแสนกว่าบาท พี่เอได้เอาเงินจำนวนนี้ไปปิดเอง สามีก็เลยยกให้เป็นของพี่เอ แต่รถคันนี้สามีตั้งใจซื้อให้พี่เอใช้รับส่งลูกๆตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว
สามีซื้อบ้านหลังนึงให้พี่เออยู่กับลูกๆตอนนั้นประมาณ 3 ล้านกว่าบาท และก่อนเกิดอุบัติเหตุไม่นานพี่เอได้ขายบ้านหลังนี้ไปในราคาประมาณ 6 ล้านกว่าบาท โดยบอกว่าจะเอาเงินที่ขายบ้านได้ไปลงทุนทำธุรกิจให้ลูกในอนาคต ซึ่งหลังจากนั้น พี่เอได้เช่าบ้านหลังเดิมอยู่ โดยพี่เอขายให้กับญาติพี่เอนั่นเอง หลังจากที่สามีคบกับเราได้ไม่นานพี่เอก็ ลากค่าเช่าบ้านไม่ไหว (แต่ในขณะนั้นสามีเราก็ยังช่วยรับผิดชอบค่าอื่นๆทุกๆอย่างแม้กระทั่งค่าน้ำและค่าไฟ) พี่เอเลยกลับไปอยู่บ้านแม่ที่ต่างจังหวัด แต่ยังขับรถมาทำงานที่เดิม ซึ่งที่ทำงานของพี่เออยู่ใกล้บ้านเรามาก หลายครั้งที่พี่เอมานอนบ้านเรา เพราะว่าต้องทำธุระในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น จริงๆอยากๆเราก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกแต่พอมันบ่อยขึ้นบอกตรงๆว่าเราเริ่มรู้สึกอึดอัด ทั้งพอคิดถึงเรื่องที่สามีเคยบุกปล้ำพี่เอทั้งๆที่เลิกกันไปแล้วหลายๆครั้ง เราก็รู้สึกเจ็บแปล๊บทุกทีที่เรานอนอยู่ข้างบนห้อง แล้วสามีต้องลงไปหยิบของ หรือทำธุระข้างล่าง ในขณะที่พี่เอก็นอนอยู่ที่โซฟาข้างล่าง