ตอนบ่ายๆ สลายไขมันนะเจ้าคะ
วันนี้ป้าเขียวจิมาแปลกจั๊กนิดนุง... มาเป็นทู้คำถามเพราะจิต้อนรับสมาชิกใหม่หลังจากที่เดอะแก๊งค์พากันเข้าป่าอเมซอนไปตามล่าหาช้างเผือกกัน... แต่ว่า... พวกเรามิเจอช้างเผือกสักกระตัว... นุ้นไปคว้าเจ้ากระต่ายน้อยมาก็เลยพาเจ้ากระต่ายน้อยกลับยังบ้านสำราญจิตของพวกเรานะคะ
วันนี้โจทย์ของป้าเขียวก็มีที่มาที่ไปเช่นเคย
เรื่องมันยาวพอสมควรนะคะ.. นิทานหลอกเด็กอ่ะป้าเขียวถนัดที่ซู้ดดดด...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ท้าวความเดิมจากเมื่อวานนะคะ... หลังจากเมื่อวานยัยตัวเล็กติว O-Net เสร็จนะคะ มนุษย์แม่ก็ไปรับกลับบ้าน เราก็เป็นห่วงลูกสาวอ่ะนะ ว่าเรียนหนักจะเครียด เพราะวันนี้ต้องมีการสอบแข่งขันอีกวัน แต่พอลูกสาวกลับมาถึงบ้านน้องโยนกระเป๋าไม่สนใจอะไรเล้ยย... นุ้นนอนอ่านการ์ตูน ตอนแรกป้าเขียวก็คิดว่าน้องคงอยากจะผ่อนคลายก็เลยปล่อยเลยตามเลย ทีนี้ป้าเขียวก็รอดูว่าน้องจะอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเมื่อไหร่... รอ... แล้ว... รอ... เล่า... สาวเจ้าก็ไม่อ่าน... พอถึงตอนเย็นก็คิดว่าคงจะอ่านมั้ง... แต่ที่ไหนได้น้องไปคว้าดาบคว้าปืนมาสู้กับข้าศึกจนดึกจนดื่น... มนุษย์แม่ก็ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมรับอ่ะนะ มีลูกสาวเป็นนักรบก็ต้องเป็นแบบนี้... ออกศึกบ่อยๆ
พอตอนเช้าน้องตื่นเต้นตื่นแต่เช้าเพื่อจะรีบไปสนามรบ... เอ้ยย... สนามสอบ... ป้าก็ต้องรีบถักผมเปียให้สาวน้อยแบบรีบเร่ง... ทีนี้บ้านป้าเขียวอยู่ไกลสนามสอบมาก ป้าเขียวคำนวณเวลาผิดพลาด เพราะมัวแต่แวะไปซื้ออาหารเช้าให้น้องทานในรถ ระหว่างทางรถดันติดอี๊กก... คือความผิดพลาดอีกเรื่องหนึ่งคือ ลืมคิดไปว่ามันเป็นการสอบทั่วประเทศมั้ง จังหวัดที่ป้าเขียวอยู่ปกติความหนาแน่นของรถมันก็เยอะอยู่แล้ว พอมาวันนี้ทุกคนมุ่งหน้าไปสถานที่เดียวกัน มันเลยกลายเป็นแย่งกัน พอไปถึงหน้าสนามสอบป้าเขียวก็ต้องรีบวิ่งพาน้องเข้าไปหาห้องสอบ...ตอนแรกกะว่าจะไปดูห้องสอบตรงบอร์ด แต่ลูกสาวกระซิบเบาๆ แม่ๆ มันมีระบุห้องสอบในกระดาษแผ่นนี้แล้วเราหาตึกเลย ตัวแม่ก็ไม่ได้สนใจยังคงยืนเพ่งหารหัสประจำตัวต่อ.. สายตาก็ไม่ดี หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ก็เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ สุดท้ายน้องก็ได้เข้าสอบ
..... เวลาผ่านไป... 2...ชั่วโมง...น้องออกมาแล้วป้าเขียวก็ถามว่าทำข้อสอบได้ไหม...น้องมั่นใจตอบเต็มเสียงว่า... ทำได้ค่ะ...ง่ายมากๆๆ...ตอนแรกป้าเขียวก็ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อในเมื่อเมื่อคืนเธอทำสงครามทั้งคืน...มันจะทำได้ได้อย่างไง...จริงๆ น้องสอบแข่งขันคณิตศาสตร์ และข้อสอบคณิตศาสตร์เป็นข้อเขียน 25 ข้อ มีภาคภาษาไทย 20 ข้อ ภาคภาษาอังกฤษ 5 ข้อ ป้าเลยถามว่ามั่นใจแค่ไหน... น้องบอก 30% ... หึหึ ป้าหัวเราะคนเดียว นี่เหรอที่บอกว่าง่ายมากๆๆ แต่มั่นใจ 30% สำหรับข้อสอบวิทยาศาสตร์เป็นข้อปรนัย พอดีน้องไม่ถนัดวิชานี้ ก็เลยไม่สมัคร
การสอบแบบนี้เป็นครั้งที่ 2 ของลูกสาวป้าเขียว ป้าเขียวเคยพาน้องไปลองสนามครั้งหนึ่งเมื่อปีก่อน ตอนนั้นน้องตื่นเต้น เพราะไม่เคยไปสอบที่ไหนมาก่อนที่แบบเจอเด็กๆ ต่างโรงเรียน ปีนั้นจะมีการสอบเรื่องมุม เรื่ององศา ป้าก็ซื้ออุปกรณ์พวกวงเวียน และชุดเลขาคณิต แต่มันอยู่ในถุง พอสอบเสร็จน้องมาเล่าว่ามันออกเรื่องมุม เรื่ององศาจริงๆ ป้าเขียวก็เลย บร๊ะ... งั้นก็ง่ายซิ เพราะมีอุปกรณ์พร้อม... น้องตอบกลับมาเสียงเบาๆ ไม่ง่ายนะแม่... ป้าเขียวเลยถามทำไมล่ะ พวกวงเวียนอะไรก็มีครบนิ... น้องบอกว่าไม่ได้ใช้... ป้าเขียวงงเลยถามต่อ... อ้าว... ทำไมหล่ะ... น้องบอกว่าเกรงใจเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างๆ จะแกะกลัวถุงมันจะเสียงดังรบกวนเค้า เลยไม่ได้ใช้ เพราะในห้องมันเงียบมากนะแม่... พอมนุษย์แม่ฟังก็ถึงกับ
นี่หรา... ลูกสาวป้าเขียว... ซู้ดดดยอด..
ทีนี้ปีที่แล้วไม่ได้มาสอบเพราะยุ่งๆ แต่พอปีนี้แรกๆ ป้าเขียวก็แปลกใจนะ เพราะจู่ๆ น้องก็เอากระดาษที่ระบุรหัสประจำตัวการเข้าสอบมายื่นให้ แล้วบอกให้ป้าเขียวเก็บไว้ให้หน่อย ตอนแรกป้าก็งง ว่าเธอมาแบบไหนอีกเนี้ยะ.. ยัยตัวเล็ก... ก็เลยถามว่าทางโรงเรียนให้ไปสอบทุกคนเหรอ... น้องบอกป่าวค่ะ... ไปแค่บางคน... ป้าก็ยังงงอี๊กกก.. อ้าว... แล้วทำไมน้องถึงไป... ลูกสาวป้าตอบมาแบบชัดถ้อยชัดคำ... อยากไปสอบเองเลยเลือกสอบคณิตศาสตร์ ป้าเขียวก็ตกใจ... แม่เจ้า!!... เจ้าแม่เกมส์อยากจิไปสอบแข่งขัน... สมัครเองอีกต่างหาก... มนุษย์แม่ทึ่งมากๆๆ... แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของยัยตัวเล็ก... ป้าเขียวก็ต้องจัดให้... อยากไปสอบเราก็ต้องสนับสนุน... คะแนนผ่านไม่ผ่านค่อยลุ้นเอาเนอะ... เพราะน้องบอกง่ายมากๆๆ... มั่นใจตั้ง 30% นุ้นแน่ะ
ที่ร่ายเผาลูกสาวตัวเองมาซะยาวมันก็เกี่ยวกับสนามสอบ ซึ่งป้าเขียวมักจะเปรียบเทียบการสอบคือสนามรบแห่งหนึ่ง โดยให้ความรู้ที่เรามีคืออาวุธที่ติดตัวแต่ละคน คนที่มีความรู้มากก็เหมือนกับคนที่มีอาวุธประจำกายหลากหลายชนิด สถานการณ์แต่ละสนามรบหรือสนามสอบที่เราเจอมันจะแตกต่างกัน เราต้องเอาอาวุธหรือความรู้ที่มีมาสู้รบกับศัตรูซึ่งก็คือข้อสอบหรือคำถามนั้นๆ ในข้อสอบ...ถ้าเราเลือกใช้อาวุธหรือความรู้ที่มีอย่างมีสติและชาญฉลาด ต่อให้ข้อสอบหรือข้าศึกนั้นจะหนักหนาแค่ไหน
เราก็คือผู้ชนะ ผู้ที่แพ้หรือทำข้อสอบไม่ได้เลยเพราะเรามีอาวุธหรือความรู้ที่ไม่แข็งแกร่งพอ เราถึงแพ้และล้มเหลว
ป้าเขียวโม้มาซะยาว ก็คือการเปรียบเทียบตามมุมมองของมนุษย์ป้าแก่ๆ คนนี้เองแหล่ะเจ้าค่ะ... จริงก็อยากรู้นะว่าแต่ละทู้ที่ป้าปล่อยแมลงโม้มามีคนอ่านและคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง... วิจารณ์ได้นะเจ้าคะ
วันนี้บทเพลงของป้าเขียวก็จะมีคำว่าสงครามในนั้นนะคะ
สำหรับบทเพลงนี้ดูหึกเหิมหน่อยเนอะ
วันนี้ทู้ป้าเขียวเปิดฟรีเดย์นะเจ้าคะ... ป้าเขียวขอเปิดบ้านให้เม้าส์มอยกันตามสบายค่ะ
บทเพลงอะไรเอ่ยที่เราฟังแล้วในเนื้อเพลงกล่าวถึง "สงคราม และการสู้รบ"
วันนี้ป้าเขียวจิมาแปลกจั๊กนิดนุง... มาเป็นทู้คำถามเพราะจิต้อนรับสมาชิกใหม่หลังจากที่เดอะแก๊งค์พากันเข้าป่าอเมซอนไปตามล่าหาช้างเผือกกัน... แต่ว่า... พวกเรามิเจอช้างเผือกสักกระตัว... นุ้นไปคว้าเจ้ากระต่ายน้อยมาก็เลยพาเจ้ากระต่ายน้อยกลับยังบ้านสำราญจิตของพวกเรานะคะ
วันนี้โจทย์ของป้าเขียวก็มีที่มาที่ไปเช่นเคย
เรื่องมันยาวพอสมควรนะคะ.. นิทานหลอกเด็กอ่ะป้าเขียวถนัดที่ซู้ดดดด...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่ร่ายเผาลูกสาวตัวเองมาซะยาวมันก็เกี่ยวกับสนามสอบ ซึ่งป้าเขียวมักจะเปรียบเทียบการสอบคือสนามรบแห่งหนึ่ง โดยให้ความรู้ที่เรามีคืออาวุธที่ติดตัวแต่ละคน คนที่มีความรู้มากก็เหมือนกับคนที่มีอาวุธประจำกายหลากหลายชนิด สถานการณ์แต่ละสนามรบหรือสนามสอบที่เราเจอมันจะแตกต่างกัน เราต้องเอาอาวุธหรือความรู้ที่มีมาสู้รบกับศัตรูซึ่งก็คือข้อสอบหรือคำถามนั้นๆ ในข้อสอบ...ถ้าเราเลือกใช้อาวุธหรือความรู้ที่มีอย่างมีสติและชาญฉลาด ต่อให้ข้อสอบหรือข้าศึกนั้นจะหนักหนาแค่ไหน เราก็คือผู้ชนะ ผู้ที่แพ้หรือทำข้อสอบไม่ได้เลยเพราะเรามีอาวุธหรือความรู้ที่ไม่แข็งแกร่งพอ เราถึงแพ้และล้มเหลว
ป้าเขียวโม้มาซะยาว ก็คือการเปรียบเทียบตามมุมมองของมนุษย์ป้าแก่ๆ คนนี้เองแหล่ะเจ้าค่ะ... จริงก็อยากรู้นะว่าแต่ละทู้ที่ป้าปล่อยแมลงโม้มามีคนอ่านและคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง... วิจารณ์ได้นะเจ้าคะ
วันนี้บทเพลงของป้าเขียวก็จะมีคำว่าสงครามในนั้นนะคะ
สำหรับบทเพลงนี้ดูหึกเหิมหน่อยเนอะ
วันนี้ทู้ป้าเขียวเปิดฟรีเดย์นะเจ้าคะ... ป้าเขียวขอเปิดบ้านให้เม้าส์มอยกันตามสบายค่ะ