สวัสดีครับ
เบื้องต้นผมต้องขอบอกก่อนว่า วิธีที่ผมใช้นั้น อาจไม่ใช่วิธีที่ดี และปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกท่าน ซึ่งอาจมีบางเนื้อหาที่สามารถทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นการกระทำที่ชักนำ แต่ทางผมนั้นไม่ได้มีเจตนาชักนำแต่อย่างใดครับ เพียงแค่ต้องการแบ่งปัญประสบการณ์ และวิธีการเลิกบุหรี่ ของผมไว้เป็นแนวทาง และวิทยาทานเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเลิกบุหรี่ ของแต่ละท่านครับ
เข้าเรื่อง...
++การเริ่มต้นสูบบุหรี่++
ผมเริ่มสูบตอนอายุประมาน ม.1 เทอม1 สาเหตุ : ต้องการลอง ต้องการทำในสิ่งที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่กล้า และไม่รู้สึกว่ามันร้ายแรงมาก เพราะคุณพ่อผมท่านก็สูบ ณ ช่วงเวลานั้น ลอง และสำลัก จนพยายามสูบเป็น แต่ก็ไม่ติด แต่ก็สูบตลอดวันละ 2-3 มวน แอบเข้าห้องน้ำโรงเรียนไปสูบตลอด ส่วนมากจะสูบคนเดียวเพราะเพื่อนเสียงดัง จะเรียกแขกได้ไม่ชอบคนเยอะ พอจบ ม.3 ก็ออกจากโรงเรียนมัธยม เข้าเรียน กศน. เข้าสู่ช่วงที่ต้องดูแลตัวเองเต็มที่ไม่มีคุณครูคอยห้าม มีเพียงคุณพ่อ คุณแม่ ที่ทราบ ไม่ห้ามแต่จะขอให้สูบน้อยๆ หลบๆอย่าให้คนอื่นเอาไปพูดให้เสียหายได้
จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เริ่มเข้าสู่คำว่า "ติดบุหรี่" จริงๆ เพราะสูบหนักมาก สูบตลอด วันละ 1-2 ซอง บางทีเจอเพื่อน หรือไปเล่นดนตรี ฯลฯ อาจมีทะลุ 3 ซอง ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ไม่เท่เลยนะครับทุกท่าน เปลืองตังมากๆด้วย แต่ห้ามตัวเองไม่ได้ครับ เพราะไม่เคยใจแข็งกับตัวเองเรื่องนี้เลย เพราะเรารู้สึกว่า เราไม่ดื่ม สิ่งเสบติดอื่นๆเราไม่ยุ่ง แค่นี้เองให้ตัวเรามีความสุขบ้างเถอะ บลาๆ หาข้ออ้างให้ตัวเองไปเรื่อยครับ
จนถึงวันที่คุณพ่อผมป่วย โรคภูมิแพ้ที่เป็นกำเริบ และหลอดลมตีบ (ผมก็เป็น) จนต้องแบกคุณพ่อไปโรงพยาบาล สุดท้ายคุณพ่อผมเลิกบุหรี่ได้ก่อนผมโดยวิธีการ ลดปริมาณช่วงสั้น และหักดิบ ซึ่งผมก็ยังไม่ได้เลิกบุหรี่ คุณพ่อท่านก็จะบอกว่า "เบาๆบ้างนะ เลิกได้ก็เลิกนะ ไม่เป็นหรอป๊าเป็นยังไง..."
ผมจึงเริ่มคิดหาวิธีเลิกอย่างจริงจังมากขึ้น (ก่อนหน้านี้ก็เคย เลิกสูบ เพราะแฟนแต่ละคนก็จะขอให้เลิกสูบ แต่ผมทำได้นานสุดก็ 1 เดือนก็กลับมาสูบใหม่ตลอด) ผมก็ดูที่ข้างซองบุหรี่ เขียนว่า เลิกบุหรี่โทร 1600 ผมก็เลิกตัดสินใจเอาจริงเอาจัง โทรไปที่ 1600 เลยครับ โทรไปไม่ต่ำกว่าวันละ 5 สาย นานหลายวันติดต่อกัน คุณเชื่อหรือไม่ครับว่า ผมไม่เคยได้รับการรับสายจากทาง 1600 แม้แต่ครั้งเดียว (คนคงโทรไปเยอะครับ) ตอนนั้น Internet ยังเข้าถึงได้ยากครับการค้นหาข้อมูลนั้นทำได้ยาก จึงได้หมดความพยายามไป จะเมื่อไหร่ที่ผมโรคภูมิแพ้กำเริม หรือหลอดลมตีบผมก็จะพยายามหาวิธีเลิกตลอด แล้วก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ จนเวลาผ่านไปยืดยาว ก็ใช้ชีวิตเช่นนั้นตามเดิมตลอดมา
จนกระทั้งผมได้รู้จัก "บุหรี่ไฟฟ้า" ผมลองซื้อมาสูบครั้งแรก ด้วยเหตุผลที่อยากจะเลิกบุหรี่จริง ยุคแรกๆนั้นจะเป็นบุหรี่แบบแท่ง มีรีฟิวซื้อเปลี่ยนตามกลิ่นที่ต้องการ แต่ผลที่ได้คือ เลิกไม่ได้ครับ สาเหตุคือ
1. บุหรี่ไฟฟ้ายุคนั้น ไม่สามารถให้นิคโคตินได้ตามที่ร้างกายผมต้องการ เมื่อเทียบ 1ครั้ง/มวล ภาษาคนสูบคือ (สูบแล้วมันไม่ถึง)
2. ค่าใช้จ่ายแพงกว่าบุหรี่จริงค่อนข้างมากในยุคแรกๆของบุหรี่ไฟฟ้า (นานมากกว่า5ปีก่อนหน้านี้)
3. ขาดการวางแผนที่ดี (จุดนี้หน้าสนใจ) (จุดเปลี่ยน)
4. จิตใจอ่อนแอ
สุดท้ายก็กลับมาสูบเช่นเดิม แต่ก็ยิ่งอายุเยอะขึ้นร้างกายก็แย่ลง ก็เริ่มมีความคิดที่เข้มแข็งขึ้นตลอดว่า อยากจะเลิก แต่แค่คิด และหาวิธี แต่ไม่ลองทำเพราะใจไม่แข็งพอพลัดวันไปเรื่อย จนถึงวันนึ่งผมนึกครึ่มอะไรก็ไม่ทราบ ผมตื่นมา และบอกตัวเองว่า เห้ย จริงจังได้แล้ว อย่าป๊อด แมนๆหน่อย
ผมจึงหาข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ Internet เข้าถึงได้ง่าย ข้อมูลทุกอย่างเพียงปลายนิ้ว ผมก็ได้ศึกษา จนพอที่จะประเมินตัวเองได้ว่าเรานั้นติดบุหรี่แค่ใหน
หลังจากนั้นก็เริ่มหาวิธีเลิกตามเคย ซึ่งลองหลายอย่างมากเป็นปีๆ จนวนกลับมาที่วิธีเดิมก่อนหน้าคือ บุหรี่ไฟฟ้า แต่ครั้งนี้ผมเก็บเงิน ยอมลงทุนเกือบ 1 หมื่นบาท เพื่อซื้อทุกอย่างให้ครบ ตั้งแต่เครื่องชาร์จ เครื่องมือพันคอร์ย บุหรี่ไฟฟ้า แบต สำลี น้ำยา (เอานิคแรงๆไล่มาจนเบาสุด) และสั่งมาพร้อมกันที่เดียว เพื่อไม่ให้การเลิกครั้งนี้ขาดตอนครับ
"วิธีการเลิกบุหรี่"
มาถึงจุดสำคัญของเรื่องนี้คือ วิธีการเลิก ของผมนั้น ผมนำประสบการณ์ที่ผมได้ลองแล้วพลาดจากอดีตมาแก้ไขใหม่ในจุดที่บกพร่อง ดังต่อไปนี้ครับ
1. เตรียมสภาพจิตรใจ
ในระหว่างที่รอบุหรี่ไฟฟ้ามานั้นผมได้เริ่มเตรียมสภาพจิตรใจผม และเริ่มบอกตัวเองว่า เราจะเลิกให้ได้ๆ เราเกลียดมันๆ ท้องไว้ในใจตลอด
2. การวางแผน
ผมเริ่มวางแผนการเลิกของผมครั้งนี้ในรูปแบบของการ ลดปริมาณลงแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปไม่ให้ร้างกายและจิตรใจช๊อกมากนัก
โดยแบ่งเป็น 4 ช่วงดังต่อไปนี้ครับ
2.1 ช่วงแรก ลดปริมาณ
หาจุดขั้นต่ำต่อวันของตัวเอง (ขั้นต่ำจริงๆ) มื้อใหนตัดได้ตัด ของผมเหลือวันละ 8 มวลจาก 20มวล คือ
เช้าตื้นนอน 1 มวล
สาย 1 มวล
เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล
บ่าย 1 มวล
ก่อนเลิกงาน 1 มวล
หลังข้าวเย็น 1 มวล
ก่อนนอน 1 มวล
พอได้ตารางการสูบแล้ว ผมก็เริ่มหา Key ของตารางการสูบผมว่า เวลาให้ที่ต้องได้สูบไม่สูบมีปัญหาต่ออารมณ์ของผมแน่ๆ ผมได้ข้อสรุป Key ของผมดังต่อไปนี้
เช้าตื้นนอน 1 มวล (Key)
สาย 1 มวล
เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล (Key)
บ่าย 1 มวล
ก่อนเลิกงาน 1 มวล
หลังข้าวเย็น 1 มวล (Key)
ก่อนนอน 1 มวล (Key)
จะเห็นได้ว่าผมมี Key อยุ่ 4 จุด ซึ่งสักเกตุที่ช่วง "เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล" มันเป็นช่วงที่สูบเยอะกว่าปกติอยู่ 1 มวล
2.2 ช่วง Parallel
เป็นช่วงที่ได้บุหรี่ไฟฟ้ามาแล้วครับ สิ่งแรกที่ต้องทำคือกำหนดวันที่จะ Parallel ครับ และเมื่อกำหนดได้ให้เริ่มต้น Parallel ได้เลย โดยใช้วิธีการ ตัดมื้อที่ไม่ใช้ Key ออก โดยแทนด้วย บุหรี่ไฟฟ้าครับ
เช้าตื้นนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่จริง
สาย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล (Key) : บุหรี่จริง 1 + บุหรี่ไฟฟ้า 1 อิ่ม
บ่าย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
ก่อนเลิกงาน 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
หลังข้าวเย็น 1 มวล (Key) : บุหรี่จริง
ก่อนนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่จริง
เห็นความแตกต่างหรือไม่ครับ ด้วยวิธีนี้ผมสามารถลดบุหรี่ได้ถึง 4 มวลในช่วงเวลาอันสั้น ทริค บุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ได้ฟิวและอิ่มเท่าบุหรี่จริง สำหรับผมมื้อให้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าผมจะสูบจนกว่าผมจะอิ่ม หรือพอใจเท่าที่จะทำได้ร้างกายจะบอกเราเอง พยายามจับบุหรี่ไฟฟ้าและใช้มันให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
ช่วงเวลานี้จะคงอยู่สักระยะหนึ่ง สำหรับผมกำหนดไว้ที่ 1 เดือน หลังจากผ่านระยะนี้ ผมเริ่มมาตรการ ลด อีกครั้ง โดยครั้งนี้จะตัด Key ที่ไม่จำเป็นออกไปอีก ให้เหลือแค่ช่วงเวลาที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดยังขาดไม่ได้ไว้ โดยมีการตัดออกดังต่อไปนี้ครับ
เช้าตื้นนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่จริง
สาย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
บ่าย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
ก่อนเลิกงาน 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
หลังข้าวเย็น 1 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
ก่อนนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่จริง
จะเห็นได้ว่า ครั้งนี้เหลือ ช่วงเวลาที่สูบบุหรี่จริงเพียงแค่ 2 ช่วงเวลา ช่วงละ 1 มวล ซี่งช่วงนี้ก็เป็นช่วงกระชากอารมณ์ประมานนึงเช่นกันเพราะถูกตัด Key ออกไป (ทริคคือ ต้องตั้งใจ และใจแข็งสู้ ใช้บุหรี่ไฟฟ้าให้ชินให้ติดมือติดตัวตลอด หากอยากนอกช่วงเวลาอนุญาตให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้ตามต้องการ เพื่อลดอาการตริงเครียดที่อาจเกิดขึ้นครับ) ช่วงนี้จะใช้เวลานานพอๆกับช่วงที่แล้วครับ
2.3 ช่วง Transfer
เข้าสู่ช่วงกระชากวิญญานอีก 1 ช่วง จิตรไม่แข็งไปต่อยากครับบอกเลย ช่วงนี้วิธีการของเราคือการตัดบุหรี่จริงที่เหลือออกจากชีวิตเราทั้งหมด โดยใช้บุหรี่ไฟฟ้าเข้าแทน 100% ครับ
เช้าตื้นนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
สาย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
บ่าย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
ก่อนเลิกงาน 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
หลังข้าวเย็น 1 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
ก่อนนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
ช่วงนี้ผมจะไม่มีข้อแม้ออะไรกับตัวเองมากครับ มีกฏเหล็กข้อเดียวสำหรับช่วงนี้คือ ห้ามพก และสูบบุหรี่จริงครับเหมื่อนจะยากใช่มั้ยครับ แต่ผมจะบอกว่ามันไม่ยากขนาดนั้นครับ สิ่งเดียวเลยที่ต้องพร้อมคือจิตรใจครับ สำหรับช่วงนี้ ผมจะผ่อนๆตารางเวลาการสูบลง คืออยากสูบตอนใหนสูบ แต่ต้องเป็นบุหรี่ไฟฟ้าเท่านั้นครับ และเปลี่ยนที่สูบเป็นจุดที่ไม่มีคนอื่นสูบ สูบคนเดียวเพื่อหลีกเลี้ยงการเจอกลิ่นบุหรี่จริง แล้วอาจทำให้อยากครับ
สำหรับผมแล้ว ผมมาถึงช่วงนี้ได้ ผ่านมันไปได้ประมาน 1 เดือนผม รู้ได้โดยจิตรใจผมเลยครับว่า ผมดีใจ ผมเอาชนะตัวเองได้ ผมเลิกบุหรี่ได้แล้ว ผมกล้าพูด กับคนอื่นได้เลยว่าผมเลิกบุหรี่จริง ได้แล้วครับ แต่สิ่งที่สำคัญ และเป้าหมายสูงสุดคือการเลิกทั้งหมด บุหรี่ไฟฟ้าด้วยครับ อย่าลิมว่าเราใช้มันเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับเลิกบุหรี่จริงครับ
2.4 ช่วง Cut off
คือช่วงสุดท้ายของกระบวนการเลิกบุหรี่ของผม ช่วงนี้เป็นช่วงที่ง่ายมากครับ เพราะบุหรี่ไฟฟ้านั้น ในตัวน้ำยาของบุหรี่ไฟฟ้านั้น จะมีค่านิโคติล ตั้งแต่สูง จนถึง 0 ครับ ซึ่งวิธีการก็คือการซื้อน้ำยาที่มี นิโคติลน้อยลงมาสูบเริ่อยๆ ลดลงอาทิตย์ละ1ขั้น จนถึง 0 อาทิตย์ที่สูบน้ำยา นิค 0 เป็นอาทิตย์สุดท้ายบอกลาโลกสายควันครับ ถึงตอนนี้แล้วคำตอบมีเพียงคำเดียวครับคือ ต้องเลิกได้ และมันไม่อยากครับ สุดท้ายผมก็หยุดสูบบุหรี่ได้ โดยการ หักดิบที่อาทิตย์สุดท้ายของ นิค 0 ครับ
ปัจจุบัน ผมเลิกสูบบุหรี่ทั้งหมดทั้งบุหรี่จริง และบุหรี่ไฟฟ้า มาได้มากกว่า 1 ปี แล้วครับ เย้
จบแล้วครับ
สุดท้ายนี้อยากจะเน้นย้ำอีกครั้งครับว่า เนื้อหาข้อความที่ผมได้กล่าวไปทั้งหมดนั้น มิได้มีเจตนาชักจูง เพียงแค่ต้องการแชร์ประสบการณ์ และแนวทางสำหรับท่านที่ต้องการเลิกบุหรี่ และยังหาทางออกไม่ได้ครับ
ดูผมเป็นตัวอย่างในเรื่องที่ดี และในเรื่องที่ไม่ดีหากท่านไม่ได้กระทำอยู่ ผมขอแนะนำว่าอย่าเริ่ม อย่าลองครับ เพราะถ้าหากคุณได้ติดมันจริงๆ แบบไม่ใช่แฟชั่น คุณรู้ตัวอีกทีคุณก็เสียสุขภาพกับมันไปมากกว่าที่คุณจะรับรู้ได้จากภายนอกครับ
ส่วนท่านใดที่สูบอยู่ ถ้าไม่อยากเลิกเราไม่ห้ามครับ ผมเข้าใจมากๆ เพราะถึงตอนนี้ผมจะเลิกมาได้นานมากกว่า 1 ปี แล้ว ผมก็ยังมีความอยากสูบครับ
แต่เคสผมครั้งนี้นั้น ผมตั้งใจแล้ว และจะไม่ขอกลับไปลำบากเลิกอีกเช่นเดิมครับ
ขอให้ทุกท่านได้รับความรู้ แนวทางจากประสบการณ์ของผมนี้ไม่มากก็น้อยเพื่อนำไปบอกกล่าวเล่าต่อให้คนที่ท่านรัก และขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรง มีความสุขกับร้างกายที่แข็งแรงตลอดไปครับ
ขอบคุณครับผม
Bye.....
วิธีการเลิกบุหรี่
เบื้องต้นผมต้องขอบอกก่อนว่า วิธีที่ผมใช้นั้น อาจไม่ใช่วิธีที่ดี และปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกท่าน ซึ่งอาจมีบางเนื้อหาที่สามารถทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นการกระทำที่ชักนำ แต่ทางผมนั้นไม่ได้มีเจตนาชักนำแต่อย่างใดครับ เพียงแค่ต้องการแบ่งปัญประสบการณ์ และวิธีการเลิกบุหรี่ ของผมไว้เป็นแนวทาง และวิทยาทานเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเลิกบุหรี่ ของแต่ละท่านครับ
เข้าเรื่อง...
++การเริ่มต้นสูบบุหรี่++
ผมเริ่มสูบตอนอายุประมาน ม.1 เทอม1 สาเหตุ : ต้องการลอง ต้องการทำในสิ่งที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่กล้า และไม่รู้สึกว่ามันร้ายแรงมาก เพราะคุณพ่อผมท่านก็สูบ ณ ช่วงเวลานั้น ลอง และสำลัก จนพยายามสูบเป็น แต่ก็ไม่ติด แต่ก็สูบตลอดวันละ 2-3 มวน แอบเข้าห้องน้ำโรงเรียนไปสูบตลอด ส่วนมากจะสูบคนเดียวเพราะเพื่อนเสียงดัง จะเรียกแขกได้ไม่ชอบคนเยอะ พอจบ ม.3 ก็ออกจากโรงเรียนมัธยม เข้าเรียน กศน. เข้าสู่ช่วงที่ต้องดูแลตัวเองเต็มที่ไม่มีคุณครูคอยห้าม มีเพียงคุณพ่อ คุณแม่ ที่ทราบ ไม่ห้ามแต่จะขอให้สูบน้อยๆ หลบๆอย่าให้คนอื่นเอาไปพูดให้เสียหายได้
จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เริ่มเข้าสู่คำว่า "ติดบุหรี่" จริงๆ เพราะสูบหนักมาก สูบตลอด วันละ 1-2 ซอง บางทีเจอเพื่อน หรือไปเล่นดนตรี ฯลฯ อาจมีทะลุ 3 ซอง ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ไม่เท่เลยนะครับทุกท่าน เปลืองตังมากๆด้วย แต่ห้ามตัวเองไม่ได้ครับ เพราะไม่เคยใจแข็งกับตัวเองเรื่องนี้เลย เพราะเรารู้สึกว่า เราไม่ดื่ม สิ่งเสบติดอื่นๆเราไม่ยุ่ง แค่นี้เองให้ตัวเรามีความสุขบ้างเถอะ บลาๆ หาข้ออ้างให้ตัวเองไปเรื่อยครับ
จนถึงวันที่คุณพ่อผมป่วย โรคภูมิแพ้ที่เป็นกำเริบ และหลอดลมตีบ (ผมก็เป็น) จนต้องแบกคุณพ่อไปโรงพยาบาล สุดท้ายคุณพ่อผมเลิกบุหรี่ได้ก่อนผมโดยวิธีการ ลดปริมาณช่วงสั้น และหักดิบ ซึ่งผมก็ยังไม่ได้เลิกบุหรี่ คุณพ่อท่านก็จะบอกว่า "เบาๆบ้างนะ เลิกได้ก็เลิกนะ ไม่เป็นหรอป๊าเป็นยังไง..."
ผมจึงเริ่มคิดหาวิธีเลิกอย่างจริงจังมากขึ้น (ก่อนหน้านี้ก็เคย เลิกสูบ เพราะแฟนแต่ละคนก็จะขอให้เลิกสูบ แต่ผมทำได้นานสุดก็ 1 เดือนก็กลับมาสูบใหม่ตลอด) ผมก็ดูที่ข้างซองบุหรี่ เขียนว่า เลิกบุหรี่โทร 1600 ผมก็เลิกตัดสินใจเอาจริงเอาจัง โทรไปที่ 1600 เลยครับ โทรไปไม่ต่ำกว่าวันละ 5 สาย นานหลายวันติดต่อกัน คุณเชื่อหรือไม่ครับว่า ผมไม่เคยได้รับการรับสายจากทาง 1600 แม้แต่ครั้งเดียว (คนคงโทรไปเยอะครับ) ตอนนั้น Internet ยังเข้าถึงได้ยากครับการค้นหาข้อมูลนั้นทำได้ยาก จึงได้หมดความพยายามไป จะเมื่อไหร่ที่ผมโรคภูมิแพ้กำเริม หรือหลอดลมตีบผมก็จะพยายามหาวิธีเลิกตลอด แล้วก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ จนเวลาผ่านไปยืดยาว ก็ใช้ชีวิตเช่นนั้นตามเดิมตลอดมา
จนกระทั้งผมได้รู้จัก "บุหรี่ไฟฟ้า" ผมลองซื้อมาสูบครั้งแรก ด้วยเหตุผลที่อยากจะเลิกบุหรี่จริง ยุคแรกๆนั้นจะเป็นบุหรี่แบบแท่ง มีรีฟิวซื้อเปลี่ยนตามกลิ่นที่ต้องการ แต่ผลที่ได้คือ เลิกไม่ได้ครับ สาเหตุคือ
1. บุหรี่ไฟฟ้ายุคนั้น ไม่สามารถให้นิคโคตินได้ตามที่ร้างกายผมต้องการ เมื่อเทียบ 1ครั้ง/มวล ภาษาคนสูบคือ (สูบแล้วมันไม่ถึง)
2. ค่าใช้จ่ายแพงกว่าบุหรี่จริงค่อนข้างมากในยุคแรกๆของบุหรี่ไฟฟ้า (นานมากกว่า5ปีก่อนหน้านี้)
3. ขาดการวางแผนที่ดี (จุดนี้หน้าสนใจ) (จุดเปลี่ยน)
4. จิตใจอ่อนแอ
สุดท้ายก็กลับมาสูบเช่นเดิม แต่ก็ยิ่งอายุเยอะขึ้นร้างกายก็แย่ลง ก็เริ่มมีความคิดที่เข้มแข็งขึ้นตลอดว่า อยากจะเลิก แต่แค่คิด และหาวิธี แต่ไม่ลองทำเพราะใจไม่แข็งพอพลัดวันไปเรื่อย จนถึงวันนึ่งผมนึกครึ่มอะไรก็ไม่ทราบ ผมตื่นมา และบอกตัวเองว่า เห้ย จริงจังได้แล้ว อย่าป๊อด แมนๆหน่อย
ผมจึงหาข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ Internet เข้าถึงได้ง่าย ข้อมูลทุกอย่างเพียงปลายนิ้ว ผมก็ได้ศึกษา จนพอที่จะประเมินตัวเองได้ว่าเรานั้นติดบุหรี่แค่ใหน
หลังจากนั้นก็เริ่มหาวิธีเลิกตามเคย ซึ่งลองหลายอย่างมากเป็นปีๆ จนวนกลับมาที่วิธีเดิมก่อนหน้าคือ บุหรี่ไฟฟ้า แต่ครั้งนี้ผมเก็บเงิน ยอมลงทุนเกือบ 1 หมื่นบาท เพื่อซื้อทุกอย่างให้ครบ ตั้งแต่เครื่องชาร์จ เครื่องมือพันคอร์ย บุหรี่ไฟฟ้า แบต สำลี น้ำยา (เอานิคแรงๆไล่มาจนเบาสุด) และสั่งมาพร้อมกันที่เดียว เพื่อไม่ให้การเลิกครั้งนี้ขาดตอนครับ
"วิธีการเลิกบุหรี่"
มาถึงจุดสำคัญของเรื่องนี้คือ วิธีการเลิก ของผมนั้น ผมนำประสบการณ์ที่ผมได้ลองแล้วพลาดจากอดีตมาแก้ไขใหม่ในจุดที่บกพร่อง ดังต่อไปนี้ครับ
1. เตรียมสภาพจิตรใจ
ในระหว่างที่รอบุหรี่ไฟฟ้ามานั้นผมได้เริ่มเตรียมสภาพจิตรใจผม และเริ่มบอกตัวเองว่า เราจะเลิกให้ได้ๆ เราเกลียดมันๆ ท้องไว้ในใจตลอด
2. การวางแผน
ผมเริ่มวางแผนการเลิกของผมครั้งนี้ในรูปแบบของการ ลดปริมาณลงแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปไม่ให้ร้างกายและจิตรใจช๊อกมากนัก
โดยแบ่งเป็น 4 ช่วงดังต่อไปนี้ครับ
2.1 ช่วงแรก ลดปริมาณ
หาจุดขั้นต่ำต่อวันของตัวเอง (ขั้นต่ำจริงๆ) มื้อใหนตัดได้ตัด ของผมเหลือวันละ 8 มวลจาก 20มวล คือ
เช้าตื้นนอน 1 มวล
สาย 1 มวล
เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล
บ่าย 1 มวล
ก่อนเลิกงาน 1 มวล
หลังข้าวเย็น 1 มวล
ก่อนนอน 1 มวล
พอได้ตารางการสูบแล้ว ผมก็เริ่มหา Key ของตารางการสูบผมว่า เวลาให้ที่ต้องได้สูบไม่สูบมีปัญหาต่ออารมณ์ของผมแน่ๆ ผมได้ข้อสรุป Key ของผมดังต่อไปนี้
เช้าตื้นนอน 1 มวล (Key)
สาย 1 มวล
เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล (Key)
บ่าย 1 มวล
ก่อนเลิกงาน 1 มวล
หลังข้าวเย็น 1 มวล (Key)
ก่อนนอน 1 มวล (Key)
จะเห็นได้ว่าผมมี Key อยุ่ 4 จุด ซึ่งสักเกตุที่ช่วง "เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล" มันเป็นช่วงที่สูบเยอะกว่าปกติอยู่ 1 มวล
2.2 ช่วง Parallel
เป็นช่วงที่ได้บุหรี่ไฟฟ้ามาแล้วครับ สิ่งแรกที่ต้องทำคือกำหนดวันที่จะ Parallel ครับ และเมื่อกำหนดได้ให้เริ่มต้น Parallel ได้เลย โดยใช้วิธีการ ตัดมื้อที่ไม่ใช้ Key ออก โดยแทนด้วย บุหรี่ไฟฟ้าครับ
เช้าตื้นนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่จริง
สาย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล (Key) : บุหรี่จริง 1 + บุหรี่ไฟฟ้า 1 อิ่ม
บ่าย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
ก่อนเลิกงาน 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
หลังข้าวเย็น 1 มวล (Key) : บุหรี่จริง
ก่อนนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่จริง
เห็นความแตกต่างหรือไม่ครับ ด้วยวิธีนี้ผมสามารถลดบุหรี่ได้ถึง 4 มวลในช่วงเวลาอันสั้น ทริค บุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ได้ฟิวและอิ่มเท่าบุหรี่จริง สำหรับผมมื้อให้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าผมจะสูบจนกว่าผมจะอิ่ม หรือพอใจเท่าที่จะทำได้ร้างกายจะบอกเราเอง พยายามจับบุหรี่ไฟฟ้าและใช้มันให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
ช่วงเวลานี้จะคงอยู่สักระยะหนึ่ง สำหรับผมกำหนดไว้ที่ 1 เดือน หลังจากผ่านระยะนี้ ผมเริ่มมาตรการ ลด อีกครั้ง โดยครั้งนี้จะตัด Key ที่ไม่จำเป็นออกไปอีก ให้เหลือแค่ช่วงเวลาที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดยังขาดไม่ได้ไว้ โดยมีการตัดออกดังต่อไปนี้ครับ
เช้าตื้นนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่จริง
สาย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
บ่าย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
ก่อนเลิกงาน 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
หลังข้าวเย็น 1 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
ก่อนนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่จริง
จะเห็นได้ว่า ครั้งนี้เหลือ ช่วงเวลาที่สูบบุหรี่จริงเพียงแค่ 2 ช่วงเวลา ช่วงละ 1 มวล ซี่งช่วงนี้ก็เป็นช่วงกระชากอารมณ์ประมานนึงเช่นกันเพราะถูกตัด Key ออกไป (ทริคคือ ต้องตั้งใจ และใจแข็งสู้ ใช้บุหรี่ไฟฟ้าให้ชินให้ติดมือติดตัวตลอด หากอยากนอกช่วงเวลาอนุญาตให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้ตามต้องการ เพื่อลดอาการตริงเครียดที่อาจเกิดขึ้นครับ) ช่วงนี้จะใช้เวลานานพอๆกับช่วงที่แล้วครับ
2.3 ช่วง Transfer
เข้าสู่ช่วงกระชากวิญญานอีก 1 ช่วง จิตรไม่แข็งไปต่อยากครับบอกเลย ช่วงนี้วิธีการของเราคือการตัดบุหรี่จริงที่เหลือออกจากชีวิตเราทั้งหมด โดยใช้บุหรี่ไฟฟ้าเข้าแทน 100% ครับ
เช้าตื้นนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
สาย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
เที่ยงหลังทานข้าว 2 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
บ่าย 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
ก่อนเลิกงาน 1 มวล : บุหรี่ไฟฟ้า
หลังข้าวเย็น 1 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
ก่อนนอน 1 มวล (Key) : บุหรี่ไฟฟ้า
ช่วงนี้ผมจะไม่มีข้อแม้ออะไรกับตัวเองมากครับ มีกฏเหล็กข้อเดียวสำหรับช่วงนี้คือ ห้ามพก และสูบบุหรี่จริงครับเหมื่อนจะยากใช่มั้ยครับ แต่ผมจะบอกว่ามันไม่ยากขนาดนั้นครับ สิ่งเดียวเลยที่ต้องพร้อมคือจิตรใจครับ สำหรับช่วงนี้ ผมจะผ่อนๆตารางเวลาการสูบลง คืออยากสูบตอนใหนสูบ แต่ต้องเป็นบุหรี่ไฟฟ้าเท่านั้นครับ และเปลี่ยนที่สูบเป็นจุดที่ไม่มีคนอื่นสูบ สูบคนเดียวเพื่อหลีกเลี้ยงการเจอกลิ่นบุหรี่จริง แล้วอาจทำให้อยากครับ
สำหรับผมแล้ว ผมมาถึงช่วงนี้ได้ ผ่านมันไปได้ประมาน 1 เดือนผม รู้ได้โดยจิตรใจผมเลยครับว่า ผมดีใจ ผมเอาชนะตัวเองได้ ผมเลิกบุหรี่ได้แล้ว ผมกล้าพูด กับคนอื่นได้เลยว่าผมเลิกบุหรี่จริง ได้แล้วครับ แต่สิ่งที่สำคัญ และเป้าหมายสูงสุดคือการเลิกทั้งหมด บุหรี่ไฟฟ้าด้วยครับ อย่าลิมว่าเราใช้มันเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับเลิกบุหรี่จริงครับ
2.4 ช่วง Cut off
คือช่วงสุดท้ายของกระบวนการเลิกบุหรี่ของผม ช่วงนี้เป็นช่วงที่ง่ายมากครับ เพราะบุหรี่ไฟฟ้านั้น ในตัวน้ำยาของบุหรี่ไฟฟ้านั้น จะมีค่านิโคติล ตั้งแต่สูง จนถึง 0 ครับ ซึ่งวิธีการก็คือการซื้อน้ำยาที่มี นิโคติลน้อยลงมาสูบเริ่อยๆ ลดลงอาทิตย์ละ1ขั้น จนถึง 0 อาทิตย์ที่สูบน้ำยา นิค 0 เป็นอาทิตย์สุดท้ายบอกลาโลกสายควันครับ ถึงตอนนี้แล้วคำตอบมีเพียงคำเดียวครับคือ ต้องเลิกได้ และมันไม่อยากครับ สุดท้ายผมก็หยุดสูบบุหรี่ได้ โดยการ หักดิบที่อาทิตย์สุดท้ายของ นิค 0 ครับ
ปัจจุบัน ผมเลิกสูบบุหรี่ทั้งหมดทั้งบุหรี่จริง และบุหรี่ไฟฟ้า มาได้มากกว่า 1 ปี แล้วครับ เย้
จบแล้วครับ
สุดท้ายนี้อยากจะเน้นย้ำอีกครั้งครับว่า เนื้อหาข้อความที่ผมได้กล่าวไปทั้งหมดนั้น มิได้มีเจตนาชักจูง เพียงแค่ต้องการแชร์ประสบการณ์ และแนวทางสำหรับท่านที่ต้องการเลิกบุหรี่ และยังหาทางออกไม่ได้ครับ
ดูผมเป็นตัวอย่างในเรื่องที่ดี และในเรื่องที่ไม่ดีหากท่านไม่ได้กระทำอยู่ ผมขอแนะนำว่าอย่าเริ่ม อย่าลองครับ เพราะถ้าหากคุณได้ติดมันจริงๆ แบบไม่ใช่แฟชั่น คุณรู้ตัวอีกทีคุณก็เสียสุขภาพกับมันไปมากกว่าที่คุณจะรับรู้ได้จากภายนอกครับ
ส่วนท่านใดที่สูบอยู่ ถ้าไม่อยากเลิกเราไม่ห้ามครับ ผมเข้าใจมากๆ เพราะถึงตอนนี้ผมจะเลิกมาได้นานมากกว่า 1 ปี แล้ว ผมก็ยังมีความอยากสูบครับ
แต่เคสผมครั้งนี้นั้น ผมตั้งใจแล้ว และจะไม่ขอกลับไปลำบากเลิกอีกเช่นเดิมครับ
ขอให้ทุกท่านได้รับความรู้ แนวทางจากประสบการณ์ของผมนี้ไม่มากก็น้อยเพื่อนำไปบอกกล่าวเล่าต่อให้คนที่ท่านรัก และขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรง มีความสุขกับร้างกายที่แข็งแรงตลอดไปครับ
ขอบคุณครับผม
Bye.....