**ก่อนอื่นฝากเพจสำหรับสายเที่ยวและไม่อยากพลาดสิ่งที่น่าสนใจ 

เราอาสาพาเที่ยว พากิน หรือไปเม้ามอยกันได้ที่ 

รับรองว่าคุณจะไม่มีเวลาเหงา เพราะเราจะไม่หยุดเที่ยว 

เรียนเชิญทางนี้โล้ดดด

.................

วันนี้คือวันที่6​ ของทริป​.. เดินมาถึงครึ่งทาง​แล้วสินะเรา 😙

วันนี้ยังเป็นวันพิเศษที่เราตื่นเต้นและรอคอย​ตั้งแต่จัดแพลน

ทำไมนะเหรอ.. ก็เพราะวันนี้เป็นวันที่เราจะเที่ยวแบบนินจา

นิน นิน​ นินนน วาร์ปเที่ยว​ 3เมืองรวด​ ในวันเดียว!!! 

เช้า​ >> Cinque Terre

บ่าย​ >> Pisa

เย็น​ >> Florence​

ค่ำ​ >> Venice (เข้าที่พัก)

.

.

จะร่วง​ หรือ​ จะรอด.. ตามมาดูกัน

.

.

ต่อจาก Part8.. ช่วงเช้าเราเที่ยวอยู่​ที่​ Vernazza, Cinque Terre

ก่อนอื่นต้องบอกว่า​ แรกเริ่มเราตั้งใจจะไป​เที่ยว​ Venice ต่อจาก Cinque terre แต่พอเช็คเส้นทางรถไฟความเร็วสูงแล้ว​ มันต้องผ่าน​ Pisa​ และ​ Florence​ เราเลยเผื่อเวลาแวะเที่ยวเก็บ Landmark ของแต่ละเมืองซะเลย​ ไหนๆก็เป็นทางผ่านแล้ว อีกอย่างเราก็ยังไม่เคยมาด้วย​ จัดไปอย่าให้เสียเที่ยวค่ะ!! 

จากสถานี​ La spezia centrale -​-> Pisa

เราจองตั๋วรถไฟล่วงหน้า​เจ้าเดิม​ Trenitalia นั่งขบวน​ Intercity รอบเวลา​ 11.23am ใช้เวลา​ 54นาที​ ก็มาถึง

​ปิซ่าจ๋าาาา  ฉันมาแล้วจ้าา​

12.17pm รถไฟมาถึงตรงเวลา​ ไม่รอช้ารีบไปฝากกระเป๋าไว้ที่สถานี​ Pisa​ centrale​ ค่าฝากใบละ​ €5.00 

🚩 วิธีการเดินทางไปชมหอเอนปิซ่า​

มีรถบัสวิ่งบริการจากสถานีรถไฟผ่านหอเอนปิซ่า ซื้อตั๋วสำหรับขึ้นรถบัสได้ที่ร้านขายของอยู่ตรงเกือบถึงทางออกสถานีรถไฟ​ ราคาคนละ​ €1.50 ใช้เดินทางได้ภายใน​ 70นาที​

รถบัสจะจอดหน้าทางเข้าหอเอนเลย จุดนี้คนมากมายมหาศาล​ ทั้งนักท่องเที่ยว​ คณะทัวร์เดินกันวุ่นวายไปหมด​ เรามีเวลาอยู่ตรงนี้ชั่วโมงเดียว​​ มื้อเที่ยงนาทีนี้ก็ต้องฟาสต์ฟู้ด​แล้วแหละ​ ไม่รอช้าพุ่งตัวเข้าร้าน​ Mc donald อยู่หน้าทางเข้าหอเอน​เหมือนกัน ตรงบริเวณนี้จะมีร้านขายของที่ระลึกอยู่หลายร้านเลยค่ะ เราวิ่งผ่านแวปเดียวก็ยังได้หอเอนติดมือมาอันนึง อันละ €1 ขายแพงกว่าหอไอเฟลที่ปารีสอีกนะ ฟ้องงง 🤣

เดินผ่านซุ้มประตูเข้ามาโซนด้านใน​ จะเห็นแต่ละคนโพสท่าคู่หอเอน​ตลอดทางเดินเลยค่ะ ได้เดินดูแต่ละคนครีเอทท่าทางก็เพลินดีนะคะ55555 ท่าฮอตฮิตสุดขอยกให้ท่าสองฝ่ามือดันหอเอน​ บอกเลยว่าความท้าทายของการมาถ่ายรูปที่นี่คือการพยายามหาพื้นที่ส่วนตัวให้ได้ค่ะ คิดท่ามาจากบ้านได้ยิ่งดี หรือจะก็อปท่าคนข้างๆเอาก็ได้นะ เราโดนก็อปมาแล้วแบบต่อหน้าต่อตาเลยค่ะ 😆

เราเดินเล่นถ่ายรูปอยู่แค่แถวนี้ ไม่กล้าเดินไปไกลเพราะเวลามีน้อย จะตกรถไฟไม่ได้!!  ขากลับก็ขึ้นที่ป้ายบัสหน้าทางออก(ขึ้นคนละฝั่งกับตอนขามา) นั่งรถบัสลงที่ป้าย "Stazione" บัสมาจอดส่งที่หน้าสถานีรถไฟกลาง Pisa centrale 

มูฟฟฟฟ ได้เวลาไปเมืองอื่นต่อจ้าาา

จองตั๋วรถไฟล่วงหน้ากับเจ้าเดิม Trenitalia ขบวน Regionale Veloce รอบเวลา 14.32น. ราคาคนละ €8.60 ใช้เวลาเพียง 1ชม. ก็ถึงที่หมายใหม่ของเรา..

รถไฟจอดที่สถานี "Firenze S. M. Novella" ตอนบ่ายสามโมงกว่าๆ

เสียเวลาตรงหาที่ฝากกระเป๋าไปอีก เพราะเค้าย้ายที่จากอยู่ตรงข้างสถานีรถไฟไปอยู่ข้างนอกสถานี ซึ่งสถานีรถไฟที่นี่ใหญ่และวุ่นวายมาก ค่าฝากกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่ราคาเท่ากันคือใบละ €6 (ฝากไม่เกิน 5 ชม.)

โอเค.. จุดนี้เราเหลือเวลาในการชะโงกที่เมืองนี้แค่ 3 ชั่วโมง!! เพราะเราจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าไปเวนิสไว้รอบ 18.54น.

จะไปเที่ยวไหนก็ได้ แต่ห้ามตกรถไฟ!!! 

 

ที่ฟลอเร้นซ์เราไม่ได้ใช้ขนส่งสาธารณะค่ะ เราใช้วิธีเดินค่ะ เดินไปตามตรอกซอยในย่านใจกลางเมือง ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็จะเดินเที่ยวกันตามโบสถ์ วิหาร หอศิลป์ และพิพิธภัณฑ์ที่มีอยู่เยอะมากกกก เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะทั้งตกต่ำและรุ่งเรืองเฟื่องฟูสุดๆ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมยุคเรอเนสซองส์ที่งดงามล้ำค่า ผลงานศิลปะมากมายจากช่วงยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปะและวิทยาการ ศิลปินเอกของโลกหลายท่านต่างฝากผลงานศิลปะไว้ที่เมืองนี้ บ้านเรือน โบสถ์ สวยงามอลังการมาก นี่ขนาดเราแค่เดินเล่นในย่านเล็กๆ ยังสัมผัสได้ถึงความอาร์ตที่มีอยู่ทุกที่ เป็นสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบเสพย์งานศิลป์ที่แท้ทรู บรรยากาศตามท้องถนนมีผู้คนเดินไปมาคึกคัก ร้านอาหาร ร้านค้าเรียงรายอยู่ทั่วเมือง บรรยากาศเมืองนี้มันมีเสน่ห์เจือด้วยความโรแมนติกทุกย่างก้าวจริงๆ

แต่สามชั่วโมงอันมีค่าที่เมืองนี้ เราทุ่มไปที่สิ่งเดียว.. จุดยืนชัดเจนคือเรื่องกิน 😁😄

พวกเราใช้เวลาไปกับการดื่มด่ำมื้อเย็นที่ร้านอาหารชื่อดัง อยู่ไม่ไกลจาก Cathedral of Santa Maria del Fiore 

จำชื่อร้านนี้ไว้ให้ขึ้นใจ แล้วตามไปโดนกันนะคะ 😋

ร้านนี้จัดจ้านในย่านฟลอเรนซ์ ดีงามสมคำร่ำลือและรีวิว ราคาสมเหตุสมผลกับคุณภาพ ไม่ได้แรงอย่างที่คิด บริการใช้ได้เลย

ร้านนี้มีให้เลือกนั่งทั้งโซนด้านนอกร้าน ดื่มด่ำบรรยากาศของเมือง หรือด้านในร้านก็ตกแต่งสวยงาม บรรยากาศช่างเข้ากันดีกับเมืองแห่งศิลปะจริงๆ

เรามาทานตอน 17.00น. โซนด้านนอกนั่งกันเต็มแล้ว ภายในร้านยังมีลูกค้าเข้ามาไม่เยอะ แต่หลังจากเรานั่งทานไปสักพักลูกค้าก็เริ่มทะยอยเข้ามานั่งกันหลายโต๊ะเลย

ร้านนี้จะเสริฟอาหารอิตาลีทัสแคน คือสไตล์ท้องถิ่นของแคว้นทัสคานี

เมนูอาหารว่ามีให้เลือกเยอะ เมนูไวน์ก็เยอะไม่แพ้กันค่ะ 

เลือกจนลืมว่าสรุปสั่งไรไปแต่ดีที่พนักงานรับออเดอร์เป็นคนจำให้ และจำของทุกคนได้หมด 👍👍

มื้อที่ตราตรึงใจจนถึงทุกวันนี้ ❤️

Grilled beef slices topped with truffle seasoning (€18.00)

ทานคู่กับไวน์แดง Chianti Classico DOCG (€5.00)

เข้ากันยังกับกิ่งทองใบหยก บอกได้คำเดียวว่า ฟินนนน 🥰

-Grilled beef sliced topped with truffle seasoning (medium) 

เนื้อนุ่มมากกก แบบกินแล้ว(คิดในใจว่า)หืมมมม โคตรอร่อยว่ะ 😄 กลิ่นซอสเห็ดทรัฟเฟิลหอมฟุ้งลอยมาตั้งแต่จานยังไม่ทันได้แตะโต๊ะ เคียงด้วยมันฝรั่งย่างปรุงรสชาติออกเค็มนิดๆ อร่อยมาก จานนี้คือทานเกลี้ยงทุกอย่างไม่ให้เหลือ

อ่ออ เห็ดทรัฟเฟิลของอิตาลีเค้าโด่งดังและมีชื่อนะคะ ^^

- Chianti Classico DOCG 

ไวน์นุ่ม ลื่นคอ หอม ทานคู่กับเนื้อคือเข้ากันดีกับที่หัวใจบอกไว้ 🥰 🥂

>>>> คนละแก้ว.. มึนค้าบบ!! Alc.14% จบแบบสวยงามแก้มแดงตาเยิ้ม 🤪 

ของขึ้นชื่ออีกอย่างของเมืองนี้ค่ะ.. เครื่องหนัง

มีขายเยอะมากตามข้างทาง หลายร้านหลายเกรด เลือกตามชอบค่ะ

เราสอยมาใบนึงตอนมึนๆ5555 งานเนียบ คุณภาพดี ใช้มาหลายเดือนแล้วแต่กลิ่นหนังยังฟุ้งไม่จางเลยค่ะ หนังแท้ไม่จอจี้ 🤣

.

.