สวัสดีค่ะทุกคนนนนนนน ที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ๆไม่ได้หนีไปไหน แต่เราไปเที่ยวญี่ปุ่นมาค่ะ ^^ 

วันนี้ก็ฤกษ์งามยามดี ได้เวลามารีวิวกันอีกครั้ง! วันนี้เราจะมารีวิวแป้งและเบสที่เรานำไปใช้ที่ญี่ปุ่นกันค่ะ ไปดูกันเล้ยยยยยย

จริงๆนี่คือเครื่องสำอางทั้งหมดที่เราพกไปญี่ปุ่นค่ะ จะเน้นพกน้อยๆ พกแต่ตัวที่จำเป็น และชิ้นเล็กๆค่ะ เอาจริงคือถือว่าเราพกเครื่องสำอางไปน้อยมากกกก น้อยกว่าปกติที่ไปเที่ยวต่างจังหวัดอีกค่ะ 5555

แต่วันนี้เราจะมารีวิวแค่ตัว Moisture Veil LX + Moisture Clear Base ของ Covermark ผลิตและนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ที่เราพึ่งได้มาก่อนไปญี่ปุ่นวันเดียวเอง และแน่นอนว่าคนขี้เห่อแบบเรา ได้มาก็ต้องเอาไปใช้เลยจ้า พกไปแบบยังไม่ได้แกะกล่องด้วยซ้ำ เอาไปใช้ครั้งแรกที่นู่นเลย

นี่คือสินค้าทั้ง 3 ชิ้นที่เราได้มา เป็น Moisture veil LX ที่แยกระหว่างตลับกับพัฟ และตัวแป้งรีฟิลค่ะ และ Moister clear base เบสสำหรับลงก่อนทารองพื้น หรือแป้งพัฟ เพื่อให้เครื่องสำอางติดทนมากขึ้นค่ะ

Moister clear base (มอยส์เจอร์เคลียเบส) สูตรสำหรับสาวผิวแห้งเช่นกันค่ะ ตัวนี้จะช่วยให้หน้าชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำบนผิวหน้าไว้ และมี Fine-Fit Polymer ช่วยปรับผิวให้เนียนขึ้น ช่วยให้รองพื้นเกลี่ยง่ายขึ้น  และ เครื่องสำอางติดทนนานขึ้นค่ะ

ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนผิวผสมนะคะ จะมันเฉพาะในช่วงทีโซน แต่ไม่มากเท่าไร ส่วนช่วงแก้มจะแห้งมากกกก และผิวจะค่อนข้างขาดน้ำมากๆ ตรงนี้ต้องหมั่นดูแลดีๆเลยค่ะ ถ้าเผลอลืมดูแลปุ๊บ ผิวจะกลับมาขาดน้ำปั๊บเลย 55555 คิดอยู่นานว่าจะเอาสูตรไหนดี สุดท้ายไหนๆก็ต้องไปญี่ปุ่น เลยเลือกสูตร Moisture Clear Base ที่เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง ขาดน้ำมาค่ะ คิดว่าเหมาะกับเราที่สุดแล้ว ส่วนตัวไม่ค่อยชอบพวกรองพื้น หรือแป้งที่เป็นเนื้อแมตต์อยู่แล้วด้วยค่ะ

เนื้อเบสดีมากกก เกลี่ยง่าย เกลี่ยลื่น นอกจากจะช่วยให้เครื่องสำอางติดทนแล้ว เค้ายังช่วยให้ผิวแลดูสว่างขึ้น 1 ระดับนะคะ แล้วก็ช่วยอำพรางสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอด้วยค่ะ

มี Moisturizing agents ช่วยรักษาและกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว มี squalane ทำหน้าที่เคลือบผิวเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมทั้งดูดซับน้ำมันส่วนเกิน ตัวนี้จะทำให้ผิวเราไม่ดรอป ไม่หมองระหว่างวัน เครื่องสำอางไม่หลุดระหว่างวันค่า

Moisture veil LX ตัวนี้เป็นตลับรีฟิลสูตรสำหรับสาวผิวธรรมดา ไปจนถึงผิวแห้งค่ะ (Moisture coating) 

ส่วนตัวนี้จะเป็นตลับรีฟิลของแป้ง ทั้งตลับและแป้งรีฟิล จะอยู่ที่ราคา 2,200 บาท (ตลับพร้อมฟองน้ำ ราคา 700 บาท และแป้งรีฟิล ราคา 1,500 บาท)

ตลับสวยมากกกกกก ดูหรู ดูแพงสุดๆจ้า 

เราชอบตัวฟองน้ำของเค้านะคะ ฟองน้ำเนื้อแน่น พอใช้คู่กับแป้งแล้วให้ลุคเนียน ติดทน ปกปิดดีสุดๆเลย

ตัวนี้เค้าเป็นรองพื้นเนื้อแป้งนะคะ เนื้อละเอียดมั่กๆ ตัวนี้ก็จะเป็นสูตรสำหรับผิวแห้งเช่นกันค่ะ แต่ทางแบรนด์บอกมาว่า แม้จะเป็นสูตรสำหรับคนผิวแห้ง แต่สามารถใช้ในคนผิวมัน ผิวผสมได้ด้วย ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทั้งยังคุมมัน ปรับผิวหน้าให้กระจ่างใส เนียนเด้งทั้งวันเลยค่ะ

แค่มีสองชิ้นนี้พกไปเที่ยวก็พอแล้วสำหรับงานผิว เพราะมันปกปิดดี แถมให้ผิวเด้ง ฉ่ำสุดๆเลยค่ะ เดี๋ยวเรามาดูรีวิวตอนใช้กันทีละตัวเลย

อันนี้เป็นก่อน และหลังลงเบสเมคอัพ จะเห็นเลยว่าผิวกระจ่างใสขึ้น แต่ไม่วอก ไม่ลอย เบลอรูขุมขนได้ดี ไม่ได้ปกปิดเท่าพวกรองพื้นนะคะ แต่รู้สึกว่าผิวเนียนขึ้น

ต่อไปหลังจากลงเบสเมคอัพแล้ว เราก็ลงรองพื้นชนิดแป้งของเค้ากันก่อนเลยค่ะ

และนี่คือภาพก่อน และหลังจากลงรองพื้นชนิดแป้ง ส่วนตัวเราว่าเค้าปกปิดได้ดีมากเลยหล่ะ พวกรอยกระ ฝ้าเล็กๆสามารถเก็ได้เนียนเลย ไม่หนักหน้าเท่าไรค่ะ แต่ถ้าใครที่อยากได้ลุคใสๆไม่ปกปิดมาก เราแนะนำให้ใช้เป็นแปรงปัดแป้งแทนฟองน้ำนะคะ ถ้าใช้ฟองน้ำเค้าจะให้ลุคแบบปกปิด

ทาดาาาา finish look ของเราวันนี้ค่ะ งานผิวเราใช้แค่เบสและรองพื้นเนื้อแป้งสองตัวนี้เท่านั้นน้า แม้เค้าจะเป็นสูตรสำหรับผิวแห้ง แต่ส่วนตัวเราว่าคนผิวผสมแบบเราใช้ได้ค่ะ เค้าก็ดูคุมมันได้ดีอยู่ เพียงแค่ไม่ได้ทำให้หน้าแมตต์เท่านั้นเอง เป็นลุคงานผิวแบบดิวอี้ๆเลย

เอาลุคตอนไปญี่ปุ่นมาฝาก เรียกได้ว่าพกติดตัวเลยค่ะ เค้าพกพาง่ายอยู่ ไม่หนัก ไม่เกะกะ เหมาะสำหรับนำไปเที่ยวแบบนอนค้างคืนมั่กๆ สองตัวให้งานผิวกริบเลย และยิ่งเวลาผ่านไป เค้าเหมือนทำให้ผิวดูสุขภาพดี ดูนวลขึ้นด้วยนะคะ เลิฟมากจริง (ปล.ที่จมูกแดงคือมันหนาวมาก เห็นแดดแบบนี้แต่ตอนนั้นที่เราไปแค่ 1 องศาเองค่ะทุกคน หนาวจนหูแดง จมูกแดงเลย 5555555)

ใครที่สนใจสามารถลองไปดูที่เค้าน์เตอร์ของเค้าได้เลยนะคะ เราแนะนำให้ไปเทสสีเองเด้อ เพราะเค้ามีให้เลือก 6 เฉดสีเลย ที่เราใช้คือเบอร์ MN10 ผิวออกเหลืองค่ะ

วันเราขอตัวไปก่อน บายๆค้าบบบบบ xoxo