[CR] ประสบการณ์เปลี่ยนมาใช้ iPhone11 หลังใช้ Android มา7ปี (คำเตือน ดักแก้ ยืดเย้อ และยาว)

กระทู้รีวิว
สวัสดีเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านครับ วันนี้อยากมาขอแชร์ประสบการณ์การเปลี่ยนมาใช้ iPhone11 หลังจากที่ได้ใช้ Android มา 7 ปีกว่าๆ ซึ่งไม่ใช่การเล่าแบบธรรมดา แต่เป็นการเล่าแบบยืดเยื้อ และย้อนอดีตไปไกลอยู่พอสมควร ถ้าท่านใดอยากอ่านเนื้อหาที่เกี่ยวกับการเปรียบเทียบโดยตรง สามารถเลื่อนไปดูตรงส่วนล่างๆได้เลยครับ

เกริ่นเรื่องอดีต
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 ที่ผมใช้ Samsung Omnia Pro (ที่เป็น Windows Mobile 6.5) ในช่วงนั้น ทั้ง Symbian, Windows, Android, iOS, BB ยังอยู่กันครบ ตอนนั้น iPhone เพิ่งเข้ามาไม่นาน Android เพิ่งตั้งไข่ Smartphone ส่วนใหญ่ยังเป็น Symbian กับ BB และถ้าใครอยากใช้งานแอพสำหรับทำงานแบบจริงจัง ทางเลือกหลักก็ยังเป็น Windows Mobile

[Omnia Pro รันบน Windows Mobile6 ,credit: MXphone]

OSX ใน iPhone ตัวแรก (ตอนนั้นยังไม่มีชื่อเรียก iOS) ในแง่นึงเป็นระบบปฏิบัติการณ์ที่ดูล้ำมากในตอนเปิดตัว เช่นการซูมเข้าออกด้วยการจีบนิ้ว การไถนิ้วเพื่อเลื่อนเมนู แต่ในอีกแง่ก็เป็นระบบที่โดนดูถูกมากๆเช่นกันด้วยหลายๆเหตุผล เช่น
- ภาพพื้นหลังหน้าจอเป็นสีดำล้วน เปลี่ยนไม่ได้ 
- คนนิยมส่งเพลง ส่งคลิปผ่าน bluetooth แต่ iPhone ส่งอะไรไม่ได้เลย เอาเพลงหรือวีดีโอลงผ่านคอมก็ยากมาก ลากวางเลยเอามาเล่นไม่ได้ 
- ลงโปรแกรมไม่ได้(สมัยก่อนคนนิยมเรียกแอพฯ ว่าโปรแกรม ซึ่ง iPhone OS รุ่นแรกลงแอพไม่ได้จริงๆครับ ผมไม่ได้เขียนผิด) 
- ส่ง mms ไม่ได้(คนรุ่นนี้อาจจะไม่รู้จักแล้ว) 
- copy paste ข้อความไม่ได้ 
- ถ่ายวีดีโอไม่ได้ เมนูกล้องที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากปุ่มถ่ายรูป (ในยุคนั้นมือถือเริ่มเข้าสู่ยุคกล้อง 8 ล้านพิกเซลพร้อมเฟลชแบบซีนอนกันแล้ว แต่ iPhone มาเป็นกล้อง 2 ล้านพิกเซล แฟลชก็ไม่มี คุณภาพก็ไม่ได้ดีอีกต่างหาก) 
และอีกหลายๆอย่างที่มือถือทั่วไปทำได้ แต่ iPhone ทำไม่ได้ ทำให้หลายๆคนยุคนั้นมอง iPhone เป็นอะไรที่หวือหวา แต่ใช้งานจริงจังไม่ได้
(ลองดูตัวอย่างกระทู้ที่เคยคุยกันเมื่อปี 2551 ครับ
http://topicstock.ppantip.com/mbk/topicstock/2008/09/T6972394/T6972394.html
)

[iPhone ตัวแรกที่ตั้ง Wallpaper ไม่ได้ และไม่มี App Store ให้เห็น, credit:108blog]

การปรับปรุงครั้งใหญ่ๆเริ่มมาตอน iPhone 3GS กับ iOS3 (ปี2009) ที่ทำให้ iPhone เริ่มจะทำอะไรได้เหมือนมือถือปกติกับเค้า (ถ่าย Video ได้แล้ว) แต่ก็ยังไม่ได้ดึงดูดใจคนกลุ่มใหญ่ได้มากมาย
จนกระทั่งปี 2010 ที่ iPhone4 ออกมา อะไรๆก็เปลี่ยนไป เรื่องการใช้งานตามคนอื่นทันไปตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านี้ ส่วนสิ่งที่รุ่นนี้นำหน้าคนอื่นคือตัวเครื่องทำจากกระจกประกบสเตนเลส เป็นงานประกอบที่ใครในยุคนั้นก็ให้ไม่ได้ หน้าจอคมกริบที่แยกเม็ดพิกเซลไม่ออก (น่าจะเป็นจอรุ่นแรกในไทย ที่ทำให้คนไทยได้เห็นความชัดระดับนี้ เป็นความชัดที่ทุกคนเห็นต้องตื่นเต้น เพราะเหมือนมองภาพปริ๊นบนกระดาษสวยๆ และเป็นความชัดที่เท่ากับ iPhone XR/11 ที่มักจะโดนว่าเรื่องความละเอียดจอต่ำในทุกวันนี้)

[iPhone4 ที่มากับ Retina display ชัดที่สุดในยุคนั้น, credit:108blog]

นอกจากเรื่องจอละเอียด วัสดุดี แล้วก็ยังมีกล้องที่มี HDR (ซึ่งชื่อเสียงเรื่องกล้องของ iPhone เพิ่งเริ่มสร้างกันมาใน iPhone4 นี่เอง) และ Video Call ซึ่งสมัยนั้นประเทศไทยกับ 3G เป็นอะไรที่ดูเหมือนจะไม่มีวันได้เจอกัน คนไทยหลายคนได้มีประสบการณ์ Video Call ครั้งแรกในชีวิตก็บน iPhone4 นี่ล่ะครับ

[คนไทยส่วนใหญ่ มีโอกาส Video call บนมือถือครั้งแรกก็ด้วย FaceTime นี่เอง, credit Geeky Gadgets]

ผมเองก็เป็นคนนึงที่เห็น iPhone4 แล้วคิดว่างวดนี้คงถึงเวลาที่จะมาเปิดใจใช้ iPhone เป็นครั้งแรกจริงๆซักที และก็ได้มาครอบครองโดยการฝากคนรู้จักซื้อมาจากต่างประเทศ เรียกว่าเป็นประสบการณ์ใช้งานที่ต่างไปโดยสิ้นเชิง สำหรับคนที่เคยใช้แต่ Symbian และ Windows Mobile
ประสบการณ์ใช้งาน iPhone4 ตอนนั้นคือดีมาก ความเสถียรและความรู้สึกง่ายและตื่นเต้นเวลาใช้งานอยู่ในระดับที่ดีกว่าระบบอื่นๆไปไกลมากๆ สิ่งหนึ่งที่ตอนใช้รุ่นอื่นๆไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะสามารถทำแบบนี้บนมือถือได้ คือการเล่นเว็บอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในยุคนั้นก็น่าจะมีความเข้าใจแบบเดียวกัน คือเว็บจริงๆมีไว้เล่นบนคอม ส่วนมือถือเอาไว้เข้าเว็บเพื่อโหลดโปรแกรม เพลง เกม รูป มาลงบนเครื่องเท่านั้น 
อีกเหตุผลนึงที่การเล่นเว็บผ่านมือถือยังไม่ฮิตก่อนหน้านี้ ก็เนื่องมาจากยังไม่ค่อยมีใครติดตั้ง wifi router ตามบ้าน และเน็ตมือถือก็ยังเป็น 2G(GPRS/EDGE) กว่าบ้านเราจะมี 3G แพร่หลาย ก็หลังจากปี 2011 ไปแล้ว
โดยรวมแล้ว ด้วยข้อเสีย ข้อดีต่างๆบวกลบกัน ผมใช้ iPhone4 อยู่ประมาณ 2 ปีกว่าๆครับ 

เจอกับ Android ครั้งแรก
ผมเริ่มลองใช้ Android ครั้งแรก ไม่ใช่หลังจากใช้ iPhone4 แต่เป็นช่วงระหว่างที่ใช้งาน iPhone4 เลย ด้วยความอยากลองระบบปฏิบัติการณ์ใหม่ๆตัวอื่นดูบ้าง หลังจากเปิดใจกับ iOS ไปแล้ว

รุ่นที่ได้ลองตอนนั้นคือ Motorola Milestone ครับ พอได้ลองเล่นซักพักก็รู้สึกได้เลย ว่าอารมณ์ในการใช้งานมันเหมือนย้อนกลับไปใช้ Omnia Pro เครื่องเก่ามากๆ มันคือ Windows Mobile (version 5-6) ที่มาในร่างใหม่ ความเสถียรอยู่ในระดับเดียวกันคือเจออาการค้าง เอ๋อ รวน เด้ง กระตุก อยู่เรื่อยๆตลอดการใช้งาน (ซึ่งจริงๆแล้วในยุคที่ Windows Mobile เป็นที่นิยม อาการแบบนี้มันคือเรื่องปกติที่ผู้ใช้รับได้) การชัก keyboard เข้าออกบ่อยๆ หรือแค่ตั้ง wallpaper ไม่ถูกจังหวะก็ทำให้เครื่องผิดปกติได้แล้ว การตั้งค่าหรือการจะทำอะไรบน Android ยุคนั้น ก็ให้ความรู้สึกที่คล้าย Windows Mobile มากจริงๆครับ (Android ยุคนี้ลบความรู้สึกนั้นออกไปหมดแล้ว)

[Motorola Milestone ซึ่งตอนนั้นทาง Truemove นำเข้ามาขาย มี keyboard ภาษาไทยให้ด้วย, credit:MXphone]

นอกจากเรื่องความรู้สึกการใช้งานจะเหมือน Windows Mobile แล้ว อีกเรื่องที่เหมือนก็คือการ flash rom ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องยอดฮิตของทั้งชาว Android และ Windows Mobile

ทำไมต้อง flash rom?
การ flash rom หรือการนำ firmware ที่ไม่ได้มาจากผู้ผลิตมาใส่ในเครื่อง ในอดีตเป็นที่นิยมมากกว่ายุคปัจจุบันเนื่องจาก Android เป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิด ใครจะปรับแต่งอะไรลงมาก็ได้ และตัว Android เองก็เหมือนของที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ใช้งานได้ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก จึงมีกลุ่มคนหลายๆกลุ่มที่พยายามจะปรับแต่ง Android ให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้การ root เครื่อง หรือการปลดล็อค bootloader ในสมัยก่อน ไม่ได้ส่งผลอะไรเหมือนที่เป็นในปัจจุบัน (เช่นการใช้ App ธนาคารไม่ได้ หรือการเสียบาง function ไปอย่างถาวร) 
การใช้ภาษาไทยในยุคแรกต้องทำการ root เครื่อง (นอกจากต้องลง font ไทยแล้วยังต้องแก้ให้สระไม่ลอยอีกต่างหาก) ดังนั้นผู้ใช้ในไทยยุคแรกส่วนใหญ่ก็มักจะถูกบังคับให้มีความสามารถในการทำอะไรกับเครื่องในเชิงลึกได้อยู่แล้ว ซึ่งก็ทำให้การ flash rom เป็นอะไรที่ไม่ได้ลำบากจนเกินไป (เว็บ Droidsans ที่เป็นเว็บข่าว และรีวิวมือถือ Android ในปัจจุบัน เมื่อก่อนจะมีบทความทางเทคนิค หรือบทความที่เกี่ยวกับการแก้ไข software ในเครื่องเยอะมากๆ)

กลับมาที่ Motorola Milestone
Rom ที่ติดมากับเครื่องมีความหน่วงอยู่พอสมควรเลยครับ บางทีเลื่อนสลับหน้าไปมาก็กระตุกแล้ว เครื่องก็ค้างค่อนข้างง่าย เลยเลือกที่จะลงรอม MIUI ถ้าใครไม่คุ้นชื่อนี้ มันคือรอมของ Xiaomi ครับ ก่อนหน้าที่ Xiaomi จะทำโทรศัพท์ขาย บริษัทนี้ทำ rom ให้ Android รุ่นต่างๆมาก่อน เป็น rom ที่ขึ้นชื่อมากๆในเรื่องความลื่น (แต่กับ Milestone นี่แลกมาด้วยการสูบแบตมหาศาล เนื่องจากตัว rom ไป overclock CPU ด้วย)

[rom MIUI บน Motorola Milestone, credit:xdadevelopers]

ในช่วงนั้น การซื้อแอพบน Android Market (ชื่อเก่าก่อนเปลี่ยนเป็น PlayStore) ยังไม่สามารถทำได้ครับ (เริ่มซื้อได้ตอนปี 2011) แอพฟรีที่มีก็เป็นแอพที่คุณภาพต่ำมากๆ เกมที่ติดอันดับ 1 ของ Android ยุคนั้นคือเกมลิงยิงกล้วย (Blast Monkeys) ซึ่งไม่สามารถไปเทียบอะไรกับเกมเสียเงินใน iOS อย่าง Asphalt หรือ Street Fighters ได้เลย

[เกมลิงยิงกล้วย ฮิตติดอันดับ 1 บน Android Market ในช่วงที่คนไทยยังซื้อแอพไม่ได้, credit:bestandroidapps]

Android เครื่องที่ 2,3,...
หลังจากใช้ iPhone4 มาได้สองปีกว่าๆก็มีโอกาสได้ทดลองใช้ Galaxy Note 1 ของพี่ชายครับ ลองดูแอพต่างๆใน Store ก็เห็นว่าพวกเกมดังๆ หรือแอพสำคัญๆต่างๆก็มีเหมือน iPhone แล้ว แถมได้จอใหญ่กว่ามากด้วย เล่นเว็บได้เต็มตา และก็ได้เวลาที่โทรศัพท์เครื่องเก่าของแม่เริ่มพัง จึงตัดสินใจยก iPhone4 ให้ ซึ่งผมเองก็ได้ขยับไปใช้ Galaxy Note2 (เลื่อนสลับหน้าแรกไปมาก็ยังมีกระตุกให้เห็นในรุ่นนี้) และใช้ Android ไปยาวๆ 7 ปีกว่า โดยตลอด 7 ปีที่ผ่านมา มีโอกาสได้ใช้ทั้ง LG, Sony, และ Samsung ครับ
ช่วงที่ใช้ Android อย่างต่อเนื่อง มีหลายเหตุผลที่ไม่กลับมาใช้ iPhone เช่น ช่วงที่ iPhone ยังมีแต่จอเล็ก ช่วงที่ตัดรูหูฟัง และช่วงที่ราคากระโดดขึ้นมามาก 

ปี 2019 เป็นปีที่ Android ตัวท้อปทะยอยเอารูหูฟังออกกันไปเยอะแล้ว ผมเองก็ทำใจกับเรื่องนี้ได้แล้ว ขนาดจอ iPhone11 เท่านี้ถือว่าใช้ได้ ราคาเกาะกลุ่มอยู่กับพวก Android ที่ราคา 2X,XXX ไม่ได้โดดไปมากเหมือนปีก่อน บวกกับผมรู้สึกเฟลกับความอึดของแบต Galaxy Note10 ที่เป็น Android เครื่องล่าสุดของผมค่อนข้างมาก เลยตัดสินใจกลับมาลอง iPhone อีกครั้งหนึ่งครับ
การพูดถึง Android ในเรื่องที่จะเล่าหลังจากนี้ จะอ้างอิงจาก Android สองเครื่องสุดท้ายที่ใช้ คือ Xiaomi A3(Android One) และ Galaxy Note10(One UI 2) นะครับ (Note10 ซึ่งเดิมใช้เป็นเครื่องหลัก ปัจจุบันขายไปแล้วครับ)

[Mi A3, credit:techhausth]


[Note10, credit:techoffside]

ความรู้สึกแรกตอนเปลี่ยนมาใช้ iPhone11
ในเรื่องของวัสดุตัวเครื่อง ไม่มีอะไรแปลกใหม่ครับ เกือบทุกรุ่นตอนนี้วัสดุจะเป็นกระจกกับโลหะอยู่แล้ว แต่สิ่งนึงที่ไม่เจอกันมานานมากก็คือปุ่มปิดเปิดเสียงนี่ล่ะครับ คิดถึงอยู่ประมาณนึง แต่ถ้าใครชินกับวิธีปิดเสียงบน Android แล้ว คิดว่าความสะดวกไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่
อีกส่วนที่สังเกตุได้ชัดคือ Android สมัยนี้ขอบข้างจะบางมากๆแล้ว ในขณะที่ iPhone11 ขอบหนาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเรื่องติ่งบนจอที่ตอนแรกคิดว่าจะรำคาญ แต่พอใช้ไปเรื่อยๆก็ไม่ต่างจากติ่งเล็กๆของ Android ที่ใช้ไปซักพักก็จะมองข้ามมันไปเอง (ยกเว้นเวลาดู Video ที่ยังบังตาแบบรู้สึกได้)

[ขอบข้างหนามาก]
ชื่อสินค้า:   IPhone11
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่