เรื่อง "เสด็จพ่อร.๕ ทรงแสดงปาฐกถา จนทำให้สมเด็จพระสังฆราชชื่นฯ ทรงเปลี่ยนใจไม่สึก"
(ปกิณกธรรม ในหลวงเสด็จพ่อร.๕)
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ครั้งยัง ทรงเป็นเพียง "พระมหาชื่น สุจิตโต" ประโยค ๗ อยู่ในวัดบวรนิเวศวิหารนั้น สมัยนั้น วัดบวรนิเวศวิหาร มีเจ้าอาวาสชื่อ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งว่ากันว่า มีพระอุปนิสัย
บสุดๆ พระมหาชื่น ทั้งถูกดุด่าว่ากล่าว ประหนึ่งกระท้อนโดนทุบ จึงทั้งเหนื่อยทั้งท้อแท้ หนักเข้าก็ถึงกับคิดสึก คิดไม่คิดเปล่า พระมหาชื่นสั่งญาติ ให้หาเสื้อผ้ากางเกง อันเป็นเครื่องทรงของคฤหัสถ์ไว้พรักพร้อม แล้วก็เข้าไปกราบเรียนสมเด็จฯ เจ้าอาวาสว่าจะหาฤกษ์สึก ในอีกสองวันข้างหน้า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ก็มิได้ตรัสตอบ ว่าประการใด ปล่อยให้พระมหาชื่น เดินหน้าไปหาหมอดู เพื่อขอฤกษ์สึก ก่อนจะได้ฤกษ์สึก วันหนึ่ง เวลาเย็น รัชกาลที่ ๕ เสด็จมาที่วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อทรงนมัสการสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ครั้นเสร็จพระราชธุระในตำหนัก สมเด็จพระสังฆราชเจ้าแล้ว ตามปกติ ก็จะเสด็จกลับ แต่ปรากฏว่าเย็นวันนั้น หลังจากเสด็จลงจากตำหนัก ก็เสด็จตรงไปยังกุฏิของพระมหาชื่นทันที พระมหาชื่นกำลังชื่นชมอยู่ กับเสื้อราชประแตนและกางเกงขาก๊วย เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ตรงมายังกุฏิของตนเองเช่นนั้นก็ใจสั่น ทำอะไรไม่ถูก ยิ่ง ร.๕ เสด็จประทับยืนอยู่ที่หน้ากุฏิ พระมหาชื่นยิ่งกระวนกระวาย ไม่กล้าทูลเชิญเสด็จเข้าในกุฏิ ได้แต่คว้าผ้าจีวรและสังฆาฏิมาครองให้เป็นปริมณฑล และนั่งพับเพียบอยู่ภายในกุฏิ ครั้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงยืนตรัสกับพระมหาชื่นว่า
“ทราบข่าวว่าคุณจะสึกวันพรุ่งนี้หรือ?”
พระมหาชื่น ก็ถวายพระพรตอบว่า
“เป็นความจริง ขอถวายพระพร”
สมเด็จพระปิยมหาราช ตรัสต่อไปอีกว่า
"อันเรื่องสึกเรื่องหานั้น มันเป็นเรื่องธรรมดา พระจะสึก คนจะคลอด ใครจะไปห้ามกระไรได้ แต่ฉันอยากจะบอกให้รู้ว่า คนอย่างคุณนั้นบวชเป็นพระแล้วหายาก แต่ถ้าสึกออกมาเป็นฆราวาสก็จะหาง่าย"
ตรัสเพียงเท่านี้ก็ทรงยกพระหัตถ์ นมัสการลากลับ ปรากฏว่า ไม่ว่าฤกษ์จะงามยามจะดีอย่างไร ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งเสื้อราชประแตน อันแสนจะน่าเสน่หานั้น ถูกยกเลิกหมด
พระมหาชื่นรูปนั้น ภายหลัง ได้รับการสถาปนาขึ้นดำรงตำแหน่ง "สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" รูปที่ ๑๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ภายหลัง เมื่อมีคนไปทูลถามพระองค์ว่า
"เหตุใดจึงตัดพระทัยไม่ยอมสึก?”
สมเด็จพระสังฆราชชื่น ก็ตรัสตอบว่า
"เพราะข้าอยากเป็นคนหายากว่ะ”
การเสด็จไปยังกุฏิพระมหาชื่นของในหลวงร.๕ ครั้งนั้นนับเป็น พระอัจฉริยภาพที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
(เครดิต Lotus Postman)
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2564213277001669&id=238296179593402
คนอย่างคุณนั้นบวชเป็นพระแล้วหายาก แต่ถ้าสึกออกมาเป็นฆราวาสก็จะหาง่าย
(ปกิณกธรรม ในหลวงเสด็จพ่อร.๕)
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ครั้งยัง ทรงเป็นเพียง "พระมหาชื่น สุจิตโต" ประโยค ๗ อยู่ในวัดบวรนิเวศวิหารนั้น สมัยนั้น วัดบวรนิเวศวิหาร มีเจ้าอาวาสชื่อ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งว่ากันว่า มีพระอุปนิสัยบสุดๆ พระมหาชื่น ทั้งถูกดุด่าว่ากล่าว ประหนึ่งกระท้อนโดนทุบ จึงทั้งเหนื่อยทั้งท้อแท้ หนักเข้าก็ถึงกับคิดสึก คิดไม่คิดเปล่า พระมหาชื่นสั่งญาติ ให้หาเสื้อผ้ากางเกง อันเป็นเครื่องทรงของคฤหัสถ์ไว้พรักพร้อม แล้วก็เข้าไปกราบเรียนสมเด็จฯ เจ้าอาวาสว่าจะหาฤกษ์สึก ในอีกสองวันข้างหน้า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ก็มิได้ตรัสตอบ ว่าประการใด ปล่อยให้พระมหาชื่น เดินหน้าไปหาหมอดู เพื่อขอฤกษ์สึก ก่อนจะได้ฤกษ์สึก วันหนึ่ง เวลาเย็น รัชกาลที่ ๕ เสด็จมาที่วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อทรงนมัสการสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ครั้นเสร็จพระราชธุระในตำหนัก สมเด็จพระสังฆราชเจ้าแล้ว ตามปกติ ก็จะเสด็จกลับ แต่ปรากฏว่าเย็นวันนั้น หลังจากเสด็จลงจากตำหนัก ก็เสด็จตรงไปยังกุฏิของพระมหาชื่นทันที พระมหาชื่นกำลังชื่นชมอยู่ กับเสื้อราชประแตนและกางเกงขาก๊วย เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ตรงมายังกุฏิของตนเองเช่นนั้นก็ใจสั่น ทำอะไรไม่ถูก ยิ่ง ร.๕ เสด็จประทับยืนอยู่ที่หน้ากุฏิ พระมหาชื่นยิ่งกระวนกระวาย ไม่กล้าทูลเชิญเสด็จเข้าในกุฏิ ได้แต่คว้าผ้าจีวรและสังฆาฏิมาครองให้เป็นปริมณฑล และนั่งพับเพียบอยู่ภายในกุฏิ ครั้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงยืนตรัสกับพระมหาชื่นว่า
“ทราบข่าวว่าคุณจะสึกวันพรุ่งนี้หรือ?”
พระมหาชื่น ก็ถวายพระพรตอบว่า
“เป็นความจริง ขอถวายพระพร”
สมเด็จพระปิยมหาราช ตรัสต่อไปอีกว่า
"อันเรื่องสึกเรื่องหานั้น มันเป็นเรื่องธรรมดา พระจะสึก คนจะคลอด ใครจะไปห้ามกระไรได้ แต่ฉันอยากจะบอกให้รู้ว่า คนอย่างคุณนั้นบวชเป็นพระแล้วหายาก แต่ถ้าสึกออกมาเป็นฆราวาสก็จะหาง่าย"
ตรัสเพียงเท่านี้ก็ทรงยกพระหัตถ์ นมัสการลากลับ ปรากฏว่า ไม่ว่าฤกษ์จะงามยามจะดีอย่างไร ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งเสื้อราชประแตน อันแสนจะน่าเสน่หานั้น ถูกยกเลิกหมด
พระมหาชื่นรูปนั้น ภายหลัง ได้รับการสถาปนาขึ้นดำรงตำแหน่ง "สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" รูปที่ ๑๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ภายหลัง เมื่อมีคนไปทูลถามพระองค์ว่า
"เหตุใดจึงตัดพระทัยไม่ยอมสึก?”
สมเด็จพระสังฆราชชื่น ก็ตรัสตอบว่า
"เพราะข้าอยากเป็นคนหายากว่ะ”
การเสด็จไปยังกุฏิพระมหาชื่นของในหลวงร.๕ ครั้งนั้นนับเป็น พระอัจฉริยภาพที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
(เครดิต Lotus Postman)
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2564213277001669&id=238296179593402