แบบนี้คืออาการติดแสงสีรึป่าว

ปีนี้เราอายุ25 ได้ทบทวนตัวเองว่าเรารู้สึกเหงา ไม่มีใคร ไม่มีเพื่อน แฟนไม่มี เมื่อก่อนสมัยเรียนมัธยม ไม่เคยสัมผัสร้านเหล้าเบียร์ เด็กในกรอบคนนึง ตอนนั้นเราไม่รู้จักคำว่าเหงาสักนิด ใช้ชีวิตแบบสุขใจ สงบ แม้ว่าเราไม่มีใคร เรารู้สึกการอยู่คนเดียวมีพลังกับเรามาก และภุมิใจในการทำอะไรคนเดียวที่สุดเลย พอมามหาลัยมีแฟนอกหัก เริ่มปีสูงเข้าร้านเหล้าผับ เพื่อนมากมาย ก็พากันไป จนกลายเป็นว่าเราเสพติดความสนุกสนานจากการเที่ยวกลางคืน แต่รสชาตเหล้าเบียร์ก็ไม่เคยคิดว่าอร่อย ไม่ได้อยากกิน แค่อยากจะเมาละลืมเรื่องต่างๆ ยิ่งทำมันยิ่งไม่สงบเข้าไปอีก จนตอนนี้จบมาทำงานเราไม่มีเพื่อนเที่ยว เราตัวคนเดียว ทำให้เรารู้สึกเหงา เพราะกลางคืนเราอยากไปนั่งชิลล์ หรืออกเที่ยวทุกวัน อยากได้ความสนุกอยากผ่อนคลาย แต่คือเราผญอะ จะไปไหนคนเดียวมันอันตรายทำให้รู้สึกว่า ที่เราเหงาเ็นเพราะแค่ไม่มีเพื่อนเที่ยวแค่นี้เองหรอ เสพติดแสงสีขนาดนั้นเลยหรอ และทำไงถึงจะหายอาการนี้ การอยู่บ้าน นอน อ่านหนังสือ ไปร้านกาแฟ มันควรเพียงพอเพราะสิ้งเหล่านี้เราทำคนเดียวได้ เรากลับไม่เคยอยากชวนเพื่อนหรือใครไปนั่งร้านกาแฟ แค่เหงาเวลากลางคืน ทำอย่างไรจะเลิกติดแสงสี เลิกเหงา
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
สวัสดีครับ เพี้ยนสวัสดี
                       ในมุมมองของผมนะ เหมือนแค่คุณยังเป็นเด็กที่ไม่เข้าใจตัวเองดีพอต่างหากล่ะครับ ผมเองก็มีชีวิต มีนิสัยชอบอยู่คนเดี่ยว(โลกส่วนตัวสูง)และช่วงเวลาบ้างอย่างที่คล้ายๆกับคุณเพราะสมัยมัธยม ผมก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ตั้งใจเรียนอย่างมากมาย เพื่อที่จะได้เกรด 4 ตัดผมเกรียนเป็นนักเรียนที่แสนเรียบร้อย พูดจาอ่อนน้อมสุภาพไพเราะกับเพื่อนๆ มีเพื่อนที่ชวนกันไปอ่านสื่อนู้นๆ นี้ๆ กลับบ้านมีพ่อแม่ค่อยไปรับไปส่ง อยู่บ้านจะอ่านหนังสืออยู่ในมุมของตัวๆเอง ว่างๆก็ไปร้านกาแฟใกล้บ้านตัวเองเพื่อดื่มด่ำกับนมสดเย็นๆ และขนมกรุ้มกริ่มกับหนังสือเล่มโปรดคู่ใจ คงจะพอนึกภาพเด็กน้อยคนนั้นที่แสนซื่อแสนดีแสนกตัญญูคนนั้นออกใช่ไหมครับ 555 เพี้ยนขำหนักมาก นั้นแหละครับเส้นทางในกรอบที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ เป็นช่วงเวลาชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขที่ตัวเองนั้นเข้าใจเพียงแค่เท่าที่จะรู้จัก

           ต่อให้ถึงเวลาที่ผมต้องไปมหาลัยชีวิตที่ ห่างไกลจากพ่อแม่ ห่างเพื่อนร่วมชั้นที่คุ้นเคย ถึงกระนั้นชีวิตผมก็ไม่ได้แตกต่างเท่าไหร่กับเมื่อก่อนนัก ยังคงตั้งใจเรียน แล้วอยู่กับตัวเองไปวันๆ ไปนั้นคนเดียว นู้นคนเดียวหาร้านกาแฟใกล้เพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบบ้าง ไม่สนใจที่จะมีแฟนเหมือนคนอื่นๆในมหาลัย มีเพื่อนพอเป็นพิธีเป็นความรู้สึกที่ผมมีความสุขในทุกๆวันกับตัวเองที่เป็นแบบนี้ จนกระทั้งพบได้พบกับเพื่อนๆคนหนึ่งและเพื่อนรักคนนี้เองก็พาผมทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ พาผมไปเหล่สาวบ้าง พาผมไปผับ ไปบาร์ แม้แต่อาบ.......(เซ็นเซอร์แปปปปป) 555 พาผมไปเข้ากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่เมาเหล้า ดูดบุหรี่ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมซึ่งเป็นคนอยู่อย่างอิสระนั้น กลัวไม่อยากที่จะเผชิญและไม่ชอบด้วย(เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้ผมเสียคน) แต่ว่าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็สนุกไปกับมัน เริ่มจีบสาวๆเป็น กินเหล้าเป็น พูดจาหยาบคายเลวร้าย โดดเรียน ทำร้ายจิตใจผู้หญิง อกหัก เกรดก่อนหน้านี้ที่เคยได้ A เป็ะๆ เริ่มล่วงมาเป็น C หรือ D นั้นหรือเลวร้ายสุดๆก็ F แน่นอนว่าโดดพ่อแม่บ่นสะยับเลย แต่พอผ่านไปพ่อแม่เขาก็รู้เข้าใจได้ เขารับได้แค่ขอเรียนจบ นั้นเพราะตัวผมที่ท่านพบนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อน ที่ไม่เคยแสดงอารมณ์อะไรเลยแต่กลับมีสีหน้าที่เด่นชัดต่างออกไปกับทุกวันนี้ ซึ่งผมก็รับรู้ความรู้สึกของพวกท่านเลย พยามรักษาเกรด ให้ B-C เรื่อยมาๆ จนแล้วกระทั้งวันหนึ่งเพื่อนคนนั้นของผมเขาก็หายไปแล้ว พวกเรามิอาจกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกครั้ง นั้นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมรู้สึกว่าเล่นมาพอแหละเลิกสะทีดีกว่า แต่ว่าหลังจากนั้น ไม่รู้ว่าเหมือนกันทำไมชีวิตของผมนะตอนนั้นมันถึงน่าเบื่อเหลือเกิน การที่ต้องกลับมาทำตัวเหมือนเมื่อก่อนมันทั้งเศร้า ทั้งเหงา เหมือนกับสูญเสียสิ่งที่จะดำเนินชีวิตต่อไปสะเรียบร้อย เกรดที่กลับมาได้ A เหมือนเดิมก็ไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่ากับเหมือนก่อนหน้านี้ หนังสือที่หนังอ่านชิวๆคนเดียวมันก็อ่านได้นะ แต่ไม่รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาอีกแล้ว

         ท้ายสุดเวลามันก็วนเวียนมา 1 ปีซึ่งในหนึ่งปีนั้นผมก็กลับไปมาหาสู่กันเพื่อนแก็งเดิมบ้าง(ที่เล่าตอนชวนต้นๆ) บ้างครั้งบ้างคราวทำให้ผมเริ่มตระหนักว่าผมไม่เบื่อหรือเศร้าหรือเหงาเพราะเสียเพื่อนคนนั้นไป แต่ผมเสียจิตวิญญาของตัวเองต่างหาก ผมเริ่มรู้ว่า ณ ตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว คนเดิมที่ผมเคยรู้จักยังไม่รู้จักสิ่งที่โลกใบใหญ่กว้างไกล นั้นมอบความสุขที่ให้มากกว่ากรอบนั้นมันคือความสุขที่ยิ่งกว่า สนุกยิ่งกว่า และมีชีวิตชีวายิ่งกว่าที่เคยเป็น  ปัจจุบันผมใกล้จบปี 4 แล้วกำลังหาที่ฝึกงานที่ไหนสักแห่งและมีชีวิตเป็นคนใหม่กับคนเก่าที่ผสมผสานกัน ช่วงกลางวันว่างๆ ก่อนสอบ ก่อนเรียน ก่อนทำงานพาสทามก็จะหยิบหนังสือเล่มโปรดคู่ใจไปร้านกาแฟย่านใกล้เคียงดื่มด่ำกับความอิสระและอิ่มเอ่มใจเหมือนสมัยเมื่อวัยเด็ก
และเมื่อใดก็ตามที่วันนั้นรู้สึกอยากปลดปล่อย ไม่ว่าจะเป็นหลังสอบเสร็จ ผ่านฝึกงาน เพื่อนๆชวน หรือใจผมมันอยากไปเองผมก็จะตรงดิ่งไปท่องเที่ยวเหล่าร้านยามค่ำคืนฟังเสียงดังอึกทึก อื้ออึง ก้องกังวาน รายล้อมไปด้วยผู้คนแปลกหน้าหรือเต็มไปด้วยหมู่เพื่อนฝูง และท้ายสุดละมุนละไมกับไวน์สุดเลิสรส(สมัยก่อนผมไม่ชอบมากๆ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งไม่ดี แต่ผมหนะรู้ตัวเลยสิ่งนี้เกิดมาเพื่อผมโดยเฉพาะ)

       นี้แหละครับคือตัวผมที่มีความสุขมากๆ ณ ตอนนี้ ใครจะไปรู้ล่ะว่าสักวันหนึ่ง ผมอาจจะพบเจอความสุขใหม่ๆยิ่งกว่านี้ แย่ยิ่งกว่านี้ เลวร้ายยิ่งกว่านี้ ดียิ่งกว่านี้ มากยิ่งกว่านี้

เพราะงั้นผมมีประโยคที่เป็นทั้งคำถามและบอกเล่าไปในตัวนะครับ

ณ ปัจจุบันตระหนักว่าเหงา...

เคยเป็นคนที่อยู่ในกรอบ....

เพราะไม่รู้จักโลกใหม่จึงรับรู้ว่ามีสิ่งที่เป็นความสุขอยู่แค่นั้น?

วันหนึ่งก็เข้าใจโลกใหม่และสนุกไปกันมัน...

เสพติดหรือปราณา? ไม่ใช่เหล้าอย่างแน่นอนเพราะรสไม่อร่อย...

เพราะอะไรถึงตัวคนเดียว?

เพื่อนนะหาได้นะ แต่เพื่อนที่ดีๆ ที่เข้ากันได้จะเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมเอง.

กลัวที่จะทำในสิ่งที่ต้องการหรือแค่ยอมรับมันไม่ได้?

ถ้ากลัวจะไปคนเดียว ก็ค่อยๆหาเพื่อนผู้หญิงสักคนที่ไว้ใจได้ไปด้วยกันสิ.

*ลองมองตัวคุณเองในกระจก จากนั้นอย่าใช้สมองคุณมาตัดสิน ความเคยชิน คุ้นเคย หรือสิ่งที่คิดว่าตัวเองเป็น แต่จงใช้ใจที่ไม่บิดเบือน จิตใจที่แท้จริงของคุณมาตัดสินตัวของคุณเองในวันนี้และจากนั้นจึงค่อยใช้สมองมาตัดสินใจเรื่องในอนาคตของตัวคุณต่อไป
เพี้ยนแว๊น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่