คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
สวัสดีครับ
ในมุมมองของผมนะ เหมือนแค่คุณยังเป็นเด็กที่ไม่เข้าใจตัวเองดีพอต่างหากล่ะครับ ผมเองก็มีชีวิต มีนิสัยชอบอยู่คนเดี่ยว(โลกส่วนตัวสูง)และช่วงเวลาบ้างอย่างที่คล้ายๆกับคุณเพราะสมัยมัธยม ผมก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ตั้งใจเรียนอย่างมากมาย เพื่อที่จะได้เกรด 4 ตัดผมเกรียนเป็นนักเรียนที่แสนเรียบร้อย พูดจาอ่อนน้อมสุภาพไพเราะกับเพื่อนๆ มีเพื่อนที่ชวนกันไปอ่านสื่อนู้นๆ นี้ๆ กลับบ้านมีพ่อแม่ค่อยไปรับไปส่ง อยู่บ้านจะอ่านหนังสืออยู่ในมุมของตัวๆเอง ว่างๆก็ไปร้านกาแฟใกล้บ้านตัวเองเพื่อดื่มด่ำกับนมสดเย็นๆ และขนมกรุ้มกริ่มกับหนังสือเล่มโปรดคู่ใจ คงจะพอนึกภาพเด็กน้อยคนนั้นที่แสนซื่อแสนดีแสนกตัญญูคนนั้นออกใช่ไหมครับ 555 นั้นแหละครับเส้นทางในกรอบที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ เป็นช่วงเวลาชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขที่ตัวเองนั้นเข้าใจเพียงแค่เท่าที่จะรู้จัก
ต่อให้ถึงเวลาที่ผมต้องไปมหาลัยชีวิตที่ ห่างไกลจากพ่อแม่ ห่างเพื่อนร่วมชั้นที่คุ้นเคย ถึงกระนั้นชีวิตผมก็ไม่ได้แตกต่างเท่าไหร่กับเมื่อก่อนนัก ยังคงตั้งใจเรียน แล้วอยู่กับตัวเองไปวันๆ ไปนั้นคนเดียว นู้นคนเดียวหาร้านกาแฟใกล้เพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบบ้าง ไม่สนใจที่จะมีแฟนเหมือนคนอื่นๆในมหาลัย มีเพื่อนพอเป็นพิธีเป็นความรู้สึกที่ผมมีความสุขในทุกๆวันกับตัวเองที่เป็นแบบนี้ จนกระทั้งพบได้พบกับเพื่อนๆคนหนึ่งและเพื่อนรักคนนี้เองก็พาผมทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ พาผมไปเหล่สาวบ้าง พาผมไปผับ ไปบาร์ แม้แต่อาบ.......(เซ็นเซอร์แปปปปป) 555 พาผมไปเข้ากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่เมาเหล้า ดูดบุหรี่ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมซึ่งเป็นคนอยู่อย่างอิสระนั้น กลัวไม่อยากที่จะเผชิญและไม่ชอบด้วย(เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้ผมเสียคน) แต่ว่าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็สนุกไปกับมัน เริ่มจีบสาวๆเป็น กินเหล้าเป็น พูดจาหยาบคายเลวร้าย โดดเรียน ทำร้ายจิตใจผู้หญิง อกหัก เกรดก่อนหน้านี้ที่เคยได้ A เป็ะๆ เริ่มล่วงมาเป็น C หรือ D นั้นหรือเลวร้ายสุดๆก็ F แน่นอนว่าโดดพ่อแม่บ่นสะยับเลย แต่พอผ่านไปพ่อแม่เขาก็รู้เข้าใจได้ เขารับได้แค่ขอเรียนจบ นั้นเพราะตัวผมที่ท่านพบนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อน ที่ไม่เคยแสดงอารมณ์อะไรเลยแต่กลับมีสีหน้าที่เด่นชัดต่างออกไปกับทุกวันนี้ ซึ่งผมก็รับรู้ความรู้สึกของพวกท่านเลย พยามรักษาเกรด ให้ B-C เรื่อยมาๆ จนแล้วกระทั้งวันหนึ่งเพื่อนคนนั้นของผมเขาก็หายไปแล้ว พวกเรามิอาจกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกครั้ง นั้นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมรู้สึกว่าเล่นมาพอแหละเลิกสะทีดีกว่า แต่ว่าหลังจากนั้น ไม่รู้ว่าเหมือนกันทำไมชีวิตของผมนะตอนนั้นมันถึงน่าเบื่อเหลือเกิน การที่ต้องกลับมาทำตัวเหมือนเมื่อก่อนมันทั้งเศร้า ทั้งเหงา เหมือนกับสูญเสียสิ่งที่จะดำเนินชีวิตต่อไปสะเรียบร้อย เกรดที่กลับมาได้ A เหมือนเดิมก็ไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่ากับเหมือนก่อนหน้านี้ หนังสือที่หนังอ่านชิวๆคนเดียวมันก็อ่านได้นะ แต่ไม่รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาอีกแล้ว
ท้ายสุดเวลามันก็วนเวียนมา 1 ปีซึ่งในหนึ่งปีนั้นผมก็กลับไปมาหาสู่กันเพื่อนแก็งเดิมบ้าง(ที่เล่าตอนชวนต้นๆ) บ้างครั้งบ้างคราวทำให้ผมเริ่มตระหนักว่าผมไม่เบื่อหรือเศร้าหรือเหงาเพราะเสียเพื่อนคนนั้นไป แต่ผมเสียจิตวิญญาของตัวเองต่างหาก ผมเริ่มรู้ว่า ณ ตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว คนเดิมที่ผมเคยรู้จักยังไม่รู้จักสิ่งที่โลกใบใหญ่กว้างไกล นั้นมอบความสุขที่ให้มากกว่ากรอบนั้นมันคือความสุขที่ยิ่งกว่า สนุกยิ่งกว่า และมีชีวิตชีวายิ่งกว่าที่เคยเป็น ปัจจุบันผมใกล้จบปี 4 แล้วกำลังหาที่ฝึกงานที่ไหนสักแห่งและมีชีวิตเป็นคนใหม่กับคนเก่าที่ผสมผสานกัน ช่วงกลางวันว่างๆ ก่อนสอบ ก่อนเรียน ก่อนทำงานพาสทามก็จะหยิบหนังสือเล่มโปรดคู่ใจไปร้านกาแฟย่านใกล้เคียงดื่มด่ำกับความอิสระและอิ่มเอ่มใจเหมือนสมัยเมื่อวัยเด็ก
และเมื่อใดก็ตามที่วันนั้นรู้สึกอยากปลดปล่อย ไม่ว่าจะเป็นหลังสอบเสร็จ ผ่านฝึกงาน เพื่อนๆชวน หรือใจผมมันอยากไปเองผมก็จะตรงดิ่งไปท่องเที่ยวเหล่าร้านยามค่ำคืนฟังเสียงดังอึกทึก อื้ออึง ก้องกังวาน รายล้อมไปด้วยผู้คนแปลกหน้าหรือเต็มไปด้วยหมู่เพื่อนฝูง และท้ายสุดละมุนละไมกับไวน์สุดเลิสรส(สมัยก่อนผมไม่ชอบมากๆ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งไม่ดี แต่ผมหนะรู้ตัวเลยสิ่งนี้เกิดมาเพื่อผมโดยเฉพาะ)
นี้แหละครับคือตัวผมที่มีความสุขมากๆ ณ ตอนนี้ ใครจะไปรู้ล่ะว่าสักวันหนึ่ง ผมอาจจะพบเจอความสุขใหม่ๆยิ่งกว่านี้ แย่ยิ่งกว่านี้ เลวร้ายยิ่งกว่านี้ ดียิ่งกว่านี้ มากยิ่งกว่านี้
เพราะงั้นผมมีประโยคที่เป็นทั้งคำถามและบอกเล่าไปในตัวนะครับ
ณ ปัจจุบันตระหนักว่าเหงา...
เคยเป็นคนที่อยู่ในกรอบ....
เพราะไม่รู้จักโลกใหม่จึงรับรู้ว่ามีสิ่งที่เป็นความสุขอยู่แค่นั้น?
วันหนึ่งก็เข้าใจโลกใหม่และสนุกไปกันมัน...
เสพติดหรือปราณา? ไม่ใช่เหล้าอย่างแน่นอนเพราะรสไม่อร่อย...
เพราะอะไรถึงตัวคนเดียว?
เพื่อนนะหาได้นะ แต่เพื่อนที่ดีๆ ที่เข้ากันได้จะเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมเอง.
กลัวที่จะทำในสิ่งที่ต้องการหรือแค่ยอมรับมันไม่ได้?
ถ้ากลัวจะไปคนเดียว ก็ค่อยๆหาเพื่อนผู้หญิงสักคนที่ไว้ใจได้ไปด้วยกันสิ.
*ลองมองตัวคุณเองในกระจก จากนั้นอย่าใช้สมองคุณมาตัดสิน ความเคยชิน คุ้นเคย หรือสิ่งที่คิดว่าตัวเองเป็น แต่จงใช้ใจที่ไม่บิดเบือน จิตใจที่แท้จริงของคุณมาตัดสินตัวของคุณเองในวันนี้และจากนั้นจึงค่อยใช้สมองมาตัดสินใจเรื่องในอนาคตของตัวคุณต่อไป
ในมุมมองของผมนะ เหมือนแค่คุณยังเป็นเด็กที่ไม่เข้าใจตัวเองดีพอต่างหากล่ะครับ ผมเองก็มีชีวิต มีนิสัยชอบอยู่คนเดี่ยว(โลกส่วนตัวสูง)และช่วงเวลาบ้างอย่างที่คล้ายๆกับคุณเพราะสมัยมัธยม ผมก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ตั้งใจเรียนอย่างมากมาย เพื่อที่จะได้เกรด 4 ตัดผมเกรียนเป็นนักเรียนที่แสนเรียบร้อย พูดจาอ่อนน้อมสุภาพไพเราะกับเพื่อนๆ มีเพื่อนที่ชวนกันไปอ่านสื่อนู้นๆ นี้ๆ กลับบ้านมีพ่อแม่ค่อยไปรับไปส่ง อยู่บ้านจะอ่านหนังสืออยู่ในมุมของตัวๆเอง ว่างๆก็ไปร้านกาแฟใกล้บ้านตัวเองเพื่อดื่มด่ำกับนมสดเย็นๆ และขนมกรุ้มกริ่มกับหนังสือเล่มโปรดคู่ใจ คงจะพอนึกภาพเด็กน้อยคนนั้นที่แสนซื่อแสนดีแสนกตัญญูคนนั้นออกใช่ไหมครับ 555 นั้นแหละครับเส้นทางในกรอบที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ เป็นช่วงเวลาชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขที่ตัวเองนั้นเข้าใจเพียงแค่เท่าที่จะรู้จัก
ต่อให้ถึงเวลาที่ผมต้องไปมหาลัยชีวิตที่ ห่างไกลจากพ่อแม่ ห่างเพื่อนร่วมชั้นที่คุ้นเคย ถึงกระนั้นชีวิตผมก็ไม่ได้แตกต่างเท่าไหร่กับเมื่อก่อนนัก ยังคงตั้งใจเรียน แล้วอยู่กับตัวเองไปวันๆ ไปนั้นคนเดียว นู้นคนเดียวหาร้านกาแฟใกล้เพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบบ้าง ไม่สนใจที่จะมีแฟนเหมือนคนอื่นๆในมหาลัย มีเพื่อนพอเป็นพิธีเป็นความรู้สึกที่ผมมีความสุขในทุกๆวันกับตัวเองที่เป็นแบบนี้ จนกระทั้งพบได้พบกับเพื่อนๆคนหนึ่งและเพื่อนรักคนนี้เองก็พาผมทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ พาผมไปเหล่สาวบ้าง พาผมไปผับ ไปบาร์ แม้แต่อาบ.......(เซ็นเซอร์แปปปปป) 555 พาผมไปเข้ากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่เมาเหล้า ดูดบุหรี่ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมซึ่งเป็นคนอยู่อย่างอิสระนั้น กลัวไม่อยากที่จะเผชิญและไม่ชอบด้วย(เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้ผมเสียคน) แต่ว่าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็สนุกไปกับมัน เริ่มจีบสาวๆเป็น กินเหล้าเป็น พูดจาหยาบคายเลวร้าย โดดเรียน ทำร้ายจิตใจผู้หญิง อกหัก เกรดก่อนหน้านี้ที่เคยได้ A เป็ะๆ เริ่มล่วงมาเป็น C หรือ D นั้นหรือเลวร้ายสุดๆก็ F แน่นอนว่าโดดพ่อแม่บ่นสะยับเลย แต่พอผ่านไปพ่อแม่เขาก็รู้เข้าใจได้ เขารับได้แค่ขอเรียนจบ นั้นเพราะตัวผมที่ท่านพบนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อน ที่ไม่เคยแสดงอารมณ์อะไรเลยแต่กลับมีสีหน้าที่เด่นชัดต่างออกไปกับทุกวันนี้ ซึ่งผมก็รับรู้ความรู้สึกของพวกท่านเลย พยามรักษาเกรด ให้ B-C เรื่อยมาๆ จนแล้วกระทั้งวันหนึ่งเพื่อนคนนั้นของผมเขาก็หายไปแล้ว พวกเรามิอาจกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกครั้ง นั้นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมรู้สึกว่าเล่นมาพอแหละเลิกสะทีดีกว่า แต่ว่าหลังจากนั้น ไม่รู้ว่าเหมือนกันทำไมชีวิตของผมนะตอนนั้นมันถึงน่าเบื่อเหลือเกิน การที่ต้องกลับมาทำตัวเหมือนเมื่อก่อนมันทั้งเศร้า ทั้งเหงา เหมือนกับสูญเสียสิ่งที่จะดำเนินชีวิตต่อไปสะเรียบร้อย เกรดที่กลับมาได้ A เหมือนเดิมก็ไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่ากับเหมือนก่อนหน้านี้ หนังสือที่หนังอ่านชิวๆคนเดียวมันก็อ่านได้นะ แต่ไม่รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาอีกแล้ว
ท้ายสุดเวลามันก็วนเวียนมา 1 ปีซึ่งในหนึ่งปีนั้นผมก็กลับไปมาหาสู่กันเพื่อนแก็งเดิมบ้าง(ที่เล่าตอนชวนต้นๆ) บ้างครั้งบ้างคราวทำให้ผมเริ่มตระหนักว่าผมไม่เบื่อหรือเศร้าหรือเหงาเพราะเสียเพื่อนคนนั้นไป แต่ผมเสียจิตวิญญาของตัวเองต่างหาก ผมเริ่มรู้ว่า ณ ตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว คนเดิมที่ผมเคยรู้จักยังไม่รู้จักสิ่งที่โลกใบใหญ่กว้างไกล นั้นมอบความสุขที่ให้มากกว่ากรอบนั้นมันคือความสุขที่ยิ่งกว่า สนุกยิ่งกว่า และมีชีวิตชีวายิ่งกว่าที่เคยเป็น ปัจจุบันผมใกล้จบปี 4 แล้วกำลังหาที่ฝึกงานที่ไหนสักแห่งและมีชีวิตเป็นคนใหม่กับคนเก่าที่ผสมผสานกัน ช่วงกลางวันว่างๆ ก่อนสอบ ก่อนเรียน ก่อนทำงานพาสทามก็จะหยิบหนังสือเล่มโปรดคู่ใจไปร้านกาแฟย่านใกล้เคียงดื่มด่ำกับความอิสระและอิ่มเอ่มใจเหมือนสมัยเมื่อวัยเด็ก
และเมื่อใดก็ตามที่วันนั้นรู้สึกอยากปลดปล่อย ไม่ว่าจะเป็นหลังสอบเสร็จ ผ่านฝึกงาน เพื่อนๆชวน หรือใจผมมันอยากไปเองผมก็จะตรงดิ่งไปท่องเที่ยวเหล่าร้านยามค่ำคืนฟังเสียงดังอึกทึก อื้ออึง ก้องกังวาน รายล้อมไปด้วยผู้คนแปลกหน้าหรือเต็มไปด้วยหมู่เพื่อนฝูง และท้ายสุดละมุนละไมกับไวน์สุดเลิสรส(สมัยก่อนผมไม่ชอบมากๆ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งไม่ดี แต่ผมหนะรู้ตัวเลยสิ่งนี้เกิดมาเพื่อผมโดยเฉพาะ)
นี้แหละครับคือตัวผมที่มีความสุขมากๆ ณ ตอนนี้ ใครจะไปรู้ล่ะว่าสักวันหนึ่ง ผมอาจจะพบเจอความสุขใหม่ๆยิ่งกว่านี้ แย่ยิ่งกว่านี้ เลวร้ายยิ่งกว่านี้ ดียิ่งกว่านี้ มากยิ่งกว่านี้
เพราะงั้นผมมีประโยคที่เป็นทั้งคำถามและบอกเล่าไปในตัวนะครับ
ณ ปัจจุบันตระหนักว่าเหงา...
เคยเป็นคนที่อยู่ในกรอบ....
เพราะไม่รู้จักโลกใหม่จึงรับรู้ว่ามีสิ่งที่เป็นความสุขอยู่แค่นั้น?
วันหนึ่งก็เข้าใจโลกใหม่และสนุกไปกันมัน...
เสพติดหรือปราณา? ไม่ใช่เหล้าอย่างแน่นอนเพราะรสไม่อร่อย...
เพราะอะไรถึงตัวคนเดียว?
เพื่อนนะหาได้นะ แต่เพื่อนที่ดีๆ ที่เข้ากันได้จะเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมเอง.
กลัวที่จะทำในสิ่งที่ต้องการหรือแค่ยอมรับมันไม่ได้?
ถ้ากลัวจะไปคนเดียว ก็ค่อยๆหาเพื่อนผู้หญิงสักคนที่ไว้ใจได้ไปด้วยกันสิ.
*ลองมองตัวคุณเองในกระจก จากนั้นอย่าใช้สมองคุณมาตัดสิน ความเคยชิน คุ้นเคย หรือสิ่งที่คิดว่าตัวเองเป็น แต่จงใช้ใจที่ไม่บิดเบือน จิตใจที่แท้จริงของคุณมาตัดสินตัวของคุณเองในวันนี้และจากนั้นจึงค่อยใช้สมองมาตัดสินใจเรื่องในอนาคตของตัวคุณต่อไป
แสดงความคิดเห็น
แบบนี้คืออาการติดแสงสีรึป่าว