ยังคงวนเวียนจิบกาแฟแถบๆคันไซไม่เลิกตั้งแต่ปีแล้ว คราวนี้ตามไปจิบร้านไหนบ้าง มารีวิวกันเลย
เริ่มจากเกียวโต เราไปมา2ร้าน
1. %Arabica สาขา Fuji Daimaru
%Arabica ร้านดังแห่งเมืองเกียวโต เลือกมาสาขาในห้างเพราะเงียบสงบ นั่งจาก Hankyu Umeda Osaka ตรงมาลง Kyoto Karawamachi 400เยน ออกทางออกที่10ตรงเข้าห้างได้เลย วิวไม่ได้ แต่สะดวกและจริงๆสนแค่รสชาติของร้านนี้เท่านั้น
เลือกสั่ง iced latte 550 เยน เป็น kyoto secret blend ซึ่งชื่อก็บอกว่า secret เลยไม่รู้ว่าเมล็ดจากประเทศอะไรบ้าง บอดี้หนัก รสออกช็อคโกแลต ถือเป็นลาเต้ที่ทำออกมาได้ดีมากๆเลย
2. Weekender Coffee
อยู่ห่างจาก Fuji Daimaru สถานี Hankyu Karawamachi ประมาณ 750 เมตร เป็นร้านสไตล์ญี่ปุ่นเก่าๆกลิ่นอายเกียวโต ไม่ได้มีที่นั่งในร้าน ต้องออกมายืนจิบด้านนอกร้าน
มีกาแฟ drip กับแบบ espresso ให้เลือก dripมีหลากหลายเมล็ดมาก ลองของแรงเอาเมล็ด panama geisha 600เยน ดอกไม้มาทั้งสวน จิบรสเปรี้ยวไหลลื่นรสชาติดีมาก จัดว่าเป็นเกอิชาที่ราคาไม่ค่อยสูงแต่คุณภาพคับแก้ว
มีเมล็ดขายด้วย
มาต่อร้านกาแฟใน Osaka
3. Mel Coffee Roasters
Mel Coffee Roaster ร้านกาแฟโรงคั่วร้านดีๆในosaka ลงสถานี Yotsubashi สายสีฟ้าทางออก4 เดินตาม mapมานิดหน่อยก็เจอ
ที่ว่าโรงคั่ว ทางร้านก็คั่วเองในร้านที่บริเวณเล็กๆนี่ล่ะ เพราะฉะนั้นร้านไม่มีบริเวณให้นั่งชิลจิบ ยืนจิบไม่ก็นั่งหน้าร้านเท่านั้น เดินเข้าร้านมากลิ่นกาแฟหอมอบอวล
ตามสไตล์โรงคั่วก็จะมีเมล็ดขายด้วย
ร้านนี้มีทั้งกาแฟ cold brew, pour over และ espresso ให้เลือก แต่มาร้านที่คั่วกาแฟดีๆทั้งทีเราเลือกแบบ pour over เลือกเมล็ด Kenya แบบ light roast ราคา 450 เยน คาแรคเตอร์ประเทศนี้เปรี้ยวแหลมชัดเจนมีกลิ่นมะเขือเทศนิดๆแต่รสออกlime มันดีมากๆจิบร้อนๆในอากาศเย็นๆ นอกจากkenya ยังเห็นมีเมล็ดจากประเทศอื่นๆให้เลิกเช่น เอธิโอเปีย กัวเตมาลา ฮอนดูรัสไปจนถึงเมล็ดเทพอย่างปานามาเกอิชา ที่ราคาดีดไปถึง 1200 เยน
4. Lilo Coffee Kissa
Lilo Coffee ร้านกาแฟดังในโอซาก้าและเป็นโรงคั่วที่ส่งเมล็ดกาแฟหลายที่ในญี่ปุ่น สาขาที่เป็นโรงคั่วคนเยอะมาก เลยเดินต่อมาหน่อยเป็นสาขาที่เป็นธีมร้านกาแฟสไตล์ปุ่นจ๋าๆหรือเราเรียกว่า คิสสะเต็น สาขานี้มีชื่อว่า Lilo Coffee Kissa ถ้ามาจากสัญลักษณ์กูลิโกะก็เดินมาไม่ไกลมากก็จะเจอ
ร้านอยู่บนชั้น2 สไตล์การตกแต่งร้านเป็นแนวคาเฟ่ยุคดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีพนักงานเสิร์ฟใส่กิโมโน
แต่กาแฟเป็นยุคใหม่แนวสเปเชียลตี้ มีให้เลือกการทำแบบต่างๆ syphon drip aeropress espresso
เราเลือกเมล็ดโดมินิกันเลือกทำแบบ american press ที่ได้ความสมูธ 750 เยน ตอนเสิร์ฟมาพร้อมกับแก้วที่คงความคิสสะเต็นไว้ มาพร้อมนามบัตรบาริสต้าที่เป็นคนทำให้ แนวไปอีก กาแฟดีงามรสชาติบลูเบอรี่ออกชัดเจนมาก
5. 9 Borden Coffee
9 Borden Coffee สถานี Osakako ใกล้ aquarium ชิงช้ายักษ์tempozan ทางออก2 ลงบันไดเดินต่อมา100เมตร
มีdripให้เลือก มีเครื่อง poursteadyด้วย แต่รู้สึกไม่specialtyจ๋าเท่าไหร่ไม่เห็นลูกค่าสั่งแบบdripเลยยังไม่ได้สัมผัสกลิ่นกาแฟdrip เห็นมีเมล็ดให้เลือกประเทศแบบที่เห็นบ่อยๆคือ บราซิล เคนยา เอธิโอเปีย
เลือก iced latte แทน 450 เยน รสชาติมาตรฐานออกบอดี้หนักๆและรู้สึกเมล็ดแบบdarkมาก ส่วนตัวไม่ชอบกาแฟรสชาติโทนนี้เท่าไหร่ ไม่ชอบน้ำแข็งที่ใส่มาเพราะเป็นน้ำแข็งเกือบป่นทำรสชาติกาแฟเสียมากกว่าน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ
6. Takamura Coffee Roaters
คาเฟ่และโรงคั่วอีกร้านในโอซาก้า ร้านนี้ตั้งอยู่ในย่านเงียบๆ สถานี Higobashi สายสีฟ้า ออกทางออกที่2 เดินตาม map มาประมาณเกือบ 1 กิโล
ส่วนใหญ่ร้านที่เป็นโรงคั่วจะเป็นร้านแนวspecialty แน่นอนที่นี่มีเมล็ดกาแฟให้เลือกเยอะมาก พร้อมรายละเอียดกราฟรสชาติของแต่ละเมล็ดสามารถบอกบาริสต้าได้ว่าชอบรสแนวไหน มีเมล็ดตั้งแต่บราซิล ฮอนดูรัส เอธิโอเปีย นิการากัว ปานามาเกอิชาก็มี ร้านมีเมล็ดให้ซื้อกลับด้วย นอกจากคาเฟ่แล้วร้านนี้ยังเป็นร้านขาย wineด้วย เยอะมากจริงๆในร้าน
สั่งดริปฮอนดูรัสแบบเย็น 500 เยน ตัวนี้บอดี้หนา แต่ได้ acidity และหวานปิดท้าย
7. Cafe Prince
ร้านนี้เป็น Kissaten หรือร้านกาแฟสไตล์ปุ่นจ๋า หน้าตาภายนอกดูคลาสสีคดั้งเดิม ร้านนี้เป็นร้านที่มองข้ามมาก เดินผ่านมาตลอด3-4ปีนี้ เพราะไม่คาดหวังเรื่องกาแฟ
ร้านนี้อยู่สถานี Umeda โอซาก้า ซอยทางเข้าอยู่ระหว่างห้าง Hep Five กับ Hankyu Men ทะลุไปสุดซอยก็เจอห้างดองกี้ขวัญใจนักท่องเที่ยวด้วยนะ
พอลองเข้ามาปุ่นจ๋าล้วนๆเมนูไม่มีภาษาอังกฤษกำกับเลยแม้แต่ชื่อร้านที่เป็นอักษรญี่ปุ่นล้วนๆ ภายในร้านตกแต่งแบบยุคretro retroกระทั่งพนักงานในร้าน ข้อเสียของ kissaten ถึงจะมีโซนแยก smoking กับ non smoking แต่ก็ยังอยู่ในบริเวณเดียวกัน สำหรับคนแพ้บุหรี่ต้องทำใจ
Kissaten ญี่ปุ่นมักมีกาแฟ hand drip ซึ่งเป็นวัฒนธรรมกาแฟสไตล์ญี่ปุ่นเลย ร้านนี้จะว่าเป็นกาแฟmassก็ไม่ใช่ specialty ก็ไม่เชิง แต่มี ethiopia mocha ที่มีอธิบายว่ามีกลิ่นหอมฟรุตตี้ เลยลองสั่งมาดู จริงๆไม่ได้คาดหวัง พอมาเสิร์ฟจิบไปอึกแรก โอยยย ดีเกินคาด drip ได้ดีมากกก หอมเบอร์รี่ และมีรสหวานธรรมชาติปิดท้าย after taste ยาวนานมาก 650 เยน สมราคา
8. Streamer Coffee Company
สาขาหมู่บ้านอเมริกา สถานี Yotsubashi ทางออก3 ร้านนี้ feel แบบอินเตอร์ เจ้าของเป็นคนญี่ปุ่นที่เป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้แชมป์ Latte Art ในปี2008 และเปิดสาขาแรกที่Shibuya Tokyo ปี2010
มาที่นี่ต้องสั่งLatteแบบร้อนเพื่อดู Latte Art มีให้เลือ กแบบ Streamer Latte หรือใครชอบกาแฟแรงๆก็ Rrevolver Latte ที่จะเพิ่ม espresso เป็น2shots ไม่อยากเล่นของแรงมาก เลยเลือก Streamer Latte 600 เยน Latte มาถ้วยค่อนข้างใหญ่มากกก อาจจะไม่ใช่ร้านแนว specailty จัดๆ
รสชาติกาแฟค่อนข้างดีเป็นแบบ dark roast ที่เหมาะกับการทำกาแฟลาเต้อยู่แล้วให้รสชาติถั่วๆช็อคโกแลตๆ
บรรยากาศร้านให้feel แบบ Starbucksผสมร้านติสท์ๆแบบstand alone
ปล. บาริสต้าแบบโทมินจุนชิมากๆ
9. Sunny Coffee and Snack Bar
ไม่ใช่ร้านแนว specialty แต่เราตามมาเพราะเจ้าของร้านคืออดีตนักวอลเลย์บอลสาวทีมชาติญี่ปุ่น คิมูระ ซาโอริ อยู่สถานี Nishiohashi ห่างจาก Shinsaibashi 1 สถานี ทางออก3 เดินมา200เมตรก็ถึงร้าน
คิวค่อนข้างยาว รอประมาณ1ชั่วโมงครึ่งถึงได้เข้ามาในร้าน มีที่นั่งไม่เยอะ ช่วงบ่ายถึงเย็นจะเป็นcafe มีกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆ ค่ำไปเป็น Bar มีเบียร์ กับแกล้ม
สั่งlatteเย็นรสชาติหวานๆ 450 เยน กับมันฝรั่งรสเนยโชยุ 600 เยน
ซาโอริกับสามี ทำกันอยู่2คน ทั้งรับออเดอร์ ทำอาหาร เครื่องดื่ม ล้างจาน เก็บโต๊ะ
และเมนูภาษาญี่ปุ่นล้วนๆนะจ๊ะ
10. Cafe Bahnhof
เล็งcafeนี้ตรง Sanbangai สถานีumeda มานาน ร้านแนว Kissaten จ๋าอีกร้าน
ที่นี่มีเสิร์ฟกาแฟสไตล์osaka แบบอิตาเลี่ยน และมีแบบ specialty ด้วย มีเมล็ดหลายประเทศเลย ประเทศที่ไม่ค่อยเห็นอย่างคองโก โบลิเวียก็มี แต่ราคาแอบแรงไปนิด
ดูจากถ้วยที่เสิร์ฟแนวคลาสสิคแบบญี่ปุ่นเสิร์ฟพร้อมนมและน้ำตาล(ถ้าร้านspecialtyจ๋าๆจะไม่เสิร์ฟนมและน้ำตาลให้เติม) ลองสั่งhand drip ตามวัฒนธรรมกาแฟญี่ปุ่น เลือก Panama Geisha แบบ natural process ราคาดีดไป 2,000 เยน แต่ drip ออกมาได้โอเค รสชาติชัดเจน
โควต้าอักษรไม่พอ ร้านสุดท้ายไปต่อที่คอมเมนท์แรกค่ะ
[CR] ทริปจิบกาแฟข้ามปีแถบKansai 2019-2020
ยังคงวนเวียนจิบกาแฟแถบๆคันไซไม่เลิกตั้งแต่ปีแล้ว คราวนี้ตามไปจิบร้านไหนบ้าง มารีวิวกันเลย
เริ่มจากเกียวโต เราไปมา2ร้าน
1. %Arabica สาขา Fuji Daimaru
%Arabica ร้านดังแห่งเมืองเกียวโต เลือกมาสาขาในห้างเพราะเงียบสงบ นั่งจาก Hankyu Umeda Osaka ตรงมาลง Kyoto Karawamachi 400เยน ออกทางออกที่10ตรงเข้าห้างได้เลย วิวไม่ได้ แต่สะดวกและจริงๆสนแค่รสชาติของร้านนี้เท่านั้น
เลือกสั่ง iced latte 550 เยน เป็น kyoto secret blend ซึ่งชื่อก็บอกว่า secret เลยไม่รู้ว่าเมล็ดจากประเทศอะไรบ้าง บอดี้หนัก รสออกช็อคโกแลต ถือเป็นลาเต้ที่ทำออกมาได้ดีมากๆเลย
2. Weekender Coffee
อยู่ห่างจาก Fuji Daimaru สถานี Hankyu Karawamachi ประมาณ 750 เมตร เป็นร้านสไตล์ญี่ปุ่นเก่าๆกลิ่นอายเกียวโต ไม่ได้มีที่นั่งในร้าน ต้องออกมายืนจิบด้านนอกร้าน
มีกาแฟ drip กับแบบ espresso ให้เลือก dripมีหลากหลายเมล็ดมาก ลองของแรงเอาเมล็ด panama geisha 600เยน ดอกไม้มาทั้งสวน จิบรสเปรี้ยวไหลลื่นรสชาติดีมาก จัดว่าเป็นเกอิชาที่ราคาไม่ค่อยสูงแต่คุณภาพคับแก้ว
มีเมล็ดขายด้วย
มาต่อร้านกาแฟใน Osaka
3. Mel Coffee Roasters
Mel Coffee Roaster ร้านกาแฟโรงคั่วร้านดีๆในosaka ลงสถานี Yotsubashi สายสีฟ้าทางออก4 เดินตาม mapมานิดหน่อยก็เจอ
ที่ว่าโรงคั่ว ทางร้านก็คั่วเองในร้านที่บริเวณเล็กๆนี่ล่ะ เพราะฉะนั้นร้านไม่มีบริเวณให้นั่งชิลจิบ ยืนจิบไม่ก็นั่งหน้าร้านเท่านั้น เดินเข้าร้านมากลิ่นกาแฟหอมอบอวล
ตามสไตล์โรงคั่วก็จะมีเมล็ดขายด้วย
ร้านนี้มีทั้งกาแฟ cold brew, pour over และ espresso ให้เลือก แต่มาร้านที่คั่วกาแฟดีๆทั้งทีเราเลือกแบบ pour over เลือกเมล็ด Kenya แบบ light roast ราคา 450 เยน คาแรคเตอร์ประเทศนี้เปรี้ยวแหลมชัดเจนมีกลิ่นมะเขือเทศนิดๆแต่รสออกlime มันดีมากๆจิบร้อนๆในอากาศเย็นๆ นอกจากkenya ยังเห็นมีเมล็ดจากประเทศอื่นๆให้เลิกเช่น เอธิโอเปีย กัวเตมาลา ฮอนดูรัสไปจนถึงเมล็ดเทพอย่างปานามาเกอิชา ที่ราคาดีดไปถึง 1200 เยน
4. Lilo Coffee Kissa
Lilo Coffee ร้านกาแฟดังในโอซาก้าและเป็นโรงคั่วที่ส่งเมล็ดกาแฟหลายที่ในญี่ปุ่น สาขาที่เป็นโรงคั่วคนเยอะมาก เลยเดินต่อมาหน่อยเป็นสาขาที่เป็นธีมร้านกาแฟสไตล์ปุ่นจ๋าๆหรือเราเรียกว่า คิสสะเต็น สาขานี้มีชื่อว่า Lilo Coffee Kissa ถ้ามาจากสัญลักษณ์กูลิโกะก็เดินมาไม่ไกลมากก็จะเจอ
ร้านอยู่บนชั้น2 สไตล์การตกแต่งร้านเป็นแนวคาเฟ่ยุคดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีพนักงานเสิร์ฟใส่กิโมโน
แต่กาแฟเป็นยุคใหม่แนวสเปเชียลตี้ มีให้เลือกการทำแบบต่างๆ syphon drip aeropress espresso
เราเลือกเมล็ดโดมินิกันเลือกทำแบบ american press ที่ได้ความสมูธ 750 เยน ตอนเสิร์ฟมาพร้อมกับแก้วที่คงความคิสสะเต็นไว้ มาพร้อมนามบัตรบาริสต้าที่เป็นคนทำให้ แนวไปอีก กาแฟดีงามรสชาติบลูเบอรี่ออกชัดเจนมาก
5. 9 Borden Coffee
9 Borden Coffee สถานี Osakako ใกล้ aquarium ชิงช้ายักษ์tempozan ทางออก2 ลงบันไดเดินต่อมา100เมตร
มีdripให้เลือก มีเครื่อง poursteadyด้วย แต่รู้สึกไม่specialtyจ๋าเท่าไหร่ไม่เห็นลูกค่าสั่งแบบdripเลยยังไม่ได้สัมผัสกลิ่นกาแฟdrip เห็นมีเมล็ดให้เลือกประเทศแบบที่เห็นบ่อยๆคือ บราซิล เคนยา เอธิโอเปีย
เลือก iced latte แทน 450 เยน รสชาติมาตรฐานออกบอดี้หนักๆและรู้สึกเมล็ดแบบdarkมาก ส่วนตัวไม่ชอบกาแฟรสชาติโทนนี้เท่าไหร่ ไม่ชอบน้ำแข็งที่ใส่มาเพราะเป็นน้ำแข็งเกือบป่นทำรสชาติกาแฟเสียมากกว่าน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ
6. Takamura Coffee Roaters
คาเฟ่และโรงคั่วอีกร้านในโอซาก้า ร้านนี้ตั้งอยู่ในย่านเงียบๆ สถานี Higobashi สายสีฟ้า ออกทางออกที่2 เดินตาม map มาประมาณเกือบ 1 กิโล
ส่วนใหญ่ร้านที่เป็นโรงคั่วจะเป็นร้านแนวspecialty แน่นอนที่นี่มีเมล็ดกาแฟให้เลือกเยอะมาก พร้อมรายละเอียดกราฟรสชาติของแต่ละเมล็ดสามารถบอกบาริสต้าได้ว่าชอบรสแนวไหน มีเมล็ดตั้งแต่บราซิล ฮอนดูรัส เอธิโอเปีย นิการากัว ปานามาเกอิชาก็มี ร้านมีเมล็ดให้ซื้อกลับด้วย นอกจากคาเฟ่แล้วร้านนี้ยังเป็นร้านขาย wineด้วย เยอะมากจริงๆในร้าน
สั่งดริปฮอนดูรัสแบบเย็น 500 เยน ตัวนี้บอดี้หนา แต่ได้ acidity และหวานปิดท้าย
7. Cafe Prince
ร้านนี้เป็น Kissaten หรือร้านกาแฟสไตล์ปุ่นจ๋า หน้าตาภายนอกดูคลาสสีคดั้งเดิม ร้านนี้เป็นร้านที่มองข้ามมาก เดินผ่านมาตลอด3-4ปีนี้ เพราะไม่คาดหวังเรื่องกาแฟ
ร้านนี้อยู่สถานี Umeda โอซาก้า ซอยทางเข้าอยู่ระหว่างห้าง Hep Five กับ Hankyu Men ทะลุไปสุดซอยก็เจอห้างดองกี้ขวัญใจนักท่องเที่ยวด้วยนะ
พอลองเข้ามาปุ่นจ๋าล้วนๆเมนูไม่มีภาษาอังกฤษกำกับเลยแม้แต่ชื่อร้านที่เป็นอักษรญี่ปุ่นล้วนๆ ภายในร้านตกแต่งแบบยุคretro retroกระทั่งพนักงานในร้าน ข้อเสียของ kissaten ถึงจะมีโซนแยก smoking กับ non smoking แต่ก็ยังอยู่ในบริเวณเดียวกัน สำหรับคนแพ้บุหรี่ต้องทำใจ
Kissaten ญี่ปุ่นมักมีกาแฟ hand drip ซึ่งเป็นวัฒนธรรมกาแฟสไตล์ญี่ปุ่นเลย ร้านนี้จะว่าเป็นกาแฟmassก็ไม่ใช่ specialty ก็ไม่เชิง แต่มี ethiopia mocha ที่มีอธิบายว่ามีกลิ่นหอมฟรุตตี้ เลยลองสั่งมาดู จริงๆไม่ได้คาดหวัง พอมาเสิร์ฟจิบไปอึกแรก โอยยย ดีเกินคาด drip ได้ดีมากกก หอมเบอร์รี่ และมีรสหวานธรรมชาติปิดท้าย after taste ยาวนานมาก 650 เยน สมราคา
8. Streamer Coffee Company
สาขาหมู่บ้านอเมริกา สถานี Yotsubashi ทางออก3 ร้านนี้ feel แบบอินเตอร์ เจ้าของเป็นคนญี่ปุ่นที่เป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้แชมป์ Latte Art ในปี2008 และเปิดสาขาแรกที่Shibuya Tokyo ปี2010
มาที่นี่ต้องสั่งLatteแบบร้อนเพื่อดู Latte Art มีให้เลือ กแบบ Streamer Latte หรือใครชอบกาแฟแรงๆก็ Rrevolver Latte ที่จะเพิ่ม espresso เป็น2shots ไม่อยากเล่นของแรงมาก เลยเลือก Streamer Latte 600 เยน Latte มาถ้วยค่อนข้างใหญ่มากกก อาจจะไม่ใช่ร้านแนว specailty จัดๆ
รสชาติกาแฟค่อนข้างดีเป็นแบบ dark roast ที่เหมาะกับการทำกาแฟลาเต้อยู่แล้วให้รสชาติถั่วๆช็อคโกแลตๆ
บรรยากาศร้านให้feel แบบ Starbucksผสมร้านติสท์ๆแบบstand alone
ปล. บาริสต้าแบบโทมินจุนชิมากๆ
9. Sunny Coffee and Snack Bar
ไม่ใช่ร้านแนว specialty แต่เราตามมาเพราะเจ้าของร้านคืออดีตนักวอลเลย์บอลสาวทีมชาติญี่ปุ่น คิมูระ ซาโอริ อยู่สถานี Nishiohashi ห่างจาก Shinsaibashi 1 สถานี ทางออก3 เดินมา200เมตรก็ถึงร้าน
คิวค่อนข้างยาว รอประมาณ1ชั่วโมงครึ่งถึงได้เข้ามาในร้าน มีที่นั่งไม่เยอะ ช่วงบ่ายถึงเย็นจะเป็นcafe มีกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆ ค่ำไปเป็น Bar มีเบียร์ กับแกล้ม
สั่งlatteเย็นรสชาติหวานๆ 450 เยน กับมันฝรั่งรสเนยโชยุ 600 เยน
ซาโอริกับสามี ทำกันอยู่2คน ทั้งรับออเดอร์ ทำอาหาร เครื่องดื่ม ล้างจาน เก็บโต๊ะ
และเมนูภาษาญี่ปุ่นล้วนๆนะจ๊ะ
10. Cafe Bahnhof
เล็งcafeนี้ตรง Sanbangai สถานีumeda มานาน ร้านแนว Kissaten จ๋าอีกร้าน
ที่นี่มีเสิร์ฟกาแฟสไตล์osaka แบบอิตาเลี่ยน และมีแบบ specialty ด้วย มีเมล็ดหลายประเทศเลย ประเทศที่ไม่ค่อยเห็นอย่างคองโก โบลิเวียก็มี แต่ราคาแอบแรงไปนิด
ดูจากถ้วยที่เสิร์ฟแนวคลาสสิคแบบญี่ปุ่นเสิร์ฟพร้อมนมและน้ำตาล(ถ้าร้านspecialtyจ๋าๆจะไม่เสิร์ฟนมและน้ำตาลให้เติม) ลองสั่งhand drip ตามวัฒนธรรมกาแฟญี่ปุ่น เลือก Panama Geisha แบบ natural process ราคาดีดไป 2,000 เยน แต่ drip ออกมาได้โอเค รสชาติชัดเจน
โควต้าอักษรไม่พอ ร้านสุดท้ายไปต่อที่คอมเมนท์แรกค่ะ