คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เท่าที่สังเกต โดยส่วนตัวคิดว่า การรักษาด้วยจิตเวชศาสตร์ เป็นการรักษาตามตะวันตก ที่มักแก้ที่ปลายเหตุ ยาต้านเศร้า และลดความกังวล มีผลข้างเคียงที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ คือง่วงนอน คลื่นไส้ ปากแห้ง ตาพร่า และไร้อารมณ์คือไม่สุขไม่เศร้า ซึ่งอาการสุดท้าย มันมองได้ว่าอย่างน้อย มันดีกว่าเศร้า เพราะฉะนั้น ในหลายเคส ต้านเศร้า มันมาพร้อมกับต้านสุขไปด้วย
เท่าที่รู้ ยาจะออกฤทธิ์รักษาหลังรับประทานครั้งแรกราวหนึ่งสัปดาห์ จขกท เพิ่งทานเมื่อวันที่ 27 อยากให้ทดลองดูผล หลังจากทานแล้วเจ็ดวันก่อน คงต้องอดทนและปรับตัวบ้าง ปกติคุณหมอจะนัดสองสัปดาห์ เพื่อ follow-up หากหลังหนึ่งสัปดาห์แล้ว ยังรู้สึกว่าเจอฤทธิ์ผลข้างเคียงมากเกินกว่าจะรับไหว ไปก่อนนัดได้ คุณหมออาจเปลี่ยนยาให้ แต่แม้จะเปลี่ยน ผลข้างเคียงก็ไม่ต่างกันเท่าไร
ระหว่างนี้ ต้องจิบน้ำบ่อย ๆ ช่วยไม่ให้ริมฝีปากแห้ง ควรมียาดม ยาหม่อง ติดตัว เวลาเวียนหัว และง่วงนอน
มันคงต้องชั่งน้ำหนักดูค่ะ ว่าไหวหรือไม่ ที่จะต้องเจอผลข้างเคียง เท่าที่รู้ส่วนมาก ก็ต้องอดทนให้ไหว นอกจากยาและคุณหมอ ผู้ป่วยต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย การออกกำลังด้วยการวิ่ง หรือเล่นกีฬาที่ชอบ ช่วยได้ การออกกำลังทำให้สารสื่อประสาทเอ็นโดรฟิน ซึ่งให้ความสุข ออกมามากขึ้น ว่ากันว่า คุณภาพไม่แพ้ยาต้านเศร้า
วิ่งหรือออกกำลัง หรือกินยา อย่างเดียว ไม่พอ ทางที่ดีคือใช้สองแนวทางนี้ควบคู่กัน
เป็นทัศนะหนึ่งเท่านั้น
เท่าที่รู้ ยาจะออกฤทธิ์รักษาหลังรับประทานครั้งแรกราวหนึ่งสัปดาห์ จขกท เพิ่งทานเมื่อวันที่ 27 อยากให้ทดลองดูผล หลังจากทานแล้วเจ็ดวันก่อน คงต้องอดทนและปรับตัวบ้าง ปกติคุณหมอจะนัดสองสัปดาห์ เพื่อ follow-up หากหลังหนึ่งสัปดาห์แล้ว ยังรู้สึกว่าเจอฤทธิ์ผลข้างเคียงมากเกินกว่าจะรับไหว ไปก่อนนัดได้ คุณหมออาจเปลี่ยนยาให้ แต่แม้จะเปลี่ยน ผลข้างเคียงก็ไม่ต่างกันเท่าไร
ระหว่างนี้ ต้องจิบน้ำบ่อย ๆ ช่วยไม่ให้ริมฝีปากแห้ง ควรมียาดม ยาหม่อง ติดตัว เวลาเวียนหัว และง่วงนอน
มันคงต้องชั่งน้ำหนักดูค่ะ ว่าไหวหรือไม่ ที่จะต้องเจอผลข้างเคียง เท่าที่รู้ส่วนมาก ก็ต้องอดทนให้ไหว นอกจากยาและคุณหมอ ผู้ป่วยต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย การออกกำลังด้วยการวิ่ง หรือเล่นกีฬาที่ชอบ ช่วยได้ การออกกำลังทำให้สารสื่อประสาทเอ็นโดรฟิน ซึ่งให้ความสุข ออกมามากขึ้น ว่ากันว่า คุณภาพไม่แพ้ยาต้านเศร้า
วิ่งหรือออกกำลัง หรือกินยา อย่างเดียว ไม่พอ ทางที่ดีคือใช้สองแนวทางนี้ควบคู่กัน
เป็นทัศนะหนึ่งเท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
สอบถามผลข้างเคียงการทานยา (โรคต้านซึมเศร้า , ลดความกังวล , ความเครียด และปรับอารมณ์)
1. LEXAPRO 10 มิลลิกรัม หลังอาหารเย็น
2. DEANXIT (Flupentixol 0.5 mg และ Melitracen 10 มิลลิกรัม) ทาน 2 ครั้ง หลังอาหารเย็นและ ก่อนนอน
เพิ่งไปพบแพทย์ เมื่อวันศุกร์ ที่ 27 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา แพทย์จะออกยาให้ ผมเน้นว่าไม่เอายาแบบง่วงหรือมึน แต่พอแพทย์สั่งจ่ายยา พอพบเภสัชกร มียาบางตัว อาจจะทำให้ง่วง แต่เป็นเฉพาะบางคน
พอกลับมาบ้านตอนเย็น และก่อนนอนวันนั้น ผมทานยาเลย และทานตรงตามที่แพทย์กำหนด พบว่า มีผลข้างเคียง คือ
1. มีการมึน , ห้าว (ตลอดเวลา)
2. มีอาการไม่สบายเนื้อสบายตัวร่วมด้วย มีอาการง่วงนอน ตลอดเวลา แต่พบว่า พอเวลาจะนอน มันนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
3. มีอาการอ่อนแรง ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรเลย ถึงแม้อยากจะทำแรงจะทำก็ไม่มี
แค่ผลข้างเคียง 3 อย่างผมก็แย่มากแล้ว ยิ่งเป็นวันธรรมดาในวันทำงานด้วย ไม่อยากคิดสภาพตัวเองเลยว่าจะเป็นอย่างไร คุณหมอนัดอีกทีประมาณยาหมด วันที่ 24 มกราคม 2563 วันนี้ขับรถออกไป มีอาการเบลอๆ จะถอยเข้าจอดบ้านแล้วกะระยะผิด จะเหยียบเบรคดันเหยียบคันเร่ง ดีที่เหยียบเบรคได้ทันไม่งั้น ชนเสาแน่ ๆ ไม่เคยจะเบรคแล้วดันไปเหยียบคันเร่ง
จึงอยากสอบถามใครทานยา 2 ชนิดนี้แล้วมีอาการคล้ายผมบ้าง อยากจะหยุดยา ก็ไม่อยากหยุดยาเอง เพราะโรคซึมเศร้าที่ผมเป็นก็ทรมานมากๆแล้ว เลยทนทานยาจนหมดถึงวันที่หมอนัด ใครมีผลข้างเคียงของยาโรคซึมเศร้า วิตกกังวล หรือยาปรับอารมณ์ เข้ามาแชร์ข้อมูลให้ผมหน่อยนะครับ คุณหมอบอกว่าภายใน 2 อาทิตย์จะดีขึ้น สำหรับผมมันจะดีขึ้นไหม เห็นกรมสุขภาพจิต เขาบอกว่าต้องใช้เวลา บางคน 2-6 เดือน สำหรับบางคน ฮืมๆๆ.... ฟังแล้วท้อจังเลย แต่ต้องสู้ครับ เพราะโรคนี้ใครไม่เป็นไม่รู้ครับ ทรมานจิตใจมาก ทั้งสภาวะอารมณ์และจิตใจ และการแสดงออกทางกาย
รบกวนด้วยนะครับ
ขอบคุณมากนะครับ