*ออกตัวก่อนว่าจขกทไม่ได้ศึกษาธรรมะจริงจังนะคะ*
เรื่องของเรื่องคือ คุณพ่อของจขกท เริ่มศึกษา พุทธวจน มาได้ประมาณ2-3ปี เริ่มจากคนรู้จักแนะนำ
ตอนนี้คือ ขั้นที่เชื่อถือมากๆๆๆๆๆ นับถือหมดใจ
ก่อนหน้านี้ ครอบครัวเราจะนับถือสายวัดป่า มีเวลาก็เข้าวัดทำบุญ ใส่บาตรตอนเช้าปกติ ครอบครัวก็สงบสุขดี
พอพ่อเริ่มนับถือพุทธวจน เราก็อ่ะ โอเค ไม่น่าเสียหายอะไร ก็ดีคงเป็นอีกแนวทางให้ได้ศึกษาธรรมะ
พอได้ปีกว่าๆ เราเริ่มสังเกตว่า
‘คุณพ่อ ขี้หงุดหงิดง่ายมากๆๆๆๆ’
และเริ่มบอกคนในบ้านว่า สิ่งที่ทำ(เกี่ยวกับศาสนาพุทธ) อันนี้ผิด อันนี้ไม่ถูก สิ่งนี้พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน เดรัจฉานวิชาเสื่อม
พยายามให้ทุกคนฟังธรรมะของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โดยเปิดทั้งวิทยุ และคลิปในทีวี ทิ้งไว้ เปิดให้เสียงดังๆ ทั่วบ้านโดยบอกว่าหวังดีให้ทุกคนบรรลุโสดาบัน ใครไม่ฟังจะเสียใจ
แรกๆทุกคนก็เออออ ฟังด้วยบ้าง
เราอยากเข้าใจพ่อเลยมาลองฟังจริงๆจังๆครั้งหนึ่ง
พอเราฟังแล้วอย่างแรกที่รู้สึกคือ...ทำไมพระอาจารย์ขี้หงุดหงิดจัง คนนั้นก็ผิด คนนี้ก็ไม่ถูก (ในวิทยุจะมีลูกศิษย์สนทนาธรรมะ..ถ้าไม่ถูกกับสิ่งที่ท่านพูด ท่านจะมีน้ำเสียงเชิงตำหนิโมโหออกมาได้ชัดเจนเลย..ที่ได้ยินบ่อยสุดคือ”พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน”) ทำให้เราเริ่มงงๆกับการสอนละ ว่าทำไมต้องโมโห กับคนที่คิดต่าง.. เราจึงเริ่มเอะใจว่านี่เป็นสาเหตุให้พ่อเราขี้โมโหง่ายรึเปล่า? ยกตัวอย่างนะคะ
-ทุกวันนี้คือ แม่เราตักบาตร กรวดน้ำยามเช้า(ซึ่งก็ทำมาหลายสิบปี) กลายเป็นสิ่งที่แย่มากๆ เพราะพุทธวจน ไม่ให้กรวดน้ำ คือมันผิดมหันต์ จนถึงขั้นทะเลาะกันบ่อยๆ
-เวลามีงานสำคัญ พยายามจะให้ใช้พระจากวัดในเครือพุทธวจนเท่านั้น พระวัดอื่นคือไม่มีธรรม ไม่ถูกต้อง แย่
-เราไปร่วมงานบวงสรวงตึกใหม่ของที่ทำงาน คือผิด แย่มาก เดรัจฉานวิชา
-ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ถ้าเป็นวัดหรือศาลเจ้านี่แทบเข้าไม่ได้เลย ต้องของว่า พ่อไปดูตึกดูโครงสร้างละกัน ถึงจะยอม
-ประเพณีหรืองานอะไรบางอย่างที่เคยทำ กลายเป็นสิ่งผิด เช่น ขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญบ้าน แม้กระทั่งไหว้ผู้ใหญ่เพื่อความศิริมงคลในโอกาสพิเศษ เป็นเรื่องงมงาย(ถ้าผู้ใหญ่คนนั้นไม่ได้นับถือพุทธวจน)
2.แค่ฟังและท่องคำสอนได้ ก็บรรลุโสดาบันแน่ๆ
ศีลห้าไม่ครบก็ได้ ข้อนี้เรางงมาก
บอกก่อนว่าก่อนหน้านี้พ่อเราดื่มเหล้าอยู่แล้ว แต่ก็ตามเทศกาลเท่านั้
แต่พักหลังคือ เข้าขั้นติด ต้องกินทุกวัน ไม่กินไม่ได้ จะหงุดหงิดเหวี่ยงคนในบ้าน เราเคยเตือนหลายครั้งมากๆเพราะห่วงสุขภาพ กลายเป็นไปแอบกินแทน ไม่ให้เห็นไปงั้น พอศีลข้อ5ไม่ได้ นำไปสู่การขาดสติ ข้ออื่นๆก็ตามมาถูกมั้ยคะ
(ข้อนี้คือไม่ได้หมายความว่าพุทธวจนสอนให้กินเหล้านะคะ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ท่องธรรมมะได้ศีล5ไม่ครบก็คือบรรลุโสดาบันได้เหรอ ถ้าดีจริงควรจะรู้แล้วว่าต้องเลิกอบายมุขมั้ย..ส่วนนึงที่คนในบ้านไม่เชื่อตามเพราะตัวแกเองยังปฏิบัติไม่ได้เลย)
3.ธรรมะ-คำสอน คือสิ่งที่ต้องเผยแพร่ให้มากที่สุด
สุดท้ายต้องมาอีหรอบนี้มั้ยนะ
คือที่บ้านเราเต็มไปด้วยหนังสือ พุทธวจน
ไม่ได้เยอะธรรมดานะ หลักพันเล่ม!
ต้องมีไว้แจกคนอื่นๆ มีงานอะไรก็ต้องแจก(งานที่มีการดื่มก็เอาไปแจกเนี่ยแหละ) โดยบอกว่ายิ่งเผยแพร่ยิ่งดี ของที่ต้องมีก็ต้องรีบซื้อ วิทยุธรรมมะเอย ตั่งนั่งสมาธิเอย ต้องมี
แรกๆที่แกเข้ามาศึกษาเราก็คิดว่าไม่น่ามีอะไรเสียหาย ขอแค่ไม่ใช่ลัทธิเอาตังค์แบบที่เห็นๆออกข่าวบ่อยๆ ก็น่าจะพอ
แต่กลายเป็นว่า พอยิ่งเชื่อมาก ยิ่งต้องจ่าย จ่ายเพื่อตาม เพื่อไปร่วมงาน เพื่อเข้าใกล้ให้มากที่สุด
(มันเป็นstepแบบนี้ใช่มั้ยนะ)
ถ้าเกิดมีกิจกรรมของทางวัด แล้วไม่สามารถไปร่วมได้ เพราะแม่ติดงาน แกจะหงุดหงิดมาก
หรือ เงินบริจาคให้วัด ถ้าให้บริจาคน้อยกว่าที่แกอยากจะให้บริจาคก็เป็นเรื่อง และหวยก็มาลงที่แม่เสมอ เราไม่โอเคเลย พอนานเข้ามันเลยกลายเป็นปัญหาขัดแย้งเรื้อรัง ความสัมพันธ์ในบ้านก็ไม่ดี
เราเองสงสารทั้งแม่ที่ต้องรองรับอารมณ์พ่อ จนถึงขั้นจะอยู่ร่วมกันไม่ได้
สงสารทั้งพ่อที่เหมือนไม่มีใครคุยด้วยในสิ่งที่แกเชื่อ
ตัวเราเองถึงไม่ได้ศึกษาธรรมมะจริงจังแต่ก็เชื่อว่า..
-คนเราจะเชื่ออะไรก็ได้ คิดต่างกัน ทำต่างกันได้ ไม่ได้แปลว่าคนที่ไม่เหมือนเราผิด ชั่วไปเลยซักหน่อย ครอบครัวอื่นต่างศาสนากันเค้าก็อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ยังเคยคิดว่าคนไม่นับถือศาสนาที่คิดดีทำดีพูดดี ทำสิ่งๆดีให้สังคมก็ยังน่านับถือเลย
-กิจกรรมบางอย่าง บางประเพณี เรารู้ว่างมงายบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่มันก็เป็นประเพณีของไทยที่อยู่มานาน ทำไปเพื่อความสบายใจก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพื่อบริบททางสังคมด้วย ไม่น่าจะเป็นเรื่องผิดมหันต์อะไรเลย
-การปักใจเชื่อแบบสุดโต่งจนครอบครัวความสัมพันธ์ย่ำแย่ ไม่มีความสุข แบบนี้มันไม่น่าจะใช่ เรานับถือศาสนาน่าจะเพื่อให้เราพ้นทุกข์ สงบ มากกว่าจมอยู่กับทุกข์แบบนี้
-สุดท้ายอาจเป็นตัวพ่อเราที่ตีความไม่ถูกต้องเอง ปฏิบัติไม่ได้เองก็เป็นได้
ที่มาตั้งกระทู้ไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวว่าทางพุทธวจน นะคะ เพียงแค่อยากรู้ว่ามีใครมีปัญหาเหมือนกันมั้ยควรจะแก้ยังไงได้บ้าง จนเราคิดว่าจะศึกษาบ้างดีมั้ยเพื่อจะได้คุยกับพ่อได้ว่าเนื้อแท้คำสอนพระพุทธเจ้าเป็นแบบไหนแน่ ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มแก้ปัญหายังไง อยากให้บรรยากาศครอบครัวดีๆกลับมาค่ะ
มีใครที่ พุทธวจน เป็นเหตุให้ครอบครัวกำลังจะพังบ้าง?
เรื่องของเรื่องคือ คุณพ่อของจขกท เริ่มศึกษา พุทธวจน มาได้ประมาณ2-3ปี เริ่มจากคนรู้จักแนะนำ
ตอนนี้คือ ขั้นที่เชื่อถือมากๆๆๆๆๆ นับถือหมดใจ
ก่อนหน้านี้ ครอบครัวเราจะนับถือสายวัดป่า มีเวลาก็เข้าวัดทำบุญ ใส่บาตรตอนเช้าปกติ ครอบครัวก็สงบสุขดี
พอพ่อเริ่มนับถือพุทธวจน เราก็อ่ะ โอเค ไม่น่าเสียหายอะไร ก็ดีคงเป็นอีกแนวทางให้ได้ศึกษาธรรมะ
พอได้ปีกว่าๆ เราเริ่มสังเกตว่า
‘คุณพ่อ ขี้หงุดหงิดง่ายมากๆๆๆๆ’
และเริ่มบอกคนในบ้านว่า สิ่งที่ทำ(เกี่ยวกับศาสนาพุทธ) อันนี้ผิด อันนี้ไม่ถูก สิ่งนี้พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน เดรัจฉานวิชาเสื่อม
พยายามให้ทุกคนฟังธรรมะของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โดยเปิดทั้งวิทยุ และคลิปในทีวี ทิ้งไว้ เปิดให้เสียงดังๆ ทั่วบ้านโดยบอกว่าหวังดีให้ทุกคนบรรลุโสดาบัน ใครไม่ฟังจะเสียใจ
แรกๆทุกคนก็เออออ ฟังด้วยบ้าง
เราอยากเข้าใจพ่อเลยมาลองฟังจริงๆจังๆครั้งหนึ่ง
พอเราฟังแล้วอย่างแรกที่รู้สึกคือ...ทำไมพระอาจารย์ขี้หงุดหงิดจัง คนนั้นก็ผิด คนนี้ก็ไม่ถูก (ในวิทยุจะมีลูกศิษย์สนทนาธรรมะ..ถ้าไม่ถูกกับสิ่งที่ท่านพูด ท่านจะมีน้ำเสียงเชิงตำหนิโมโหออกมาได้ชัดเจนเลย..ที่ได้ยินบ่อยสุดคือ”พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน”) ทำให้เราเริ่มงงๆกับการสอนละ ว่าทำไมต้องโมโห กับคนที่คิดต่าง.. เราจึงเริ่มเอะใจว่านี่เป็นสาเหตุให้พ่อเราขี้โมโหง่ายรึเปล่า? ยกตัวอย่างนะคะ
-ทุกวันนี้คือ แม่เราตักบาตร กรวดน้ำยามเช้า(ซึ่งก็ทำมาหลายสิบปี) กลายเป็นสิ่งที่แย่มากๆ เพราะพุทธวจน ไม่ให้กรวดน้ำ คือมันผิดมหันต์ จนถึงขั้นทะเลาะกันบ่อยๆ
-เวลามีงานสำคัญ พยายามจะให้ใช้พระจากวัดในเครือพุทธวจนเท่านั้น พระวัดอื่นคือไม่มีธรรม ไม่ถูกต้อง แย่
-เราไปร่วมงานบวงสรวงตึกใหม่ของที่ทำงาน คือผิด แย่มาก เดรัจฉานวิชา
-ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ถ้าเป็นวัดหรือศาลเจ้านี่แทบเข้าไม่ได้เลย ต้องของว่า พ่อไปดูตึกดูโครงสร้างละกัน ถึงจะยอม
-ประเพณีหรืองานอะไรบางอย่างที่เคยทำ กลายเป็นสิ่งผิด เช่น ขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญบ้าน แม้กระทั่งไหว้ผู้ใหญ่เพื่อความศิริมงคลในโอกาสพิเศษ เป็นเรื่องงมงาย(ถ้าผู้ใหญ่คนนั้นไม่ได้นับถือพุทธวจน)
2.แค่ฟังและท่องคำสอนได้ ก็บรรลุโสดาบันแน่ๆ
ศีลห้าไม่ครบก็ได้ ข้อนี้เรางงมาก
บอกก่อนว่าก่อนหน้านี้พ่อเราดื่มเหล้าอยู่แล้ว แต่ก็ตามเทศกาลเท่านั้
แต่พักหลังคือ เข้าขั้นติด ต้องกินทุกวัน ไม่กินไม่ได้ จะหงุดหงิดเหวี่ยงคนในบ้าน เราเคยเตือนหลายครั้งมากๆเพราะห่วงสุขภาพ กลายเป็นไปแอบกินแทน ไม่ให้เห็นไปงั้น พอศีลข้อ5ไม่ได้ นำไปสู่การขาดสติ ข้ออื่นๆก็ตามมาถูกมั้ยคะ
(ข้อนี้คือไม่ได้หมายความว่าพุทธวจนสอนให้กินเหล้านะคะ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ท่องธรรมมะได้ศีล5ไม่ครบก็คือบรรลุโสดาบันได้เหรอ ถ้าดีจริงควรจะรู้แล้วว่าต้องเลิกอบายมุขมั้ย..ส่วนนึงที่คนในบ้านไม่เชื่อตามเพราะตัวแกเองยังปฏิบัติไม่ได้เลย)
3.ธรรมะ-คำสอน คือสิ่งที่ต้องเผยแพร่ให้มากที่สุด
สุดท้ายต้องมาอีหรอบนี้มั้ยนะ
คือที่บ้านเราเต็มไปด้วยหนังสือ พุทธวจน
ไม่ได้เยอะธรรมดานะ หลักพันเล่ม!
ต้องมีไว้แจกคนอื่นๆ มีงานอะไรก็ต้องแจก(งานที่มีการดื่มก็เอาไปแจกเนี่ยแหละ) โดยบอกว่ายิ่งเผยแพร่ยิ่งดี ของที่ต้องมีก็ต้องรีบซื้อ วิทยุธรรมมะเอย ตั่งนั่งสมาธิเอย ต้องมี
แรกๆที่แกเข้ามาศึกษาเราก็คิดว่าไม่น่ามีอะไรเสียหาย ขอแค่ไม่ใช่ลัทธิเอาตังค์แบบที่เห็นๆออกข่าวบ่อยๆ ก็น่าจะพอ
แต่กลายเป็นว่า พอยิ่งเชื่อมาก ยิ่งต้องจ่าย จ่ายเพื่อตาม เพื่อไปร่วมงาน เพื่อเข้าใกล้ให้มากที่สุด
(มันเป็นstepแบบนี้ใช่มั้ยนะ)
ถ้าเกิดมีกิจกรรมของทางวัด แล้วไม่สามารถไปร่วมได้ เพราะแม่ติดงาน แกจะหงุดหงิดมาก
หรือ เงินบริจาคให้วัด ถ้าให้บริจาคน้อยกว่าที่แกอยากจะให้บริจาคก็เป็นเรื่อง และหวยก็มาลงที่แม่เสมอ เราไม่โอเคเลย พอนานเข้ามันเลยกลายเป็นปัญหาขัดแย้งเรื้อรัง ความสัมพันธ์ในบ้านก็ไม่ดี
เราเองสงสารทั้งแม่ที่ต้องรองรับอารมณ์พ่อ จนถึงขั้นจะอยู่ร่วมกันไม่ได้
สงสารทั้งพ่อที่เหมือนไม่มีใครคุยด้วยในสิ่งที่แกเชื่อ
ตัวเราเองถึงไม่ได้ศึกษาธรรมมะจริงจังแต่ก็เชื่อว่า..
-คนเราจะเชื่ออะไรก็ได้ คิดต่างกัน ทำต่างกันได้ ไม่ได้แปลว่าคนที่ไม่เหมือนเราผิด ชั่วไปเลยซักหน่อย ครอบครัวอื่นต่างศาสนากันเค้าก็อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ยังเคยคิดว่าคนไม่นับถือศาสนาที่คิดดีทำดีพูดดี ทำสิ่งๆดีให้สังคมก็ยังน่านับถือเลย
-กิจกรรมบางอย่าง บางประเพณี เรารู้ว่างมงายบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่มันก็เป็นประเพณีของไทยที่อยู่มานาน ทำไปเพื่อความสบายใจก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพื่อบริบททางสังคมด้วย ไม่น่าจะเป็นเรื่องผิดมหันต์อะไรเลย
-การปักใจเชื่อแบบสุดโต่งจนครอบครัวความสัมพันธ์ย่ำแย่ ไม่มีความสุข แบบนี้มันไม่น่าจะใช่ เรานับถือศาสนาน่าจะเพื่อให้เราพ้นทุกข์ สงบ มากกว่าจมอยู่กับทุกข์แบบนี้
-สุดท้ายอาจเป็นตัวพ่อเราที่ตีความไม่ถูกต้องเอง ปฏิบัติไม่ได้เองก็เป็นได้
ที่มาตั้งกระทู้ไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวว่าทางพุทธวจน นะคะ เพียงแค่อยากรู้ว่ามีใครมีปัญหาเหมือนกันมั้ยควรจะแก้ยังไงได้บ้าง จนเราคิดว่าจะศึกษาบ้างดีมั้ยเพื่อจะได้คุยกับพ่อได้ว่าเนื้อแท้คำสอนพระพุทธเจ้าเป็นแบบไหนแน่ ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มแก้ปัญหายังไง อยากให้บรรยากาศครอบครัวดีๆกลับมาค่ะ