เป็นหนัง Netflix ที่ผมอยากดูมากเรื่องนึงในปีเลยครับ เพราะหลังจากดูตัวอย่างก็มีความกระตือรือร้นอยากดูทันที เพราะตัวอย่างตัดมาได้น่าสนใจครับ ผมเลยคิดว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในหนังฟอร์มยักษ์แห่งปีที่พลาดไม่ได้แน่นอน(ทุนสร้างหนังอลังการมากสูงถึง 150 ล้านเหรียญ) แถมดารานำไม่ธรรมดาครับ ทั้ง Ryan Reynolds (จาก Deadpool), Mélanie Laurent (จาก Inglourious Basterds), Manuel Garcia-Rulfo (จาก The Magnificent Seven), Ben Hardy (จาก Bohemian Rhapsody), Adria Arjona (จาก Triple Frontier) และก็ Corey Hawkins (จาก BlacKkKlansman) คือแค่ดาราก็น่าดูแล้วครับ
หนังได้บอกเล่าเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวขึ้นมาเพื่อต่อกรกับนายพลโรวัค ผู้นำจอมชั่วร้ายแห่งประเทศตะวันออกกลางอย่างเตอร์กิสถาน ภารกิจสุดระห่ำครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นจาก 1 หรือ วัน (ไรอัน เรย์โนลด์) มหาเศรษฐีที่ตัดสินใจลบตัวเองออกจากแผนที่โลก ด้วยการแสร้งว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว ก่อนที่เขาจะรวบรวมทีมอันประกอบไปด้วย สายลับ มือปืน จอมโจรตีนผี หมอ นักขับรถ และพลแม่นปืน ที่ยึดมั่นอุดมการณ์เดียวกันนั่นคือการ “ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน”
หนังบันเทิงครับ ถึงแม้จะไม่ได้สุดยอดอะไรมากมาย แต่ผมว่ามันก็ดูเพลินได้เรื่อยๆ และผมออกจะชอบหนังเรื่องนี้มากกว่าหนังของป๋าเบย์เรื่องอื่นๆ ด้วย(แน่นอนว่าชอบเรื่องนี้มากกว่า The Rock และ Transformers เสียอีก) เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะหนังมันมีองค์ประกอบที่เข้าท่าหลายอย่างครับ
ถ้าว่ากันตรงๆ หนังไม่ได้มีพล็อตที่แปลกใหม่เลยครับ พล็อตรวมทีมเพื่อปฏิบัติการนอกกฎหมายเนี่ยเราเห็นมาแล้วหลายรอบ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็ Fast & Furious ภาคหลังๆ(เพียงแต่ F&F มักจะมีสิ่งแปลกใหม่มาเสิร์ฟเรื่อยๆ นั่นคือความครีเอทในฉากแอคชั่น) แต่สิ่งที่ทำให้หนังมันเวิร์คคือ "หนังมันไม่หลงทางที่ตัวเองกำลังเดิน" ครับ
ช่วง 15 นาทีแรกของหนังนั้น บอกตามตรงว่าพังครับ พังทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อหรือมุขตลกของตัวละคร แถมผมออกจะรำคาญตัวละคร "หนึ่ง" มากว่าจะแหกปากอะไรกันนักกันหนา และฉากแอคชั่นช่วงนี้ไม่มีความน่าสนใจเลย(ผมแอบเบื่อจนคิดว่าจะเลิกดูเลยล่ะ) ผมเลยคิดได้ครับว่า ถ้าผมได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรง ผมคงเดินออกตั้งแต่ 10 นาทีแรกแล้วล่ะ เพราะมันไม่มีอะไรเลยจริงๆ
แต่หลังจากพ้น 15 นาทีแรกไป หนังน่าสนใจขึ้นมากเลยครับ เพราะหนังเริ่มเล่าเรื่องของตัวละครและเริ่มเข้าสู่พล็อตหลักของหนัง(แอบเสียดายถ้าตัดช่วงแรกออกไปได้นี่จะดีกว่านี้มาก) หนังเล่าเรื่องสนุกขึ้นครับ และมีฉากแอคชั่นมาเสิร์ฟเรื่อยๆ ไม่ให้เบื่อ แต่ก็ไม่ลืมว่าต้องเล่าเรื่องด้วย จุดนี้เป็นจุดที่ผมชอบมากครับเพราะปกติป๋าเบย์จะใส่ระเบิดเข้ามามากกว่าจะมาใส่ใจเนื้อเรื่อง แต่สำหรับเรื่องนี้ป๋าแกใส่ใจพล็อตมากขึ้นครับและป๋าแกก็ balance ปริมาณฉากแอคชั่นและเนื้อเรื่องออกมาได้โอเคกว่าที่คิดไว้มากเลย ซึ่งเป็นบุญมากครับเพราะนานๆ ทีจะได้เห็นหนังที่มีพล็อตที่น่าสนใจและฉากแอคชั่นที่ดีที่กำกับโดยป๋าเบย์
สำหรับผม ผมชอบเลยนะ ชอบที่หนังมันดำเนินเรื่องได้สนุกและน่าติดตาม แถมดาราก็เคมีเข้ากันทุกคนเลย แต่รายที่ผมชอบมากกว่าคนอื่นหน่อยก็คือ Laurent ในบท "สาม" ครับ ผมว่าตัวละครนี้มีเสน่ห์มากๆ มีความเป็น John Wick ผสมกับ Charlie's Angels แล้วผสมความกวนเข้าไปเล็กน้อย ผลที่ออกมากลับกลายเป็นว่าตัวละครนี้แย่งซีนชาวบ้านเฉยเลยครับ ผมชอบฉากที่เธอสังหารเหยื่อในช่วงท้ายมาก
สรุปแล้ว 6 Underground ก็เป็น Netflix ที่ทำออกมาได้ดีเกินคาดมากๆ ถึงแม้หนังจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ผมว่าป๋าเบย์แกกำกับออกมาได้เวิร์คในระดับนึงเลยครับ(แอบคิดเล็กน้อยว่า 36% ใน Rotten Tomatoes นี่คืออะไร555) ถ้าใครชอบหนังแอคชั่นแบบรวมทีม เรื่องนี้อาจจะถูกใจท่านก็ได้ครับ
คะแนนเฉลี่ยรวม : 8/10
เรตหนัง : หนังดีที่ควรดู
[CR] [##REVIEW##] Netflix's 6 Underground (2019) 6 ลับ ดับ โหด | มหกรรมระเบิดบันเทิงฉบับป๋าเบย์ที่ดูรู้เรื่อง [ไร้ส้มป่อย]
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้