ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า สำหรับผม Star Wars Episode IX เป็นหนังที่ดูสนุก เป็นความบันเทิงระดับที่ไม่เสียดายตังเลยแม้แต่น้อย และหนังยังเป็นมิตรกับแฟน Star Wars รุ่นใหม่ๆ อย่างมาก เพราะธีมหนังไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เป็นจุดจบของมหากาพย์การต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว แสงสว่างกับความมืด โดยมีจักรวาลเป็นเดิมพัน และเชื่อว่าหลายคนน่าจะอิ่มเอมกับบทสรุปที่สวยงามของไตรภาคนี้

แต่ … แฟนส่วนใหญ่รวมถึงนักวิจารณ์มีสิทธิ์อย่างเต็มเปี่ยมที่ไม่พอใจกับภาคนี้อย่างมาก … คำถามจึงเป็นว่า ทำไม

ผมไม่แน่ใจว่า เจเจ อับรามส์ ทำหน้ายังไงตอนที่ดูภาค The Last Jedi และรู้ว่าตัวเองต้องปิดจ๊อบด้วยหนังภาคสุดท้าย เพราะถ้าพูดแบบเข้าใจง่ายๆ คือ ไรอัน จอห์นสัน ผู้กำกับภาคดังกล่าว ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ดี พี่เหมือนวางสนุ๊กไว้ให้คนที่จะสานต่อ ไม่ว่าจะเป็นการตัดบทตัวละครที่เปิดมาอย่างใหญ่โตไปดื้อๆ การปิดฉากตัวละครที่แฟนๆ รัก แถมยังเปิดเผยมุมที่ทำลายภาพลักษณ์ฮีโร่แห่งจักรวาลที่สั่งสมชื่อเสียงมาหลายทศวรรษ แถมยังขยี้ปมให้ซับซ้อนขึ้นอีกขั้น ว่าจริงๆ แล้ว มันมีหรือไม่มีอะไรซ่อนอยู่ในชาติกำเนิดของตัวเอกกันแน่

ผมถือว่า เจเจ อับรามส์ ทำได้ดี และควรยกเครดิตให้ที่เขาหาทางออกให้เรื่องแบบนี้ … แต่ในอีกแง่หนึ่ง น้า 2เจ เป็นตัวอย่างแห่งการ Play Safe แบบสุดๆ เส้นเรื่องของ The Rise of Skywalker เต็มไปด้วยช็อตเสร่อๆ หรือเรียกให้สวยงามว่า Cliche (คลีเช่) เต็มไปหมด อะไรหลายอย่างที่รู้สึกว่า โดนยัดเยียดใส่ลงมาให้หนังแบบเพื่อถมช่องว่างบางอย่างและเปิดทางสู่บทสรุป หลายๆ ซีนที่เราคิดว่า เออ เดี๋ยวต้องแบบนั้นแน่ๆ … แล้วมันก็เป็นจริงๆ

หากใครจำกันได้ เจเจ อับรามส์ คือผู้กำกับ The Force Awakens หนังภาคที่ 7 ซึ่งนำมหากาพย์ดารายุทธกลับมาในสมัยใหม่ ซึ่งเป็นที่ปลาบปลื้มแก่แฟนๆ ทั้งยุคเก่าและยุคใหม่อย่างมาก แต่โดยเนื้อแท้แล้ว หนังเหมือนกับเอา Star Wars ภาคแรก A New Hope มาเขย่าเล่าเรื่องใหม่ แต่ความยอดเยี่ยมของหนังและความตื่นเต้นที่เห็นแฟรนไชส์นี้กลับมา ทำให้เราพอให้อภัยได้

แต่เมื่อน้าแกกลับมาอีกรอบ พร้อมกับมุกแบบเดิมๆ ด้วยการสร้าง The Rise of Skywalker พร้อมกลิ่นอายที่ฉุนกึกทำให้นึกถึงหนังภาค Return of the Jedi แบบสุดๆ … (พร้อมกับบางซีนที่ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะคิดถึง หนังสเกลโคตรใหญ่ในบริษัทเดียวกันที่เพิ่งฉายไปช่วงกลางปี) มันก็ยิ่งทำให้เรามั่นใจว่า น้าแกเล่นแบบเน้นผลจริงๆ (ซึ่งมันก็พอรับได้ล่ะนะ)

โดยสรุปคือ The Rise of Skywalker เป็นหนังที่ผู้กำกับเปิด Easy Mode เล่นโชวให้แฟนๆ ได้ฟินและแยกย้ายกลับบ้านแบบแฮปปี้ และไม่แปลกที่มันจะเป็นอีกภาคที่ทำเงินได้ไม่น้อย แต่หากเทียบกับภาคก่อน The Last Jedi ถึงผมจะไม่ได้ปลิ้มกับเนื้อเรื่องแต่ยอมรับว่า จอห์นสัน กล้าที่จะทำให้หนังแฟรนไชส์นี้ช็อคแฟนๆ และเป็นสิ่งที่จะถูกหยิบมาพูดถึงไปอีกนาน

และ … จากการที่เข็ดมาแล้ว 2 รอบ ผมจะไม่บอกว่า The Rise of Skywalker คือครั้งสุดท้ายของตำนานแห่งพลังบนจอเงิน เพราะหากภาคนี้ทำตัวเลขรายรับได้ถล่มทลาย … ตอนที่ 10 อาจจะมาไวกว่าที่คิดก็เป็นไปได้

สุดท้าย ฝากเพจรีวิวเล็กๆ
https://www.facebook.com/justtoohype/ 
ขอยอดไลค์ยอดแชร์ไปประกอบสัมมาอาชีพต่อไปครับ