วันนี้ขออนุญาตชวนเพื่อนๆ มาดูวิวอันอลังการของ กรุงเทพหมานครในยามค่ำคืนกันค่ะ
จขกท ไปรับประทานมื้อค่ำที่ ร้าน VERTIGO
Rooftop ชั้น 61 ของโรงแรม Banyan Tree Bangkok มาค่ะ

ขอเริ่มด้วยภาพจากวิวชั้น 61 คืนที่ไปนี้ ยังโชคดี ที่แม้จะหมดฤดูหนาวแห่งประเทศไทยแล้ว แต่ก็ไม่ร้อนค่ะ
 

การจองโต๊ะ
Dinner มี 2 รอบ คือ 18.00 และ 20.30
รอบ 18.00 request โต๊ะริมได้ (ซึ่งทุกคนเรา recommend นั่งริมเท่านั้นนะคะ)
รอบ 20.30 ไม่การันตี โต๊ะริม แล้วแต่หน้างาน
การจองแนะนำจองรอบ 18:00
ขอโต๊ะริม  โซนด้านบน หรือ ฝั่งที่ติดกับ moon bar
หากเป็นโซนด้านหลัง เราจะอยู่เหนือชั้นสูบบุหรี่ ซึ่งอากาศไม่โอเค มีทั้งควันบุหรี่ และควันจากครัวชั้นล่าง
และจอง ริมฝั่ง ถนนสาทรนะคะ เพราะเราจะได้เห็นความเมือง ความตึกไฟฟู่ฟ่า โออ่า


Vertigo เสริฟอาหารฝรั่งค่ะ
มีทั้งแบบเป็น Course Menu (มี wine pairing )
และแบบ จานเดี่ยว (a la carte)
กำหนด minimum spending ที่ 2,500 บาทต่อคน
เราสั่ง course menu 5 จาน ราคา 5,400 ++
และจานเดี่ยวอีก 2 อย่าง (สลัด และแกะย่าง)
บวกค่าน้ำ Sparkling ขวดละ 400++
กาแฟเย็น 260++
มื้อนี้เราจบไปที่ ประมาณ 12,000 บาท ค่ะ

เริ่มมื้อด้วย
ขนมปังฟรี เสริฟให้อุ่นๆ ทานกับ น้ำมันมะกอกและบัลซามิค
เราชอบ ขนมปังก้อนขาว ผสมออริกาโน่ หอมดีค่ะ
ที่เหลือเป็น ดินเนอร์โรลธรรมดา 


amuse bouche ของทานเล่น เสริฟทุกคน
เป็นสลัดปูอัด น้ำยำแบบเปรี้ยว เรียกน้ำย่อยอย่างมากมาย


จานเดี่ยวจานแรก A la carte : starter
 Organic Figs and Pear Salad (900++)
ใส่ลูกฟิกสดๆ หวานและหอม บวกกับแพรฉ่ำๆ
ผักกรอบสด น้ำสลัด Greek Dressing มีความเปรี้ยวหวาน
จานนี้สดชื่นลงตัว


A la carte : main course จานหลัก
Chop of Lamb (3,900++)
เสริฟพร้อมซอส 4 ชนิด ผักย่าง และมะเขือเทศ

ตอนสั่ง (ด้วยความหิว)  อยากกินแกะมาก เลยสั่งกับพนักงาน
อยากมาก หิวมาก มากจน สั่งเสร็จแล้วไม่ได้ฟังต่อว่า เป็น portion for two
และไม่ได้ดูเมนูว่า 800 gram เออออ เกือบโล เลยจ่ะ
และจานนี้ เป็นของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเรา คนเดียวค่ะ 

medium rare perfection!
เนื้อปรุงด้วยเกลือ พริกไทย และเครื่องเทศ รสชาติเข้มข้น 
เนื้อแกะนุ่มมาก ดีมากที่สุด 


ทานกับซอสพริกไทยดำ
ผักเครื่องเคียงก็ย่างมา texture ดีค่ะ ไม่เละ แต่ติดรสเค็มไปหน่อย


ต่อมาเป็นในส่วนของ Course Menu 5 จาน ราคา 5,400 ++
เริ่มต้นด้วย
Course menu 1 : Hokkaido Sea Scallops
Quinua, Apple Salad, Butter nut squash puree
หอยเชลล์  ความสุขกำลังดี ไม่แข็งไม่แห้ง
ด้านล่างเป็นแอปเปิ้ล อร่อยดีค่ะ


Course menu 2 : Rougie Foie Gras
Fig and peach compote, sourdough bread
ฟัวกราส์ ชิ้นหนา ทานกับ แยมลูกฟิกผสมพีช
เข้ากันมากๆๆๆๆๆ อร่อยมากๆๆๆๆ 


Course menu 3 : Smoke Cod Chowder
ซุปครีมปลารมควัน 
ครีมมากๆ แอบเลี่ยนไปนิดนึงค่ะ


มี sorbet
มาขั้นกลางเพื่อล้างปาก ก่อน main course
ทานเสร็จพนักงานถาม รับ เมรุ เลยมั้ยครับ

จขกท เล่นมุกในใจ “ไม่ค่ะ ยังไม่ตาย ไม่อยากโดนเผา”
อ้อออ นั่น Main (ที่หมายถึง อาหารจานหลัก)

แต่โอเค.....ไม่ได้เล่นมุกนี้ออกไป เพราะกลัวเค้าหาว่า เป็นคนบ้าแล้วไล่ออกจากร้านค่ะ 555



Course Menu 4 : Miyazaki Wagyu Tenderlion
ของเด็ดอยู่แล้ว วากิว จัดมีเดียมแร เช่นเดิม
อร่อยมากจริงๆ สูสีกับ Wolfgang’s Steakhouse ที่เป็นร้านอันดับหนึ่งในใจตอนนี้ค่ะ


อุ้ยยย ขออนุญาตหั่นให้ดูนะคะ
ว่ามันฉ่ำชุ่ม นุ่ม ฟิน แค่ไหน


ของหวานเป็น ชีสเค้กค่ะ
อร่อยมาก หวานน้อย ตัวชีสจะฉ่ำๆ เป็นเนื้อกึ่งสปอนจ์ แต่ไม่ฟูเกินไป
ไอติมมะม่วง อร่อยดี รสเด่นชัด และเข้ากันดีที่สุดดด
//มีอีกสักปอนด์ มั้ยคะ 


โอกาสพิเศษที่ไปเป็นวันเกิด แจ้งกับพนักงานไว้
มีเค้กมาให้เป็น Complimentary
พนักงานมาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ พร้อมบรรเลง ukulele
ตัวเค้กเป็นมูสเค้กชอคโกแล๊ต อร่อยอีกเช่นกันค่ะ
รสชอคโกแลต เข้มข้น ไม่หวานเกินไป
แต่ให้มาก้อนใหญ่มาก ทานไม่หมดค่ะ


และนี่คือสั่งที่ประทับใจ จขกท มาก
มัน คืออออ กระป๋องพริกไทย รุ่นส่องไฟได้
ชอบมาก พนักงานถามว่ารับพริกไทยมั้ย เรารับตลอดค่ะ
ไม่ได้ อยากได้รสเผ็ดพริกไทยนะ อยากดูที่มันส่องแสง 


ติดกับ Vertigo คือ Moon Bar บาร์ขายเครื่องดื่ม คอคเทล เหล้า ไวน์ ต่างๆ มีของทานเล่นนิดหน่อย 
หากอยากมาชมวิวกับดื่มแบบชิวๆ แนะนำเลยค่ะ 
ที่ Moon Bar ไม่รับจองนะคะ คนเยอะตลอดยิ่งตอนดึกๆ
 

ลากันไปด้วยวิวกรุงเทพอีกสักรูป เรานั่งดูวิวแบบนี้ไม่เบื่อเลยค่ะ


ขอบคุณที่รับชมรีวิวค่ะ