10. โรเมลู ลูกากู - เอฟเวอร์ตัน
ซื้อมาจาก เชลซี ราคา 31.82 ล้านปอนด์
ขายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ราคา 76.23 ล้านปอนด์
ในปี 2017-18
กำไร 44.41 ล้านปอนด์
เริ่มต้นที่กองหน้าร่างยักษ์อดีตแข้ง ปีศาจแดง รายนี้ ที่ก่อนหน้าเขาจะถูกเรียกว่าเป็น "ตู้เย็น" นั้น เจ้าตัวเคยเป็นเครื่องจักรถล่มประตูให้กับ เอฟเวอร์ตัน มาก่อน และนั่นทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมควักเงินถึง 76 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2017 สร้างกำไรมหาศาลให้กับ พลพรรคท็อฟฟีสีน้ำเงิน เป็นมูลค่ากว่า 44 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
9. จอห์น สโตนส์ - เอฟเวอร์ตัน
ซื้อมาจาก บาร์นสลีย์ ราคา 3.15 ล้านปอนด์
ขายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ราคา 50.04 ล้านปอนด์
ในปี 2016-17
กำไร 46.89 ล้านปอนด์
กองหลังดาวรุ่งที่ เอฟเวอร์ตัน ดึงเข้ามาปั้นในปี 2012 ซึ่งเริ่มแรกเดิมทีเจ้าตัวเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา ก่อนที่ทีมจะประสบปัญหาเซ็นเตอร์แบ็คบาดเจ็บ ทำให้ สโตนส์ ต้องถูกจับไปยืนเป็นกองหลังจำเป็น ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างยอดยี่ยม กระทั่งงในปี 2016 เรือใบสีฟ้า ควักกระเป๋ากว่า 50 ล้านปอนด์ กระชากตัวไปร่วมทัพ ทั้งที่สมัยที่ เดอะท็อฟฟี ซื่อมาจาก บาร์นสลีย์ นั้น เขามีค่าตัวเพียง 3 ล้านปอนด์เท่านั้น
8. หลุยส์ ซัวเรซ - ลิเวอร์พูล
ซื้อมาจาก อาแจ็กซ์ ราคา 23.85 ล้านปอนด์
ขายให้กับ บาร์เซโลนา ราคา 73.55 ล้านปอนด์
ในปี 2014-15
กำไร 49.70 ล้านปอนด์
อดีตกองหน้าสายดุของ หงส์แดง รายนี้ ย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ เพื่อเป็นตัวตายตัวแทนของ เฟอร์นันโด ตอร์เรส ในปี 2011 ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ต้องผิดหวังด้วยการยิงประตูถล่มทลาย คว้าดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก .oxu 2013-14 มาครองได้สำเร็จ กระทั่ง บาร์ซ่า มาพรากตัวหัวหอกชาว อุรุกวัย รายนี้ไปด้วยค่าตัวมหาศาลกว่า 73 ล้านปอนด์
7. เอเดน อาซาร์ - เชลซี
ซื้อมาจาก ลีลล์ ราคา 31.5 ล้านปอนด์
ขายให้กับ เรอัล มาดริด ราคา 90 ล้านปอนด์
ในปี 2019-20
กำไร 58.5 ล้านปอนด์
ยอดตัวรุกชาว เบลเยียม ย้ายจาก ลีลล์ มาร่วมชายคา สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยค่าตัวกว่า 31.5 ล้านปอนด์ในปี 2012 แต่ตลอดระยะเวลาที่เจ้าตัวค้าแข้งอยู่กับ เชลซี ต้องบอกเลยว่าคุ่มค่าคุ้มราคาเป็นอย่างยิ่ง แถมยังปิดฉากด้วยการขายต่อให้กับ ราชันชุดขาว ด้วยค่าตัวกว่า 90 ล้านปอนด์ สร้างกำไรมหาศาลทั้งในด้านตัวเงินและผลงานในสนาม
6. ริยาด มาห์เรซ - เลสเตอร์ ซิตี้
ซื้อมาจาก เลอ อาฟร์ ราคา 450,000 ปอนด์
ขายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ราคา 61.02 ล้านปอนด์
ในปี 2018-19
กำไร 60.57 ล้านปอนด์
ปีกชาว แอลจีเรีย ดีกรีแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ 2 สโมสร รายนี้ ย้ายมาร่วมทัพ จิ้งจอกสยาม ด้วยค่าตัวถูกแสนถูก เพียงแค่ 4 แสนปอนด์เท่านั้น ซึ่งจากนั้นเจ้าตัวก็พัฒนาฝีเท้าจนกลายมาเป็นแข้งระดับท็อปของอังกฤษ ได้สำเร็จ จนเมื่อปี 2018 เรือใบสีฟ้า ยอมทุ่มเงินกว่า 60 ล้านปอนด์ ซื้อตัวไปร่วมทีม สร้างกำไรให้กับ เลสเตอร์ อย่างมหาศาล
5. เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค - เซาต์แธมป์ตัน
ซื้อมาจาก เซลติก ราคา 14.13 ล้านปอนด์
ขายให้กับ ลิเวอร์พูล ราคา 76.19 ล้านปอนด์
ในปี 2017-18
กำไร 62.06 ล้านปอนด์
กองหลังดีกรีแชมป์ยุโรปของ หงส์แดง ซึ่งก่อนที่ทีมจะยอมทุบกระปุกทุ่มซื้อเขามาร่วทีมด้วยค่าตัวสูงถึง 76 ล้านปอนด์นั้น เจ้าตัวเคยสังกัดอยู่กับ ทีมนักบุญ มาก่อน ซึ่งพวกเขาซื้อตัวยอดปราการหลังรายนี้มาร่วมทัพจาก เซลติก ทีมในลีก สกอตแลนด์ ด้วยค่าตัวเพียง 14 ล้านปอนด์เท่านั้น นั่นเท่ากับว่า เชาต์แธมป์ตัน ได้กำไรจากการขาย ฟาน ไดจ์ค กว่า 62 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
4. แฮร์รี แม็คไกวร์ - เลสเตอร์ ซิตี้
ซื้อมาจาก ฮัลล์ ซิตี้ ราคา 12.33 ล้านปอนด์
ขายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ราคา 78.3 ล้านปอนด์
ในปี 2019-20
กำไร 65.97 ล้านปอนด์
อยู่กับแข้งจาก เลสเตอร์ ซิตี้ อีกหนึ่งราย ที่สร้างกำไรมหาศาลให้กับสโมสร คราวนี่เป็น แฮร์รี แม็คไกวร์ กองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกที่ ปีศาจแดง ยอมทุ่มเงินกว่า 78 ล้านปอนด์ กระชากตัวมาใช้งานเมื่อกลางปีที่ผ่านมานี่เอง โดยก่อนหน้านั้น จิ้งจอกสยาม ดึงตัว แม็คไกวร์ มาจาก ฮัลล์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวเพียง 12 ล้านปอนด์เท่านั้นในปี 2017
3. คริสเตียนโน โรนัลโด้ - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ซื้อมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ราคา 17.1 ล้านปอนด์
ขายให้กับ เรอัล มาดริด ราคา 84.6 ล้านปอนด์
ในปี 2009-10
กำไร 67.5 ล้านปอนด์
มาถึงยอดนักเตะที่ขึ้นชื่อว่าเก่งที่สุดคนหนึ่งแห่งยุคนามว่า คริสเตียนโน โรนัลโด้ ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดึงตัวมาปลุกปั้นตั้งแต่ยังละอ่อน กระทั้งกลายมาเป็นยอดนักเตะระดับโลกเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จทุกอย่างกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เจ้าตัวก็เลือกจะไปหาความท้าทายใหม่ที่ สเปน กับ เรอัล มาดริด ที่ยอมควักเงินเป็นสถิติโลก ณ ขณะนั้น กว่า 84 ล้านปอนด์ กระชากตัวแข้งจอมสับร้ายนี้ไปยังถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ในปี 2009
2. แกเร็ธ เบล - ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์
ซื้อมาจาก เซาต์แธมป์ตัน ราคา 13.23 ล้านปอนด์
ขายให้กับ เรอัล มาดริด ราคา 90.90 ล้านปอนด์
ในปี 2013-14
กำไร 77.67 ล้านปอนด์
ซุเปอร์สตาร์โค้ชไม่ปลื่ม รายนี้ ย้ายจาก ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ มาร่วมทัพ ราชันชุดขาว ด้วยค่าตัวสูงถึง 90 ล้านปอนด์ในปี 2013 โดยก่อนหน้าเจ้าตัวจะกลายมาเป็นยอดนักเตะขนาดนี้ได้ ต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมากมาย เริ่มจากการย้ายจาก ทีมนักบุญ มาร่วมทัพ ไก่เดือยทอง ในปี 2007 ในตำแหน่ง "แบ็คซ้าย" ซึ่งฟอร์มการเล่นในช่วงแรกต้องบอกว่าเข้าขันแย่เลยทีเดียว แต่หลังจากถูกจับมาเล่นปีก เจ้าตัวก็สวมวิญญาณเทพ ระเบิดฟอร์มสุดยอด จน มาดริด มาซื้อตัวไปในทีุ่ด
1. ฟิลิปเป้ คูตินโญ - ลิเวอร์พูล
ซื้อมาจาก อินเตอร์ มิลาน ราคา 11.7 ล้านปอนด์
ขายให้กับ บาร์เซโลนา ราคา 130.5 ล้านปอนด์
ในปี 2017-18
กำไร 118.8 ล้านปอนด์
และแล้วก็มาถึงนักเตะที่ทำกำไรให้กับทีมได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ฟิลิปเป้ คูตินโญ ตัวรุกชาว บราซิลเลียน ที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค นั่นเอง ช่วงตลาดหน้าหนาวปี 2013 เจ้าหนุ่มพ่อมดน้อย ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน มายัง ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวเพียง 11 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่ในปี 2018 เจ้าบุญทุ่มบาร์เซโลนา ควักเงินกว่า 130 ล้านปอนด์ ทุ่มซื้อตัวกองกลางรายนี้ไปร่วมทีม นั่นจึงทำให้ หงส์แดง มีกำไรจากการซื้อ-ขายมากถึงเกือบ 120 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
cr : www.90minc.om/th
เปิดสถิติ 10 นักเตะ ที่ทำกำไรให้ทีมจากการ ซื้อ-ขาย ได้มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก
10. โรเมลู ลูกากู - เอฟเวอร์ตัน
ซื้อมาจาก เชลซี ราคา 31.82 ล้านปอนด์
ขายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ราคา 76.23 ล้านปอนด์
ในปี 2017-18
กำไร 44.41 ล้านปอนด์
เริ่มต้นที่กองหน้าร่างยักษ์อดีตแข้ง ปีศาจแดง รายนี้ ที่ก่อนหน้าเขาจะถูกเรียกว่าเป็น "ตู้เย็น" นั้น เจ้าตัวเคยเป็นเครื่องจักรถล่มประตูให้กับ เอฟเวอร์ตัน มาก่อน และนั่นทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมควักเงินถึง 76 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2017 สร้างกำไรมหาศาลให้กับ พลพรรคท็อฟฟีสีน้ำเงิน เป็นมูลค่ากว่า 44 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
9. จอห์น สโตนส์ - เอฟเวอร์ตัน
ซื้อมาจาก บาร์นสลีย์ ราคา 3.15 ล้านปอนด์
ขายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ราคา 50.04 ล้านปอนด์
ในปี 2016-17
กำไร 46.89 ล้านปอนด์
กองหลังดาวรุ่งที่ เอฟเวอร์ตัน ดึงเข้ามาปั้นในปี 2012 ซึ่งเริ่มแรกเดิมทีเจ้าตัวเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา ก่อนที่ทีมจะประสบปัญหาเซ็นเตอร์แบ็คบาดเจ็บ ทำให้ สโตนส์ ต้องถูกจับไปยืนเป็นกองหลังจำเป็น ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างยอดยี่ยม กระทั่งงในปี 2016 เรือใบสีฟ้า ควักกระเป๋ากว่า 50 ล้านปอนด์ กระชากตัวไปร่วมทัพ ทั้งที่สมัยที่ เดอะท็อฟฟี ซื่อมาจาก บาร์นสลีย์ นั้น เขามีค่าตัวเพียง 3 ล้านปอนด์เท่านั้น
8. หลุยส์ ซัวเรซ - ลิเวอร์พูล
ซื้อมาจาก อาแจ็กซ์ ราคา 23.85 ล้านปอนด์
ขายให้กับ บาร์เซโลนา ราคา 73.55 ล้านปอนด์
ในปี 2014-15
กำไร 49.70 ล้านปอนด์
อดีตกองหน้าสายดุของ หงส์แดง รายนี้ ย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ เพื่อเป็นตัวตายตัวแทนของ เฟอร์นันโด ตอร์เรส ในปี 2011 ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ต้องผิดหวังด้วยการยิงประตูถล่มทลาย คว้าดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก .oxu 2013-14 มาครองได้สำเร็จ กระทั่ง บาร์ซ่า มาพรากตัวหัวหอกชาว อุรุกวัย รายนี้ไปด้วยค่าตัวมหาศาลกว่า 73 ล้านปอนด์
7. เอเดน อาซาร์ - เชลซี
ซื้อมาจาก ลีลล์ ราคา 31.5 ล้านปอนด์
ขายให้กับ เรอัล มาดริด ราคา 90 ล้านปอนด์
ในปี 2019-20
กำไร 58.5 ล้านปอนด์
ยอดตัวรุกชาว เบลเยียม ย้ายจาก ลีลล์ มาร่วมชายคา สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยค่าตัวกว่า 31.5 ล้านปอนด์ในปี 2012 แต่ตลอดระยะเวลาที่เจ้าตัวค้าแข้งอยู่กับ เชลซี ต้องบอกเลยว่าคุ่มค่าคุ้มราคาเป็นอย่างยิ่ง แถมยังปิดฉากด้วยการขายต่อให้กับ ราชันชุดขาว ด้วยค่าตัวกว่า 90 ล้านปอนด์ สร้างกำไรมหาศาลทั้งในด้านตัวเงินและผลงานในสนาม
6. ริยาด มาห์เรซ - เลสเตอร์ ซิตี้
ซื้อมาจาก เลอ อาฟร์ ราคา 450,000 ปอนด์
ขายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ราคา 61.02 ล้านปอนด์
ในปี 2018-19
กำไร 60.57 ล้านปอนด์
ปีกชาว แอลจีเรีย ดีกรีแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ 2 สโมสร รายนี้ ย้ายมาร่วมทัพ จิ้งจอกสยาม ด้วยค่าตัวถูกแสนถูก เพียงแค่ 4 แสนปอนด์เท่านั้น ซึ่งจากนั้นเจ้าตัวก็พัฒนาฝีเท้าจนกลายมาเป็นแข้งระดับท็อปของอังกฤษ ได้สำเร็จ จนเมื่อปี 2018 เรือใบสีฟ้า ยอมทุ่มเงินกว่า 60 ล้านปอนด์ ซื้อตัวไปร่วมทีม สร้างกำไรให้กับ เลสเตอร์ อย่างมหาศาล
5. เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค - เซาต์แธมป์ตัน
ซื้อมาจาก เซลติก ราคา 14.13 ล้านปอนด์
ขายให้กับ ลิเวอร์พูล ราคา 76.19 ล้านปอนด์
ในปี 2017-18
กำไร 62.06 ล้านปอนด์
กองหลังดีกรีแชมป์ยุโรปของ หงส์แดง ซึ่งก่อนที่ทีมจะยอมทุบกระปุกทุ่มซื้อเขามาร่วทีมด้วยค่าตัวสูงถึง 76 ล้านปอนด์นั้น เจ้าตัวเคยสังกัดอยู่กับ ทีมนักบุญ มาก่อน ซึ่งพวกเขาซื้อตัวยอดปราการหลังรายนี้มาร่วมทัพจาก เซลติก ทีมในลีก สกอตแลนด์ ด้วยค่าตัวเพียง 14 ล้านปอนด์เท่านั้น นั่นเท่ากับว่า เชาต์แธมป์ตัน ได้กำไรจากการขาย ฟาน ไดจ์ค กว่า 62 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
4. แฮร์รี แม็คไกวร์ - เลสเตอร์ ซิตี้
ซื้อมาจาก ฮัลล์ ซิตี้ ราคา 12.33 ล้านปอนด์
ขายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ราคา 78.3 ล้านปอนด์
ในปี 2019-20
กำไร 65.97 ล้านปอนด์
อยู่กับแข้งจาก เลสเตอร์ ซิตี้ อีกหนึ่งราย ที่สร้างกำไรมหาศาลให้กับสโมสร คราวนี่เป็น แฮร์รี แม็คไกวร์ กองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกที่ ปีศาจแดง ยอมทุ่มเงินกว่า 78 ล้านปอนด์ กระชากตัวมาใช้งานเมื่อกลางปีที่ผ่านมานี่เอง โดยก่อนหน้านั้น จิ้งจอกสยาม ดึงตัว แม็คไกวร์ มาจาก ฮัลล์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวเพียง 12 ล้านปอนด์เท่านั้นในปี 2017
3. คริสเตียนโน โรนัลโด้ - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ซื้อมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ราคา 17.1 ล้านปอนด์
ขายให้กับ เรอัล มาดริด ราคา 84.6 ล้านปอนด์
ในปี 2009-10
กำไร 67.5 ล้านปอนด์
มาถึงยอดนักเตะที่ขึ้นชื่อว่าเก่งที่สุดคนหนึ่งแห่งยุคนามว่า คริสเตียนโน โรนัลโด้ ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดึงตัวมาปลุกปั้นตั้งแต่ยังละอ่อน กระทั้งกลายมาเป็นยอดนักเตะระดับโลกเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จทุกอย่างกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เจ้าตัวก็เลือกจะไปหาความท้าทายใหม่ที่ สเปน กับ เรอัล มาดริด ที่ยอมควักเงินเป็นสถิติโลก ณ ขณะนั้น กว่า 84 ล้านปอนด์ กระชากตัวแข้งจอมสับร้ายนี้ไปยังถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ในปี 2009
2. แกเร็ธ เบล - ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์
ซื้อมาจาก เซาต์แธมป์ตัน ราคา 13.23 ล้านปอนด์
ขายให้กับ เรอัล มาดริด ราคา 90.90 ล้านปอนด์
ในปี 2013-14
กำไร 77.67 ล้านปอนด์
ซุเปอร์สตาร์โค้ชไม่ปลื่ม รายนี้ ย้ายจาก ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ มาร่วมทัพ ราชันชุดขาว ด้วยค่าตัวสูงถึง 90 ล้านปอนด์ในปี 2013 โดยก่อนหน้าเจ้าตัวจะกลายมาเป็นยอดนักเตะขนาดนี้ได้ ต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมากมาย เริ่มจากการย้ายจาก ทีมนักบุญ มาร่วมทัพ ไก่เดือยทอง ในปี 2007 ในตำแหน่ง "แบ็คซ้าย" ซึ่งฟอร์มการเล่นในช่วงแรกต้องบอกว่าเข้าขันแย่เลยทีเดียว แต่หลังจากถูกจับมาเล่นปีก เจ้าตัวก็สวมวิญญาณเทพ ระเบิดฟอร์มสุดยอด จน มาดริด มาซื้อตัวไปในทีุ่ด
1. ฟิลิปเป้ คูตินโญ - ลิเวอร์พูล
ซื้อมาจาก อินเตอร์ มิลาน ราคา 11.7 ล้านปอนด์
ขายให้กับ บาร์เซโลนา ราคา 130.5 ล้านปอนด์
ในปี 2017-18
กำไร 118.8 ล้านปอนด์
และแล้วก็มาถึงนักเตะที่ทำกำไรให้กับทีมได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ฟิลิปเป้ คูตินโญ ตัวรุกชาว บราซิลเลียน ที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค นั่นเอง ช่วงตลาดหน้าหนาวปี 2013 เจ้าหนุ่มพ่อมดน้อย ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน มายัง ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวเพียง 11 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่ในปี 2018 เจ้าบุญทุ่มบาร์เซโลนา ควักเงินกว่า 130 ล้านปอนด์ ทุ่มซื้อตัวกองกลางรายนี้ไปร่วมทีม นั่นจึงทำให้ หงส์แดง มีกำไรจากการซื้อ-ขายมากถึงเกือบ 120 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
cr : www.90minc.om/th