เพราะขั้วโลกไม่ได้ต่ำกว่าศูนย์ทั้งปีนี่ครับ ลองไปดูสถานีอากาศ Longyearbyen บนเกาะ Svalbard ก็ได้ครับ จะติดลบเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น แต่ลบเป็นสิบองศาเลยนะ ในขณะที่หน้าร้อนเฉลี่ยปกติประมาณ 1-5 องศา แต่ปัจจุบันในช่วงหน้าร้อนของเกาะ Svalbard เริ่มอุ่นขึ้น บางวันแตะไปถึง 16-17 องศา ได้เลย ทำให้ธารน้ำแข็งเริ่มละลายเรื่อย ๆ ในหน้าร้อน แม้ว่าปกติในฤดูหนาวจะมีหิมะใหม่ทับถม แต่มันทับถมเท่าเดิมหรือน้อยลง แต่อัตราการละลายในฤดูร้อนมากกว่าไงครับ หิมะที่มาทับถมมันก็ทับถมไม่ทัน ผ่านไป 100 ปี มันก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และน้ำแข็งที่ละลายส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ เพราะปกติในฤดูร้อนขั้วโลกเหนือก็อุณภูมิจะเกิน 0 องศา อยู่แล้ว(ยกเว้นบนภูเขาสูงเกิน 300-500 เมตร) เรือเดินสมุทรหลายๆลำก็ใช้เส้นทางขั้วโลกเหนือเป็นทางสัญจรในหน้าร้อนเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ปัจจุบันขยายเวลาการใช้ได้นานขึ้นกว่าเดิม เพราะฤดูหนาวเริ่มสั้นลง (ลองไปหาเรื่อง one belt one road จีนวางแผนว่าถ้าโลกร้อนขึ้นจะเปิดเส้นทางขัวโลกเหนือใหม่ด้วย) ส่วนน้ำแข็งขั้วโลกใต้ไม่ได้ละลายมากนัก เพราะพื้นที่ขั้วโลกใต้ส่วนใหญ่เป็นภูเขาส่วนที่ละลายเป็นชายขอบทวีปแอนตาร์กติกกาครับ

กลับมาที่เมืองไทย การเกิดน้ำค้างแช็งหรือแม่คะนิ้ง เหมยขาบอะไรก็ตาม อุณหภูมิอากาศอาจจะไม่ต้องถึง 0 องศา ก็ได้ เท่าที่ผมจดบันทึกหาข่าวมา ประมาณ 8 องศา ก็เกิดได้ ถ้าพื้นยอดหญ้าต่ำกว่าหรือเท่ากับ 0 ครับ ดังนั้นถ้าดูข่าวให้ดูอุณหภูมิยอดหญ้าครับ แล้วทำไมอุณหภูมิอากาศสูง แต่ยอดหญ้าต่ำ ก็เพราะตรงบริเวณพื้นดินจะคายความได้รวดเร็วกว่าอากาศเบื้องบนในตอนกลางคืนครับ จริงๆ จขกท พน. เช้าลองเอาเทอโมมิเตอร์ไปวางตรงสนามหญ้าดูก็ได้ครับ จะได้อุณหภูมิต่ำกว่าอากาศถึง 3-5 องศา เลยทีเดียว  ดังนั้นในเมื่ออากาศใกล้พื้นดินเย็นกว่าอากาศเบื้องบนเราจึงเห็นน้ำค้างเกาะตามสนามหญ้าไงครับ แล้วยิ่งถ้าอุณหภูมิอากาศเฉียดเข้าใกล้ 0 โอกาสที่พื้นหญ้าจะถึง 0 ก็ง่ายขึ้น และในทางกลับกันเมื่อพระอาทิตย์โผล่มาแล้วพื้นดินจะร้อนกว่าอากาศเบื้องบนครับ ไม่ใช่เชื่อลองเอาเทอ์โมมิตเตอร์ไปวัดตรงพื้นดินเราจะได้อุณหภูมิยอดหญ้าทะลุถึง 40-45 องศา เลยทีเดียว (พื้นดินดูดและรับคายความร้อนได้ดีกว่าอากาศ) แน่นอนว่าแม่คะนิ้งในเมืองไทยจะหายไปไม่เกิน 30 นาที หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ผมบอกคือกรณีที่ท้องฟ้าด้านบนแจ่มใสและลมนิ่งนะครับ ไม่ใช่ช่วงฝนตกหรือลมพัดแรง

ขอเสริมอีกนิดในช่วงหน้าหนาวท้องฟ้าแจ่มใสในช่วงกลางคืนถึงเช้ามืด เนื่องจากว่าอากาศใกล้พื้นดินคายความร้อนได้ดีก็อาจะทำให้อากาศผิวพื้นไม่เกิน 500-1000 เมตร เย็นกว่าอากาศระดับบนขึ้นไป แน่นอนว่าปรากฎการณ์นี้ก็คือ inversion temperature ที่ทำให้ฝุ่นละอองในอากาศถูกกักไว้ชั้นล่างไม่ลอยตัวไปไหนนั่นเอง ทะเลหมอกตามดอยต่าง ๆก็เกิดจากการที่หุบเขาด้านล่างเย็นกว่าบนพื้นภูเขาเหมือนกัน ทำให้ไอน้ำบริเวณหุบเขากลั่นตัวกลายเป็นทะเลหมอกนั่นเอง


[ทะเลหมอกบนดอยเสมอดาว จ.น่าน ช่วงปลายฝนต้นหนาว]