## ...ในวันที่ได้รู้ว่า... "iPad Air 2" คือ 'Tablet' ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยใช้มา !! ##

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่น ขอนับย้อนเวลากลับไปเมื่อ 3 ปี 7 เดือนก่อน
(ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559)

ผมตัดสินใจซื้อ iPad Air 2 (wifi / 16GB) เครื่องศูนย์ไทย ในราคา 14,xxx.-
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นไอแพดรุ่นนี้ก็ออกวางขายมานานปีกว่าๆ มีรุ่นใหม่ออกมาแทนแล้ว 
โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่สนใจเรื่องนี้นัก เพราะมี iPad mini 2 ใช้ประจำอยู่ 1 เครื่องแล้ว และชอบความบาง เบาและหน้าจอของเจ้า Air 2 มาก กับราคานี้ถือว่า OK เลย


แม้การใช้งานส่วนใหญ่จะเน้นใช้งานอยู่ในบ้าน ไม่พกพาไปข้างนอกนัก, แต่ช่วงหลังๆ ก็ถูกหยิบออกมาใช้นอกบ้านบ่อยขึ้น โดยเฉพาะการใช้เป็นกำลังเสริมในการตีบอสในเกม Pokemon GO 
- เคยใช้งานในช่วง Summer ช่วงที่อากาศร้อนมาก กับอุณหภูมิที่สูงเกิน จนเครื่องดับไปก็หลายหน -

จนถึงวันนี้ เหลืออีกไม่กี่เดือนก็ครบ 4 ปีเต็มแล้ว เครื่องยังใช้งานได้ดีอยู่เลยครับ
* ที่สำคัญ คือ แบตเตอรี่เสื่อมไปเพียง 9% เท่านั้น *

ในขณะที่ iDevices อื่นๆ เช่น
- iPad mini 2 : อายุ 5 ปี 1 เดือน (Cycles ที่ชาร์จก็ไม่ต่างกับ Air 2 มากนัก) แบตเตอรี่เสื่อมหนัก ไปถึง 80% แล้ว

- iPhone SE (อายุ 3 ปีครึ่ง : ซื้อหลังจาก Air 2 ประมาณ 1 เดือน) แบตเตอรี่เสื่อมไป 21% และรูเสียบชาร์จหลวม ชาร์จไฟเข้าบ้าง-ไม่เข้าบ้าง
- iPhone 7 (อายุเกือบ 3 ปี) แบตเตอรี่เสื่อมไป 26% (เปอร์เซ็นต์แบตลดลงแบบรู้สึกได้ชัดเจน)

.:. ทุกวันนี้ Air 2 ก็ยังใช้งานดีอยู่นะครับ แบตเคยถึกมาแบบไหน ทุกวันนี้ก็ยังถึกยังทนอยู่แบบนั้น
ส่วน iPad mini 2 - Tablet เครื่องแรกในชีวิต ได้กลายเป็นเครื่องสำรองแทน, ต้องเสียบชาร์จ Power Bank ตลอด เพราะเครื่องมีสิทธิดับเองไปตลอดเวลา
(เคยคิดจะเอาไปเปลี่ยนแบต แต่คิดไป-คิดมา รู้สึกว่าไม่คุ้มนัก เพราะ Specs เก่ามากในยุคปัจจุบันนี้แล้ว) 

รู้สึกประทับใจกับรุ่นนี้มาก และคิดว่าคุ้มค่ามาก แม้การได้ไปต่อใน iPadOS 13 จะทำให้เครื่องมีอาการค้างๆ เอ๋อๆ ให้เห็นบ้างในบางช่วง แต่รวมๆ แล้วก็ยังพอรับได้อยู่ ไม่คิดผิดที่สอยมาเลยจริงๆ ครับ.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่