สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อา แห่งห้องคนบ้ามือหมุนอันแสนเงียบเหงาแห่งนี้
ช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมา ใครหลายคนคงได้มีโอกาสกลับไป
“ย้อนยุค” ด้วยการใช้กล้องฟิลม์กันบ้างนะครับ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม หลายคนคงอยากรำลึกความทรงจำในวัยรุ่นกับกล้องฟิลม์เก่าๆตัวโปรด
ในขณะที่สมาชิกรุ่นใหม่ๆผู้ไม่เคยมีโอกาสกดชัตเตอร์จากกล้องหน้าตาประหลาดๆสมัยคุณพ่อยังเป็นวัยรุ่น
ก็คงอยากที่จะลองสัมผัสมันดูสักครั้ง ว่ามันเป็นอย่างไร
เหมือนเด็กสมัยนี้ที่ไม่เคยขับรถเกียร์กระปุกนั่นแหละครับ เคยชินแต่กับเกียร์ออโต้
ผมเองก็ทนกระแส
“ฟิลม์” ไม่ไหวเหมือนกัน
แต่ไม่ได้อยากลอง เพราะไม่รู้จะทดลองอะไร
เพราะเมื่อก่อนสมัยที่ยังทำงานเป็นช่างภาพให้กับนิตยสารหลายเล่ม ก็ถ่ายภาพกันวันละเกือบสามสิบม้วนอยู่แล้ว
ถ่ายกันจนกล้อง
“เจ๊ง” คามือ แต่นิตยสารไม่ยักกะ
“เจ๊ง” HA HA HA!!!
แต่ที่กลับมาเล่นกับฟิลม์ตามกระแสดูบ้าง ก็เพราะอยากจะ
“อินเทรนด์” กะเขาบ้าง เท่านั้นเอง
ภาพชุดนี้ถ่ายด้วยกล้อง 2 ตัวครับ คือ
Canon 7 Model ที่ได้มาฟลุ๊คๆในราคาสามพันบาท
กับอีกตัวคือ
Leica III Model C ปี 1946 ที่ต้องขายนาไปแลกตัวมาเมื่อปีก่อน
ร่วมด้วยเลนส์ไลก้าเก่าๆ ซึ่งเป็นเลนส์ไลก้าที่ราคาไม่สูงเกินเอื้อม
แต่ที่หนักหนาสาหัสที่ทำให้ราคารวมของเลนส์แต่ละตัวมันถีบตัวขึ้นอย่างกับราคาหุ้น ปตท.
ก็คือไอ้พวกอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหลายนั่นแหละครับ ฝาปิดเลนส์ ฮู๊ดเลนส์ของแท้ออริจินัล แต่ละชิ้นราคาเกือบสามพัน
แค่ราคาฮู๊ดแท้ ฝาหน้าแท้ วิวไฟน์เดอร์ รวมๆกันนี่ก็ซื้อที่นาแถวๆสวนผึ้ง ใกล้ๆกับที่ดินของ
คุณเอ๋ ปารีณาได้หลายแปลงแล้ว HA HA HA!!!
Leitz Elmar 3.5/3.5cm ปี 1939
ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 4 ชิ้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 6 เบลด น้ำหนัก 112 กรัม
Leitz Summitar 2/5cm ปี 1948
ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 7 ชิ้น แบ่งเป็น 4 กลุ่ม 10 เบลด น้ำหนัก 206 กรัม
Leitz Elmar 4/9cm ปี 1948
ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 4 ชิ้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 15 เบลด น้ำหนัก 250 กรัม
Leitz Hektor 4.5/13.5cm ปี 1958
ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 4 ชิ้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 15 เบลด น้ำหนัก 440 กรัม
และตัวสุดท้ายคือ
Voigtlander Super Wide-Heliar 4.5/15 เลนส์ลูกผสมญี่ปุ่น-เยอรมันครับ
ชิ้นเลนส์ 8 ชิ้น แบ่งเป็น 6 กลุ่ม 10 เบลด น้ำหนัก 103 กรัม
สุดท้ายนี้ ขอให้มีความสุขทุกๆท่านครับ
สวัสดี!!!
โหนกระแส...กับไลก้าเก่าๆ และฟิลม์อีกสองสามม้วน!!!
ช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมา ใครหลายคนคงได้มีโอกาสกลับไป “ย้อนยุค” ด้วยการใช้กล้องฟิลม์กันบ้างนะครับ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม หลายคนคงอยากรำลึกความทรงจำในวัยรุ่นกับกล้องฟิลม์เก่าๆตัวโปรด
ในขณะที่สมาชิกรุ่นใหม่ๆผู้ไม่เคยมีโอกาสกดชัตเตอร์จากกล้องหน้าตาประหลาดๆสมัยคุณพ่อยังเป็นวัยรุ่น
ก็คงอยากที่จะลองสัมผัสมันดูสักครั้ง ว่ามันเป็นอย่างไร
เหมือนเด็กสมัยนี้ที่ไม่เคยขับรถเกียร์กระปุกนั่นแหละครับ เคยชินแต่กับเกียร์ออโต้
ผมเองก็ทนกระแส “ฟิลม์” ไม่ไหวเหมือนกัน
แต่ไม่ได้อยากลอง เพราะไม่รู้จะทดลองอะไร
เพราะเมื่อก่อนสมัยที่ยังทำงานเป็นช่างภาพให้กับนิตยสารหลายเล่ม ก็ถ่ายภาพกันวันละเกือบสามสิบม้วนอยู่แล้ว
ถ่ายกันจนกล้อง “เจ๊ง” คามือ แต่นิตยสารไม่ยักกะ “เจ๊ง” HA HA HA!!!
แต่ที่กลับมาเล่นกับฟิลม์ตามกระแสดูบ้าง ก็เพราะอยากจะ “อินเทรนด์” กะเขาบ้าง เท่านั้นเอง
ภาพชุดนี้ถ่ายด้วยกล้อง 2 ตัวครับ คือ Canon 7 Model ที่ได้มาฟลุ๊คๆในราคาสามพันบาท
กับอีกตัวคือ Leica III Model C ปี 1946 ที่ต้องขายนาไปแลกตัวมาเมื่อปีก่อน
ร่วมด้วยเลนส์ไลก้าเก่าๆ ซึ่งเป็นเลนส์ไลก้าที่ราคาไม่สูงเกินเอื้อม
แต่ที่หนักหนาสาหัสที่ทำให้ราคารวมของเลนส์แต่ละตัวมันถีบตัวขึ้นอย่างกับราคาหุ้น ปตท.
ก็คือไอ้พวกอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหลายนั่นแหละครับ ฝาปิดเลนส์ ฮู๊ดเลนส์ของแท้ออริจินัล แต่ละชิ้นราคาเกือบสามพัน
แค่ราคาฮู๊ดแท้ ฝาหน้าแท้ วิวไฟน์เดอร์ รวมๆกันนี่ก็ซื้อที่นาแถวๆสวนผึ้ง ใกล้ๆกับที่ดินของคุณเอ๋ ปารีณาได้หลายแปลงแล้ว HA HA HA!!!
Leitz Elmar 3.5/3.5cm ปี 1939
ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 4 ชิ้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 6 เบลด น้ำหนัก 112 กรัม
Leitz Summitar 2/5cm ปี 1948
ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 7 ชิ้น แบ่งเป็น 4 กลุ่ม 10 เบลด น้ำหนัก 206 กรัม
Leitz Elmar 4/9cm ปี 1948
ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 4 ชิ้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 15 เบลด น้ำหนัก 250 กรัม
Leitz Hektor 4.5/13.5cm ปี 1958
ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 4 ชิ้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 15 เบลด น้ำหนัก 440 กรัม
และตัวสุดท้ายคือ Voigtlander Super Wide-Heliar 4.5/15 เลนส์ลูกผสมญี่ปุ่น-เยอรมันครับ
ชิ้นเลนส์ 8 ชิ้น แบ่งเป็น 6 กลุ่ม 10 เบลด น้ำหนัก 103 กรัม
สุดท้ายนี้ ขอให้มีความสุขทุกๆท่านครับ
สวัสดี!!!