ปุถุชนมักกลัวผล แต่พุทธะกลัวเหตุ
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระสารีบุตรเคยทูลถามพระพุทธองค์ว่า “การเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีโอกาสมากน้อยเพียงใด ?” พระพุทธองค์ไม่ตรัสอะไรเลย แต่ทรงใช้นิ้วมือแตะลงบนพื้นแล้วชูขึ้นและตรัสต่อพระสารีบุตรว่า “มีเพียงเท่านี้ ….สารีบุตร” นั่นหมายถึง สรรพสัตว์ที่ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ มีจำนวนมากมายเท่ากับเม็ดดินในทั่วพื้นปฐพี แต่ที่สามารถเกิดเป็นมนุษย์ได้ มีเพียงแค่เม็ดดินที่ติดปลายนิ้วของพระพุทธองค์เท่านั้น ทำให้เราเข้าได้อย่างลึกซึ้งว่า การจะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากเย็นเพียงใด
ข้อความต่อจากนี้ ขอคัดบางส่วนซึ่งได้มาจากหนังสือธรรมะชี้แนะวิธีละลายวิบากกรรมทำแท้ง 2 เล่ม (ผู้ใดสนใจศึกษาพิจารณาดูก่อน สามารถแจ้งที่อยู่ผ่านกล่องข้อความ ยินดีส่งไปให้อ่านฟรีค่ะ) ที่อ้างมาจาก พระสูตร “กุมารปาล จิรายุวัฒน นิโรธกรรม ธารณีสูตร” (พระพทธปาลิตมหาเถระชาวเมืองกุภา อินเดียเหนือแปลจากสันสกฤตพากย์สู่จีนพากย์ พระวิศวภัทร แซ่เกี๊ยก วัดเทพพุทธาราม แปลจากจีนพากย์เป็นไทยพากย์ เมื่อพุทธายุกาลล่วงแล้ว 2551 ปี 7 เดือน พระสูตรบทนี้เป็นการปุจฉาวิสัชนา ข้อสงสัยระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระโพธิสัตว์มัญชุศรี ว่าด้วยการสลายอกุศลกรรมทั้งปวง และพระพุทธเจ้าก็ได้โปรดเมตตาแสดงธรรมเกี่ยวกับเรื่องราวในสมัยอดีตชาติสมัยดินแดนโลกธาตุหนึ่งชื่อ สุทธิวิมล ที่มีพระพุทธเจ้าพระนามว่า สมันตประภาสัมมาทัศนะ กาลครั้งนั้นได้มีอุบาสิกาชื่อวิปลาส มีความปรารถนาจะออกบวช แต่นางได้เคยทำแท้งบุตรในครรภ์ นางจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญมาทูลถามพระพุทธเจ้าเพื่อจะขอขมากรรม และโปรดเมตตาแสดงธรรมเพื่อให้รู้แจ้งในการสร้างบุญกุศลละลายบาปเวรกรรมให้เบาบางลง…..)
ในหนังสือธรรมะ กล่าวว่า “จากการศึกษาบางตอนในพระสูตร กุมารปาลฯ เกี่ยวกับบาปจากการทำแท้ง ไม่ว่าหญิงหรือชายที่มีส่วนในกรรมชนิดนี้ จะต้องได้รับวิบากกรรมอย่างร้ายแรง ส่งผลให้มีอายุขัยสั้น มีโรคประหลาด และต้องไปเกิดในอเวจี มีความทุกข์ทรมานยากหลุดพ้น “ผลในทางโลก หรือผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งให้กับผู้เป็นมารดาที่ได้กระทำแล้วไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม จะก่อผลกระทบทางสุขภาพต่อมาอีกหลายประการ บริเวณมดลูกและปากมดลูก เช่นอาการอักเสบติดเชื้อต่างๆตามมาต้องทำการรักษาหากทำแท้งนั้นไม่ถูกวิธีหรือโดยผู้ไม่ชำนาญ และอาจกลายเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งมดลูกที่ต้องถูกตัดมดลูกทิ้ง นอกจากนั้นยังสร้างผลกระทบทางจิตใจ คือ ก่อให้เกิดความรู้สึกเสียใจและเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งให้กับหญิงที่ได้ทำแท้งไปแล้วกลายเป็นความรู้สึกผิดบาปอยู่ในใจไปตลอดชีวิตซึ่งบางรายอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้
ผลในทางธรรม แม้ว่าการทำแท้งเราอาจมองในมุมวิทยาศาสตร์ว่าเป็นการทำลายสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ทรายว่าจะเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งในทางธรรมแล้วไม่ใช่แค่การทำลายชีวิตที่เป็นเลือดเนื้อ แต่เป็นการทำให้จิตวิญญาณเด็กที่ตายนั้นเขาไปไหนไม่ได้ และดวงวิญญาณจะอยู่กับแม่ตลอดซึ่งเขาจะทนทุกข์ทรมาน…ต้องเร่รอนไป โดยที่ผลบุญไม่ปรากฏ และผลบาปก็ไม่ปรากฏเพราะเขาไม่มีโอกาสจะได้ทำการใดๆทั้งสิ้น หากว่ากันตามหลักของ วัตถุกรรม นั้นคือเด็กท่จะมาเกิดเป็นลูกเราบังเอิญเป็นผู้มีภูมิธรรมขั้นสูงมาเกิด หรืออาจจะเป็นพระโพธิสัตว์ที่จะมาเกิดเสวยชาติ หรือเป็นอภิชาตบุตร บาปจะยิ่งหนักมากขึ้น ถ้าว่ากันด้วยหลักของ ประโยคกรรม หรือความพยายาม มีความพยายามมากเท่าใด กรรมหนักก็จะยิ่งหนักขึ้นไปตามความพยายามที่จะทำแท้งให้สำเร็จมากเท่านั้น และถ้าจะว่ากันด้วยหลักของ เจตนากรรม คือ ถ้าเจตนามากต้องการให้เด็กตายโดยไม่สำนึกเสียใจเลย กรรมหนักก็จะมากดังนี้เป็นต้น กรรมที่จะตกกับผู้เป็นแม่ (เนื่องจากทุกศาสนาหลักของโลกห้ามและได้บอกถึงผลกรรมไว้มากมาย แม้แต่รายการทีวีดังๆจำนวนมาก มีผู้กล้าหาญเสียสละเวลา หน้าตาชื่อเสียง และตราบาปในอดีต มาเล่าให้คนทั้งประเทศฟัง เพื่อเจตนารมณ์สร้างวิทยาธรรมเป็นทาน ดิฉันจึงไม่ขอพิมพ์ละเอียดเช่นในหนังสือนะคะ เพราะสามารถอ่านจากหนังสือนี้ได้หรือได้เห็นจากประสบการณ์คนเหล่านั้นทางสื่อต่างๆ เช่นรายการเลขอวดกรรม มูไนท์ เป็นต้น)ขณะมีชีวิตอยู่ผู้เป็นมารดาอาจจะได้รับผลกรรมสนองจากโรคร้ายต่างๆ เช่นมีอาการป่วยหนักหรือมีอาการป่วยแบบแปลกๆ มักไม่เคยเป็นมาก่อน เช่นมักจะปวดเมื่อยตามลำคอ ตามแขน บ่า เพราะจิตวิญญาณของเด็กนั้นอาจจะห้อยโหนในบริเวณนั้นอยู่ตลอดเวลา ตัวผู้เป็นแม่อาจจะประสบเคราะห์กรรมต่างๆได้อย่างไม่คาดฝันนอกจากจะมีโรคร้ายคุกคามแล้ว ชีวิตส่วนตัวหน้าที่การงานอาจจะประสบความยากลำบากไปด้วย หรือมีผลต่อบุตรที่มาเกิดเป็นลูกที่อาจเกิดมาพิการ ดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง ไม่แข็งแรง และคอยสร้างปัญหาให้กับผู้เป็นแม่อยู่ตลอด เป็นต้น แม้จะกล่าวว่าผลกรรมอาจตกอยู่กับผู้เป็นแม่มากกว่า แต่คนที่เป็นพ่อนั้นก็ถือว่าเป็นผู้ได้สร้างกรรมร่วมกันมาไม่อาจจะปฏิเสธความจริงในข้อนี้ได้ คนเป็นพ่ออย่าได้คิดย่ามใจเพียงเพราะว่าตนไม่ได้เป็นฝ่ายตั้งครรภ์รับภาระเช่นเดียวกับฝ่ายหญิงที่ไม่มีโอกาสที่วิญญาณจะตามติดเหมือนผู้เป็นแม่แต่อย่างไรก็ตามต้องได้รับผลกรรมที่ตนเองกระทำไปเช่นเดียวกัน…..อาจส่งผลให้อายุสั้นกว่าวัยอันควร มีโรคร้ายรุมเร้า ถูกขัดขวางไม่ให้พบความเจริญ นำความหายนะมาสู่จนอย่างหาสาเหตุไม่ได้ กลายเป็นคนที่ไม่มีใครเชื่อถือ ทำงานอะไรก็จะพบกับความยากลำบาก ถ้าสำเร็จได้ก็เพราะบุญเก่าตอบสนองเท่านั้น และอาจจะต้องมีเหตุให้พบกับเรื่องที่ทำให้เสียเงินโดยไม่คาดคิดอยู่เสมอ หรือชีวิตครอบครัวมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา และยิ่งถ้าหากจิตวิญญาณของเด็กที่ผู้ตายมีจิตอาฆาตรุนแรงด้วยแล้วยิ่งลำบากหนัก เพราะจิตอาฆาตนั้นจะเฝ้าจองเวรกันทุกลมหายใจเข้าออก ทำให้ชีวิตไม่เป็นสุข หรือบางท่านก็ต้องพบความทุกข์ระทมล้มละลายทั้งชีวิตการงานและครอบครัวหาความสุขได้ยาก ต้องชดใช้กรรมกันไปอย่างยาวนานจนกว่าแรงกรรมนั้นจะได้ชำระกันหมดสั้น หรือจนกว่าจะเป็นที่พึงพอใจของจิตวิญญาณนั้น จนในที่สุดก็จะยกให้เป็นอโหสิกรรม ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า ทำแท้งมาหนึ่งครั้ง ชีวิตตกต่ำไปอย่างน้อยอีก 7ปี จึงไม่ใช่คำพูดลอยๆ ที่ให้กลัวหรือเป็นคำพูดไร้สาระแม้แต่น้อย ”
ผลกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนร่วมในการทำแท้ง กรรมนี้ใช่ว่าจะตกอยู่กับพ่อแม่เด็กฝ่ายเดียว แต่ผู้ที่ให้ความร่วมมือ ผู้ช่วยออกเงินค่าทำแท้งรวมไปถึง แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยทั้งหลายที่มีส่วน หรือเรียกรวมว่า ผู้อยู่ในวงจรการทำแท้ง ทุกคนต่างก็มีส่วนในการรับผลกรรมด้วยทั้งสิ้น หากจะเปรียบเทียบให้ชัดเจนก็คือ เวลาเราไปตลาดแล้วจะไปซื้อปลาสดมาทำอาหาร ผู้ที่ได้รับบาปมากที่สุดก็คือ ผู้ที่เป็นผู้สั่งให้ฆ่าปลาก็คือคนซื้อ ส่วนแม่ค้าที่จับปลามาตามคำสั่งจะเป็นผู้ลงมือฆ่าปลาก็ต้องได้รับผลแห่งกรรมปาณาติปาตาไปด้วยเช่นกัน แต่ได้รับผลในระดับที่ต่างกันเพราะจัดเป็นกรรมที่สักแต่ทำ (กตัตตากรรม) มีเจตนาอ่อนกว่าคือทำเพราะเป็นอาชีพหาเลี้ยงตัวเท่านั้น แต่ก็มีผลกรรมที่หนักกว่าการฆ่าสัตว์เดรัจฉานอย่างมากมายยิ่งนัก….
“…….ทัศนคติของแพทย์หรือพยาบาลผู้มีหน้าที่ทำแท้งนั้นอาจมีความเห็นที่แตกต่างออกไปเพราะเขาเหล่านั้นอาจมองว่า ถือเป็นการช่วยเหลือ บุคคลที่ตกทุกข์ได้ยากอีกทางหนึ่ง ซึ่ง ขออ้างอิงถึงบทความ นิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 25 ฉบับที่ 7 เดือน กรกฏาคม ปี 2544 ที่แสดงถึงความเห็นของนายแพทย์ท่านหนึ่งที่เคยทำแท้งให้กับผู้หญิงเหล่านั้น ……(เหตุผลของนายแพทย์)……. ซึ่ง แสดงให้เห็นถึงมุมมองของนายแพทย์ที่เรียกได้ว่าแสดงถึงเจตนารมณ์ที่ดี เพื่อเป้าประสงค์ในการลดความทุกข์ร้อนและปัญหาต่างๆทั้งจากแม่เด็กและตัวของเด็กเองที่จะเกิดขึ้นตามมาซึ่งเข้ากับหลักของกฏแห่งกรรมว่าด้วย กตัตตากรรม (กรรมในระดับที่อ่อนกว่าลดหลั่นลงมาตามเจตนานั้นๆ)อย่างแท้จริง
แต่อย่างไรก็ตาม ย่อมส่งผลกระทบกับผู้ทำกรรมอย่างแน่นอน เพราะนายแพทย์ผู้ที่กระทำและผู้ที่เกี่ยวข้องทำแล้วได้เงิน เป็นสิ่งตอบแทน ถือเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ในทางธรรม เปรียบเหมือนเป็นผู้มีอาชีพเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับพนักงานในโรงฆ่าสัตว์ คือเมื่อฆ่าเขาเบียดเบียนเขาแล้วก็ต้องมีเหตุให้ต้องประสบเคราะห์กรรมด้านสุขภาพต่างๆมากมาย อาจต้องประสบเคราะห์กรรมคือ กรรมให้เจ็บป่วยทางกาย ที่มีอาการเจ็บป่วยมากน้อยไปตามจำนวนของเด็กที่ตนเองได้ลงมือทำแท้ง
คุณหมอที่เป้นสูตินรีแพทย์บางรายที่ทำแท้ง ถึงกับล้มเจ็บมีอาการป่วยเป็นโรคพาร์กินสันมีอาการ ขยับมือเท้าไม่ได้หรือขยับได้ลำบากตามลักษณะกรรมที่ได้ทำกับเด็กในครรภ์ผู้ที่ไม่มีโอกาสขยับเขยื่อนร่างการเช่นกัน หรืออาจจะต้องเจ็บป่วยอย่างรุนแรงจนต้องเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควร ในชีวิตด้านอื่นๆ อาจจะประสบกับปัญหาครอบครัว คือมีอันต้องแยกทางกับคู่ครอง ไม่มีความสงบสุขในครอบครัว หากมีบุตรหลาน บุตรหลานอาจกลายเป็นคนที่ดื้อรั้น ว่ายากสอนยากหรือบุตรมีอายุสั้นเพราะเป็นผลมากรรมที่ไปตัดรอนชีวิตของผู้อื่นไว้เป็นจำนวนมาก”
“ต่อที่หน้า 16…. ผลกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ออกเงินให้ไปทำแท้ง อาจจะเกิดขึ้นกับพ่อเด็กหรือคนใกล้ชิดของแม่เด็กที่พยายามจะช่วยกันหาทางออกคือต้องหาเงินมาจ่ายในการทำแท้งและเป้นค่ารักษาพยาบาลกับผู้เป็นแม่ เนื่องจากเงินที่ได้นำมาทำแท้งเป็นเพื่อจุดประสงค์ในการฆ่าและทำบาป เมื่อได้ให้เงินไปแล้วก็จะมีผลทำให้มีเหตุต้องเสียเงินตลอดเวลา คือ แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีความสามารถหารายได้มากต่อเดือนแต่ก็ต้องมีเหตุทำให้เงินนั้นต้องหมดไปแบบไม่รู้สาเหตุ หรือเงินหายไปครั้งละมากๆ หรือปรากฏในอีกด้านหนึงก็คือในด้านการทำมาหากินก็จะยากลำบากมากขึ้นจากที่เคยหาได้คล่องก็ต้องประสบปัญหานานัปการ ถ้าเป็นผู้ขายก็อาจจะให้มีเหตุให้ค้าขายขาดทุนเปิดกิจกรรมใหม่ ก็ประสบความล้มเหลวไม่เจริญก้าวหน้า ฯลฯ”
“ผลที่เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนร่วมอื่นๆ ขอกล่าวรวมไปถึงพนักงานในสำนักงานทำแท้ง พยาบาล และผู้ที่มีส่วนไม่ว่าทางใดก็ตามให้เกิดการทำแท้งให้สำเร็จก็จะได้รับผลกรรมลดหลั่นกันไป อาจจะได้รับความยากลำบากในการงาน อาชีพการงานไม่มีความก้าวหน้าอย่างที่ควรจะเป็น มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนงานบ่อยๆ ชีวิตไม่มีความสุขเท่าที่ควรจะเป็น ชีวิตครอบครัวมีปัญหาจุกจิกทำให้เกิดความเบื่อหน่ายน่ารำคาญอยู่เป็นนิจ เป็นต้น ”
“หากจะกล่าวถึงผลกรรมโดยรวมสำหรับผู้ที่ทำแท้ง และผู้ที่มีส่วนในการทำแท้งว่าผลจะหนักหรือเบาก็ขึ้นอยู่กับการแสดงเจตนาและการกระทำที่มีความรุนแรงตั้งใจให้การทำแท้งนั้นสำเร็จก็จะได้รับผลกรรมที่แรงไปตามเจตนานั้นๆ ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎแห่งกรรมทุกประการ อย่าได้ลืมหรือเข้าใจผิดกันว่า อายุของเด็กที่ได้ทำแท้งไปแล้วนั้นเขาไม่ได้มีอายุสิ้นสุดเพียงแค่ตอนที่ถูกทำแท้งออกมาแล้ว เพราะวิญญานของคนคนหนึ่งที่จะเกิดขึ้นมาอาจจะมีอายุขัยที่ยืนนาน 70 80 ปี แต่จิตวิญญาณที่หลุดออกมายังต้องวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ไปตามอายุขัยที่ถูกกำหนดมาด้วยกรรมที่เขาทำในอดีตชาติ เมื่อเขาได้รับผลบุญบารมีที่มากพอแล้วเขาจึงจะสามารถอภัยให้ผู้ที่ก่อกรรมและสามารถไปเกิดใหม่ได้”
สรุป คำสอนที่แน่แท้ตามกฏธรรมชาติ ไม่มีการละลายหนี้สินเวรกรรมทำแท้งที่พิสดาร เพราะมันไม่ตรงกับหลักสัจธรรม อภิญญาไม่สามารถต้านแรงกรรมได้ มันคือการลุ่มหลงให้ตัวเองสบายใจ บางคนแค่ได้ทำก็สบายใจ อาจจะจริงที่มันเห็นผล แต่มันคือแค่ชั่วคราว แต่ไม่ใช่แก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ในปลายอุโมงค์ การจะสลายหนี้กรรมทำแท้งได้ จากพระสูตร ต้องประกอบไปด้วยสองข้อ 1 สำนึกผิดขอขมาบาปด้วยใจจริง (เน้นว่า อย่างจริงใจ ไม่ใช่แค่กลัวชีวิตตนเองจะไม่ดี) คิดแก้ไขไม่ทำผิดซ้ำ 2. สร้างบุญจริงกุศลแท้อุทิศนั่นก็คือ สานเจตนารมณ์ในพระสูตรที่มีเป้าหมายให้คนในโลกรู้ว่าวิบากกรรมทำแท้งมีจริง และให้ผู้คนตระหนักและละอายต่อบาปทำแท้ง เช่นสร้างวิทยาธรรมเป็นทาน เช่น เราจะเห็นคนจำนวนหนึ่งที่สละเวลาและชื่อเสียงตนตามรายการทีวีดังๆมาเล่าผลจากอดีตไม่ดีของตนที่เคยทำแท้งให้คนฟังเพื่อเป็นวิทยาทาน ยากมากที่คนธรรมดาจะทำได้ เพราะมันคือการสละปมอดีตในใจเพื่อเป็นวิทยาธรรมเป็นทานให้แก่ผู้คนในสังคม ถ้าใครพอมีทรัพย์ ก็สามารถจัดพิมพ์เผยแพร่พระสูตรให้คนได้พบทางสว่าง มีกำลังใจเดินหน้าต่อสู้กับชะตากรรมอย่างมีปัญญาที่ถูกต้อง ไม่งมงาย และจมอยู่
แก้กรรมทำแท้งได้อย่างไร คำตอบอีกมุมจากพระสูตรของพุทธศาสนา รวมผู้มีส่วนร่วมในการทำแท้ง
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระสารีบุตรเคยทูลถามพระพุทธองค์ว่า “การเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีโอกาสมากน้อยเพียงใด ?” พระพุทธองค์ไม่ตรัสอะไรเลย แต่ทรงใช้นิ้วมือแตะลงบนพื้นแล้วชูขึ้นและตรัสต่อพระสารีบุตรว่า “มีเพียงเท่านี้ ….สารีบุตร” นั่นหมายถึง สรรพสัตว์ที่ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ มีจำนวนมากมายเท่ากับเม็ดดินในทั่วพื้นปฐพี แต่ที่สามารถเกิดเป็นมนุษย์ได้ มีเพียงแค่เม็ดดินที่ติดปลายนิ้วของพระพุทธองค์เท่านั้น ทำให้เราเข้าได้อย่างลึกซึ้งว่า การจะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากเย็นเพียงใด
ข้อความต่อจากนี้ ขอคัดบางส่วนซึ่งได้มาจากหนังสือธรรมะชี้แนะวิธีละลายวิบากกรรมทำแท้ง 2 เล่ม (ผู้ใดสนใจศึกษาพิจารณาดูก่อน สามารถแจ้งที่อยู่ผ่านกล่องข้อความ ยินดีส่งไปให้อ่านฟรีค่ะ) ที่อ้างมาจาก พระสูตร “กุมารปาล จิรายุวัฒน นิโรธกรรม ธารณีสูตร” (พระพทธปาลิตมหาเถระชาวเมืองกุภา อินเดียเหนือแปลจากสันสกฤตพากย์สู่จีนพากย์ พระวิศวภัทร แซ่เกี๊ยก วัดเทพพุทธาราม แปลจากจีนพากย์เป็นไทยพากย์ เมื่อพุทธายุกาลล่วงแล้ว 2551 ปี 7 เดือน พระสูตรบทนี้เป็นการปุจฉาวิสัชนา ข้อสงสัยระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระโพธิสัตว์มัญชุศรี ว่าด้วยการสลายอกุศลกรรมทั้งปวง และพระพุทธเจ้าก็ได้โปรดเมตตาแสดงธรรมเกี่ยวกับเรื่องราวในสมัยอดีตชาติสมัยดินแดนโลกธาตุหนึ่งชื่อ สุทธิวิมล ที่มีพระพุทธเจ้าพระนามว่า สมันตประภาสัมมาทัศนะ กาลครั้งนั้นได้มีอุบาสิกาชื่อวิปลาส มีความปรารถนาจะออกบวช แต่นางได้เคยทำแท้งบุตรในครรภ์ นางจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญมาทูลถามพระพุทธเจ้าเพื่อจะขอขมากรรม และโปรดเมตตาแสดงธรรมเพื่อให้รู้แจ้งในการสร้างบุญกุศลละลายบาปเวรกรรมให้เบาบางลง…..)
ในหนังสือธรรมะ กล่าวว่า “จากการศึกษาบางตอนในพระสูตร กุมารปาลฯ เกี่ยวกับบาปจากการทำแท้ง ไม่ว่าหญิงหรือชายที่มีส่วนในกรรมชนิดนี้ จะต้องได้รับวิบากกรรมอย่างร้ายแรง ส่งผลให้มีอายุขัยสั้น มีโรคประหลาด และต้องไปเกิดในอเวจี มีความทุกข์ทรมานยากหลุดพ้น “ผลในทางโลก หรือผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งให้กับผู้เป็นมารดาที่ได้กระทำแล้วไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม จะก่อผลกระทบทางสุขภาพต่อมาอีกหลายประการ บริเวณมดลูกและปากมดลูก เช่นอาการอักเสบติดเชื้อต่างๆตามมาต้องทำการรักษาหากทำแท้งนั้นไม่ถูกวิธีหรือโดยผู้ไม่ชำนาญ และอาจกลายเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งมดลูกที่ต้องถูกตัดมดลูกทิ้ง นอกจากนั้นยังสร้างผลกระทบทางจิตใจ คือ ก่อให้เกิดความรู้สึกเสียใจและเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งให้กับหญิงที่ได้ทำแท้งไปแล้วกลายเป็นความรู้สึกผิดบาปอยู่ในใจไปตลอดชีวิตซึ่งบางรายอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้
ผลในทางธรรม แม้ว่าการทำแท้งเราอาจมองในมุมวิทยาศาสตร์ว่าเป็นการทำลายสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ทรายว่าจะเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งในทางธรรมแล้วไม่ใช่แค่การทำลายชีวิตที่เป็นเลือดเนื้อ แต่เป็นการทำให้จิตวิญญาณเด็กที่ตายนั้นเขาไปไหนไม่ได้ และดวงวิญญาณจะอยู่กับแม่ตลอดซึ่งเขาจะทนทุกข์ทรมาน…ต้องเร่รอนไป โดยที่ผลบุญไม่ปรากฏ และผลบาปก็ไม่ปรากฏเพราะเขาไม่มีโอกาสจะได้ทำการใดๆทั้งสิ้น หากว่ากันตามหลักของ วัตถุกรรม นั้นคือเด็กท่จะมาเกิดเป็นลูกเราบังเอิญเป็นผู้มีภูมิธรรมขั้นสูงมาเกิด หรืออาจจะเป็นพระโพธิสัตว์ที่จะมาเกิดเสวยชาติ หรือเป็นอภิชาตบุตร บาปจะยิ่งหนักมากขึ้น ถ้าว่ากันด้วยหลักของ ประโยคกรรม หรือความพยายาม มีความพยายามมากเท่าใด กรรมหนักก็จะยิ่งหนักขึ้นไปตามความพยายามที่จะทำแท้งให้สำเร็จมากเท่านั้น และถ้าจะว่ากันด้วยหลักของ เจตนากรรม คือ ถ้าเจตนามากต้องการให้เด็กตายโดยไม่สำนึกเสียใจเลย กรรมหนักก็จะมากดังนี้เป็นต้น กรรมที่จะตกกับผู้เป็นแม่ (เนื่องจากทุกศาสนาหลักของโลกห้ามและได้บอกถึงผลกรรมไว้มากมาย แม้แต่รายการทีวีดังๆจำนวนมาก มีผู้กล้าหาญเสียสละเวลา หน้าตาชื่อเสียง และตราบาปในอดีต มาเล่าให้คนทั้งประเทศฟัง เพื่อเจตนารมณ์สร้างวิทยาธรรมเป็นทาน ดิฉันจึงไม่ขอพิมพ์ละเอียดเช่นในหนังสือนะคะ เพราะสามารถอ่านจากหนังสือนี้ได้หรือได้เห็นจากประสบการณ์คนเหล่านั้นทางสื่อต่างๆ เช่นรายการเลขอวดกรรม มูไนท์ เป็นต้น)ขณะมีชีวิตอยู่ผู้เป็นมารดาอาจจะได้รับผลกรรมสนองจากโรคร้ายต่างๆ เช่นมีอาการป่วยหนักหรือมีอาการป่วยแบบแปลกๆ มักไม่เคยเป็นมาก่อน เช่นมักจะปวดเมื่อยตามลำคอ ตามแขน บ่า เพราะจิตวิญญาณของเด็กนั้นอาจจะห้อยโหนในบริเวณนั้นอยู่ตลอดเวลา ตัวผู้เป็นแม่อาจจะประสบเคราะห์กรรมต่างๆได้อย่างไม่คาดฝันนอกจากจะมีโรคร้ายคุกคามแล้ว ชีวิตส่วนตัวหน้าที่การงานอาจจะประสบความยากลำบากไปด้วย หรือมีผลต่อบุตรที่มาเกิดเป็นลูกที่อาจเกิดมาพิการ ดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง ไม่แข็งแรง และคอยสร้างปัญหาให้กับผู้เป็นแม่อยู่ตลอด เป็นต้น แม้จะกล่าวว่าผลกรรมอาจตกอยู่กับผู้เป็นแม่มากกว่า แต่คนที่เป็นพ่อนั้นก็ถือว่าเป็นผู้ได้สร้างกรรมร่วมกันมาไม่อาจจะปฏิเสธความจริงในข้อนี้ได้ คนเป็นพ่ออย่าได้คิดย่ามใจเพียงเพราะว่าตนไม่ได้เป็นฝ่ายตั้งครรภ์รับภาระเช่นเดียวกับฝ่ายหญิงที่ไม่มีโอกาสที่วิญญาณจะตามติดเหมือนผู้เป็นแม่แต่อย่างไรก็ตามต้องได้รับผลกรรมที่ตนเองกระทำไปเช่นเดียวกัน…..อาจส่งผลให้อายุสั้นกว่าวัยอันควร มีโรคร้ายรุมเร้า ถูกขัดขวางไม่ให้พบความเจริญ นำความหายนะมาสู่จนอย่างหาสาเหตุไม่ได้ กลายเป็นคนที่ไม่มีใครเชื่อถือ ทำงานอะไรก็จะพบกับความยากลำบาก ถ้าสำเร็จได้ก็เพราะบุญเก่าตอบสนองเท่านั้น และอาจจะต้องมีเหตุให้พบกับเรื่องที่ทำให้เสียเงินโดยไม่คาดคิดอยู่เสมอ หรือชีวิตครอบครัวมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา และยิ่งถ้าหากจิตวิญญาณของเด็กที่ผู้ตายมีจิตอาฆาตรุนแรงด้วยแล้วยิ่งลำบากหนัก เพราะจิตอาฆาตนั้นจะเฝ้าจองเวรกันทุกลมหายใจเข้าออก ทำให้ชีวิตไม่เป็นสุข หรือบางท่านก็ต้องพบความทุกข์ระทมล้มละลายทั้งชีวิตการงานและครอบครัวหาความสุขได้ยาก ต้องชดใช้กรรมกันไปอย่างยาวนานจนกว่าแรงกรรมนั้นจะได้ชำระกันหมดสั้น หรือจนกว่าจะเป็นที่พึงพอใจของจิตวิญญาณนั้น จนในที่สุดก็จะยกให้เป็นอโหสิกรรม ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า ทำแท้งมาหนึ่งครั้ง ชีวิตตกต่ำไปอย่างน้อยอีก 7ปี จึงไม่ใช่คำพูดลอยๆ ที่ให้กลัวหรือเป็นคำพูดไร้สาระแม้แต่น้อย ”
ผลกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนร่วมในการทำแท้ง กรรมนี้ใช่ว่าจะตกอยู่กับพ่อแม่เด็กฝ่ายเดียว แต่ผู้ที่ให้ความร่วมมือ ผู้ช่วยออกเงินค่าทำแท้งรวมไปถึง แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยทั้งหลายที่มีส่วน หรือเรียกรวมว่า ผู้อยู่ในวงจรการทำแท้ง ทุกคนต่างก็มีส่วนในการรับผลกรรมด้วยทั้งสิ้น หากจะเปรียบเทียบให้ชัดเจนก็คือ เวลาเราไปตลาดแล้วจะไปซื้อปลาสดมาทำอาหาร ผู้ที่ได้รับบาปมากที่สุดก็คือ ผู้ที่เป็นผู้สั่งให้ฆ่าปลาก็คือคนซื้อ ส่วนแม่ค้าที่จับปลามาตามคำสั่งจะเป็นผู้ลงมือฆ่าปลาก็ต้องได้รับผลแห่งกรรมปาณาติปาตาไปด้วยเช่นกัน แต่ได้รับผลในระดับที่ต่างกันเพราะจัดเป็นกรรมที่สักแต่ทำ (กตัตตากรรม) มีเจตนาอ่อนกว่าคือทำเพราะเป็นอาชีพหาเลี้ยงตัวเท่านั้น แต่ก็มีผลกรรมที่หนักกว่าการฆ่าสัตว์เดรัจฉานอย่างมากมายยิ่งนัก….
“…….ทัศนคติของแพทย์หรือพยาบาลผู้มีหน้าที่ทำแท้งนั้นอาจมีความเห็นที่แตกต่างออกไปเพราะเขาเหล่านั้นอาจมองว่า ถือเป็นการช่วยเหลือ บุคคลที่ตกทุกข์ได้ยากอีกทางหนึ่ง ซึ่ง ขออ้างอิงถึงบทความ นิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 25 ฉบับที่ 7 เดือน กรกฏาคม ปี 2544 ที่แสดงถึงความเห็นของนายแพทย์ท่านหนึ่งที่เคยทำแท้งให้กับผู้หญิงเหล่านั้น ……(เหตุผลของนายแพทย์)……. ซึ่ง แสดงให้เห็นถึงมุมมองของนายแพทย์ที่เรียกได้ว่าแสดงถึงเจตนารมณ์ที่ดี เพื่อเป้าประสงค์ในการลดความทุกข์ร้อนและปัญหาต่างๆทั้งจากแม่เด็กและตัวของเด็กเองที่จะเกิดขึ้นตามมาซึ่งเข้ากับหลักของกฏแห่งกรรมว่าด้วย กตัตตากรรม (กรรมในระดับที่อ่อนกว่าลดหลั่นลงมาตามเจตนานั้นๆ)อย่างแท้จริง
แต่อย่างไรก็ตาม ย่อมส่งผลกระทบกับผู้ทำกรรมอย่างแน่นอน เพราะนายแพทย์ผู้ที่กระทำและผู้ที่เกี่ยวข้องทำแล้วได้เงิน เป็นสิ่งตอบแทน ถือเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ในทางธรรม เปรียบเหมือนเป็นผู้มีอาชีพเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับพนักงานในโรงฆ่าสัตว์ คือเมื่อฆ่าเขาเบียดเบียนเขาแล้วก็ต้องมีเหตุให้ต้องประสบเคราะห์กรรมด้านสุขภาพต่างๆมากมาย อาจต้องประสบเคราะห์กรรมคือ กรรมให้เจ็บป่วยทางกาย ที่มีอาการเจ็บป่วยมากน้อยไปตามจำนวนของเด็กที่ตนเองได้ลงมือทำแท้ง
คุณหมอที่เป้นสูตินรีแพทย์บางรายที่ทำแท้ง ถึงกับล้มเจ็บมีอาการป่วยเป็นโรคพาร์กินสันมีอาการ ขยับมือเท้าไม่ได้หรือขยับได้ลำบากตามลักษณะกรรมที่ได้ทำกับเด็กในครรภ์ผู้ที่ไม่มีโอกาสขยับเขยื่อนร่างการเช่นกัน หรืออาจจะต้องเจ็บป่วยอย่างรุนแรงจนต้องเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควร ในชีวิตด้านอื่นๆ อาจจะประสบกับปัญหาครอบครัว คือมีอันต้องแยกทางกับคู่ครอง ไม่มีความสงบสุขในครอบครัว หากมีบุตรหลาน บุตรหลานอาจกลายเป็นคนที่ดื้อรั้น ว่ายากสอนยากหรือบุตรมีอายุสั้นเพราะเป็นผลมากรรมที่ไปตัดรอนชีวิตของผู้อื่นไว้เป็นจำนวนมาก”
“ต่อที่หน้า 16…. ผลกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ออกเงินให้ไปทำแท้ง อาจจะเกิดขึ้นกับพ่อเด็กหรือคนใกล้ชิดของแม่เด็กที่พยายามจะช่วยกันหาทางออกคือต้องหาเงินมาจ่ายในการทำแท้งและเป้นค่ารักษาพยาบาลกับผู้เป็นแม่ เนื่องจากเงินที่ได้นำมาทำแท้งเป็นเพื่อจุดประสงค์ในการฆ่าและทำบาป เมื่อได้ให้เงินไปแล้วก็จะมีผลทำให้มีเหตุต้องเสียเงินตลอดเวลา คือ แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีความสามารถหารายได้มากต่อเดือนแต่ก็ต้องมีเหตุทำให้เงินนั้นต้องหมดไปแบบไม่รู้สาเหตุ หรือเงินหายไปครั้งละมากๆ หรือปรากฏในอีกด้านหนึงก็คือในด้านการทำมาหากินก็จะยากลำบากมากขึ้นจากที่เคยหาได้คล่องก็ต้องประสบปัญหานานัปการ ถ้าเป็นผู้ขายก็อาจจะให้มีเหตุให้ค้าขายขาดทุนเปิดกิจกรรมใหม่ ก็ประสบความล้มเหลวไม่เจริญก้าวหน้า ฯลฯ”
“ผลที่เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนร่วมอื่นๆ ขอกล่าวรวมไปถึงพนักงานในสำนักงานทำแท้ง พยาบาล และผู้ที่มีส่วนไม่ว่าทางใดก็ตามให้เกิดการทำแท้งให้สำเร็จก็จะได้รับผลกรรมลดหลั่นกันไป อาจจะได้รับความยากลำบากในการงาน อาชีพการงานไม่มีความก้าวหน้าอย่างที่ควรจะเป็น มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนงานบ่อยๆ ชีวิตไม่มีความสุขเท่าที่ควรจะเป็น ชีวิตครอบครัวมีปัญหาจุกจิกทำให้เกิดความเบื่อหน่ายน่ารำคาญอยู่เป็นนิจ เป็นต้น ”
“หากจะกล่าวถึงผลกรรมโดยรวมสำหรับผู้ที่ทำแท้ง และผู้ที่มีส่วนในการทำแท้งว่าผลจะหนักหรือเบาก็ขึ้นอยู่กับการแสดงเจตนาและการกระทำที่มีความรุนแรงตั้งใจให้การทำแท้งนั้นสำเร็จก็จะได้รับผลกรรมที่แรงไปตามเจตนานั้นๆ ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎแห่งกรรมทุกประการ อย่าได้ลืมหรือเข้าใจผิดกันว่า อายุของเด็กที่ได้ทำแท้งไปแล้วนั้นเขาไม่ได้มีอายุสิ้นสุดเพียงแค่ตอนที่ถูกทำแท้งออกมาแล้ว เพราะวิญญานของคนคนหนึ่งที่จะเกิดขึ้นมาอาจจะมีอายุขัยที่ยืนนาน 70 80 ปี แต่จิตวิญญาณที่หลุดออกมายังต้องวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ไปตามอายุขัยที่ถูกกำหนดมาด้วยกรรมที่เขาทำในอดีตชาติ เมื่อเขาได้รับผลบุญบารมีที่มากพอแล้วเขาจึงจะสามารถอภัยให้ผู้ที่ก่อกรรมและสามารถไปเกิดใหม่ได้”
สรุป คำสอนที่แน่แท้ตามกฏธรรมชาติ ไม่มีการละลายหนี้สินเวรกรรมทำแท้งที่พิสดาร เพราะมันไม่ตรงกับหลักสัจธรรม อภิญญาไม่สามารถต้านแรงกรรมได้ มันคือการลุ่มหลงให้ตัวเองสบายใจ บางคนแค่ได้ทำก็สบายใจ อาจจะจริงที่มันเห็นผล แต่มันคือแค่ชั่วคราว แต่ไม่ใช่แก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ในปลายอุโมงค์ การจะสลายหนี้กรรมทำแท้งได้ จากพระสูตร ต้องประกอบไปด้วยสองข้อ 1 สำนึกผิดขอขมาบาปด้วยใจจริง (เน้นว่า อย่างจริงใจ ไม่ใช่แค่กลัวชีวิตตนเองจะไม่ดี) คิดแก้ไขไม่ทำผิดซ้ำ 2. สร้างบุญจริงกุศลแท้อุทิศนั่นก็คือ สานเจตนารมณ์ในพระสูตรที่มีเป้าหมายให้คนในโลกรู้ว่าวิบากกรรมทำแท้งมีจริง และให้ผู้คนตระหนักและละอายต่อบาปทำแท้ง เช่นสร้างวิทยาธรรมเป็นทาน เช่น เราจะเห็นคนจำนวนหนึ่งที่สละเวลาและชื่อเสียงตนตามรายการทีวีดังๆมาเล่าผลจากอดีตไม่ดีของตนที่เคยทำแท้งให้คนฟังเพื่อเป็นวิทยาทาน ยากมากที่คนธรรมดาจะทำได้ เพราะมันคือการสละปมอดีตในใจเพื่อเป็นวิทยาธรรมเป็นทานให้แก่ผู้คนในสังคม ถ้าใครพอมีทรัพย์ ก็สามารถจัดพิมพ์เผยแพร่พระสูตรให้คนได้พบทางสว่าง มีกำลังใจเดินหน้าต่อสู้กับชะตากรรมอย่างมีปัญญาที่ถูกต้อง ไม่งมงาย และจมอยู่