ดอยพุยโค ..อำเภอ สบเมย แม่ฮ่องสอน
พุยโค ดอยที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต พูดถึงแม่ฮ่องสอน หลายคนรวมถึงผม คงนึกถึงแค่ ปาย เท่านั้น พุยโคไม่อยู่ในสาระบบ แต่เพราะเป็นคนชอบเที่ยวแบบกางเต็นท์นอน จึงเห็นคนไปเที่ยวที่ใหม่ๆอยู่ตลอด
การเดินทาง
เราจึงจัดทริปช่วงวันหยุดเดือนธันวา ไปเที่ยวพุยโค สบเมยกัน จากกรุงเทพก็ต้องใข้เวลาเดินทางเกือบ 11ชั่วโมง ระยะทางกว่า 700 km ออกเดินทางเว]า 21.00 ของวันที่ 4ธันวา โดยแวะค้างคืนที่นครสวรรค์ตอน ตี 1.30 แล้วตื่น ตี5 เดินทางต่อถึงบ่าย 2 จริงๆแล้วระหว่างทางก็มีจุดแวะตลอดนะครับ ช่วงเช้า เราแวะทานข้าวเช้าที่ ตลาดมูเซอ จังหวัดตาก อากาศน่าจะ 10 องศากว่าๆ ก๋ถือว่าเย็นเอาการครับ
ขับรถต่อมาเรื่อยๆ จนถึงอำเภอ ท่าสองยาง ซึ่งผมเพิ่งรู้ว่า อำเภอนี้ยาวมาก ประมาณ 100 กิโล มิน่ามันอยู่อำเภอนี้ตลอดเลย ขับต่อมาเรื่อย จะเห็นแหล่งท่องเที่ยวอีก 22-3 จุด ตั้งแต่ อุทยานตากสิน ดอยทูเล ดอยม่อยคลุย อุทยานแม่เงา นั่นแสดงว่า เราคงได้มาที่นี่อีกแน่นอน ซึ่งก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะจังหวัดตาก มีอุทยานเยอะ ดอยเยอะมาก แถมติดฝั่งพม่าอีก
แวะทานข้าวระหว่างทางที่อำเภอ ท่าสองยาง แล้วแวะที่อุทยานแม่เงา ถือว่ามาดูสถานที่เพื่อครั้งหน้าเราอาจมาเดินดอยปุยหลวงกัน จากจุดนี้ขับต่อมาอีกนิดเดียวก็ถึงที่ว่าการอำเภอ สบเมยพบ กับเจ้าหน้าที่ ที่ติดต่อไว้ชื่อ นที (064-846-2501) ต้องติดต่อมาก่อนนะครับ เค้าจะได้อำนวยความสะดวกให้เรา เช่น จองรถ และลูกหาบ บอกเลยว่า เค้าบริการดีเยี่ยม!!!
การขึ้นดอย
จะขึ้นไปดอยพุยโค ต้องเหมารถของชาวบ้านไปครั้งล่ะ 1,500 บวกกับค่าลูกหาบอีกคนบาะ 400บาท น้ำหนักไม่เกิน 20kg (อันนี้ให้เขาไปเถอะครับ เราไปเที่ยวอย่าแบกของเลย)
นั่งรถจากที่ว่าการอำเภอใช้เวลาอีกเกือบ 1ชั่วโมง ถึงจุดเดินเท้า ที่ต้องเดินต่ออีกประมาณ 40นาที ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้นานมากสำหรับการเดินขึ้นดอย อย่าลืมเตรียมอาหารไปทำกินด้วย เพราะข้างบนไม่มีอะไรขายแม้กระทั่งน้ำดื่ม ลักษณะด้านบนลมแรงทำให้ต้นไม้ใหญ่น้อย ส่วนมากจะเป็นหญ้าเสียมากกว่า หญ้าหน้าหนาวจะออกเป็นสีเหลืองทองเวลาแดดกระทบช่วงเช้า เย็น ถือว่าสวยมาก
จุดน่าสนใจ
ด้านบนมีต้นไม้ที่ครูโรงเรียนตั้งไว้ ว่า ต้นเดียวดาย ใครมาก็ต้องถ่ายมุมนี้ นอกจากนี้จะเห็นทิวเขาเป็น ชั้นสวยงาม มีฉากหน้าเป็นหญ้าสีทอง อย่าลืมถ่าย เงา ช่วงพระอาทิตย์ตกด้วย
เวลาค้างแรม
ใช้เวลา 2วัน 1คืน ก็เพียงพอแล้ว กิจกรรมหลักเลย ถือถ่ายรูปและทำอาหาร camping ครับแนะนำให้ขึ้นดอยไม่เกินเที่ยงจะดีที่สุด แล้วเวลากางเต็นท์ อย่ากางตรงสันเขานะครับ เพราะลมแรงมาก อาจจะนอนไม่ได้เลย ข้างบนมีห้องน้ำแต่ไม่มีอาหารใดๆขายนะครับ ห้องน้ำสะอาดดี ไม่ต้องกังวล
ค่าใช้จ่าย
รวมค่ารถค่าลูกหาบ ประมาณ 2,300 อาหารเตรียมไปเอง
ปล
ที่นี่สวยมากแต่การจัดการยังถือว่าใหม่ มีเจ้าหน้าที่ดูแลแค่ 2คน แนะนำให้ไป ใครอยากสนก็ถามได้ อย่าลืมเอาขยะกลับลงมาด้วยนะครับ อยากให้ที่นี่สวยนานๆ ก็ต้องช่วยกัน
ตอนเช้าเราลงจากดอยมาตอน 10 โมง กว่าจะเดินทางไปถึงรถก็เกือบเที่ยง เพื่อจะเดินทางต่อไปที่ สวนสนบ่อแก้ว สถานที่ ที่ยังไงต้องแวะไปครับ
หนาวนี้ที่ดอยพุยโค 2 วัน 1คืน - สวนสนบ่อแก้ว ฮอด
พุยโค ดอยที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต พูดถึงแม่ฮ่องสอน หลายคนรวมถึงผม คงนึกถึงแค่ ปาย เท่านั้น พุยโคไม่อยู่ในสาระบบ แต่เพราะเป็นคนชอบเที่ยวแบบกางเต็นท์นอน จึงเห็นคนไปเที่ยวที่ใหม่ๆอยู่ตลอด
การเดินทาง
เราจึงจัดทริปช่วงวันหยุดเดือนธันวา ไปเที่ยวพุยโค สบเมยกัน จากกรุงเทพก็ต้องใข้เวลาเดินทางเกือบ 11ชั่วโมง ระยะทางกว่า 700 km ออกเดินทางเว]า 21.00 ของวันที่ 4ธันวา โดยแวะค้างคืนที่นครสวรรค์ตอน ตี 1.30 แล้วตื่น ตี5 เดินทางต่อถึงบ่าย 2 จริงๆแล้วระหว่างทางก็มีจุดแวะตลอดนะครับ ช่วงเช้า เราแวะทานข้าวเช้าที่ ตลาดมูเซอ จังหวัดตาก อากาศน่าจะ 10 องศากว่าๆ ก๋ถือว่าเย็นเอาการครับ
ขับรถต่อมาเรื่อยๆ จนถึงอำเภอ ท่าสองยาง ซึ่งผมเพิ่งรู้ว่า อำเภอนี้ยาวมาก ประมาณ 100 กิโล มิน่ามันอยู่อำเภอนี้ตลอดเลย ขับต่อมาเรื่อย จะเห็นแหล่งท่องเที่ยวอีก 22-3 จุด ตั้งแต่ อุทยานตากสิน ดอยทูเล ดอยม่อยคลุย อุทยานแม่เงา นั่นแสดงว่า เราคงได้มาที่นี่อีกแน่นอน ซึ่งก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะจังหวัดตาก มีอุทยานเยอะ ดอยเยอะมาก แถมติดฝั่งพม่าอีก
แวะทานข้าวระหว่างทางที่อำเภอ ท่าสองยาง แล้วแวะที่อุทยานแม่เงา ถือว่ามาดูสถานที่เพื่อครั้งหน้าเราอาจมาเดินดอยปุยหลวงกัน จากจุดนี้ขับต่อมาอีกนิดเดียวก็ถึงที่ว่าการอำเภอ สบเมยพบ กับเจ้าหน้าที่ ที่ติดต่อไว้ชื่อ นที (064-846-2501) ต้องติดต่อมาก่อนนะครับ เค้าจะได้อำนวยความสะดวกให้เรา เช่น จองรถ และลูกหาบ บอกเลยว่า เค้าบริการดีเยี่ยม!!!
การขึ้นดอย
จะขึ้นไปดอยพุยโค ต้องเหมารถของชาวบ้านไปครั้งล่ะ 1,500 บวกกับค่าลูกหาบอีกคนบาะ 400บาท น้ำหนักไม่เกิน 20kg (อันนี้ให้เขาไปเถอะครับ เราไปเที่ยวอย่าแบกของเลย)
นั่งรถจากที่ว่าการอำเภอใช้เวลาอีกเกือบ 1ชั่วโมง ถึงจุดเดินเท้า ที่ต้องเดินต่ออีกประมาณ 40นาที ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้นานมากสำหรับการเดินขึ้นดอย อย่าลืมเตรียมอาหารไปทำกินด้วย เพราะข้างบนไม่มีอะไรขายแม้กระทั่งน้ำดื่ม ลักษณะด้านบนลมแรงทำให้ต้นไม้ใหญ่น้อย ส่วนมากจะเป็นหญ้าเสียมากกว่า หญ้าหน้าหนาวจะออกเป็นสีเหลืองทองเวลาแดดกระทบช่วงเช้า เย็น ถือว่าสวยมาก
จุดน่าสนใจ
ด้านบนมีต้นไม้ที่ครูโรงเรียนตั้งไว้ ว่า ต้นเดียวดาย ใครมาก็ต้องถ่ายมุมนี้ นอกจากนี้จะเห็นทิวเขาเป็น ชั้นสวยงาม มีฉากหน้าเป็นหญ้าสีทอง อย่าลืมถ่าย เงา ช่วงพระอาทิตย์ตกด้วย
เวลาค้างแรม
ใช้เวลา 2วัน 1คืน ก็เพียงพอแล้ว กิจกรรมหลักเลย ถือถ่ายรูปและทำอาหาร camping ครับแนะนำให้ขึ้นดอยไม่เกินเที่ยงจะดีที่สุด แล้วเวลากางเต็นท์ อย่ากางตรงสันเขานะครับ เพราะลมแรงมาก อาจจะนอนไม่ได้เลย ข้างบนมีห้องน้ำแต่ไม่มีอาหารใดๆขายนะครับ ห้องน้ำสะอาดดี ไม่ต้องกังวล
ค่าใช้จ่าย
รวมค่ารถค่าลูกหาบ ประมาณ 2,300 อาหารเตรียมไปเอง
ปล
ที่นี่สวยมากแต่การจัดการยังถือว่าใหม่ มีเจ้าหน้าที่ดูแลแค่ 2คน แนะนำให้ไป ใครอยากสนก็ถามได้ อย่าลืมเอาขยะกลับลงมาด้วยนะครับ อยากให้ที่นี่สวยนานๆ ก็ต้องช่วยกัน
ตอนเช้าเราลงจากดอยมาตอน 10 โมง กว่าจะเดินทางไปถึงรถก็เกือบเที่ยง เพื่อจะเดินทางต่อไปที่ สวนสนบ่อแก้ว สถานที่ ที่ยังไงต้องแวะไปครับ