เสียงอ่าน...เวทย์ จอมไตร 3


ขอบคุณภาพปกเท่ๆ จากคุณ ApitarN ด้วยครับ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ทันทีที่เขาลงไปนั่งมือกุมพวงมาลัยเหยียบคันเร่ง รู้สึกถึงความเกรี้ยวกราดของเครื่องยนต์ควายธนู  เปโตรลดขนาดของร่างกายเข้าไปนั่งเบาะข้าง

“โอ้...มันพยศจริงๆ แน่ใจนะจะคุมมันอยู่” ปากจู๋ของ เปโตรขมุบขมิบเหมือนปากตะพาบ แต่เสียงพูดดังออกมาจากลำโพงฟังด้วยนุ่มนวล ดวงตาคมของเวทย์หันมา มุมปากมีรอยยิ้ม ยามเข้าเกียร์เดินหน้า หน้ารถเหินขึ้นแทนที่จะไปในแนวระนาบ

“เราไปเทสต์เจ้านี่ แถวแกแลคซี่อันโดรเมด้ากันเถอะ หินโสโครกอวกาศมีเยอะ จะได้ขับหลบหลีก เข้าโค้งให้มันส์ไปเลย แล้วฉันจะได้แวะเยี่ยมบ้านด้วย”
เจอคำขอของเพื่อนเข้า เวทย์เป็นคนอยู่ในกรอบในระเบียบ รู้สึกอึดอัดใจเลย “ ถ้าจะกลับบ้าน ต้องใช้ความเร็วแสงนะขอรับ เราจะไปถึงดาวอันโดรเมด้าในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า แสงดาวที่เห็นในปัจจุบัน อันโดรเมด้ายังเป็นดาวร้างอยู่เลย ตัวผมยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ข้ามกาลเวลาด้วย หากถูกพวกกรมเมืองจักรวาลจับได้ จะยุ่งเอานะขอรับ”

“ฮึ้ย! พวกนั่นเห็นรถแพงๆ ไม่ลูกคนรวยขับ ก็ลูกเจ้าใหญ่นายโตขับ คงไม่กล้ามายุ่งด้วยหรอก”

“เราควรปฏิบัติตามกฎวินัยจราจร ของจักรวาลนะขอรับ”

“ถ้างั้น ให้ฉันขับเอง ฉันมีใบอนุญาต”

 ทั้งสองสลับที่กันนั่ง เปโตรเหยียบคันเร่งน้ำมันยังต้องครางอูย เครื่องยนต์มันพยศมากเลย ปากบอกแบบนี้แหละทำให้คึกคัก ดวงตาคู่ที่เคยเหงาหงอย คล้ายคนเป็นโรคซึมเศร้าหันมาทางเวทย์ ยิ้มแยกเขี้ยวอย่างสะใจ เวทย์ต้องรีบรวนหาเข็มขัดนิรภัยมาคาด ได้เวลาซิ่งกันแล้ว  จมูกของกระบือโลหะพ่นไฟพรึบพรับตามจังหวะเหยียบคันเร่งน้ำมัน เตรียมทะยานขึ้นฟ้าเต็มที่ พระเณรในวัดเปิดไฟออกมาดูที่หน้าต่าง ที่ท้ายวัดมีใครที่ไหนมาเบิ้ลเครื่องยนต์รถเล่น  ทันใดนั้นก็เห็นแสงวาบขึ้นฟ้าคล้ายผีพุ่งไต้
 
 
เช้าวันจันทร์ เวทย์แต่งตัวจะไปเรียน ได้เจอเอากับคุณยายคนหนึ่งมาดักรอที่หน้าวัด แกมีสีหน้าเหมือนอมบอระเพ็ด  พอเจอหน้าก็เล่าเรื่องราวที่หลานชายโดนของ อยากให้ไปช่วยแก้ให้  เคยมาขอให้สัปเหร่อบุญคำแก้ให้มาครั้งหนึ่งแล้ว เจอตัวเช้านี้เห็นกำลังขับรถ บอกไม่ว่างจะไปรับศพ แต่แนะนำลูกศิษย์ทำให้ได้ 

คุณยายมองการแต่งเนื้อตัวเวทย์ ยังเป็นคนหนุ่มอยู่เลย ดูเป็นคนมีการศึกษา ที่แปลกคือหนีบกระดานชนวนที่คนสมัยเก่าใช้เรียน กับสะพายย่ามแบบกะเหรี่ยงมีสีสันยุกยิก เข้าใจว่าคนสมัยใหม่กลับมานิยมของเก่า เวทย์ตกลงจะไปดูให้  อาชีพของคุณยายคือขายอาหารตามสั่ง ที่ทุกวันนี้คนเข้าร้านน้อยมาก เมื่อก่อนเคยขายดี แต่โดนคู่แข่งทำคุณไสยใส่จนขายไม่ออก ซ้ำหลานชายยังมาโดนของอีก เจ็บป่วยจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว 

“อีช้อยร้านข้าวแกงข้างๆ มันต้องทำของใสฉันแน่ๆ เมื่อก่อนมันขายของสู้ไม่ได้ ตอนนี้มันแย่งลูกค้าไปหมด หลานชายยังไปติดหลานสาวของมันด้วย คงไม่พอใจเลยทำของใส่อีกคน พ่อหนุ่มต้องช่วยยายนะ ยายหมดที่พึ่งจริงๆ” ยายพูดไปใช้ผ้าซับน้ำตาไป เวทย์ได้ยินแล้วรู้สึกสงสาร วันนี้เห็นทีต้องยอมเสียเวลา อาจไปมหาวิทยาลัยสายกว่าทุกวัน

“ใจร่มๆ ขอรับ เรื่องมันอาจไม่ได้เลวร้ายเช่นนั้นก็ได้” 

คุณยายเดินนำไปถึงบ้าน มาถึงเตียงของคนป่วยที่ตอนนี้นอนแหมบอยู่บนเตียง เวทย์ลากเก้าอี้มานั่ง สำรวจตรวจดูคนไข้เป็นคนหนุ่มอายุไล่ๆ กับเขา สีหน้าเซียวซี้ด ปากแห้งเหมือนคนขาดน้ำแล้วเริ่มสอบถามถึงอาการ รู้มาว่าเมื่อคืนเขาคนนี้ได้ถ่ายท้องทั้งคืน 
“จะให้พาไปส่ง สุขศาลาไหมขอรับ” 

“ไม่ต้อง ขอผมพักผ่อนมากๆ เดี๋ยวก็หาย” คนป่วยเลิกคิ้ว ยายไปตามใครมา การพูดจาเหมือนคนโบราณ ด้านคุณยาย ทำหน้ากลุ้มใจ  “ไปโรงบาลก็เหมือนเดิม พอกลับมามันก็โดนของอีก ขี้แตกแบบนี้มาหลายรอบแล้ว พ่อหมอต้องช่วยหลานชายของอิฉันด้วยนะ” ยายพูดขัดมา หลานชายสั่นหน้าไม่เห็นด้วย

“โดนของอะไรกันยาย ผมขี้เกียจอธิบายแล้วนะ”  คนป่วยยันกายขึ้นมานั่งเองได้ แล้วรินน้ำผสมเกลือแร่มาดื่มดึงเอื้อกแล้วถอนหายใจ ดวงตายังแจ่มใสอยู่ เวทย์เห็นพอโล่งใจ คงไม่เป็นอะไรมากเพราะรู้วิธีชดเชยการเสียน้ำให้ตัวเองได้ ท้องเสียครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และครั้งสุดท้ายแน่ หลานชายก้มหน้าพูดด้วยความรู้สึกท้อ พอเวทย์สอบถามคุณยาย เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนก็เคยเป็น ท้องเสียทั้งคืนแบบนี้ ดีที่ได้โปรเฟรสเซอร์บุญคำมาช่วยแก้ให้ 

“เมื่อเย็นวาน ทานอะไรไปขอรับ พอจำได้ไหมขอรับ”

“กะเพราไข่ดาว” คนป่วยชิงตอบมา น้ำเสียงแหบพร่า

“ใช้เนื้อหมู หรือเนื้อไก่ขอรับ”

“กะเพราไก่”

“ใช่ๆ ยายทำกะเพราไก่ให้กินเอง” คุณยายชิงตอบบ้าง

“ของที่ปรุง ทำสะอาดไหมขอรับ” เวทย์ถามเหมือนพวกสาธารณสุข มาตรวจหาแหล่งเชื้อโรคในชุมชน คนป่วยลืมตา แล้วเหล่มาที่ยายที่เอาแต่พูดจาเสียงเบาค่อย เหมือนจะรู้ว่าตนเองผิด 

“เมื่อคืนวานไฟเกิดดับ ของสดพวกหมูไก่ผักสดในตู้เย็นมันเลยมีกลิ่นหน่อย ยังไม่ถึงกับเน่า”

 เวทย์ครางตอบรับอืมๆ เร่งคำถามต่อไป

“แล้วเอาของไปทิ้งไหมขอรับ”

“จะเอาไปทิ้งทำไมล่ะพ่อหนุ่ม ของมันยังทำขายได้”

“อะอ้าว” พอได้คำตอบ มือคลำท้ายทอยเลย ยายแกทำไปได้ ที่โต๊ะข้างเตียงยังเห็นข้าวกะเพราไก่ที่กินเหลือ  พอหยิบเอามาดม ได้กลิ่นตุ๊ๆ ไม่ใช่อาหารบูดแต่เนื้อไก่มันเริ่มเน่าเสียมาก่อนปรุง

“ขอไปดูครัวหน่อยนะขอรับ”  ยายนำหน้าพาไปดูในครัว สิ่งแรกที่จมูกได้กลิ่นคือกลิ่นอับๆ เครื่องมือทำครัวทั้ง มีด เขียง หม้อดูเขลอะไปด้วยคราบไขมัน วางกองไว้ในอ่างยังไม่ได้ล้าง ในถังขยะมีเศษเนื้อ เศษผักที่แมลงวันตอมหึ่ง หยอดไข่ขาวเป็นแพ เวทย์สำรวจเปิดดูตามท่อระบายน้ำ มีไขมันลอยเป็นแพ  คงทิ้งเศษอาหารลงไป โดยไม่มีที่ดักเศษดักคราบไขมัน ที่ร้ายคือมีพวกแมลงสาบวิ่งไปมา พวกมันคงทำรังอยู่กันมาเนิ่นนาน 

“ผีห่า มันลงร้านคุณยายแล้วขอรับ” เวทย์สีหน้าตื่นเหมือนคนโดนผีหลอก

“อะไรนะ!? ผีห่าเหรอ” คุณยายปากสั่น แทบเข่าอ่อน จนต้องช่วยประคองไปนั่งและให้ดมยา

“ใช่ขอรับ หากไม่รีบแก้ไข ผีห่ามันจะกินเครื่องในหลานชายของคุณยาย”

“ยายไม่เชื่อหรอก พ่อหนุ่มอย่ามาหลอกยาย”

เวทย์สีหน้าขรึม มองไปรอบตัว แล้วชี้ให้ดู “ดูสิขอรับ พวกมันเข้ามาหาอาศัยอยู่ในบ้านเต็มไปหมด ขืนไม่ขับไล่ ต่อไปคนในบ้านจะมีอันเป็นไปทั้งหมด”  พูดจบก็กลับเข้าไปพูดคุยกับคนป่วย ที่รับปากจะให้เทศบาลมาล้างท่อ รวมทั้งจะดูแลเรื่องความสะอาดในร้าน คุณยายช่วงหลังมานี่แกจะเลอะๆ หลงๆ ทำอาหารไม่สะอาดจนลูกค้าหนีหมด  ตัวเขาเองยังเรียนอยู่ อาทิตย์จะกลับมานอนบ้านที หวังกินอาหารฝีมือยาย เป็นได้ท้องเสียทุกที พอมองไปที่ตัวคุณยายที่ยังนั่งคิดมากอยู่ในครัว
 
คนเฒ่าคนแก่สมัยก่อนเคยเล่าให้ฟัง เคยเกิดโรคห่าระบาดคนตายเกือบหมดบาง ศพพวกนั้น ญาติเอาไปทำพิธีไม่ไหว บ้างเอาศพไปทิ้งวัด   หรือไม่ก็ทิ้งลงน้ำให้เปื่อยเน่าไปเอง  ในยามค่ำคืน พวกฝูงผีฮ่ามันออกมาร้องโหยหวนร้องไห้หาส่วนบุญ เด็กน้อยในตอนนั้น ต้องรีบปิดประตูลั่นดาน กลัวผีห่ามาก

“พวกผีห่า มันยังไม่ไปผุดไปเกิดอีกหรือ พ่อหนุ่ม” คุณยายแข้งขาแทบจะไม่มีแรงเดิน ถามย้ำอีก ไม่มีคนพูดคำนี้มานานแล้ว

“ยังขอรับ พวกมันต้องการคนตายแทน ถึงจะไปเกิดใหม่ได้” สีหน้าจริงจังของพ่อหมอ พลางชี้นิ้ว

“ถ้าอย่างนั้น พวกผีห่าจะเอาหลานของฉันไป” คนแก่จะเป็นลม ดีที่นั่งติดเก้าอี้ “ไม่มีทางขอรับ ผมจะจัดการพวกผีฮ่าให้เอง รับรองพวกมันจะไม่มารบกวนอีก” หลังจากนั้น เขาขอไข่ใบหนึ่งมาเป็นอุปกรณ์ไล่ผี เอามานวดคลึงตามแขนของคนป่วยไล่ตั้งแต่ต้นแขนจนสุดปลายมือ ทำเสร็จก็เลื่อนไปอีกข้าง เสร็จจากแขนก็มานวดคลึงที่ขาทั้งสองข้างต่อ ระหว่างที่ทำก็สวดว่าคาถาไปด้วย

“เสร็จแล้วขอรับคุณยาย”   เขายื่นไข่ใบนั้นให้ สั่งให้คุณยายเอาไข่ไปใส่หม้อต้มที่กำลังเดือดพล่าน หลังจากทำพิธีผีไข่สำเร็จแล้ว พอไข่สุกคุณยายก็รีบนำมาแกะปอกเปลือกให้เห็นต่อหน้า ข้างในไข่มีจุดสีดำปะปนอยู่ด้วย คุณยายท่านยิ้มหน้าบานดีใจยกใหญ่ ในที่สุดหลานชายของแกก็ปลอดภัยแล้ว เมื่อผีถูกขับออกจากร่างกายมาอยู่ในไข่ และถูกกำจัดโดยการต้ม 

 เวทย์ยังเอาหม้อดินเผาใบหนึ่ง มาขีดเขียนด้วยชอล์กเป็นรูปกากบาท เขียนวงกลมเล็กๆ สองดวงให้เป็นรูปตา เสร็จแล้วนำไปแขวนไว้หน้าบ้าน

“เสร็จแล้วขอรับ ขุนพลหม้อตาล รับรองต่อไปผีห่าจะไม่กลับมาอีก”

” เวทย์ปฏิเสธอามิสสินจ้าง คุณยายเอามือประนมท่วมหัวรู้สึกซาบซึ้งใจ ที่มีพ่อหมอแสนดีมาช่วยเหลือ อาการป่วยไข้ของหลานชายของแกถึงได้ทุเลา พอแหงนมองหม้อดินเผาที่ห้อยสูงไว้ที่หน้าบ้าน พึ่งจะจำได้ว่าสมัยเป็นเด็ก เคยเห็นพวกผู้ใหญ่ทำของแบบนี้ไว้ป้องกันผีห่า นึกไม่ถึงคนรุ่นใหม่ ยังไม่หลงลืมภูมิปัญญาคนสมัยก่อน

“แว๊ก!” เพลาผ่านไปชั่วโมงแล้วหรือเนี่ย ”คุณยายขอรับ กระผมต้องขอตัวไปก่อนนะขอรับ”

“จ้ะ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะพ่อหมอ”
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  สิ่งลี้ลับ (mystery) ความเชื่อส่วนบุคคล แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่