เยี่ยมบ้านนักเรียน

เมื่อวานครูประจำชั้นของลูกสาวคนเล็กมาเยี่ยมบ้านตามโครงการของ สพฐ. ที่ให้ครูประจำชั้นไปเยี่ยมนักเรียนถึงบ้าน ครูนัดไว้ตอนราวๆ 6 โมงเย็นแต่กว่าครูจะมาถึงบ้านจริงๆ ก็ซัดไปสองทุ่มกว่าๆ เกือบสามทุ่มเนื่องจากสภาพการจราจร (ลูกเล่าให้ฟังว่าเพื่อนบางคนครูไปถึง 4 ทุ่ม)

สอบถามจากครูประจำชั้นครูบอกว่า เป็นนโยบายของโรงเรียนและ สพฐ. ว่าปีนี้อยากให้ครูประจำชั้นเยี่ยมบ้านนักเรียนให้ครบ 100% คือไปให้ครบทุกบ้านนั่นแหละ ผมเลยถามครูไปว่าการที่มาเยี่ยมบ้านแบบนี้วัตถุประสงค์คืออะไร แกก็บอกว่ามันเป็นนโยบายที่อยากให้ครูมาทำความรู้จักกับผู้ปกครอง เผื่อจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ผมถามว่าแล้วข้อมูลที่พูดคุยเนี่ยจะเอาไปทำอะไรต่อ ครูก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ใหญ่จะเอาไปทำอะไรต่อ รู้แต่ว่าจะมีการสุ่มตรวจว่าครูไปเยี่ยมบ้านนักเรียนจริงไหม

ผมเลยชวนคุณครูคุย ผมบอกแกไปว่าผมไม่ได้รังเกียจหรือมีปัญหาเลยที่ครูประจำชั้นจะมาเยี่ยมบ้าน แต่ไอ้การที่ครูต้องเสียเวลาพักผ่อน เวลาส่วนตัวมาตะลอนเยี่ยมบ้านนักเรียนแล้วไม่ได้เอาข้อมูลพวกนี้ไปใช้ต่อให้เกิดประโยชน์ ถ้าจะทำแค่เอาให้มีตัวเลขไปโชว์ในหน่วยงานว่าโรงเรียนเรา เขตเราทำได้ครบ 100% โดยไม่มีการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลให้เป็นระบบแล้วล่ะก็อย่าทำเลย สู้เอาเวลาที่ต้องตะลอนๆ เยี่ยมบ้านของครูตัวเล็กตัวน้อยเนี่ยไปเตรียมการสอน ไปหาความรู้เพิ่มเติม หรือไปพักผ่อนให้พร้อมที่จะสอนดีกว่าเสียอีก ผมพูดกับแกว่าที่ผมพูดเนี่ยไม่ได้ว่าครูนะ ผมสงสารครู (ครูมาเยี่ยมบ้านเนี่ยต้องกะเตงเอาลูกที่ยังเด็กของแกมาด้วย ลูกแกหลับรอในรถกับพ่อเขา)

ครูบอกว่าคุณพ่อช่วยเขียนความเห็น ในแบบฟอร์มส่งไปที่โรงเรียนหน่อย อยากให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้ว่าผู้ปกครองคิดอย่างไร รับปากแกไปว่าจะทำให้

คือถ้าทำแล้วมีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ วัดผล และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาปรับปรุงอะไรต่างๆ นาๆ เนี่ยผมยินดีสนับสนุน แต่ถ้าการทำแบบนี้มันเพิ่มภาระครูผู้สอน โดยไม่ได้มีผลลัพธ์อะไรเป็นรูปธรรมนอกจากเอาไปคุยได้ว่าโรงเรียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ปกครอง สุดท้ายผลกระทบมันก็ย้อนกลับมาสู่ตัวเด็กอยู่ดี

ไหนบอกว่าการศึกษายุคนี้จะยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่