สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ คือช่วงนี้ชีวิตเราก็ออนๆ ออฟๆ อยากได้ที่พึ่งทางใจ และใกล้จะสิ้นปีแล้วอยากให้มีสิ่งดีๆเข้ามาบ้าง บวกกับเพื่อนสนิทเรา เพิ่งไปไหว้เทพทันใจที่ประเทศพม่า กลับมานางก็มาเม้าท์ว่าที่ขอท่านไป สำเร็จแล้ว!!!
เรานี่ OMG มาก เลยตั้งใจอยากจะไปไหว้ท่านบ้าง แต่ช่วงนี้งานเยอะมาก จะลางานยาวคงไม่ได้ เลยลองหาข้อมูลเล่นๆว่า ไปวันเดียวแบบเช้าเย็นกลับเหมือนทัวร์ไหว้พระ 9 วัดในพกรุงเทพฯมีมั๊ย สรุปว่ามีจ้ะแม่! ทัวร์ไหว้พระพม่า 1 วัน มีเยอะมากกกกกก ทัวร์ออกกันแทบทุกวัน ราคามีตั้งแต่ 1,999-4,999 บาท แต่ละราคาแตกต่างกันตรงมื้ออาหารกลางวัน เราเลือกราคากลางๆ คือ 2,999บาท
ดีเดย์ที่เราเลือกคือ 20 พ.ย. 62 เพราะเราโทรหาหลายทัวร์มาก อยากไปเร็วๆ ภายในเดือน พ.ย. แต่เต็มหมด จนมาเจอนิดหน่อยทราเวลยังมีที่นั่งเหลือ เราก็จัดการจองเลย เพิ่งรู้ว่านอกจากค่าทัวร์ 2,999 บาทแล้ว เราต้องจ่ายทิปโลคอลไกด์กับคนขับรถอีก 2,000 บาท สรุปเบ็ดเสร็จทริปนี้ 4,999 บาทค่ะ แอบปาดเหงื่อ แต่สายมูฯอย่างเราไม่ท้อค่ะ เราต้องสู้!
วันเดินทาง ทัวร์นัดเจอที่สนามบินตอน ตี 4!!! เช้ามากจ้า แต่ไฟล์ทจริงๆ ออกจากดอนเมืองเวลา 7.30 น. ใช้เวลาบินประมาณชั่วโมงนิดๆ ยังไม่ทันได้หลับ กัปตันก็ประกาศว่าถึงย่างกุ้งแล้ว (เร็วกว่านั่งรถไปทำงานอีก) เวลาของพม่าช้ากว่าที่ไทย 30 นาทีนะคะ ตอนนี้ที่พม่าไม่ต้องขอวีซ่า และไม่ต้องกรอกใบ ตม. แล้ว หิ้วกระเป๋าเดินเข้าประเทศได้สวยๆเลยค่ะ
มาถึงพม่าก็อยากจะเช็คอินอัพไอจีสตอรี่บอกเพื่อนสักหน่อย ทริปนี้เราซื้อซิมต่างประเทศของเพนกวินอินเตอร์ซิมมาใช้ ราคา 129 บาท ถูกมากกกกก เห็นขึ้นมาใน Ad Facebook ตอนแรกลังเลมากเพราะไม่เคยได้ยินยี่ห้อนี้เลย เพราะก่อนมาเราได้ถามทัวร์เรื่องซิมการ์ด เขาบอกว่ามีขายราคา 250 บาท แต่นี่เจอถูกกว่าตั้งร้อยกว่าบาท เลยลองดูสักหน่อยค่ะ (ใครสนใจซื้อได้ที่ไลน์ @penguinintersim จ้า เหมือนจะมีประเทศอื่นๆ ขายด้วยนะ)
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ทุกวัดของที่นี่ บังคับให้ทุกคนถอดรองเท้าค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าลืม ทิชชู่เปียกนะคะ เอามาเลย 1 ห่อใหญ่ ส่วนการแลกเงิน สามารถแลกกับไกด์ได้เลยค่ะ สะดวกสบาย แต่ๆๆๆ เรทเงินแพงกว่าแลกข้างนอกมากพอสมควรเลย ถ้าใครไม่ซีเรียส ก็แลกกับไกด์เลยค่ะ เราแลกกับไกด์ 1,000 บาท ได้เงินพม่ามา 40,000 จ๊าด รู้สึกตัวเองรวยเลย ฮ่าๆๆๆ
มาที่โปรแกรมแรกของวันนี้เริ่มต้นที่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของพม่า ไกด์จะให้ถอดรองเท้าเก็บไว้กับเจ้าหน้าที่ ใครที่แต่งกายไม่สุภาพ ก็จะต้องใส่ผ้าถุงนะคะ เค้ามีให้เช่า สิ่งที่ชอบมากของชเวดากองคือ ที่นี่มีลิฟท์ค่ะ ไม่ต้องเดินขึ้นให้เหนื่อยหอบ 555555 แต่ใครอยากเดินขึ้นซึมซับบรรยากาศ ก็สามารถขึ้นบันไดได้ค่ะ ขึ้นไปแล้วก็ต้องซื้อดอกไม้ เป็นดอกมหาหงส์ สำหรับไหว้พระพุทธรูปและเทวดาประจำวันเกิด ดอกไม้ ธูป เทียน ใบสำเร็จ สำหรับไหว้พระมหาเจดีย์ชเวดากอง จุดกราบไหว้ ไกด์จะพาเราไปไหว้ขอพรที่ลานอธิษฐาน วันที่เราไปแดดแรงมากค่ะ หน้าแทบไหม้ แต่สิ่งที่แปลกคือ พื้นหินอ่อนบนชเวดากอง ไม่ร้อนเลย เดินเท้าเปล่าได้แบบสบาย หลังจากไหว้ชเวดากองเสร็จแล้ว ต้องเดินวนตามเข็มนาฬิกาเพื่อตามหา พระพุทธรูป เทวดา และสัตว์ประจำวันเกิดค่ะ ก่อนที่เราจะรดน้ำ ให้เราไหว้ขอพรให้เรามีชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุขค่ะ จากนั้นจึงตักน้ำรดพระพุทธรูปหินอ่อน เทพเทวดาที่ยืนอยู่หลังพระหินอ่อน และสัตว์ประจำวันเกิดด้วย จำนวนน้ำที่รดนั้นจะต้องเท่ากับอายุของเราและให้บวกเพิ่มอีก 1 ขัน เรานี่ยืนรดน้ำจนแขนล้าเลยค่ะ 5555555555
ไหว้พระมหาเจดีย์ชเวดากองเสร็จแล้ว ถึงเวลากินข้าวกลางวัน มื้อนี้จะเป็นอาหารพื้นเมืองพม่าค่ะ คล้ายๆ แกงฮังเล มัสมั่น ประมาณนี้ มีผัดผักบุ้งด้วยนะคะ อันนี้อร่อยดีๆ แต่เรากับอีกหลายๆคนที่ไปทัวร์ด้วยกันแอบขอไข่เจียวเพิ่มด้วย ฟินเลยค่ะ อ้อ ข้าวสวยที่นี่จะเสิร์ฟมาในกระติ๊บ น่ารักดีค่ะ
กินข้าวเสร็จแล้ว ไกด์พาไปซื้อของฝากกันต่อ โดยพาไปที่ร้านหยก จะเป็นร้านขายหยก แต่มีของฝากเช่น ชานมยี่ห้อยอดฮิตอย่าง Royal , ขนมตุ๊บตั๊บ , มะขามจี๊ดจ๊าด ประมาณนี้ค่ะ แต่เราว่า ราคามันดูแพงเกินจริงไปหน่อย น่าจะฟีลคล้ายๆ ร้านละลายเงินวอนของเกาหลี เราเลยข้ามไปซื้อที่มินิมาร์ทฝั่งตรงข้าม ได้ชานมมาหลายห่อเลยค่ะ 5555555 (จุ๊ๆ อย่าให้ไกด์รู้นะ) แต่ในมินิมาร์ทไม่มีขนมตุ๊บตั๊บขาย เลยต้องยอมกลับมาซื้อที่ร้านหยก แนะนำให้ซื้อกลับมาจริงๆค่ะ อร่อยมาก กินเพลินเลย
ช้อปปิ้งของฝากกันเสร็จแล้ว มาถึงไฮไลท์ของทริปนี้ คือ การไปไหว้เทพทันใจ ที่เจดีย์โบดาทาวน์ มาถึงก็ต้องซื้อชุดสำหรับสักการะขอพรกันก่อน คนขายคือถามเป็นภาษาไทยเลยค่ะ ว่าจะเอาชุดเล็ก หรือ ชุดใหญ่ ชุดเล็ก 4,000 จ๊าด ชุดใหญ่ประมาณ 14,000 จ๊าด เราซื้อเป็นชุดเล็กค่ะ โชคดีที่เราไปวันธรรมดา คนเลยไม่เยอะมาก ทางวัดจะให้ขึ้นไปไหว้เทพทันใจทีละคนเลยค่ะ เราต้องม้วนเงินเพื่อนำไปใส่ในมือของท่าน เป็นเงินพม่า 1ใบ เงินไทย 1ใบ ค่ะ ต้องเอาหน้าผากแตะนิ้วมือของท่าน ห้ามให้มีช่องว่างเลยนะคะ แล้วหลับตาอธิษฐาน สามารถขอได้อย่างเดียวเท่านั้น ย้ำว่าขอได้แค่อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ ขอในสิ่งที่เราอยากให้สำเร็จที่สุดนะคะ เสร็จแล้วก็นำเงินพม่าหยอดกล่องทำบุญ เงินไทยเก็บกลับมาเป็นขวัญถุงค่ะ
พอสักการะเทพทันใจเสร็จแล้ว เราก็ข้ามฝั่งไปไหว้ขอพรเทพกระซิบค่ะ แต่เสียดายมาก ที่วันนี้ได้แต่ไหว้จากข้างนอก ไม่สามารถเข้าไปกระซิบขอพระท่านได้ เนื่องจากว่าทางพม่าจะจัดงานอะไรซักอย่าง ไม่แน่ใจค่ะ ตอนไปไหว้ มีเจ้าหน้าที่กำลังแต่งหน้าให้ท่านอยู่
ถึงตอนนี้บอกเลยค่ะว่า เราเริ่มหมดแรงแล้ว T_T ด้วยความที่มีเวลาน้อย ทุกอย่างเลยต้องอัดแน่นไปหมด ต้องทำเวลา ขึ้นลงรถหลายรอบ อดนอน อากาศร้อน โชคดีตรงที่รถบัสนั่งสบายมาก แอร์เย็น ไหว้เทพทันใจเสร็จ ขึ้นรถมาเราแทบจะหลับเลย สงสัยหนังท้องตึง หนังตาหย่อน 555 แต่ไหนๆ เรามาถึงพม่าทั้งที เราก็ต้องเก็บบุญกลับไปให้ได้มากที่สุด! วัดต่อมาที่ไปไหว้ขอพรคือ วัดเจ๊าทัตจี หรือพระนอนตาหวาน ค่ะ เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่มากกกกก มีความยาวกว่า 70 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีน่าจะสวยที่สุดของประเทศพม่า (ไกด์บอกมาแบบนั้น) มีขนตางอนยาวเป็นแพ ดวงตาเป็นแก้ว จีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริง ตรงที่ฝ่าเท้ามีภาพวาดลายลักษณธรรมจักร และรอบล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ
ต่อมาวัดที่ 4 คือ วัดงาทัตจี วัดนี้น้องนาย ณภัทร กับ ใบเฟิร์น เคยมาถ่ายหนังเรื่อง Friend Zone ด้วยนะคะ วัดนี้ต้องเดินขึ้นบันไดไปค่ะ เดินพอให้หอบเล็กน้อย 555 หลวงพ่องาทัตจี แปลว่า หลวงพ่อที่สูงเท่าตึก 5 ชั้น แกะสลักจากหินอ่อน ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ที่ทำจากโลหะ วัดนี้ไม่ต้องซื้อดอกไม้ธูปเทียน สามารถไหว้ตามปกติได้เลยค่ะ วัดนี้ใช้เวลาไหว้ไม่นาน แป๊ปเดียวเสร็จ
และวัดสุดท้ายของทริปนี้ คือ วัดเจ้าดอจี เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปแกะสลักด้วยหินอ่อนทั้งองค์และมีขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า หนัก 60 ตัน สูง 37 ฟุต ต้องอยู่ในห้องกระจกแก้วเพื่อควบคุมอุณหภูมิป้องกันการเสียหายของหินอ่อน วัดนี้ก็ใช้เวลาไหว้ไม่นานค่ะ เดินขึ้นบันไดไปพอให้เหนื่อยเช่นกัน กว่าจะเดินทางมาถึงวัดนี้ ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร เพราะช่วงเย็นพม่าก็รถติดเหมือนกัน พอจบจากวัดนี้ ไกด์ก็จะพาเราไปสนามบิน หลังจากนี้คือตัวใครตัวมันละค่ะ ไกด์บอกหมดหน้าที่ชั้นแล้ว 555555
มื้อเย็นเราต้องหาทานเองที่สนามบิน เพราะไม่รวมอยู่ในทัวร์ ร้านอาหารที่สนามบินไม่ค่อยมีให้เลือกเยอะเท่าไหร่ ที่เราเห็นก็จะมี KFC , Burger King , Dean & Deluca และร้านมินิมาร์ทค่ะ พอกินข้าวเสร็จ เวลาก็ยังเหลืออีกนานมาก เพราะบิน 21.40 ถึงตอนนี้ตาจะปิดแล้วของจริงเลยค่ะ ต้องหาอะไรทำแก้ง่วงหน่อย ตอนนี้เราติดเกมทำอาหาร Line Chef มากค่ะ ติดแบบงอมแงม แหะๆ โชคดีว่าซิมที่ซื้อมาเน็ตแรงมากกก เล่นเกมไม่กระตุกเลย ไม่งั้นคงนั่งเหงาๆ ที่สนามบินแน่นอน นี่จะอัพรูป อัพคลิป เล่นไลน์ เล่นเกม คือได้หมด ดี๊ย์ค่ะ!
ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว เครื่องยังไม่ทันออกจากย่างกุ้ง เราก็หลับไม่รู้เรื่องแล้วค่ะ คนที่นั่งข้างๆเรา ก็มาทริปเดียวกัน สภาพไม่ต่างกัน หลับแบบสลบไสล ตื่นอีกทีคือตอนกัปตันประกาศว่าถึงประเทศไทยแล้ว 555555 ตอนนั้นเวลาประมาณห้าทุ่มครี่งค่ะ สำหรับเราถือเป็น 1วัน ที่คุ้มมากจริงๆ กลับมานี่อิ่มบุญมาก สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากไปไหว้พระที่พม่า แต่ไม่มีเวลาไปหลายๆ วัน เราแนะนำทริปแบบนี้เลยค่ะ สะดวกดีนะคะ ส่วนทริปหน้าเราไปมูฯที่ไหนอีก ไว้จะมาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ 😊
เมื่อชีวิตมันไม่คูล เราเลยต้องไปมูฯ ถึงพม่า! ทริปไหว้พระพม่าวันเดียว เช้าไปเย็นกลับ สวยๆ จ๊ะแม่
เรานี่ OMG มาก เลยตั้งใจอยากจะไปไหว้ท่านบ้าง แต่ช่วงนี้งานเยอะมาก จะลางานยาวคงไม่ได้ เลยลองหาข้อมูลเล่นๆว่า ไปวันเดียวแบบเช้าเย็นกลับเหมือนทัวร์ไหว้พระ 9 วัดในพกรุงเทพฯมีมั๊ย สรุปว่ามีจ้ะแม่! ทัวร์ไหว้พระพม่า 1 วัน มีเยอะมากกกกกก ทัวร์ออกกันแทบทุกวัน ราคามีตั้งแต่ 1,999-4,999 บาท แต่ละราคาแตกต่างกันตรงมื้ออาหารกลางวัน เราเลือกราคากลางๆ คือ 2,999บาท
ดีเดย์ที่เราเลือกคือ 20 พ.ย. 62 เพราะเราโทรหาหลายทัวร์มาก อยากไปเร็วๆ ภายในเดือน พ.ย. แต่เต็มหมด จนมาเจอนิดหน่อยทราเวลยังมีที่นั่งเหลือ เราก็จัดการจองเลย เพิ่งรู้ว่านอกจากค่าทัวร์ 2,999 บาทแล้ว เราต้องจ่ายทิปโลคอลไกด์กับคนขับรถอีก 2,000 บาท สรุปเบ็ดเสร็จทริปนี้ 4,999 บาทค่ะ แอบปาดเหงื่อ แต่สายมูฯอย่างเราไม่ท้อค่ะ เราต้องสู้!
วันเดินทาง ทัวร์นัดเจอที่สนามบินตอน ตี 4!!! เช้ามากจ้า แต่ไฟล์ทจริงๆ ออกจากดอนเมืองเวลา 7.30 น. ใช้เวลาบินประมาณชั่วโมงนิดๆ ยังไม่ทันได้หลับ กัปตันก็ประกาศว่าถึงย่างกุ้งแล้ว (เร็วกว่านั่งรถไปทำงานอีก) เวลาของพม่าช้ากว่าที่ไทย 30 นาทีนะคะ ตอนนี้ที่พม่าไม่ต้องขอวีซ่า และไม่ต้องกรอกใบ ตม. แล้ว หิ้วกระเป๋าเดินเข้าประเทศได้สวยๆเลยค่ะ
มาถึงพม่าก็อยากจะเช็คอินอัพไอจีสตอรี่บอกเพื่อนสักหน่อย ทริปนี้เราซื้อซิมต่างประเทศของเพนกวินอินเตอร์ซิมมาใช้ ราคา 129 บาท ถูกมากกกกก เห็นขึ้นมาใน Ad Facebook ตอนแรกลังเลมากเพราะไม่เคยได้ยินยี่ห้อนี้เลย เพราะก่อนมาเราได้ถามทัวร์เรื่องซิมการ์ด เขาบอกว่ามีขายราคา 250 บาท แต่นี่เจอถูกกว่าตั้งร้อยกว่าบาท เลยลองดูสักหน่อยค่ะ (ใครสนใจซื้อได้ที่ไลน์ @penguinintersim จ้า เหมือนจะมีประเทศอื่นๆ ขายด้วยนะ)
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ทุกวัดของที่นี่ บังคับให้ทุกคนถอดรองเท้าค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าลืม ทิชชู่เปียกนะคะ เอามาเลย 1 ห่อใหญ่ ส่วนการแลกเงิน สามารถแลกกับไกด์ได้เลยค่ะ สะดวกสบาย แต่ๆๆๆ เรทเงินแพงกว่าแลกข้างนอกมากพอสมควรเลย ถ้าใครไม่ซีเรียส ก็แลกกับไกด์เลยค่ะ เราแลกกับไกด์ 1,000 บาท ได้เงินพม่ามา 40,000 จ๊าด รู้สึกตัวเองรวยเลย ฮ่าๆๆๆ
มาที่โปรแกรมแรกของวันนี้เริ่มต้นที่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของพม่า ไกด์จะให้ถอดรองเท้าเก็บไว้กับเจ้าหน้าที่ ใครที่แต่งกายไม่สุภาพ ก็จะต้องใส่ผ้าถุงนะคะ เค้ามีให้เช่า สิ่งที่ชอบมากของชเวดากองคือ ที่นี่มีลิฟท์ค่ะ ไม่ต้องเดินขึ้นให้เหนื่อยหอบ 555555 แต่ใครอยากเดินขึ้นซึมซับบรรยากาศ ก็สามารถขึ้นบันไดได้ค่ะ ขึ้นไปแล้วก็ต้องซื้อดอกไม้ เป็นดอกมหาหงส์ สำหรับไหว้พระพุทธรูปและเทวดาประจำวันเกิด ดอกไม้ ธูป เทียน ใบสำเร็จ สำหรับไหว้พระมหาเจดีย์ชเวดากอง จุดกราบไหว้ ไกด์จะพาเราไปไหว้ขอพรที่ลานอธิษฐาน วันที่เราไปแดดแรงมากค่ะ หน้าแทบไหม้ แต่สิ่งที่แปลกคือ พื้นหินอ่อนบนชเวดากอง ไม่ร้อนเลย เดินเท้าเปล่าได้แบบสบาย หลังจากไหว้ชเวดากองเสร็จแล้ว ต้องเดินวนตามเข็มนาฬิกาเพื่อตามหา พระพุทธรูป เทวดา และสัตว์ประจำวันเกิดค่ะ ก่อนที่เราจะรดน้ำ ให้เราไหว้ขอพรให้เรามีชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุขค่ะ จากนั้นจึงตักน้ำรดพระพุทธรูปหินอ่อน เทพเทวดาที่ยืนอยู่หลังพระหินอ่อน และสัตว์ประจำวันเกิดด้วย จำนวนน้ำที่รดนั้นจะต้องเท่ากับอายุของเราและให้บวกเพิ่มอีก 1 ขัน เรานี่ยืนรดน้ำจนแขนล้าเลยค่ะ 5555555555
ไหว้พระมหาเจดีย์ชเวดากองเสร็จแล้ว ถึงเวลากินข้าวกลางวัน มื้อนี้จะเป็นอาหารพื้นเมืองพม่าค่ะ คล้ายๆ แกงฮังเล มัสมั่น ประมาณนี้ มีผัดผักบุ้งด้วยนะคะ อันนี้อร่อยดีๆ แต่เรากับอีกหลายๆคนที่ไปทัวร์ด้วยกันแอบขอไข่เจียวเพิ่มด้วย ฟินเลยค่ะ อ้อ ข้าวสวยที่นี่จะเสิร์ฟมาในกระติ๊บ น่ารักดีค่ะ
กินข้าวเสร็จแล้ว ไกด์พาไปซื้อของฝากกันต่อ โดยพาไปที่ร้านหยก จะเป็นร้านขายหยก แต่มีของฝากเช่น ชานมยี่ห้อยอดฮิตอย่าง Royal , ขนมตุ๊บตั๊บ , มะขามจี๊ดจ๊าด ประมาณนี้ค่ะ แต่เราว่า ราคามันดูแพงเกินจริงไปหน่อย น่าจะฟีลคล้ายๆ ร้านละลายเงินวอนของเกาหลี เราเลยข้ามไปซื้อที่มินิมาร์ทฝั่งตรงข้าม ได้ชานมมาหลายห่อเลยค่ะ 5555555 (จุ๊ๆ อย่าให้ไกด์รู้นะ) แต่ในมินิมาร์ทไม่มีขนมตุ๊บตั๊บขาย เลยต้องยอมกลับมาซื้อที่ร้านหยก แนะนำให้ซื้อกลับมาจริงๆค่ะ อร่อยมาก กินเพลินเลย
ช้อปปิ้งของฝากกันเสร็จแล้ว มาถึงไฮไลท์ของทริปนี้ คือ การไปไหว้เทพทันใจ ที่เจดีย์โบดาทาวน์ มาถึงก็ต้องซื้อชุดสำหรับสักการะขอพรกันก่อน คนขายคือถามเป็นภาษาไทยเลยค่ะ ว่าจะเอาชุดเล็ก หรือ ชุดใหญ่ ชุดเล็ก 4,000 จ๊าด ชุดใหญ่ประมาณ 14,000 จ๊าด เราซื้อเป็นชุดเล็กค่ะ โชคดีที่เราไปวันธรรมดา คนเลยไม่เยอะมาก ทางวัดจะให้ขึ้นไปไหว้เทพทันใจทีละคนเลยค่ะ เราต้องม้วนเงินเพื่อนำไปใส่ในมือของท่าน เป็นเงินพม่า 1ใบ เงินไทย 1ใบ ค่ะ ต้องเอาหน้าผากแตะนิ้วมือของท่าน ห้ามให้มีช่องว่างเลยนะคะ แล้วหลับตาอธิษฐาน สามารถขอได้อย่างเดียวเท่านั้น ย้ำว่าขอได้แค่อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ ขอในสิ่งที่เราอยากให้สำเร็จที่สุดนะคะ เสร็จแล้วก็นำเงินพม่าหยอดกล่องทำบุญ เงินไทยเก็บกลับมาเป็นขวัญถุงค่ะ
พอสักการะเทพทันใจเสร็จแล้ว เราก็ข้ามฝั่งไปไหว้ขอพรเทพกระซิบค่ะ แต่เสียดายมาก ที่วันนี้ได้แต่ไหว้จากข้างนอก ไม่สามารถเข้าไปกระซิบขอพระท่านได้ เนื่องจากว่าทางพม่าจะจัดงานอะไรซักอย่าง ไม่แน่ใจค่ะ ตอนไปไหว้ มีเจ้าหน้าที่กำลังแต่งหน้าให้ท่านอยู่
ถึงตอนนี้บอกเลยค่ะว่า เราเริ่มหมดแรงแล้ว T_T ด้วยความที่มีเวลาน้อย ทุกอย่างเลยต้องอัดแน่นไปหมด ต้องทำเวลา ขึ้นลงรถหลายรอบ อดนอน อากาศร้อน โชคดีตรงที่รถบัสนั่งสบายมาก แอร์เย็น ไหว้เทพทันใจเสร็จ ขึ้นรถมาเราแทบจะหลับเลย สงสัยหนังท้องตึง หนังตาหย่อน 555 แต่ไหนๆ เรามาถึงพม่าทั้งที เราก็ต้องเก็บบุญกลับไปให้ได้มากที่สุด! วัดต่อมาที่ไปไหว้ขอพรคือ วัดเจ๊าทัตจี หรือพระนอนตาหวาน ค่ะ เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่มากกกกก มีความยาวกว่า 70 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีน่าจะสวยที่สุดของประเทศพม่า (ไกด์บอกมาแบบนั้น) มีขนตางอนยาวเป็นแพ ดวงตาเป็นแก้ว จีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริง ตรงที่ฝ่าเท้ามีภาพวาดลายลักษณธรรมจักร และรอบล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ
ต่อมาวัดที่ 4 คือ วัดงาทัตจี วัดนี้น้องนาย ณภัทร กับ ใบเฟิร์น เคยมาถ่ายหนังเรื่อง Friend Zone ด้วยนะคะ วัดนี้ต้องเดินขึ้นบันไดไปค่ะ เดินพอให้หอบเล็กน้อย 555 หลวงพ่องาทัตจี แปลว่า หลวงพ่อที่สูงเท่าตึก 5 ชั้น แกะสลักจากหินอ่อน ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ที่ทำจากโลหะ วัดนี้ไม่ต้องซื้อดอกไม้ธูปเทียน สามารถไหว้ตามปกติได้เลยค่ะ วัดนี้ใช้เวลาไหว้ไม่นาน แป๊ปเดียวเสร็จ
และวัดสุดท้ายของทริปนี้ คือ วัดเจ้าดอจี เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปแกะสลักด้วยหินอ่อนทั้งองค์และมีขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า หนัก 60 ตัน สูง 37 ฟุต ต้องอยู่ในห้องกระจกแก้วเพื่อควบคุมอุณหภูมิป้องกันการเสียหายของหินอ่อน วัดนี้ก็ใช้เวลาไหว้ไม่นานค่ะ เดินขึ้นบันไดไปพอให้เหนื่อยเช่นกัน กว่าจะเดินทางมาถึงวัดนี้ ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร เพราะช่วงเย็นพม่าก็รถติดเหมือนกัน พอจบจากวัดนี้ ไกด์ก็จะพาเราไปสนามบิน หลังจากนี้คือตัวใครตัวมันละค่ะ ไกด์บอกหมดหน้าที่ชั้นแล้ว 555555
มื้อเย็นเราต้องหาทานเองที่สนามบิน เพราะไม่รวมอยู่ในทัวร์ ร้านอาหารที่สนามบินไม่ค่อยมีให้เลือกเยอะเท่าไหร่ ที่เราเห็นก็จะมี KFC , Burger King , Dean & Deluca และร้านมินิมาร์ทค่ะ พอกินข้าวเสร็จ เวลาก็ยังเหลืออีกนานมาก เพราะบิน 21.40 ถึงตอนนี้ตาจะปิดแล้วของจริงเลยค่ะ ต้องหาอะไรทำแก้ง่วงหน่อย ตอนนี้เราติดเกมทำอาหาร Line Chef มากค่ะ ติดแบบงอมแงม แหะๆ โชคดีว่าซิมที่ซื้อมาเน็ตแรงมากกก เล่นเกมไม่กระตุกเลย ไม่งั้นคงนั่งเหงาๆ ที่สนามบินแน่นอน นี่จะอัพรูป อัพคลิป เล่นไลน์ เล่นเกม คือได้หมด ดี๊ย์ค่ะ!
ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว เครื่องยังไม่ทันออกจากย่างกุ้ง เราก็หลับไม่รู้เรื่องแล้วค่ะ คนที่นั่งข้างๆเรา ก็มาทริปเดียวกัน สภาพไม่ต่างกัน หลับแบบสลบไสล ตื่นอีกทีคือตอนกัปตันประกาศว่าถึงประเทศไทยแล้ว 555555 ตอนนั้นเวลาประมาณห้าทุ่มครี่งค่ะ สำหรับเราถือเป็น 1วัน ที่คุ้มมากจริงๆ กลับมานี่อิ่มบุญมาก สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากไปไหว้พระที่พม่า แต่ไม่มีเวลาไปหลายๆ วัน เราแนะนำทริปแบบนี้เลยค่ะ สะดวกดีนะคะ ส่วนทริปหน้าเราไปมูฯที่ไหนอีก ไว้จะมาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ 😊