คาซัคสถาน ประเทศที่ใครบางคนหัวเราะเยาะใส่ผม เมื่อผมบอกว่าผมจะไป...มันมีอะไรอ่ะ!? นี่คือคำถามที่ผมได้รับ แต่ผมไม่ตอบ ในหัวคิดเพียงว่า จะเอาภาพสวยๆกลับมาเท่านั้นเอง




แน่หล่ะ! คนที่ไม่ได้เป็นนักท่องเที่ยวจะต้องพูดอะไรแบบนี้ออกมาไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม เอาจริงๆแล้วต่อให้ต้องทำวีซ่า Transit เป้าหมายของผมคือจะไปแวะ Transit ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เมื่อผม Search Google และพบว่ามีวีซ่า Transit ก็ตั้งใจแน่วแน่กดตั๋ว Air Astana ไปรัสเซียที่กำลังโปรพอดี



ค่ำคืนที่ไม่ได้พักผ่อนบวกกับเป็นไข้หวัดมาจากรัสเซีย บินออกจากมอสโกในเวลา 4 ทุ่ม มาถึงอัลมาตี้ เมืองใหญ่ทางใต้ของคาซัคสถานในเวลาตี 5 นิดๆตามเวลาท้องถิ่น โปร Stopover Holiday 1$ ของสายการบินทำให้ชีวิตผมง่ายเข้าไปอีก เมื่อมีบริการรถรับ-ส่งจากสนามบิน และเลือกโรงแรมระดับ 3-4 ดาวเข้าพักได้ ไม่ว่าการ Transit ของคุณนั้นจะนอนข้ามคืนหรือไม่นอนก็ตาม ด้วยเงินเพียง 1$ ตี 5 กว่าๆรถก็มารับไปโรงแรมซึ่งผมได้เลือกเป็น The Mercure Almaty City Center ที่เลือกเพราะมันตั้งอยู่ใกล้กับถนนคนเดิน Arbat นั่นเอง

 
ที่สนามบินเมื่อเราเดินออกมาจะมีจุดนัดพบของโปร Stopover Holiday ของ Air Astana ตั้งอยู่ขวามือ พร้อมทั้งที่แลกเงิน ผมวางไป 40 ดอลได้มา 15,000 กว่าๆ (Tengge) เท็งเจ (วิธีคิดให้เป็นบาทเอา 0.08 คูณเข้าไป) 



ผมโดนลุงแท็กซี่คนหนึ่งมาตื้อให้ไปส่ง ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่ามีคนมารับ จองกับสายการบินไปแล้ว เอ๊ะ! ไหนว่าคนคาซัคพูดอังกฤษไม่ได้แม้แต่คนที่สนามบินหนิ? แต่ลุงนี่คงฝึกการขายมาดีแน่ อังกฤษใช้ได้เลยทีเดียว คนมารับมาเลทนิดหน่อย มีคู่สามีภรรยารัสเซียที่กำลังจะไปเมืองไทยมากับพวกผมด้วย เราออกจากสนามบินอัลมาตี้เดินทางถึงโรงแรมตอน 6 โมงกว่าๆก็เช็คอินเข้าพักได้เลย พร้อมบริการอาหารเช้าที่โรงแรม 



ผมรีบใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุด 1 ชม.เพื่อพักผ่อนแต่หลับไม่เต็มนัก ตื่นมากินอาหารเช้า และรอ Rabiga ไกด์ที่ผมได้ติดต่อไว้ผ่านเว็บไซด์ showaround.com มารับในเวลา 9 โมง ในวันนั้นหมอกเต็มเมืองไปหมดแทบทั้งวัน เราเดินทางกัน 4 คน รถที่ Rabiga จ้างมาเป็นรถตู้แวน Hyundai มีเป้าหมายแรกคือ Big Almaty Lake

ภาพ 2 ฝั่งถนนในการเดินทางจากโรงแรมไปที่ Big Almaty Lake นี่เองทำให้ผมประทับใจในคาซัคสถาน ถนนหลายเลน กว้างขวาง ทิวแถวของต้นไม้ที่ปลูกเรียงรายไปตามถนน สิ่งปลูกสร้างที่มีความสวยงาม ทำให้ผมนึกสงสัยเหมือนกันว่า ตัวเองอยู่ในยุโรปหรือว่าเอเชียกลางกันแน่ ผู้คนที่เดินอยู่ข้างถนนค่อนข้างน้อย สวนสาธารณะที่กว้างขวางมากๆ ที่ซึ่งถ้ามันมาอยู่ในประเทศไทยมันจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมได้เลยทีเดียว 

ผมปล่อยให้เพื่อนคุยจ้อกับ Rabiga ผู้ซึ่งมีสำเนียงและความสามารถภาษาอังกฤษที่ราวกับจบ Oxford มาก็มิปาน ส่วนผมดื่มด่ำกับไปเมืองที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกรว้ายอย่างชื่นชม ถึงแม้ว่าเพื่อนผมจะเริ่มลากบทสนทนาเข้าสู่เรื่องของการเมือง เพราะ Rabiga ได้ระบายปัญหาคอรัปชั่นของประเทศให้เขาฟัง แต่สิ่งรอบข้างที่รถวิ่งผ่านไปแค่นี้ผมคิดแล้วหล่ะว่า ผมคุ้มแล้วกับการมาเหยียบคาซัคสถานในช่วงเวลา 16 ชั่วโมงนี้



Big Almaty Lake – ทะเลสาบกลางหุบเขานี้เป็นอู่น้ำหล่อเลี้ยงชาวเมืองอัลมาตี้ แต่น่าเสียดายไปนิดที่มันกลายเป็นหิมะไปทั้งหมด หากไม่เช่นนั้นแล้วผมคงได้ยลผิวน้ำสีเทอร์คอยซ์ไปแล้ว ก่อนเข้าประตูอุทยานจะเก็บค่าเข้าคนละ 400 เท็งเจ ทางขึ้นจากเชิงเขาจนกระทั่งถึงทะเลสาบยังมีหิมะปกคลุมอยู่หนาแน่น นั่นทำให้มันสวยงามราวกับอยู่ในหนัง Frozen นี่ทำให้ผมยิ่งชอบเข้าไปอีก จากที่จอดรถเดินลงไปข้างล่างเพื่อถ่ายรูปค่อนข้างลื่นแทบทุกคนที่เดินลงไปต้องสไลด์ก้นจั้มเบ้ากันไปแทบทุกราย ซึ่งผมและเพื่อนก็เป็นหนึ่งในนั้น สาวชาวคาซัคหน้าตาหน้ารัก 2 คนที่ถ่ายรูปกันอยู่ได้หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ อากาศเหมือนจะเย็นแต่ไม่เย็นครับ 7 องศากับแสงแดดเปรี้ยงๆมันทำให้อุ่นขึ้นมากทีเดียว แต่สิ่งที่โหดกว่าคือการเดินกลับขึ้นมา พื้นที่ลื่น ทางที่ชันทำเอาผมหอบแฮ่กๆ น้ำดื่มก็ไม่มีใครพกกันมาซักคน เล่นเอาปากแห้งผาก


ที่นี่นั่นเองที่ทำให้ผมจำต้องจ้างไกด์และจ้างรถ เพราะรถเมล์จะวิ่งมาสุดที่เชิงเขา ถ้าไม่จ้างแท็กซี่ก็ต้องเหมารถขึ้นไปอีก 6-7 กิโล หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือแท็คกิ้ง ใช้เวลา 3 ชม. ซึ่งเราไม่มีเวลามาชิวขนาดนั้นกันแน่ ขนาดผมนั่งรถขึ้นมาจากตรงนั้นยังรู้สึกว่าไกลมากเลย หิมะก็คลุมเต็มถนนไปหมด หากแท็คกิ้งขึ้นมาคงมีคนได้กลายเป็นตุ๊กตาหิมะประดับข้างทางแน่ๆ



Shymbulak Ski Resort – จาก Big Almaty Lake เราต้องวนกลับเข้าเมืองมาก่อนแล้ววกไปอีกทาง ที่นี่คือสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงและโด่งดังที่สุดของคาซัคสถาน ผมไม่เคยไปสกีรีสอร์ทที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลี แต่ผมมั่นใจว่า Shymbulak จะต้องเจ๋งกว่าสองที่นั่นแน่นอน ด้วยจำนวนชั้นที่ต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปถึง 3 ชั้น และความสูงในส่วนยอดที่สูงถึง 3,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ต้องบอกว่านี่มันระดับเมืองเลห์เลยนะครับ การเดินทางมา Shymbulak จริงๆไม่ยากเลย จะมีรถเมล์นั่งจากในเมืองมาระยะทางประมาณ 24 กิโลเมตร



Rabiga พาเรามาซื้อตั๋วที่สถานี สำหรับขึ้นไปชมอย่างเดียวไม่ได้เล่นกิจกรรม ค่ากระเช้า 4,000 เท็งเจ ประมาณ 320 บาท ต้องบอกว่าถูกมาก เพราะไปกลับใช้เวลาร่วมๆ 1 ชม.เลยทีเดียว กระเช้าส่วนแรกนั่งยาวที่สุด พอมาถึงผู้คนเยอะมาก ราวกับงานคอนเสิร์ตมีเวทีการแสดง มอสคอตเต้นกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศสุดครึกครื้น



ชั้นที่ 2 บริเวณหลังร้านอาหารจะเป็นจุดที่วิวสวยที่สุดสำหรับเก็บภาพ 


ส่วนชั้น 3 เป็นยอดของชิมบูลลัค ระดับความโหดของลานสกีจะขึ้นอยู่กับชั้นของสกีรีสอร์ท ดังนั้น ชั้น 3 จะถือว่าชันที่สุด ซึ่งเรามองจากสายตาแล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ มีนักท่องเที่ยวอินเดียกำลังเล่นเกรียนๆอยู่บนนั้นหลายคน ผมเลยได้ถือโอกาสนอนถ่ายกับหิมะที่นี่แหละ

เรารีบกลับลงไปในเวลาบ่าย 2 เพราะรถเช่าสามารถอยู่ได้ถึงแค่บ่าย 3 ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน และถึงตอนนี้ก็ยังงงตัวเองอยู่ว่าทำไมไม่ถาม 55555 แต่เอาจริงๆแล้วผมต้องการให้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ให้รถและ Rabiga มาส่งเราในเมืองและสิ้นสุดงาน เพราะ Rabiga มีค่าจ้างเป็นรายชั่วโมงที่ 10$ ส่วนรถนั้นไม่จำเป็นแล้วเพราะเราจะเดินเที่ยวในเมืองกัน

ค่าใช้จ่ายสำหรับทัวร์
1. ค่ารถเหมาเที่ยว  รับที่โรงแรมไป Big Almaty Lake - Shymbulak Ski Resort กลับมาส่งในเมืองทั้งหมด 78 ดอลลาร์
2. ค่าไกด์ของ Rabiga ชั่วโมงละ 10$ ตั้งแต่ 9.00-15.00 สิริรวม 60 ดอลลาร์ ผมแถมทิปให้เป็น 65 ดอลลาร์
3. เนื่องจาก Rabiga เป็นไกด์ Local ธรรมดา ดังนั้น ค่าเข้าสถานที่เราต้องจ่ายให้เขา  Big Almaty Lake 400 เท็งเจ และ Shymbulak Ski Resort 4,000 เท็งเจ

ราคาสิริรวมทั้งหมดนี้เอามาหาร 4 คน ตกคนละไม่เกิน 1,500 บาท 40 ดอลลาร์ ในขณะที่หากซื้อแพ็คเกจทัวร์ไปแบบนี้จะตกต่อคน 70 ดอลลาร์ สำหรับใครที่สนใจใช้บริการ Rabiga ติดต่อด้วย Whatapp ที่เบอร์ +77473217406 บอกว่ามาจากไทยน่าจะรู้เลยว่า ผมแนะนำมา เพราะคนไทยมีผมคนเดียวที่ติดต่อเธอไป 55555
 
ว่ากันต่อไป Rabiga ส่งพวกผมลงที่ร้าน Navat ซึ่งเธอบอกว่าเป็นร้านอาหารท้องถิ่นที่ดีที่สุดหนึ่งในสองร้าน และผมก็คิดว่ามันคงดีจริงๆแหละ เพราะหน้าร้านมีแต่รถหรู Posche บลาๆ จอดเต็ม เราจึงลงความเห็นกันว่า ราคาไม่ใช่ถูกๆแน่ เราแลกเงินกันมาคนละ 40 ดอลซึ่งมันก็พร่องไปแล้ว เหลือข้าวอีก 2 มื้อ ไม่น่ารอด จึงข้ามถนนไปกินร้านอาหารจีนฝั่งตรงข้ามแทน กินข้าวกันตอนบ่าย 3 อาหารมันก็จะง่ายๆแบบนี้แหละ