สวัสดีครับพี่น้องทุกท่าน ผมได้มีโอกาสทดลองขับ Etran - Kraf (ตัวทดสอบ)
เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าStart upของคนไทยครับ
ก่อนที่จะได้ลองคันนี้ผมก็ได้ลองขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายี่ห้ออื่นๆมาบ้างแล้ว
แต่เนื่องจากสเปคที่ให้กำลังสูงๆนั้น ตอนนี้รู้จักแค่2 รุ่นเท่านั้นคือ Etran Kraf และ Edison Volts S
เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของไทยเหมือนกันครับ เขาน่าจะเข้าใจคนไทยว่าชอบกำลังมอเตอร์แรงๆและวิ่งได้ระยะไกลๆเหมือนกัน
ก่อนอื่นเรามาคุยเรื่องสเปคต่างๆกันก่อนครับ
แบตเตอรี่
- ชนิดแบตเตอรี่ LiMn204
- ความจุ 40 แอมป์ต่อชั่วโมง
- แรงดันไฟฟ้า 72 โวลต์
- พิสัยการใช้งาน 180 กิโลเมตร *ที่ความเร็ว 75 กม./ชม.
- Max current 20 แอมป์
- Charge time - 2 ชั่วโมงเมื่อชาร์จกับหัวชาร์จ Type 2 / 4 ชั่วโมงเมื่อชาร์จกับระบบไฟบ้าน
- Connecter - IEC 62196 Type 2 และ ระบบไฟบ้าน
- มาตราฐานการกันน้ำและฝุ่น - IP67
มอเตอร์
- มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดกระแสตรง E1
- กำลัง 7,000 วัตถ์
- แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร
- ความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เบรคและยาง
- เบรคหน้า - ดิสก์เบรค
- เบรคหลัง - ดิสก์เบรค
- ขนาดยางหน้า - 120/70-12
- ขนาดยางหลัง - 140/70-12
คันที่ผมได้มานั้นเป็นตัวทดสอบที่มีตะแกรงหลังติดมาให้เลยครับ
ตอนไปครั้งแรกไม่มีนะครับเป็นแบบเปลือยๆไม่มีอะไร
พอได้คุยกับทีมงานว่าต้องการนำไปทดสอบส่งของ ทีมงานก็ใจดีจัดทำตะแกรงติดมาให้เลย
การชาร์จไฟ สามารถทำได้2แบบคือใช้ไฟบ้านจะเป็นที่เสียบไฟธรรมดา กับ ที่เสียบแบบType 2 (รุ่นที่ขายจริงจะอยู่ล่างเบาะ)
ชาร์จไฟบ้าน จะใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมงเต็ม ตอนชาร์จไฟจะมีพัดลมระบายความร้อน พอชาร์จเสร็จระบบไฟก็จะตัดอัตโนมัติครับ
ส่วนการชาร์จแบต Type 2 ผมยังไม่ได้ลอง แต่ตามสเปคใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ผมคิดว่าชาร์จสัก 1 ชั่วโมงให้แบตได้สัก 80% ก็พอแล้ว เพราะแบตเตอรี่ช่วงใกล้เต็มนั้นจะนาน(คิดว่าเป็นเหมือนมือถือที่ชาร์จแบตไวๆ ช่วงท้ายโปรแกรมจะจ่ายไฟให้น้อยเพราะเซฟแบตเตอรี่)
มอเตอร์เป็นแบบ 7000 วัตต์ แบบล้อหลัง ทำความเร็วได้สูงสุด110km/hในโหมดธรรมดา และ ในโหมดTurbo 130 km/h
แรงสะใจมาก ถ้าเทียบกับรถน้ำมันก็ประมาณ 150cc ได้เลย แต่ด้วยความเป็นไฟฟ้า ช่วงสปีดต้นนั้นจะมาทันทีไม่ต้องรอรอบ ยังไม่พอรถรุ่นนี้ยังมีปุ่ม Turbo อีก ตอนเร่งแซงหายห่วง อารมณ์เหมือนกดปุ่มไนตรัสเลยทีเดียว แต่ก็เปลืองแบตสุดๆเช่นเดียวกัน
ระบบเบรคดิสก์หน้าและหลัง
ปั๊มเบรคบนใช้ของ RCB ปั๊มเบรคล่างเป็นของNissin สายเบรคของHEL
มีระบบ Regenerative Braking เมื่อเบรคแล้วจะเกิดสภาวะฉุดเครื่องแปลงเป็นพลังงานแล้วนำกลับเข้าไปแบตเตอรี่ ปกติแล้วจะช่วยเซฟแบตเตอรี่ประมาณ 5% ต่อการชาร์จ ถ้าใช้ทุกวันๆ ก็ถือว่ามากมายเลยทีเดียว
ยางใช้ของ IRC NR77U เกาะถนนดีเยี่ยม
ยางคอมเปาว์ดและโครงสร้างยาง ถูกออกแบบให้มีสมรรถนะที่ความเร็วสูง
ระบบกันสะเทือน
หน้า เป็นแบบ Upside Down
หลัง เป็นแบบ โช้คเดี่ยว ระหว่างเฟรมและสวิงอาร์ม
มีความรู้สึกคือนิ่มไปหน่อย (เพราะคนเทสตัวหนักและบรรทุกของหนัก ฮา)
ไฟหน้าและไฟท้าย
ไฟหน้าเป็นแบบLEDทรงกลม มีDaylightแบบวงแหวน จะติดตลอดเวลาไม่มีสวิทช์ปิด สว่างเพียงพอต่อการใช้งาน
ไฟหลังเป็นแบบLEDทรงวงรี ติดอยู่กับบังโคลังหลังสว่างใช้ได้
สวิทช์ต่างๆ
ด้านซ้าย สวิทช์ไฟสูง-ต่ำ ,ไฟฉุกเฉิน , ไฟเลี้ยวซ้าย-ขวา , แตร , ไฟขอผ่าน
ด้านขวา ปุ่มเปิด-ปิดระบบไฟ(สีแดง) , ปุ่มTurbo ช่วยเพิ่มความเร็ว
Monitor วัดค่าต่างๆ
วัดความเร็ว , แบตเตอรี่(88v เต็ม, 72 หมด) , ระยะทาง
เนื่องจากเป็นรถต้นแบบบางฟังก์ชันก็ใช่งานไม่ได้ครับเช่นวัดอุณหภูมิ,ขีดก้อนแบตเตอรี่
แต่ตัวขายจริงจะเป็นจอสีTFT มีระบบ IOT มาให้ด้วยครับ
เล่าหลังจากใช้งาน
ในทุกๆวันของผมจะต้องเดินทางวันละไม่น้อยกว่า 110 กิโล และต้องแบกของหนักมาก
นี่จึงเป็น2โจทย์ใหญ่ที่ทำให้ผมตัดสินใจจะซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจึงได้ขอทางEtranทดสอบรถ
โจทย์ที่1คือ ระยะทางไม่น้อยกว่า 110 กิโล ผลที่ทดสอบปรากฏว่าพอลงถนนจริง
จะวิ่งได้ระยะประมาณ 100 กิโล เพราะว่าตอนทดสอบเขาทดสอบด้วยความเร็วคงที่บนเครื่องไดโนเทส
ด้วยความเร็ว 75km/h ซึ่งใช้งานจริงนั้นแตกต่างเพราะปัจจัยต่างๆมีผลทำให้ได้ระยะน้อยลงเยอะมาก
ยิ่งใช้ในเมืองแล้วด้วย การหยุด เร่ง เบรค บ่อยๆ ทำให้เปลืองไฟมาก เหมือนกับรถน้ำมัน ก็เปลืองน้ำมันมาก
โจทย์ที่2คือ แบกของหนัก ตัวผมหนัก 98 กิโล + แบกของหนัก 30 กิโล
ด้วยมอเตอร์กำลัง 7000 วัตต์ ทำให้โจทย์ข้อนี้ผ่านอย่างไม่มีข้อสงสัยเลย
แต่ก็มีผลทำให้ระยะทางน้อยลง ด้วยความที่เป็นรถไฟฟ้าทำให้ขับสนุกมากไม่รู้จะอธิบายภาพยังไง
เหมือนกับเราขับรถ150cc เร่งแรงๆแต่ไม่มีเสียง แต่อันนี้รอบมันมาไวมาก อยากให้ไปลองกันดูครับ
ข้อสังเกต
- ใช้งานไม่เกินวันละ 100 กิโล ถ้าใช้งานเกินจากนี้ อาจจะกลายเป็นมนุษย์ปลั๊กไฟและคอยมองระดับแบตเตอรี่ตลอดเวลาไปเลย(เพราะผมเป็นมาแล้วพกปลั๊ก3ตาติดตัวกันเลยทีเดียว)
- ขนาดรถทำให้คนตัวใหญ่2คนนั่งซ้อนกันลำบาก ลองนึกภาพ msx , ksr ซ้อนสอง
- ความเงียบ (ไม่มีเสียงเลย) อาจทำให้เกิดปัญหากับบุคคลอื่นเช่น คนเดินในซอย ในหมู่บ้าน เด็กเล็ก ในต่างประเทศถึงกับประกาศให้รถไฟฟ้าทำเสียงสังเคราะห์เพิ่มเติมในความเร็วต่ำๆ เช่นถ้าไม่เกิน 20 km/h จะมีเสียง ถ้าเกินจากนี้ก็จะไม่มี
ปิดท้าย
อยากจะให้ช่วยกันใช้พลังงานสะอาดกันมากขึ้น ผมเคยคิดว่าการทำยานพาหนะไฟฟ้าคันหนึ่งก็ใช้ทรัพยากรมากมาย
ใช้พลังงานไฟฟ้าจากการทำไฟฟ้าโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติ(ประเทศไทย 60% ไฟฟ้าผลิตจากก๊าซธรรมชาติ)
แล้วจะแตกต่างกันตรงไหน อยากให้ลองคิดแค่ว่า
"ถ้าทุกคนปลดทุกข์ด้วยการปล่อยที่ไหนก็ได้ สู้หาที่ปลดทุกข์เป็นที่ทางจะดีกว่า"
[SR] รีวิว มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Etran - Kraf
เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าStart upของคนไทยครับ
ก่อนที่จะได้ลองคันนี้ผมก็ได้ลองขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายี่ห้ออื่นๆมาบ้างแล้ว
แต่เนื่องจากสเปคที่ให้กำลังสูงๆนั้น ตอนนี้รู้จักแค่2 รุ่นเท่านั้นคือ Etran Kraf และ Edison Volts S
เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของไทยเหมือนกันครับ เขาน่าจะเข้าใจคนไทยว่าชอบกำลังมอเตอร์แรงๆและวิ่งได้ระยะไกลๆเหมือนกัน
ก่อนอื่นเรามาคุยเรื่องสเปคต่างๆกันก่อนครับ
แบตเตอรี่
- ชนิดแบตเตอรี่ LiMn204
- ความจุ 40 แอมป์ต่อชั่วโมง
- แรงดันไฟฟ้า 72 โวลต์
- พิสัยการใช้งาน 180 กิโลเมตร *ที่ความเร็ว 75 กม./ชม.
- Max current 20 แอมป์
- Charge time - 2 ชั่วโมงเมื่อชาร์จกับหัวชาร์จ Type 2 / 4 ชั่วโมงเมื่อชาร์จกับระบบไฟบ้าน
- Connecter - IEC 62196 Type 2 และ ระบบไฟบ้าน
- มาตราฐานการกันน้ำและฝุ่น - IP67
มอเตอร์
- มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดกระแสตรง E1
- กำลัง 7,000 วัตถ์
- แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร
- ความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เบรคและยาง
- เบรคหน้า - ดิสก์เบรค
- เบรคหลัง - ดิสก์เบรค
- ขนาดยางหน้า - 120/70-12
- ขนาดยางหลัง - 140/70-12
คันที่ผมได้มานั้นเป็นตัวทดสอบที่มีตะแกรงหลังติดมาให้เลยครับ
ตอนไปครั้งแรกไม่มีนะครับเป็นแบบเปลือยๆไม่มีอะไร
พอได้คุยกับทีมงานว่าต้องการนำไปทดสอบส่งของ ทีมงานก็ใจดีจัดทำตะแกรงติดมาให้เลย
การชาร์จไฟ สามารถทำได้2แบบคือใช้ไฟบ้านจะเป็นที่เสียบไฟธรรมดา กับ ที่เสียบแบบType 2 (รุ่นที่ขายจริงจะอยู่ล่างเบาะ)
ชาร์จไฟบ้าน จะใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมงเต็ม ตอนชาร์จไฟจะมีพัดลมระบายความร้อน พอชาร์จเสร็จระบบไฟก็จะตัดอัตโนมัติครับ
ส่วนการชาร์จแบต Type 2 ผมยังไม่ได้ลอง แต่ตามสเปคใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ผมคิดว่าชาร์จสัก 1 ชั่วโมงให้แบตได้สัก 80% ก็พอแล้ว เพราะแบตเตอรี่ช่วงใกล้เต็มนั้นจะนาน(คิดว่าเป็นเหมือนมือถือที่ชาร์จแบตไวๆ ช่วงท้ายโปรแกรมจะจ่ายไฟให้น้อยเพราะเซฟแบตเตอรี่)
มอเตอร์เป็นแบบ 7000 วัตต์ แบบล้อหลัง ทำความเร็วได้สูงสุด110km/hในโหมดธรรมดา และ ในโหมดTurbo 130 km/h
แรงสะใจมาก ถ้าเทียบกับรถน้ำมันก็ประมาณ 150cc ได้เลย แต่ด้วยความเป็นไฟฟ้า ช่วงสปีดต้นนั้นจะมาทันทีไม่ต้องรอรอบ ยังไม่พอรถรุ่นนี้ยังมีปุ่ม Turbo อีก ตอนเร่งแซงหายห่วง อารมณ์เหมือนกดปุ่มไนตรัสเลยทีเดียว แต่ก็เปลืองแบตสุดๆเช่นเดียวกัน
ระบบเบรคดิสก์หน้าและหลัง
ปั๊มเบรคบนใช้ของ RCB ปั๊มเบรคล่างเป็นของNissin สายเบรคของHEL
มีระบบ Regenerative Braking เมื่อเบรคแล้วจะเกิดสภาวะฉุดเครื่องแปลงเป็นพลังงานแล้วนำกลับเข้าไปแบตเตอรี่ ปกติแล้วจะช่วยเซฟแบตเตอรี่ประมาณ 5% ต่อการชาร์จ ถ้าใช้ทุกวันๆ ก็ถือว่ามากมายเลยทีเดียว
ยางใช้ของ IRC NR77U เกาะถนนดีเยี่ยม
ยางคอมเปาว์ดและโครงสร้างยาง ถูกออกแบบให้มีสมรรถนะที่ความเร็วสูง
ระบบกันสะเทือน
หน้า เป็นแบบ Upside Down
หลัง เป็นแบบ โช้คเดี่ยว ระหว่างเฟรมและสวิงอาร์ม
มีความรู้สึกคือนิ่มไปหน่อย (เพราะคนเทสตัวหนักและบรรทุกของหนัก ฮา)
ไฟหน้าและไฟท้าย
ไฟหน้าเป็นแบบLEDทรงกลม มีDaylightแบบวงแหวน จะติดตลอดเวลาไม่มีสวิทช์ปิด สว่างเพียงพอต่อการใช้งาน
ไฟหลังเป็นแบบLEDทรงวงรี ติดอยู่กับบังโคลังหลังสว่างใช้ได้
สวิทช์ต่างๆ
ด้านซ้าย สวิทช์ไฟสูง-ต่ำ ,ไฟฉุกเฉิน , ไฟเลี้ยวซ้าย-ขวา , แตร , ไฟขอผ่าน
ด้านขวา ปุ่มเปิด-ปิดระบบไฟ(สีแดง) , ปุ่มTurbo ช่วยเพิ่มความเร็ว
Monitor วัดค่าต่างๆ
วัดความเร็ว , แบตเตอรี่(88v เต็ม, 72 หมด) , ระยะทาง
เนื่องจากเป็นรถต้นแบบบางฟังก์ชันก็ใช่งานไม่ได้ครับเช่นวัดอุณหภูมิ,ขีดก้อนแบตเตอรี่
แต่ตัวขายจริงจะเป็นจอสีTFT มีระบบ IOT มาให้ด้วยครับ
เล่าหลังจากใช้งาน
ในทุกๆวันของผมจะต้องเดินทางวันละไม่น้อยกว่า 110 กิโล และต้องแบกของหนักมาก
นี่จึงเป็น2โจทย์ใหญ่ที่ทำให้ผมตัดสินใจจะซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจึงได้ขอทางEtranทดสอบรถ
โจทย์ที่1คือ ระยะทางไม่น้อยกว่า 110 กิโล ผลที่ทดสอบปรากฏว่าพอลงถนนจริง
จะวิ่งได้ระยะประมาณ 100 กิโล เพราะว่าตอนทดสอบเขาทดสอบด้วยความเร็วคงที่บนเครื่องไดโนเทส
ด้วยความเร็ว 75km/h ซึ่งใช้งานจริงนั้นแตกต่างเพราะปัจจัยต่างๆมีผลทำให้ได้ระยะน้อยลงเยอะมาก
ยิ่งใช้ในเมืองแล้วด้วย การหยุด เร่ง เบรค บ่อยๆ ทำให้เปลืองไฟมาก เหมือนกับรถน้ำมัน ก็เปลืองน้ำมันมาก
โจทย์ที่2คือ แบกของหนัก ตัวผมหนัก 98 กิโล + แบกของหนัก 30 กิโล
ด้วยมอเตอร์กำลัง 7000 วัตต์ ทำให้โจทย์ข้อนี้ผ่านอย่างไม่มีข้อสงสัยเลย
แต่ก็มีผลทำให้ระยะทางน้อยลง ด้วยความที่เป็นรถไฟฟ้าทำให้ขับสนุกมากไม่รู้จะอธิบายภาพยังไง
เหมือนกับเราขับรถ150cc เร่งแรงๆแต่ไม่มีเสียง แต่อันนี้รอบมันมาไวมาก อยากให้ไปลองกันดูครับ
ข้อสังเกต
- ใช้งานไม่เกินวันละ 100 กิโล ถ้าใช้งานเกินจากนี้ อาจจะกลายเป็นมนุษย์ปลั๊กไฟและคอยมองระดับแบตเตอรี่ตลอดเวลาไปเลย(เพราะผมเป็นมาแล้วพกปลั๊ก3ตาติดตัวกันเลยทีเดียว)
- ขนาดรถทำให้คนตัวใหญ่2คนนั่งซ้อนกันลำบาก ลองนึกภาพ msx , ksr ซ้อนสอง
- ความเงียบ (ไม่มีเสียงเลย) อาจทำให้เกิดปัญหากับบุคคลอื่นเช่น คนเดินในซอย ในหมู่บ้าน เด็กเล็ก ในต่างประเทศถึงกับประกาศให้รถไฟฟ้าทำเสียงสังเคราะห์เพิ่มเติมในความเร็วต่ำๆ เช่นถ้าไม่เกิน 20 km/h จะมีเสียง ถ้าเกินจากนี้ก็จะไม่มี
ปิดท้าย
อยากจะให้ช่วยกันใช้พลังงานสะอาดกันมากขึ้น ผมเคยคิดว่าการทำยานพาหนะไฟฟ้าคันหนึ่งก็ใช้ทรัพยากรมากมาย
ใช้พลังงานไฟฟ้าจากการทำไฟฟ้าโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติ(ประเทศไทย 60% ไฟฟ้าผลิตจากก๊าซธรรมชาติ)
แล้วจะแตกต่างกันตรงไหน อยากให้ลองคิดแค่ว่า
"ถ้าทุกคนปลดทุกข์ด้วยการปล่อยที่ไหนก็ได้ สู้หาที่ปลดทุกข์เป็นที่ทางจะดีกว่า"
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้