Zenbook Duo นั้นถือว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาเปิดตัวมาพร้อมกันกับตัว Pro แต่ออกมาเพื่อราคาจับต้องได้ง่ายขึ้น สเปคลดลง และพกพาได้ดีกว่าเดิมเหมาะสำหรับคนเริ่มต้นที่ไม่ได้เน้นสเปคโหดอะไรมากแต่หาเครื่องที่ใช้งานทั่วไป แต่ทำงานได้หลากหลายครอบคลุมพร้อมกับได้สัมผัสหน้าจอที่ 2 แบบเดียวกับรุ่น Zenbook Pro Duo นั้นเองครับเอาจริงๆแล้วยังแอบชอบความเล็ก พกพาง่ายของรุ่นนี้มากกว่าตัว Pro ด้วยซ้ำไป สเปคใช้งานได้สบายๆ ตัดต่อแต่งภาพพื้นฐาน และ หน้าจออะไรก็ทำได้ดีเลยแหละ รองรับปากกาอะไรเหมือนกันด้วย รวมถึงงานประกอบที่ดีเช่นกัน
ASUS ZENBOOK DUO เปิดตัวมาด้วยสเปคใช้งาน i5-10210U พร้อมด้วย NVIDIA® MX250 และใช้งาน RAM 16GB DDR3L และ 512GB PCIe G3X4 SSD หน้าจอหลักนั้นใช้งานหน้าจอ 14 นิ้วในความละเอียด FHD พร้อมกับ 60Hz เป็นหน้าจอแบบด้าน Anti-Glare Panel พร้อมกับ 72% NTSC รองรับมุมมองกว้าง 178° และในส่วนของ หน้าจอที่ 2 นั้น 14” เป็นแบบจอด้าน รองรับปากกา และระบบสัมผัส ส่วนทางด้านลำโพงนั้นใช้งาน Harman/Kardon เช่นเดิม พร้อมกับ smart amplifier และ ทางด้านกล้องนั้นมาพร้อมกับ IR สำหรับการสแกนใบหน้าแทนสแกนนิ้ว มาพร้อมกับ Touchpad มาให้ครับผม และที่สำคัญให้ ปากกา Stylus มาให้ในกล่องส่วนทางด้านการออกแบบฟีเจอร์ในภาพรวมนั้นไม่ได้แตกต่างกับตัว Pro มากนัก รวมถึงการรองรับ MIL-STD810G พวกนี้ด้วยเรียกได้ว่าคุณภาพมาครบในขนาดที่เล็กลงและการพกพาที่ดีขึ้น แต่ก็สเปคลดลงไปด้วย
- Windows 10/I5-10210U/LPDDR3 16GB/512GB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 34,990 บาท รุ่นที่รีวิว**
- Windows 10/I7-10510U/LPDDR3 16GB/1TB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 39,990 บาท
- Windows 10 Pro/I5-10210U/LPDDR3 16GB/512GB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 39,990 บาท
- Windows 10 Pro/I7-10510U/LPDDR3 16GB/1TB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 44,990 บาท
UNBOX
ตัวกล่องนั้นจะแตกต่างกับรุ่น Pro และ ของที่ให้น้อยกว่าเล็กน้อยครับซึ่งข้างในจะไม่มีกล่องแยก สำหรับอุปกรณ์นั้นมีมาให้ครบๆเลยทั้งตัวปากกา แต่จะไม่มีที่รองมือมาให้แบบรุ่น Pro ครับ ส่วนของการออกแบบกล่องยังไม่ต่างกันมาก
- ตัวเครื่อง Asus Zenbook Duo
- ปากกา ASUS Pen
- สายชาร์จไฟ พร้อม Adaptor 230W
- ซองหนังสำหรับใส่ คอมพิวเตอร์
- คู่มือ
DESIGN
ในด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่สวยงามและมีความเหลี่ยมมากขึ้นการออกแบบดึงแนวคิดจากตัว Zephyrus สายเกมมา แต่เปลี่ยนมาใช้ตรงพื้นที่วางการ์ดจอด้านบนนั้นเป็นหน้าจอแทนรวมถึงการยกตัวเครื่องนั้นยังมีมาครบๆรวมถึงการใช้วัสดุที่แน่นหนาแข็งแรง แต่ด้วยขนาดที่เล็กกว่ารุ่น Pro เลยทำให้มันพกพาอะไรได้ง่ายขึ้น และบางเบาขึ้นครับ รวมถึงในรุ่นนี้ยังคงได้รับการทดสอบ กันกระแทก MIL STD810G ครับเรื่องความแข็งแรงนั้นไว้ใจได้สบายในตัวนี้ และด้วยขนาดเล็กลงทำให้มันเหมาะกว่าการใช้งานทั่วไปพกพาได้ดีกว่ารุ่น Pro
ในส่วนของฝาหลังนั้นจะเห็นว่าเป็นสีใหม่ที่จะออกฟ้าๆน้ำเงิน พร้อมกับการย้ายโลโก้ Asus จากตรงกลางไปไว้ทางริมขวา ส่วนในเรื่องของลวดลายฝาหลังนั้นจะคงเป็นเหมือนรุ่นก่อนๆเป็นลายวงสวยงามพร้อมกับออกผิวด้านๆกึ่งเงาเล็กน้อยทำให้เล่นกับแสงสะท้อนได้ดี แต่ก็อาจจะมีรอยนิ้วมือได้ง่ายพอสมควร ฝาหลังนั้นเป็นวัสดุอลูมิเนียมทั้งชิ้นแบบตัดขอบสวยงาม และเมื่อเปิดขึ้นก็จะยกตัวเครื่องขึ้นไปด้วย ส่วนด้านในนั้นเราจะเห็นการวางคีย์บอร์ด Layout แบบใหม่ที่จะคล้ายกับตัว ROG Zephyrus นั้นเองแต่ก็แทนที่พื้นที่ว่างข้างบนด้วยหน้าจอ และ ย้ายคีย์บอร์ดมาล่างสุด แถมตัวที่รองมือมาให้ด้วยทำให้พิมพ์งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนหน้าจอทำได้ค่อนข้างบางและสวยงามทั้งด้านบนและจอที่ 2 แต่จอด้านล่างนั้นจะเป็นจอด้านและใช้สัมผัสดีไซน์รวมๆนั้นจะไม่ต่างกับตัว Pro มากครับ
ในด้านหลังของเครื่องนั้นจะเห็นเลยว่าเป็นช่องระบายอากาศด้านหลังอาจจะไม่ได้เยอะมากเท่าไร แต่จะเน้นไปที่ช่องข้างหลังที่จะยกขึ้นมาครับ และ ยางรองนั้นจะเป็นแถบยาวทั้งเครื่องแนวหน้า และ แนวหลัง เป็นแค่ 2 เส้นหลักๆ และเมื่อใช้งานจริงๆนั้นจะยกเครื่องขึ้นมา พอสมควรเลยซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดช่วยเรื่องระบายอากาศที่ดีขึ้นกว่าเดิมของเครื่อง
ในส่วนของช่องระบายต่างๆนั้นจะมีในส่วนของฐานและด้านขอบหน้าจอ ซึ่งจุดแตกต่างกันหลักๆคือจะไม่มีช่องระบายด้านข้างแบบรุ่น Pro ครับเพราะด้วยความแรงและความร้อนนั้นไม่ได้สูงแบบรุ่นพี่เลยไม่ได้จำเป็นต้องใช้ช่องระบายและทำให้กินพื้นที่ขอบข้างเครื่องเท่าไร และจากที่ให้ช่องระบายมานั้นถือว่าเพียงพอพอสมควรเลย และมีช่องใหญ่พอสมควรครับ และจากที่ใช้งานนั้นก็จัดการได้ดีเพราะการ์ดจอ MX250 นั้นก็ไม่ได้ร้อนและกินพลังงานเท่าไรด้วยครับ
ขอบหน้าจอในภาพรวมนั้นข้างซ้ายขวานั้นทำได้บางมากๆแต่ขอบด้านบนนั้นไม่ได้บางเพราะต้องมีส่วนของสแกนหน้า IR เข้ามาครับและยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่ไม่ได้ตัดไปไหนครับส่วนของหน้าจอเป็นจอแบบด้านซึ่งแตกต่างกับรุ่น Pro ครับและแน่นอนว่าจอด้านใช้งานข้างนอกได้ดีกว่าเหมาะแก่การพกพา ส่วนหน้าจอล่างเป็นแบบต่างก็ไม่ได้แตกต่างกันมากในส่วนของตัวคุณภาพสีครับแต่ความสวยอาจจะดรอปลงไปนิดหน่อยส่วนการสัมผัสนั้นได้แค่จอล่างครับ
วัสดุการออกแบบต่างๆนั้นยังคงทำได้ดีไม่ต่างกับรุ่น Pro ครับเพราะว่าในงานประกอบการออกแบบอะไรนั้นยังคงคุณภาพได้ดีตัดขอบงานได้สวยคม และเป็นวัสดุเดียวกันทั้งหมดขึ้นรูปแข็งแรงและการยกตัวเครื่องสูงและมีช่องระบายค่อนข้างเยอะ และจะเห็นว่าด้านหลังจะมีช่องและด้านล่างเครื่องก็จะดูดอากาศระบายอากาศช่วยด้วย ส่วนด้านแป้นพิมพ์นั้นจะเห็นว่าวางไว้ข้างล่างสุดเลยเพราะว่าเป็นการออกแบบที่จะใส่หน้าจอเข้ามาเลยทำให้พื้นที่มันจำกัดครับ และการออกแบบแบบนี้เลยทำให้ไม่มีที่วางมือในการใช้งานเลยแอบลำบากนิดนึงเวลาพิมพ์งานนานๆไม่มีที่วางมือ
SPEC
- Intel® Core™ i5 10210U Processor, 1.6 GHz (6 M Cache, up to 4.2 GHz)
- Windows 10 Home
- หน่วยความจำ 16 GB LPDDR3 2133MHz SDRAM Onboard memory
- การแสดงผล 14.0″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 60Hz Anti-Glare Panel with 72% NTSC with wide 178° viewing angles With ASUS Splendid With IPS Technology
- กราฟฟิก NVIDIA® GeForce® MX250 , with 2GB GDDR5X VRAM
- สตอเรจ Solid state drive: 512GB PCIe® Gen3 x2 SSD M.2
- คีย์บอร์ด Illuminated chiclet keyboard
- ช่องอ่าน การ์ด Multi-format card reader
- WebCam HDWebcam IR camera
- เน็ตเวิร์คกิ้ง Wi-Fi Integrated Wi-Fi 6 (802.11 ax (2×2))
- Bluetooth Bluetooth® 5.0
- อินเตอร์เฟส
1 x Type-A USB 3.1 (Gen 2)
1 x Type-A USB 3.1 (Gen 1)
1 x Type-C USB 3.1 (Gen 2)
1 x HDMI
1 x micro SD card
- ออดิโอ Support Alexa Smart AMP Supports Windows 10 Cortana with Voice
ASUS SonicMaster Technology Harman Kardon
- แบตเตอรี่ 4 -Cell 70 Wh Polymer Battery
- พาวเวอร์ อะแด๊ปเตอร์ Plug type :ø4.5 (mm) Output : 19 V DC, 4.74 A, 90 W
Input : 100 -240 V AC, 50/60 Hz universal
- ขนาด NB: 32.3 x 22.3 x 1.95 ~1.95 cm (WxDxH)
- น้ำหนัก NB:1.5 kg with battery
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องนี้มาพร้อมกับ intel i5 10210U รุ่นล่าสุด 1.60 GHz ถึง 4.20 GHz 4 คอร์ 8 เทรด Comet Lake 14 นาโนเมตร ทำงานร่วมกันกับ Intel UHD Graphics 620 และ NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ถือว่าสเปคที่ใช้งานนั้นจัดว่าดีเน้นทำงานทั่วไปสบายๆหรือทำงานจริงจังได้ระดับนึงส่วน RAM นั้นให้มาเต็มที่ 16GB DDR3L 2133MHz เพียงพอใช้งานเลยไม่ต้องใส่เพิ่ม และให้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ส่วนในการใช้งานทดสอบจริงๆนั้นถือว่า รองรับการทำงานเล่นเกม ระดับเริ่มต้นได้ดี และ ครอบคลุมการใช้งานทั่วไปเหลือเฟือรวมถึงการตัดต่ออะไรทั้งหลายด้วย พร้อมกับWindows 10 HomeSingle Language
PC MARK นั้นทำคะแนนไปได้ 3,830 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้ง CPU-GPU ที่รองรับกันอย่างดีและระบายความร้อนได้ดีด้วย จากการทดสอบเสร็จแล้วนั้น ความร้อนตัวเครื่องวัดได้ที่ CPU 80 GPU 69 องศาครับผม
3D MARK นั้นทำคะแนนการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว Fire Strike ทำคะแนนได้ 2767 และในส่วนของ Timespy ที่โฆดขึ้นมาหน่อยจะทำได้ 1010 และ พวกเริ่มต้นทั่วไปเช่น Sky Driver ทำไปได้ 9093 คะแนน และ Night Raid นั้นทำได้10761 ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับกลางๆได้ในแง่ของการประมวลผลแบบ3มิติครับ รองรับได้ระดับเริ่มต้นไปกลางๆอาจจะไม่ได้โหดเท่าไรเพราะการ์ดจอมีแค่ MX250 ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 3 แบบและวัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 90 และ GPU 79 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม จริงๆความร้อนของตัว CPU แอบสูงไปนิดนึงถ้าใช้งานปกติครับแต่ถ้าเปิดพัดลมแรงและเล่นในห้องแอร์จะช่วยได้มากขึ้น
[SR] รีวิว Asus Zenbook Duo เทพ 2 จอ i5+MX250 ในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น !
Zenbook Duo นั้นถือว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาเปิดตัวมาพร้อมกันกับตัว Pro แต่ออกมาเพื่อราคาจับต้องได้ง่ายขึ้น สเปคลดลง และพกพาได้ดีกว่าเดิมเหมาะสำหรับคนเริ่มต้นที่ไม่ได้เน้นสเปคโหดอะไรมากแต่หาเครื่องที่ใช้งานทั่วไป แต่ทำงานได้หลากหลายครอบคลุมพร้อมกับได้สัมผัสหน้าจอที่ 2 แบบเดียวกับรุ่น Zenbook Pro Duo นั้นเองครับเอาจริงๆแล้วยังแอบชอบความเล็ก พกพาง่ายของรุ่นนี้มากกว่าตัว Pro ด้วยซ้ำไป สเปคใช้งานได้สบายๆ ตัดต่อแต่งภาพพื้นฐาน และ หน้าจออะไรก็ทำได้ดีเลยแหละ รองรับปากกาอะไรเหมือนกันด้วย รวมถึงงานประกอบที่ดีเช่นกัน
ASUS ZENBOOK DUO เปิดตัวมาด้วยสเปคใช้งาน i5-10210U พร้อมด้วย NVIDIA® MX250 และใช้งาน RAM 16GB DDR3L และ 512GB PCIe G3X4 SSD หน้าจอหลักนั้นใช้งานหน้าจอ 14 นิ้วในความละเอียด FHD พร้อมกับ 60Hz เป็นหน้าจอแบบด้าน Anti-Glare Panel พร้อมกับ 72% NTSC รองรับมุมมองกว้าง 178° และในส่วนของ หน้าจอที่ 2 นั้น 14” เป็นแบบจอด้าน รองรับปากกา และระบบสัมผัส ส่วนทางด้านลำโพงนั้นใช้งาน Harman/Kardon เช่นเดิม พร้อมกับ smart amplifier และ ทางด้านกล้องนั้นมาพร้อมกับ IR สำหรับการสแกนใบหน้าแทนสแกนนิ้ว มาพร้อมกับ Touchpad มาให้ครับผม และที่สำคัญให้ ปากกา Stylus มาให้ในกล่องส่วนทางด้านการออกแบบฟีเจอร์ในภาพรวมนั้นไม่ได้แตกต่างกับตัว Pro มากนัก รวมถึงการรองรับ MIL-STD810G พวกนี้ด้วยเรียกได้ว่าคุณภาพมาครบในขนาดที่เล็กลงและการพกพาที่ดีขึ้น แต่ก็สเปคลดลงไปด้วย
- Windows 10/I5-10210U/LPDDR3 16GB/512GB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 34,990 บาท รุ่นที่รีวิว**
- Windows 10/I7-10510U/LPDDR3 16GB/1TB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 39,990 บาท
- Windows 10 Pro/I5-10210U/LPDDR3 16GB/512GB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 39,990 บาท
- Windows 10 Pro/I7-10510U/LPDDR3 16GB/1TB PCIe G3X4 SSD/MX250/IR Camera/Dual Screen/14″ FHD ราคา 44,990 บาท
UNBOX
ตัวกล่องนั้นจะแตกต่างกับรุ่น Pro และ ของที่ให้น้อยกว่าเล็กน้อยครับซึ่งข้างในจะไม่มีกล่องแยก สำหรับอุปกรณ์นั้นมีมาให้ครบๆเลยทั้งตัวปากกา แต่จะไม่มีที่รองมือมาให้แบบรุ่น Pro ครับ ส่วนของการออกแบบกล่องยังไม่ต่างกันมาก
- ตัวเครื่อง Asus Zenbook Duo
- ปากกา ASUS Pen
- สายชาร์จไฟ พร้อม Adaptor 230W
- ซองหนังสำหรับใส่ คอมพิวเตอร์
- คู่มือ
DESIGN
ในด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่สวยงามและมีความเหลี่ยมมากขึ้นการออกแบบดึงแนวคิดจากตัว Zephyrus สายเกมมา แต่เปลี่ยนมาใช้ตรงพื้นที่วางการ์ดจอด้านบนนั้นเป็นหน้าจอแทนรวมถึงการยกตัวเครื่องนั้นยังมีมาครบๆรวมถึงการใช้วัสดุที่แน่นหนาแข็งแรง แต่ด้วยขนาดที่เล็กกว่ารุ่น Pro เลยทำให้มันพกพาอะไรได้ง่ายขึ้น และบางเบาขึ้นครับ รวมถึงในรุ่นนี้ยังคงได้รับการทดสอบ กันกระแทก MIL STD810G ครับเรื่องความแข็งแรงนั้นไว้ใจได้สบายในตัวนี้ และด้วยขนาดเล็กลงทำให้มันเหมาะกว่าการใช้งานทั่วไปพกพาได้ดีกว่ารุ่น Pro
ในส่วนของฝาหลังนั้นจะเห็นว่าเป็นสีใหม่ที่จะออกฟ้าๆน้ำเงิน พร้อมกับการย้ายโลโก้ Asus จากตรงกลางไปไว้ทางริมขวา ส่วนในเรื่องของลวดลายฝาหลังนั้นจะคงเป็นเหมือนรุ่นก่อนๆเป็นลายวงสวยงามพร้อมกับออกผิวด้านๆกึ่งเงาเล็กน้อยทำให้เล่นกับแสงสะท้อนได้ดี แต่ก็อาจจะมีรอยนิ้วมือได้ง่ายพอสมควร ฝาหลังนั้นเป็นวัสดุอลูมิเนียมทั้งชิ้นแบบตัดขอบสวยงาม และเมื่อเปิดขึ้นก็จะยกตัวเครื่องขึ้นไปด้วย ส่วนด้านในนั้นเราจะเห็นการวางคีย์บอร์ด Layout แบบใหม่ที่จะคล้ายกับตัว ROG Zephyrus นั้นเองแต่ก็แทนที่พื้นที่ว่างข้างบนด้วยหน้าจอ และ ย้ายคีย์บอร์ดมาล่างสุด แถมตัวที่รองมือมาให้ด้วยทำให้พิมพ์งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนหน้าจอทำได้ค่อนข้างบางและสวยงามทั้งด้านบนและจอที่ 2 แต่จอด้านล่างนั้นจะเป็นจอด้านและใช้สัมผัสดีไซน์รวมๆนั้นจะไม่ต่างกับตัว Pro มากครับ
ในด้านหลังของเครื่องนั้นจะเห็นเลยว่าเป็นช่องระบายอากาศด้านหลังอาจจะไม่ได้เยอะมากเท่าไร แต่จะเน้นไปที่ช่องข้างหลังที่จะยกขึ้นมาครับ และ ยางรองนั้นจะเป็นแถบยาวทั้งเครื่องแนวหน้า และ แนวหลัง เป็นแค่ 2 เส้นหลักๆ และเมื่อใช้งานจริงๆนั้นจะยกเครื่องขึ้นมา พอสมควรเลยซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดช่วยเรื่องระบายอากาศที่ดีขึ้นกว่าเดิมของเครื่อง
ในส่วนของช่องระบายต่างๆนั้นจะมีในส่วนของฐานและด้านขอบหน้าจอ ซึ่งจุดแตกต่างกันหลักๆคือจะไม่มีช่องระบายด้านข้างแบบรุ่น Pro ครับเพราะด้วยความแรงและความร้อนนั้นไม่ได้สูงแบบรุ่นพี่เลยไม่ได้จำเป็นต้องใช้ช่องระบายและทำให้กินพื้นที่ขอบข้างเครื่องเท่าไร และจากที่ให้ช่องระบายมานั้นถือว่าเพียงพอพอสมควรเลย และมีช่องใหญ่พอสมควรครับ และจากที่ใช้งานนั้นก็จัดการได้ดีเพราะการ์ดจอ MX250 นั้นก็ไม่ได้ร้อนและกินพลังงานเท่าไรด้วยครับ
ขอบหน้าจอในภาพรวมนั้นข้างซ้ายขวานั้นทำได้บางมากๆแต่ขอบด้านบนนั้นไม่ได้บางเพราะต้องมีส่วนของสแกนหน้า IR เข้ามาครับและยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่ไม่ได้ตัดไปไหนครับส่วนของหน้าจอเป็นจอแบบด้านซึ่งแตกต่างกับรุ่น Pro ครับและแน่นอนว่าจอด้านใช้งานข้างนอกได้ดีกว่าเหมาะแก่การพกพา ส่วนหน้าจอล่างเป็นแบบต่างก็ไม่ได้แตกต่างกันมากในส่วนของตัวคุณภาพสีครับแต่ความสวยอาจจะดรอปลงไปนิดหน่อยส่วนการสัมผัสนั้นได้แค่จอล่างครับ
วัสดุการออกแบบต่างๆนั้นยังคงทำได้ดีไม่ต่างกับรุ่น Pro ครับเพราะว่าในงานประกอบการออกแบบอะไรนั้นยังคงคุณภาพได้ดีตัดขอบงานได้สวยคม และเป็นวัสดุเดียวกันทั้งหมดขึ้นรูปแข็งแรงและการยกตัวเครื่องสูงและมีช่องระบายค่อนข้างเยอะ และจะเห็นว่าด้านหลังจะมีช่องและด้านล่างเครื่องก็จะดูดอากาศระบายอากาศช่วยด้วย ส่วนด้านแป้นพิมพ์นั้นจะเห็นว่าวางไว้ข้างล่างสุดเลยเพราะว่าเป็นการออกแบบที่จะใส่หน้าจอเข้ามาเลยทำให้พื้นที่มันจำกัดครับ และการออกแบบแบบนี้เลยทำให้ไม่มีที่วางมือในการใช้งานเลยแอบลำบากนิดนึงเวลาพิมพ์งานนานๆไม่มีที่วางมือ
SPEC
- Intel® Core™ i5 10210U Processor, 1.6 GHz (6 M Cache, up to 4.2 GHz)
- Windows 10 Home
- หน่วยความจำ 16 GB LPDDR3 2133MHz SDRAM Onboard memory
- การแสดงผล 14.0″ (16:9) LED-backlit FHD (1920×1080) 60Hz Anti-Glare Panel with 72% NTSC with wide 178° viewing angles With ASUS Splendid With IPS Technology
- กราฟฟิก NVIDIA® GeForce® MX250 , with 2GB GDDR5X VRAM
- สตอเรจ Solid state drive: 512GB PCIe® Gen3 x2 SSD M.2
- คีย์บอร์ด Illuminated chiclet keyboard
- ช่องอ่าน การ์ด Multi-format card reader
- WebCam HDWebcam IR camera
- เน็ตเวิร์คกิ้ง Wi-Fi Integrated Wi-Fi 6 (802.11 ax (2×2))
- Bluetooth Bluetooth® 5.0
- อินเตอร์เฟส
1 x Type-A USB 3.1 (Gen 2)
1 x Type-A USB 3.1 (Gen 1)
1 x Type-C USB 3.1 (Gen 2)
1 x HDMI
1 x micro SD card
- ออดิโอ Support Alexa Smart AMP Supports Windows 10 Cortana with Voice
ASUS SonicMaster Technology Harman Kardon
- แบตเตอรี่ 4 -Cell 70 Wh Polymer Battery
- พาวเวอร์ อะแด๊ปเตอร์ Plug type :ø4.5 (mm) Output : 19 V DC, 4.74 A, 90 W
Input : 100 -240 V AC, 50/60 Hz universal
- ขนาด NB: 32.3 x 22.3 x 1.95 ~1.95 cm (WxDxH)
- น้ำหนัก NB:1.5 kg with battery
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องนี้มาพร้อมกับ intel i5 10210U รุ่นล่าสุด 1.60 GHz ถึง 4.20 GHz 4 คอร์ 8 เทรด Comet Lake 14 นาโนเมตร ทำงานร่วมกันกับ Intel UHD Graphics 620 และ NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ถือว่าสเปคที่ใช้งานนั้นจัดว่าดีเน้นทำงานทั่วไปสบายๆหรือทำงานจริงจังได้ระดับนึงส่วน RAM นั้นให้มาเต็มที่ 16GB DDR3L 2133MHz เพียงพอใช้งานเลยไม่ต้องใส่เพิ่ม และให้ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ส่วนในการใช้งานทดสอบจริงๆนั้นถือว่า รองรับการทำงานเล่นเกม ระดับเริ่มต้นได้ดี และ ครอบคลุมการใช้งานทั่วไปเหลือเฟือรวมถึงการตัดต่ออะไรทั้งหลายด้วย พร้อมกับWindows 10 HomeSingle Language
PC MARK นั้นทำคะแนนไปได้ 3,830 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้ง CPU-GPU ที่รองรับกันอย่างดีและระบายความร้อนได้ดีด้วย จากการทดสอบเสร็จแล้วนั้น ความร้อนตัวเครื่องวัดได้ที่ CPU 80 GPU 69 องศาครับผม
3D MARK นั้นทำคะแนนการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว Fire Strike ทำคะแนนได้ 2767 และในส่วนของ Timespy ที่โฆดขึ้นมาหน่อยจะทำได้ 1010 และ พวกเริ่มต้นทั่วไปเช่น Sky Driver ทำไปได้ 9093 คะแนน และ Night Raid นั้นทำได้10761 ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับกลางๆได้ในแง่ของการประมวลผลแบบ3มิติครับ รองรับได้ระดับเริ่มต้นไปกลางๆอาจจะไม่ได้โหดเท่าไรเพราะการ์ดจอมีแค่ MX250 ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 3 แบบและวัดความร้อนนั้นประมาณ CPU 90 และ GPU 79 ไม่มีแอร์ และ ไม่มีพัดลมเปิดช่วยครับผม จริงๆความร้อนของตัว CPU แอบสูงไปนิดนึงถ้าใช้งานปกติครับแต่ถ้าเปิดพัดลมแรงและเล่นในห้องแอร์จะช่วยได้มากขึ้น
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้