**5 หนังอัจฉริยะของ 'ไรอัน จอห์นสัน' ผู้กำกับวิสัยทัศน์ล้ำเเห่งยุค


.
หลังความสำเร็จกับ Looper หนังไซไฟไอเดียล้ำที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลามทั้งจากผู้ชมเเละกลุ่มนักวิจารณ์ ตลอดจนเก็บรายได้ทั่วโลกกว่า 176 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้างเพียง 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ชื่อของ 'ไรอัน จอห์นสัน' กลายเป็นผู้กำกับที่เนื้อหอมมากที่สุดคนหนึ่งเเห่งยุค เเละปัจจุบันเขาก็มีผลงานอย่าง Knives Out หนังที่กำลังสร้างกระเเสปากต่อปากเเละถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหนังดีที่สุดของปีนี้
.

.
ช่วงวัยเด็กของ ‘ไรอัน จอห์นสัน’ มักใช้เวลาในช่วงวันหยุดนั่งดูหนังร่วมกับพ่อ ทำให้เขาเกิดการซึบซับเเละสนใจศิลปะทางภาพยนตร์ตั้งเเต่ยังเด็ก โดย The Treasure of the Sierra Madre หนังคลาสสิกเเนวเเอคชั่น-ผจญภัย ที่เเฝงการชำเเหละจิตใจมนุษย์ได้อย่างถึงเเก่น เป็นหนึ่งในหนังที่พ่อเเละตัวเขาเองชื่นชอบอย่างมาก จึงไม่เเปลกที่หนังหลายเรื่องของเขาจะหยิบเเรงบันดาลใจบางส่วนมาจากหนังเรื่องนี้
.
หลังจบการศึกษาสายภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย เเละเริ่มเดินทางเข้าสู่สายงานผู้กำกับ เขาเคยให้กับสัมภาษณ์กับ 'โรเบิร์ต เค. เอลเดอร์’ ประธานสำนักข่าวชื่อดังในอเมริกา ต่อหนังที่สร้างเเนวคิดในการทำหนังของเขาไว้ว่า
 “Annie Hall เป็นหนังที่ทำลายกฎเกณฑ์ในการเล่าเรื่อง มันทำให้ผมทึ่งมากๆ มีไม่กี่เรื่องที่จะทำเเบบนั้นได้ ผมภาวนากับพระเจ้าว่าหากมีโอกาสได้สร้างหนังสักเรื่อง ผมอยากทำหนังรูปเเบบดังกล่าว ที่ยังคงไว้ซึ่งความสดใหม่ เเม้จะเป็นการดูในอีก 20 ปีก็ตาม” 
ซึ่งวิสัยทัศน์ดังกล่าวก็ดูสอดคล้องกับผลงานของเขาที่นอกจากเต็มอิ่มกับความบันเทิงตามประเภทของหนัง ก็ยังอัดเเน่นด้วยไอเดียสุดสร้างสรรค์เเละฉีกไปจากขนบเดิมๆ
.
.
.
.

.
Brick ผลงานเปิดตัวในปี 2005 ที่ใช้ทุนสร้างราว 5 เเสนเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวบทถูกเขียนตั้งเเต่ช่วงที่เขาเรียนอยู่มหาลัย เนื้อหาจึงเป็นการมองผ่านสายตาของหนุ่มวัย 20 ต้นๆที่ตระหนักถึงปัญหาในหมู่วัยรุ่นที่เริ่มก่อตัวตั้งเเต่ช่วงไฮสคูลทั้งเรื่องเซ็กส์ ความรุนเเรง เเละยาเสพติด ประกอบกับความชื่นชอบต่อนิยายสืบสวนของ 'ดาชีล แฮมเม็ตต์’ ทำให้เขาจึงเกิดไอเดียในการหยิบปัญหาสังคมมาเล่าผ่านรูปโฉมของหนังสืบสวนนีโอนัวร์ โดยโฟกัสไปยังชายหนุ่มที่พยายามไขปริศนาการหายตัวไปของเเฟนสาว
.
.
.
.

.
อีก 5 ปีถัดมาได้เกิดผลงานลำดับที่ 2 อย่าง The Brothers Bloom ซึ่งหนังนำทัพโดยซูปเปอร์สตาร์มากฝีมือทั้ง มาร์ก รัฟฟาโล, เอเดรียน โบรดี เเละ เรเชล ไวสซ์ ตัวหนังเป็นเเนวต้มตุ๋น (Con Artist) ที่เขาได้เเรงบันดาลใจจากหนังคลาสสิกเรื่องโปรดอย่าง The Sting จึงไม่เเปลกที่ตัวบทจะเต็มไปด้วยเสน่ห์เเละชั้นเชิงในการปั่นหัวคนดู ล่อหลอกระหว่างความจริงเเละความลวงที่ไม่อาจไล่ตามได้ทัน โดยพล็อตพูดถึงสองพี่น้องนักต้มตุ๋น ที่คนพี่คอยวางเเผน คนน้องเป็นนักเเสดง เเละมีตัวประกอบอีกคนที่คอยสับเปลี่ยนมาร่วมเป็นนักเเสดง ทั้งสองวางเเผนหลอกเอาเงินจากคนรวยทั่วยุโรป กระทั่งไปเจอเหยื่อสาวคนหนึ่งที่ฉลาดเเละเก่งกาจรอบด้าน เเละยังดูเหมือนว่าเธอจะรู้เท่าทันเกมของพวกเขา
.
.
.
.

.
ก่อนปี 2012 จะเป็นการเเจ้งเกิดเต็มของ ‘ไรอัน จอห์นสัน’ กับ Looper หนังไซไฟไอเดียล้ำที่เขาใช้เวลาพัฒนาบทนานกว่า 10 ปี โดยยึดเเนวคิดจากงานของ 'ฟิลิป เค. ดิก’ สุดยอดนักเขียนนิยายไซไฟที่เป็นต้นกำเนิดของ Blade Runner เเละ Total Recall ซึ่งหนังได้นักเเสดงหนุ่ม ‘โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์’ ที่เคยร่วมงานในเรื่อง Brick มาสวมบทเป็นชายผู้ทำอาชีพลูปเปอร์ หรือมือสังหารคนที่มาจากโลกอนาคต โดยกฎเหล็กของคนที่จะเลิกทำอาชีพนี้คือต้องฆ่าตัวเองที่มาจากโลกอนาคตเพื่อทำการปิดลูป ซึ่งเหตุการณ์ในเรื่องก็เกิดความโกลาหลเมื่อเขาปล่อยให้ตัวเองที่มาจากโลกอนาคตหนีรอดไปได้
.
.
.
.

.
หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก Looper ทำให้ ‘ไรอัน จอห์นสัน’ ถูกบริษัทลูคัสฟิล์มดึงไปสานต่อหนังแฟรนไชส์สตาร์วอร์สที่มีมูลค่า media franchises สูงสุดในโลกราว 68 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดย Star Wars: The Last Jedi เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากภาค The Force Awakens หลังเรย์ได้ไปพบกับลุค สกายวอร์คเกอร์ เเละขอให้ช่วยฝึกวิชาเจไดเพื่อกลับไปต่อกรกับกลุ่มปฐมภาคี ซึ่งในภาคนี้นอกจากไรอัน จอห์นสัน จะสามารถดึงเสน่ห์ดั้งเดิมของหนังสตาร์วอร์สออกมาได้เต็มที่ กับฉากเเอคชั่นระเบิดยาน ฉากยิงไล่ล่า หรือจะเป็นการดวลดาบไลเซเบอร์ที่ทำออกมาได้อย่างงดงาม เขายังเพิ่มความสดใหม่ด้วยอารมณ์ขันอย่างมีเอกลักษณ์ ขณะที่ตัวบทก็เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่ยากต่อการคาดเดา ที่เเม้เเต่เเฟนเดนตายของสตาร์วอร์สยังต้องรู้สึกเซอร์ไพรส์ 
.
.
.
.

.
2 ปีหลังจาก The Last Jedi เขาได้กลับไปทำหนังเรื่อง Knives Out ที่ใช้ทุนสร้างน้อยกว่า 8 เท่า เเน่นอนว่ามันไม่ใช่หนังฟอร์มใหญ่อะไร เเต่เป็นหนังที่เขารู้สึกเป็นอิสระอย่างเต็มตัว การปลดปล่อยจินตนาการในการเขียนบท สื่อถึงความหลงใหลต่อผลงาน ‘อกาธา คริสตี้’ กับงานสืบสวน Whodunit ที่ว่าด้วยปมฆาตกรรมในคฤหาสน์ธรอมบีย์ เมื่อคุณปู่มหาเศรษฐีที่เป็นนักเขียนนิยายฆาตกรรมต้องกลายเป็นศพอย่างเป็นปริศนาในคืนวันเกิด 85 ปีของตนเอง เเละทุกคนในบ้านต่างกลายเป็นผู้ต้องสงสัย โดยมีนักสืบจอมเก๋าอย่าง 'เบนัวต์ บลังก์' หรือเปรียบได้กับ 'แอร์กูล ปัวโร' มาเป็นผู้รับผิดชอบในการไขความจริง
.
นอกจากเป็นการคารวะเเละรวมเอกลักษณ์ทุกอย่างของงาน 'อกาธา คริสตี้' ตั้งเเต่ เน้นการเล่าผ่านโลเคชั่นเดียว, เต็มไปด้วยผู้ต้องสงสัยจำนวนมากเเละต่างคนก็มีเเรงจูงใจในการก่อเหตุ, การไขคดีผ่านมุมมองนักสืบ หรือจะเป็นการวิพากย์สังคมอังกฤษที่ถูกบิดมาเป็นภาพของสังคมอเมริกัน ทั้งเรื่องการใช้เทคโนโลยีเเละเเนวคิดเสรีนิยมใหม่ที่สะท้อนอยู่ในตัวละครครอบครัวธรอมบีย์ ขณะเดียวกัน ‘ไรอัน จอห์นสัน’ ยังใส่ความตลกร้ายไปเสริมกับเหตุการณ์ที่ชวนซีเรียสเพื่อรักษาสมดุลของอารมณ์ เเละที่สำคัญยังล้อกับขนบของการเฉลยกลวิธีฆาตกรรมได้อย่างเหนือชั้น
.
.
หนังฉายรอบปกติ 10 ธันวาคมนี้...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
.
.
.
99 ลิสต์หนัง กับ บทความพิเศษอีกจำนวนมาก ใครสนใจคลิกเข้าไปดูได้ครับ 
https://bit.ly/32dCrZJ

https://www.facebook.com/Criticalme  
https://twitter.com/Review_Me_
.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่