สวัสดีครับ ผมอยากจะมาแชร์การเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว
เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับใครๆ บ้างครับ 
เอาแบบรวดเดียวจบเลยนะครับ
ครอบครัวของเราเพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมาครับ 5 วัน 4 คืน 
(20-25 พ.ย. 62)

การวางแผนและตัดสินใจ
- เรามีกันอยู่ 3 คน พ่อ แม่ และลูกสาวตัวน้อย (1 ขวบ 11 เดือน)
ตั้งใจไว้ว่า จะไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน
- ตอนแรกมีความกังวลมากมาย เช่น 
กลัวลูกลำบาก (หรือจริงๆ กลัวเราเองจะลำบาก)
กลัวลูกป่วย กลัวลูกยังเด็กเกินไป จำอะไรไม่ได้หรอก บลาๆๆ
- แต่สุดท้ายตัดสินใจ จะไปกันเองทั้ง 3 คน เพราะคิดว่า
อยากมีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน ถึงลูกจะจำไม่ได้
อย่างน้อยพอเค้าโตขึ้นมา แล้วกลับมาดูรูปตอนไปเที่ยว 
หรือตอนที่มีความสุขกัน 
เราจะได้ไม่มาเสียใจทีหลัง ที่ไม่ได้พาเค้ามาด้วย
และด้วยความที่เลี้ยงลูกกันเอง
คิดว่ารู้จักลูกมากพอ น่าจะเอาอยู่ 
- ระยะเวลา 5 วัน 4 คืน กับฤดูใบไม้ร่วงในโตเกียว
เพราะคิดว่าสะดวกในการเดินทางเที่ยวเองด้วยรถไฟฟ้า
อากาศกำลังเย็นไม่หนาวจัด ลูกน่าจะไหว
มีใบไม้เปลี่ยนสี และคิดว่าน่าจะได้เห็นฟูจิ
(จอง one day trip ไปฟูจิด้วยรถบัส)

การขึ้นเครื่องบิน
เลือกใช้บริการ nok scoot เพราะ
ตอนนั้นมีโปรพอดี จองเพื่อบังคับตัวเอง
จะได้ลางานไว้ล่วงหน้า
- ขาไปเลือกไฟลท์ดึก กะว่าให้ลูกนอนไปตื่นที่นั่นเลย
- ขากลับเลือกบ่ายๆ จะได้มาถึงหัวค่ำ ไม่เหนื่อยมาก 
- ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง 
- เด็กไม่ถึง 2 ขวบของ nokscoot ฟรีครับ แต่ต้องนั่งตักพ่อแม่เอานะ 
- นม เอาขึ้นเครื่องได้ **แนะนำนมกล่อง uht สะดวกไม่ต้องแช่เย็น
พกไปได้ทุกที่ ลูกร้องจะกิน เอามาเจาะให้กินได้เลย 
- รถเข็น เราไม่ได้เอาไปเพราะลูกไม่ค่อยชอบนั่งรถเข็น
เพราะถ้าลูกไม่นั่ง เท่ากับเราต้องแบกไปเที่ยวตลอดเวลา 
เลือกใช้เป้อุ้มถนัดกว่า

พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยครับ

D1 ดอนเมือง - นาริตะ - อุเอโนะ
- ออกจากดอนเมือง 0:30 น. ถึงนาริตะ 8:15 น. 
ไม่ดีเลย์ ไม่เลท ดีใจมาก ที่เวลาเป็นไปตามแผน
ส่วนลูกสาว ก็มีงอแงนิดหน่อยตอนอยู่บนเครื่อง 
ด้วยนิสัยปกติของนาง ง่วงนะ แต่ไม่ยอมนอน
ห่วงแต่จะเล่น แต่พอปิดไฟหมด ก็หลับไป
- ก่อนขึ้นเครื่อง เราก็พยายามให้นางกินนม
กินขนมให้อิ่มจะได้ไม่ร้องหิว
และหลอกดูเครื่องบิน ดูอะไรไปให้นางตื่นเต้น
ไม่กลัวที่จะเดินทางนานๆ นี่เป็นครั้งแรกเลย
ที่ต้องเดินทางไกล และนานขนาดนี้
- เราเลือกเดินทางเข้าเมืองโดย keisei skyliner
ซื้อ voucher จาก H.I.S. คนละ ประมาณ 1,600฿ ลูกฟรี 
ตอนซื้อจะได้เป็น voucher เอามาแลกตั๋วรถไฟที่สนามบินนาริตะอีกที 
จะได้ตั๋ว skyliner กับ ตั๋วรถไฟใต้ดิน tokyo subway 72 ชม. 
นับเวลาตามจริงหลังใช้ครั้งแรก ซึ่งสามารถใช้ได้พอดีจนวันกลับ 
เพราะว่าเราเลือกพักย่านอุเอโนะ skyliner สุดสายที่สถานีนี้พอดี
แล้วก็เดินลากกระเป๋าไปโรงแรมได้เลย 
วันแรกเลยไม่เสียตั๋วรถไฟฟ้า ส่วนวันกลับก็ไม่ได้ไปไหนแล้ว
เช็คเอ้าต์จากโรงแรม ก็ไปสนามบินเลย ตั๋วรถไฟฟ้า 72 ชม. เลยพอดีกับเรา

- ออกจากสนามบินได้ประมาณ 10:20 ใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที ถึงอุเอโนะ 
เราพักที่โรงแรม Grid Tokyo Ueno เป็นโรงแรมใหม่+hostel (จองผ่าน agoda)
เดินจากสถานีประมาณ 750 ม. ไม่ถึงกับเหนื่อยเพราะอากาศไม่ร้อน เดินได้เรื่อยๆ
แต่ห้องค่อนข้างเล็ก (11 ตร.ม.) ถ้าเทียบกับโรงแรมไทยแต่ก็เข้าใจได้ 
และไม่ลำบากสำหรับ 3 คนพ่อแม่ลูก พนักงานน่ารัก บริการดี ยิ้มแย้มตลอดเลย
มีอาหารเช้าสไตล์ Hostel ซึ่งเราไม่ค่อยถนัด ไปหากินเองดีกว่า

- เวลาเช็คอิน คือ 16:00 ดังนั้นเราเลยฝากกระเป๋าไว้ แล้วเดินเที่ยวแถวๆ นั้นฆ่าเวลาซะเลย
- เริ่มจากสวนสาธารณะอุเอโนะ ข้างในจะเจอศาลเจ้าเล็กๆ มีเสาโทริอิ (เสาสีแดง) 
เอกลักษณ์ของศาลเจ้าแบบญี่ปุ่น บรรยากาศดี อากาศเย็นสบาย มีผังต้นไม้บอกด้วยว่าตรงไหนต้นอะไร 


- เดินไปสุดทาง เป็นสวนสัตว์ Ueno Zoo ค่าเข้าคนละ 600¥ เด็กไม่เกิน 12 ขวบฟรีจ้า 
วันแรกเอาใจลูกหน่อยเดินทางมาเหนื่อยๆ ไฮไลท์ของที่นี่คือ "หมีแพนด้า" 
คนต่อคิวเยอะมาก ตอนนี้เอกลักษณ์ของอุเอโนะก็เลยเป็นแพนด้า เรียกว่า อะไรๆ ก็แพนด้า 



- พอเสร็จจากสวนสัตว์ ก็ไปเดินตลาด "อาเมะโยโกะ"
ตลาดชอปปิ้งชื่อดัง แหล่งรวมของฝาก ก็ถือว่าไปสำรวจก่อน 
ว่าร้านอะไรอยู่ตรงไหน วันที่ซื้อของฝากจะได้ไม่เสีบเวลาเดินหา 
แล้วก็หาข้าวกินแถวนั้นซะเลย เราเลือกกินอะไรก็ได้ง่ายๆ 
ร้านไหนมองแล้วน่ากิน ก็เข้าเลย ขอแค่คนไม่เยอะ กลัวลูกจะไปรบกวนคนอื่น


D2 One day trip to Fuji 
- วันนี้จองทัวร์ไปดูฟูจิ จาก H.I.S เช่นเคย คนละ 3,200฿ เด็กฟรี 
- จุดนัดพบที่ย่านชินจุกุ ห่างจาก อุเอโนะ ประมาณ 9 สถานี (40 นาที) 
- วันนี้ได้ใช้รถไฟใต้ดินวันแรก สะดวกมาก 
ใครเดินทางก็ให้สังเกตสีและชื่อสายของเราให้ดี 
แล้วก็เดินตามป้ายไป แล้วก็ดูว่าเราจะไปทางไหน ขาไปหรือขากลับ 
เพราะบางทีไปผิดฝั่ง ต้องเดินย้อนกลับมาใหม่ 
- ตั๋วรถไฟ ใช้ได้เฉพาะ Tokyo metro กับ Toei subway 
ใช้กับตระกูล JR ไม่ได้นะครับ แต่แค่นี้ก็ครอบคลุมทั้งโตเกียวแล้วครับ
- ถึงจุดนัดพบ คนครบก็ออกเดินทาง ประมาณ 9:20 
บนรถบัสไม่มีห้องน้ำ ควรเข้าให้เรียบร้อยก่อน
แต่ระหว่างทางก็แวะให้เข้าครับ ตรงจุดพักรถ 
คล้ายๆ มอเตอร์เวย์บ้านเรา ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ถึงครับ
- จุดแรกฟูจิชั้น 5 โชคไม่ดีสำหรับเราวันนี้ฝนตกปรอยๆ ทั้งวันเลย 
อดเห็นวิว ได้แต่เดินชอปปิ้งหลบฝน 
เสร็จแล้วลงมาพักเที่ยงที่ Fuji-Q Hiland 
เป็นร้านอาหารของสวนสนุก ร้านสวยและหรูหรามาก 
อาหารเป็นแบบจานเดียว พร้อมของหวาน ชาและกาแฟ 



- จุดต่อมาเป็นทะเลสาบคาวากุจิโกะ ซึ่งควรจะต้องมองเห็นฟูจิ 
แต่ด้วยอากาศไม่เป็นใจ แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเราได้มาแล้ว 
- ในทัวร์จะรวมตั๋วกระเช้าและเรือชมวิว 
กระเช้าขึ้นไปชมวิวด้านบน อย่างน้อยก็ได้เห็นวิวใบไม้แดงๆ เหลืองๆ บ้าง 
ส่วนเรือ ประมาณ 20 นาที ก็มองไม่เห็นอะไรเลย ขาวไปหมด คิดซะว่ามานั่งหลบฝน



- ทัวร์นี้ค่อนข้างให้เวลาเราอิสระพอสมควร
มาถึงทะเลสาบประมาณบ่ายสองกว่าๆ ให้เวลาเราจนถึง 17:00 
แต่รถบัสคันที่เรามาจะไปที่อื่นต่อ แล้วเปลี่ยนคันอื่นมารับแทน
ดังนั้นต้องเอาของลงจากรถให้หมด ถ้าเราซื้อของมาเยอะก็จะลำบากหน่อย 
- ขากลับก็ถึงประมาณ 19:00 กว่าๆ มีเวลาเวลาไปเดินเล่นชอปปิ้งย่านนั้นได้อีก ก่อนกลับโรงแรม

D.3 วัดเซ็นโซ - ศาลเจ้าอาซากุสะ - ชิบูย่า - รปปงงิ
- จากอุเอโนะ ประมาณ 3 สถานี (10 นาที) 
ก็ถึงวัดเซ็นโซกับศาลเจ้าอาซากุสะ หรือ "วัดโคมแดง" 
ก็ไหว้พระ เช็คอินกันไป มีของฝากเป็นเครื่องรางต่างๆ เพื่อความศิริมงคล
และร้านชาเขียวสุดเข้มข้น "Suzukien" ด้านหลังวัด เดินทะลุมาได้เลย


- จากอาซากุสะ ไปต่อชิบูย่า ก็นั่งรถไฟฟ้ายาวๆ 19 สถานี 
ประมาณ 50 นาที ออกมาก็เจอ "Hachiko" 
อนุสาวรีย์แห่งความซื่อสัตย์จงรักภักดี landmark ของที่นี่ 
แล้วก็ต้องไปเดินข้ามแยก ขอเป็นส่วนหนึ่งของความวุ่นวายกันหน่อย 
จริงๆ ตั้งใจมาดูฮาจิโกะอย่างเดียว ไม่ได้วางแผนอะไรมาเยอะ 
ลองเสิร์ชอากู๋ บอกว่ามีศาลเจ้า ก็เลยลองๆ เดินไปเรื่อย 
เจอกับศาลเจ้าเล็กๆ เงียบสงบมาก ไม่เหมือนแหล่งท่องเที่ยวเลย 
ก็ประทับใจไปอีกแบบ



- จากนั้นก็ออกเดินทางต่อ ไปร้านของเล่น duty free "Kiddy land" 
จากชิบูย่า สถานีเดียว ถ้าใครขยันก็เดินเอาได้ 
ไม่แน่ใจว่าใช่ย่านฮาราจุกุมั้ย เห็นชื่อสถานีรถไฟประมาณนั้น
- จริงๆ แผนของวันนี้คือ จะไปดูไฟคริสมาสต์ที่รปปงงิ ช่วงหัวค่ำ 
ตอนแรกก็ออกจากชิบูย่า ไปรปปงงิเลย แต่พอไปถึงยังไม่มืด
แล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยชวนกันไป Kiddy land ก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่
จริงๆ ช่วงนี้ ที่ญี่ปุ่น 5 โมงเย็นก็มืดแล้ว
- จาก Kiddy land มารปปงงิ ก็ประมาณ 3 สถานี 
แต่เดินไกลหน่อย เพราะจะมาดูไฟที่ "Tokyo midtown" 
เป็นห้างระดับบน ย่านนี้น่าจะย่านคนรวย




D.4 Tokyo sky tree - Sumida aquarium - shopping day
- จากอุเอโนะ ต้องนั่งรถไฟสองต่อ เปลี่ยนที่สถานีวัดอาซากุสะ 
แล้วนั่งต่ออีก 3 สถานี (25 นาที)
- วันนี้ยังมีฝนเล็กน้อย หมอกหนา เลยไม่เห็นยอด Tokyo Sky tree 
แต่ก็พอได้ เพราะตั้งใจมาดูอควาเรียม มากกว่า

- Sumida aquaruim ค่าเข้าคนละ 2,050¥ เด็กน้อยฟรี
ไฮไลท์ของที่นี่น่าจะเป็นตู้ปลาขนาดยักษ์ และฝูงนกเพนกวิน
สำหรับลูกเราที่ชื่นชอบการดูปลา และเพลง baby shark
นี่คือ สวรรค์ของนางเลยทีเดียว ตอนจะออกไม่อยากจะกลับกันเลย



- เสร็จแล้วก็ถึงเวลาของฝาก เรากลับมากันที่ตลาดอาเมะโยโกะ
เริ่มจากตึกม่วง "Takeya" สาขาอุเอโนะ
ของจำพวกเครื่องสำอาง ขนมขบเคี้ยว เครื่องใช้ไฟฟ้า 
นาฬิกาแบรนด์ญี่ปุ่น และแบรนด์แนม มีหมดจ้า 
ต่อมาก็ A-B-C mart ร้านรองเท้า sneaker 
ร้านเสื้อผ้า uniqlo และ GU แล้วก็ร้านเครื่องสำอางและยา 
ส่วนใหญ่จะ Duty free แต่อย่างน้อยต้อง 5,000-6,000¥ ขึ้นไป 
อันไหนไม่ครบราคา ต้องหาของมาโปะเพิ่ม ที่นี่ Vat 8% 
ลองคำนวณกันดูจะเสีย vat หรือซื้อของเพิ่มอันไหนคุ้มกว่ากัน 
- เสร็จภารกิจของฝาก ก็กลับมาแพคกระเป๋า พักผ่อนเตรียมกลับละครับ

D.5 Back to BKK.
- วันนี้กลับอย่างเดียว ตั้งใจไปซื้อขนมที่ Duty free พวก Tokyo banana kitkat ฯลฯ
- ออกจากโรงแรมประมาณ 9:00 ถึงสนามบินก็ 10:00
นั่งรอเวลาเชคอิน ไฟลท์เรา 13:50 แต่คนรอเช็คอินแถวยาวมาก 
คนกลับไทยเยอะจริงๆ กว่าจะได้เข้าไปถึง duty free ก็ประมาณ 12:00
- ตอนซื้อของกะจะใช้เงินสดให้หมด แต่คิวจ่ายเงินยาวมาก กลัวจะตกเครื่อง 
เลยต้องจำใจรูดบัตรไป เพราะแถวสั้นกว่า 
- แต่ถ้าใครไม่ต้องการเลือกของที่หลากหลายมาก
แนะนำให้เข้ามาแถวๆ หน้าเกท มีร้านเล็กๆ ข้างในคนไม่เยอะครับ
- ตอนขากลับโชคดี มีที่ว่าง หลายที่ 
แอร์เลยชวนคนที่นั่งข้างๆ ให้ไปนั่งตรงอื่นที่ดีกว่า 
ส่วนครอบครัวเราจะได้นั่งสบายๆ 3 ที่นั่งไปเลย 
ขอบคุณ nok scoot มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

และขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับ
รูปน้อยไปหน่อย ไม่ค่อยได้ถ่ายเลยครับ
ต้องแบกลูกบ้าง หิ้วของบ้าง