Huawei FreeBuds 3 ของมันต้องมี ดีกว่า AirPods

[CR] Huawei FreeBuds 3 ของมันต้องมี ดีกว่า AirPods

กระทู้รีวิว

Bluetooth AirPods Outdoor Gadget สมาร์ทโฟน Headphone

HUAWEI FreeBuds 3

สวัสดีครับ . . .

. . . . จากงานเปิดตัว Huawei FreeBuds ที่เปิดให้จองเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีของแถมคือ Wireless Charge 15W

ผมก็คิดในใจ ก็คงจะธรรมดามั้ง มีการนำ Chipset Kirin A1 มาใช้ ซึ่งก่อนหน้านี้ Apple เองก็มีการนำ Apple W1 และ H1 มาใช้กับ AirPods เช่นกัน (ในรุ่น 1 และรุ่น 2) และ เมื่อผมเห็น Design ผมต้องร้องว๊าย นี่มันเหมือนกันเลยก๊อปกันแน่ๆ และผมก็มองข้ามไป เพราะตอนนั้นผมใช้ AirPods อยู่ครับ . .

แต่พอมาได้ลองเสียงแล้ว . . . ต้องเปลี่ยนความคิดครับ

เมื่อลองฟังดูแล้วเสียงดีโอเคเลยครับ ส่วนตัว ถ้าให้เทียบกับ AirPods 2 แล้วผมให้เจ้า FreeBuds 3 ชนะครับ

ลองมาดูตารางเปรียบเทียบข้อมูลกันครับ

เบื้องต้น พอได้ลองที่ร้านผมก็จัดเลยครับ

และได้นำไปลองใช้ในสถานการณ์ต่างๆ เช่น.-

ทดสอบในห้างสรรพสินค้า

| ผลการทดสอบ |

เมื่อเปิดระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) แล้ว เสียงรอบตัวเบาลงมากอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังได้ยินเสียงรอบข้างอยู่ครับ

ทดสอบซ้อนท้ายพี่วินฯ (นี่เป็นการทดสอบนะครับ เลยไม่ได้ใส่หมวก)

ทดสอบที่ความเร็ว 20-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

| ผลการทดสอบ |

ระหว่างที่พี่วินขับความเร็ว 20-40 กม./ชม. ได้ยินเสียงลมอยู่ แต่เบามากครับ และ ได้ลองคุยโทรศัพท์ ยังฟังชัดเจนอยู่

แต่พอเพิ่มความเร็วไป 60 กม./ชม. เสียงลมเริ่มชัดเจน แต่คุยได้อยู่ครับ

** ทั้งหมดนี่คือการทดสอบนะครับ ผมคิดว่าหากใส่หมวกกันน๊อคแบบเต็มใบ คงกันเสียงลมได้ดีกว่านี้แน่ๆ **

(ไม่แนะนำครับให้เปิด ANC หากขับรถนะครับ เพราะอาจจะไม่ได้ยินเสียงรอบข้างดีพอ อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้)

ทดสอบในงาน #MotorExpo2019

| ผลการทดสอบ |

ขณะที่เดินชมงาน หากไม่มีการโฟนอินของเหล่าบรรดาค่ายรถต่างๆ เสียงสนทนา และ เสียงเพลง ยังฟังชัดเจนอยู่ครับ

** จำนวนคนไม่มีผลต่อการตัดเสียงสัญญาณรบกวน **

แต่หาก มีการโฟนอินเมื่อไหร่ เอาไม่อยู่ครับ เพราะเสียงที่พูดผ่านลำโพงค่อนข้างดังมาก แต่ถามว่าคุยรู้เรื่องไหมคุยรู้เรื่องครับ

การตั้งค่าการเชื่อมต่อ
- หากเป็น EMUI10 การเชื่อมต่อคือ นำเจ้า FreeBuds3 มาใกล้ๆ กับมือถือ และเปิดฝาเคส ในมือถือจะโชว์ภาพอัตโนมัติ และ กดเชื่อมต่อได้ทันที หากมีการเชื่อมต่ออยู่แล้วจะโชว์แบตเตอรี่แทนครับ

- หากเป็น Android หรือ อุปกรณ์อื่นๆ หลังเปิดฝาเคส เราต้องกดปุ่มข้างๆ เคสเพื่อเชื่อมต่อเองครับ (iPhone/iPad/Mac ก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน)

การตั้งค่าต่างๆ
- หากเป็น EMUI10 เราสามารถตั้งค่าได้ในเมนูของ Bluetooth ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสัญญาณรบกวน หรือ การตั้งค่าปุ่มบน FreeBuds3

- หากเป็นระบบ Android อื่นๆ สามารถโหลด Application ชื่อ Huawei AI Life มาได้ครับ จะมีการโชว์การตั้งค่าต่างๆ รวมถึงการปรับระบบ ANC แบบละเอียดอีกด้วย

- หากเป็นระบบอื่นๆ เช่น iOS/MacOS/PC จะต้องมาตั้งค่าปุ่มใน Android ก่อนครับ ก่อนไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น -

การชาร์จไฟ
- หากเป็นโทรศัพท์ที่มีระบบ Reverse Wireless Charging หรือ นำโทรศัพท์มาชาร์จให้เครื่องอื่นได้ ก็แค่เอาเจ้า FreeBuds3 มาวาง ก็ชาร์จแล้วครับ

- หากไม่มี ก็ใช้สาย Type C ชาร์จได้เลย (แถมมาในกล่องด้วยครับ)

การอัพเดทซอฟต์แวร์

แค่ต่อเชื่อม กดเช็คอัพเดท ก็อัพเดทได้แล้วครับ (ผ่านแอป Huawei AI Life)

มีอัพเดทมาอยู่เรื่อยๆ ชอบมากครับ

ท้ายบทความมา Unboxing กันครับ 555+
อุปกรณ์ภายในกล่องก็มี
- Huawei FreeBuds3
- สายชาร์จ Type C
- บัตรรับประกัน
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ปล. ช้อนส้อมแว่นตา ไม่เกี่ยวนะครับ 555+

สรุปทำไมคุณต้องซื้อมันมาใช้
- เชื่อมต่อได้ทุกระบบ ได้คุณภาพเสียงเหมือนกันทุกระบบ (AirPods เชื่อมต่อได้ทุกระบบเช่นกันครับ แต่เสียงจะเบาลงมากหากไม่ได้เชื่อมต่อกับ iOS/iPadoS/MacOS)
- มีระบบ ANC (Active Noise Control) ตัวแรกของโลก ในหูฟังแบบ Earbuds
- คุณภาพเสียงดีมาก ถ้าเทียบกับหูฟัง EarBuds เหมือนกัน (เสียงกลางเด่น เสียงเบสก็มา)
- คุณภาพเสียงคล้ายกับ AirPods 2 แต่ดีตรงที่เบสมาเยอะกว่า

ข้อควรพิจารณา
- หากไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบ Android จะไม่มีเมนูการตั้งค่าให้ปรับ ต้องนำไปเชื่อมต่อกับ Android หากต้องการตั้งค่าต่างๆ
- เปลี่ยนชื่ออุปกรณ์ได้ แต่ไม่มีผล หากนำไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ชื่อไม่เปลี่ยนตาม (AirPods เปลี่ยนตามการตั้งค่าครั้งแรก)
- ไม่มีระบบติดตามหากสูญหาย (AirPods มี)
- หน้าตาเหมือน AirPods

เพลงที่ใช้ในการทดสอบ (หูฟังตัวอื่นผมก็ใช้เพลงเหล่านี้ใน YouTube ทดสอบครับ)

- ทดสอบเสียงเบส -