แมงกะพรุนทอง
แมงกะพรุนสีทองของทะเลสาบMicronesian เป็นแมงกะพรุนที่มีชื่อเสียงของปาเลา เป็นชนิดที่ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์ แมงกะพรุนสีทองชนิดนี้แตกต่างจากแมงกะพรุนอื่น คือจะมีเส้นทางที่มีการโยกย้ายเป็นประจำทุกวันตามแนวดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า
ทุกเช้าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น สัตว์ที่มีลำตัวใสเหล่านี้จะลอยตัวกลมกลืนไปทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ Micronesian และหยุดลอยในเวลาสั้น ๆ จากเงาที่เกิดจากต้นไม้ริมทะเลสาบที่ซึ่งดวงอาทิตย์ส่องไม่ถึงและจะลอยตัวอยู่ตรงนั้น แต่หลังจากที่หยุดพักในระหว่างที่ดวงอาทิตย์ขึ้นอยู่ในจุดสูงสุดบนท้องฟ้าเหล่าแมงกะพรุนทั้งหมดก็จะเดินทางกลับไปที่เดิม
ผีเสื้อพระมหากษัตริย์
ทุกเดือนกันยายนหรือตุลาคมผีเสื้อพระมหากษัตริย์สีดำและสีทองที่โดดเด่นเริ่มอพยพย้ายถิ่นฐาน จากพื้นที่ทางตอนใต้ของแคนาดาและพื้นที่เพาะพันธุ์ตะวันออกของสหรัฐฯเพื่อมาอยู่กันจนเต็มในสถานที่ต่างๆในภาคกลางของเม็กซิโกและแคลิฟอร์เนีย
พวกมันจะซ้อนกันอยู่ตามต้นไม้เป็นล้าน ๆตัว แต่จะแตกต่างจากสัตว์อื่น ๆ ที่มีการโยกย้ายเป็นประจำ โดยผีเสื้อเหล่านี้แต่ละตัวจะไม่กลับไปที่เดิมที่จากมา เมื่อผีเสื้อเหล่านี้เริ่มต้นที่จะอพยพอีกครั้งในราวเดือนพฤษภาคมผีเสื้อตัวเมียจะหยุดการเดินทางเพื่อทำการวางไข่
ในไม่กี่วันไข่ก็จะฟักเป็นหนอนผีเสื้อและมีการกินในปริมาณที่มากขึ้นก่อนที่จะกลายเป็น chrysalis และเปลี่ยนเป็นผีเสื้อเต็มตัว ผีเสื้อตัวใหม่ก็จะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อบินอีกสองสามร้อยกิโลเมตรทางทิศเหนือ ก่อนที่จะทำซ้ำกระบวนการนี้เพื่อเพาะพันธ์ให้ได้มากที่สุดในหลายชั่วอายุ ที่ควบคู่กันไปพร้อมกับการเดินทางที่เสร็จสมบูรณ์
เทอร์เทิลอาร์กติก
เคยเชื่อกันมานานว่า นกนางนวลแกลบอาร์กติกบินไปกลับทวีปอาร์กติกกับทวีปแอนตาร์กติกาเป็นระยะทาง 35,200 กิโลเมตร แต่การศึกษาวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พบว่า จริง ๆ แล้วนกชนิดนี้บินไกลกว่านั้นมาก
เส้นทางการบินอพยพของนกนางนวลแกลบไม่เป็นเส้นตรง ตามที่เห็นในภาพ
มีการติดอุปกรณ์ระบุพิกัดขนาดเล็กน้ำหนักเท่าคลิปหนีบกระดาษไว้กับนกจำนวนหนึ่ง อุปกรณ์พิเศษนี้ทำให้รู้ว่า นกนางนวลแกลบอาร์กติกบางตัวบินไปกลับโดยเฉลี่ยถึง 90,000 กิโลเมตรในการบินอพยพหนึ่งรอบ ซึ่งถือเป็นสัตว์อพยพย้ายถิ่นที่เดินทางไกลที่สุดเท่าที่เรารู้จักกัน นกตัวหนึ่งในจำนวนนั้นบินไกลถึง 96,000 กิโลเมตร ทำไมระยะทางถึงไกลกว่าที่เคยมีการประมาณไว้ก่อนหน้านี้
ไม่ว่านกนางนวลแกลบอาร์กติกจะเริ่มบินอพยพจากที่ไหน เส้นทางการบินของมันจะไม่เป็นเส้นตรง จากภาพประกอบจะเห็นว่า เส้นทางที่นกบินเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกโค้งไปมาเป็นรูปตัว S เพราะมันใช้ประโยชน์จากกระแสลมในเส้นทางนี้เพื่อช่วยในการบิน
ตลอดช่วงอายุ 30 ปีของนกนางนวลแกลบอาร์กติก พวกมันอาจเดินทางอพยพไปกลับเป็นระยะทางมากกว่า 2,400,000 กิโลเมตร ซึ่งเท่ากับระยะทางไปกลับโลกและดวงจันทร์สามหรือสี่รอบ นักวิจัยบอกว่า “น่าทึ่งมากที่นกตัวเล็กซึ่งหนักแค่ 100 กรัมจะทำแบบนี้ได้” และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ เมื่อนกนางนวลแกลบอาร์กติกบินอพยพไปถึงจุดหมาย ไม่ว่าจะเป็นขั้วโลกเหนือหรือขั้วโลกใต้ ที่นั่นก็จะอยู่ในช่วงฤดูร้อน หนังสือ Life on Earth: A Natural History จึงบอกว่า พวกมัน “เป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแสงอาทิตย์มากกว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก”
กุ้งก้ามกราม
มีการพบกุ้งก้ามกรามข้ามทะเลแคริบเบียน กุ้งเหล่านี้เป็นสัตว์จำพวกครัสเตเชียที่ไร้ที่ติมากที่สุดชนิดหนึ่ง ที่มีการการอพยพที่ผิดปกติมากที่สุดในทะเล ในช่วงเริ่มต้นของแต่ละฤดูร้อนพวกมันจะจับกลุ่มเรียงรายกันอยู่ในแถวที่คล้ายกับเส้น conga และเดินลงทะเลนอกชายฝั่งลงไปในน้ำลึกทั่วพื้นมหาสมุทร
เพื่อหลีกเลี่ยงพายุฤดูร้อนที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในทะเลแคริบเบียน อาจเป็นไปได้ว่าตัวเมียที่มีไข่จะป้องกันไข่ของพวกมันโดยการย้ายเข้าไปในน่านน้ำเย็น และเมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึงกุ้งก้ามกรามก็จะกลับเข้ามาในน้ำตื้นเพื่อผสมพันธุ์อีกครั้ง แม้ว่าจะไม่ทราบแน่ชัดว่าทำไมกุ้งก้ามกรามเป็นสายพันธ์เดียวที่อพยพแบบนี้ แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าการรวมตัวกันจะช่วยในการปกป้องจากผู้ล่า
นกกระเรียนน้อย
ทุกๆปีในเดือนสิงหาคมฝูงนกฟลามิงโกน้อยจะบินเร่ร่อนจากทางใต้ทะเลทรายซาฮาร่าไปยังทะเลสาบ Great Rift Valley ของแอฟริกาตะวันออก
ซึ่งเป็นทะเลสาบ Bogoria ของเคนยาเพื่อไปกินอาหารซึ่งได้แก่สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (cyanobacteria เรียกว่าสาหร่ายเกลียวทอง) ก่อนจะบินไปยังทะเลสาบนาทอร์นทางตอนเหนือของประเทศแทนซาเนีย เพื่อจับคู่และทำรังในประมาณเดือนพฤศจิกายน ด้วยจำนวนเหล่านกฟลามิงโกที่ทะเลสาบสองแห่งนี้ มียอดเกือบประมาณสองล้านตัว ทำให้ทะเลที่นกเหล่านี้เคลื่อนผ่านมองดูเป็นสีชมพูซึ่งเป็นภาพที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง
Great Migration
การอพยพของ Wildebeest ซึ่งเป็นสัตว์ประเภทแอนทีโลปชนิดหนึ่งที่พบได้มากในทวีปแอฟริกา เป็นหนึ่งในการอพยพที่ใหญ่ที่สุดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่จะเกิดขึ้นทุกปี โดยนักสัตว์ศาสตร์เรียกการอพยพนี้ว่า Great Migration
ทุกปีในเดือนพฤษภาคม ฝูง Wildebeest จะเริ่มทยอยอพยพหนีความแห้งแล้งจาก Northern Serengeti ประเทศแทนซาเนียข้ามแม่น้ำไนล์ไปยังทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์กว่าในประเทศเคนยา ซึ่งอยู่ไกลออกไปถึง 1,500 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 เดือน ที่ทุ่งหญ้าในประเทศเคนยาพวกมันจะจับคู่ผสมพันธ์ จากนั้นก็จะเดินทางกลับมาถึง Northern Serengeti ถิ่นกำเนิดของมันในเดือนกันยายนถึงตุลาคม ให้กำเนิดลูก Wildebeest ครอกใหม่ก่อนจะเริ่มฤดูอพยพอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมของปีต่อไปเป็นวัฎจักรที่สืบเนื่องมานับพันนับหมื่นปี
นักสัตว์ศาสตร์คาดว่าจำนวน Wildebeest ที่อพยพในแต่ละปีรวมแล้วจะสูงถึง 2 ล้านตัว ตลอดการเดินทางทั้งไปและกลับจะมี Wildebeest ล้มตายไปประมาณ 2 แสนตัวซึ่งสาเหตุมีทั้งเพราะการบาดเจ็บจากการเดินทาง, การเบียดเสียดยัดเยียด และจากการตกเป็นเหยื่อของสัตว์นักล่าเช่น สิงโต รวมถึงตกเป็นอาหารของฝูงจระเข้ระหว่างข้ามแม่น้ำไนล์ อย่างไรก็ตามจำนวน Wildebeest ที่ล้มตายไปในการอพยพจะถูกทดแทนด้วยลูก Wildebeest ที่เกิดใหม่ประมาณปีละ 5 แสนตัว
นก whimbrel
L. Zwatz นักปักษีวิทยาชาวเนเธอร์แลนด์ ได้รายงานผลการวิจัยเรื่องการอพยพของนกในวารสาร Ardea ว่า นกอพยพ (Migratory Wading Birds) ซึ่งอาศัยตามแถบทะเล Wadden ของมหาสมุทรแอตแลนติกนั้น พอถึงฤดูหนาวมันจะพากันบินไปสู่ Banc d' Arguin ซึ่งอยู่ทางใต้ของทวีปแอฟริกา
ณ ที่นั้น นกจำนวน 2 ล้านตัวจะขุดกินหนอน และถึงแม้หนอนแอฟริกาจะมีขนาดเล็กเท่าหนอนยุโรป ที่มันกินอยู่อย่างสมํ่าเสมอก็ตาม แต่หนอนเหล่านั้นก็เกิดใหม่ได้เร็วพอกับความเร็วในการกินของมัน ดังนั้นถึงแม้ว่าในแต่ละวันอาหารที่จะเลี้ยงดูมันทั้งฝูงจะดูน้อย แต่บริเวณนั้นก็สามารถให้อาหารนกฝูงนี้ได้ติดต่อกันนานเป็นเดือน
เขาได้พบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้นกอพยพอีกประการหนึ่งคือ นกที่อาศัยอยู่ในแถบอาหารร้อนจะใช้พลังงานในการทำให้ร่างกายอบอุ่น น้อยกว่านกที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอากาศหนาว นกชนิดเดียวกันที่อาศัยตามบริเวณเส้นรุ้งที่ต่างกัน จะใช้พลังงานในการทำความอบอุ่นให้กับร่างกายไม่เท่ากัน
ก็ในเมื่อมันเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบปรับตัวตามสภาพอากาศแวดล้อม มันจึงต้องอพยพเพื่อประหยัดพลังงาน
สำหรับจังหวะเวลาที่มันจะบินอพยพนั้น Zwatz ก็พบว่า มันกะจะบินให้ถึงตอนเหยื่อของมันอ้วนท้วนสมบูรณ์พร้อม เช่น นก whimbrel จะอพยพทันทีที่ปู Uca tangeri มีเต็มทะเลโคลน เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูล
Cr.
https://th.theplanetsworld.com/3914-the-natural-worlds-other-great-migrations-th
Cr.
https://megamisc.blogspot.com/2014/10/great-migration-clip-video-time-lapse.html
Cr.
https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=anotherside&month=06-2010&date=10&group=31&gblog=202
Cr.
https://wol.jw.org/th/wol/d/r113/lp-si/102017126
การอพยพที่ยิ่งใหญ่ ของสัตว์ในธรรมชาติ
แมงกะพรุนสีทองของทะเลสาบMicronesian เป็นแมงกะพรุนที่มีชื่อเสียงของปาเลา เป็นชนิดที่ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์ แมงกะพรุนสีทองชนิดนี้แตกต่างจากแมงกะพรุนอื่น คือจะมีเส้นทางที่มีการโยกย้ายเป็นประจำทุกวันตามแนวดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า
ทุกเช้าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น สัตว์ที่มีลำตัวใสเหล่านี้จะลอยตัวกลมกลืนไปทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ Micronesian และหยุดลอยในเวลาสั้น ๆ จากเงาที่เกิดจากต้นไม้ริมทะเลสาบที่ซึ่งดวงอาทิตย์ส่องไม่ถึงและจะลอยตัวอยู่ตรงนั้น แต่หลังจากที่หยุดพักในระหว่างที่ดวงอาทิตย์ขึ้นอยู่ในจุดสูงสุดบนท้องฟ้าเหล่าแมงกะพรุนทั้งหมดก็จะเดินทางกลับไปที่เดิม
ผีเสื้อพระมหากษัตริย์
ทุกเดือนกันยายนหรือตุลาคมผีเสื้อพระมหากษัตริย์สีดำและสีทองที่โดดเด่นเริ่มอพยพย้ายถิ่นฐาน จากพื้นที่ทางตอนใต้ของแคนาดาและพื้นที่เพาะพันธุ์ตะวันออกของสหรัฐฯเพื่อมาอยู่กันจนเต็มในสถานที่ต่างๆในภาคกลางของเม็กซิโกและแคลิฟอร์เนีย
พวกมันจะซ้อนกันอยู่ตามต้นไม้เป็นล้าน ๆตัว แต่จะแตกต่างจากสัตว์อื่น ๆ ที่มีการโยกย้ายเป็นประจำ โดยผีเสื้อเหล่านี้แต่ละตัวจะไม่กลับไปที่เดิมที่จากมา เมื่อผีเสื้อเหล่านี้เริ่มต้นที่จะอพยพอีกครั้งในราวเดือนพฤษภาคมผีเสื้อตัวเมียจะหยุดการเดินทางเพื่อทำการวางไข่
ในไม่กี่วันไข่ก็จะฟักเป็นหนอนผีเสื้อและมีการกินในปริมาณที่มากขึ้นก่อนที่จะกลายเป็น chrysalis และเปลี่ยนเป็นผีเสื้อเต็มตัว ผีเสื้อตัวใหม่ก็จะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อบินอีกสองสามร้อยกิโลเมตรทางทิศเหนือ ก่อนที่จะทำซ้ำกระบวนการนี้เพื่อเพาะพันธ์ให้ได้มากที่สุดในหลายชั่วอายุ ที่ควบคู่กันไปพร้อมกับการเดินทางที่เสร็จสมบูรณ์
เทอร์เทิลอาร์กติก
เคยเชื่อกันมานานว่า นกนางนวลแกลบอาร์กติกบินไปกลับทวีปอาร์กติกกับทวีปแอนตาร์กติกาเป็นระยะทาง 35,200 กิโลเมตร แต่การศึกษาวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พบว่า จริง ๆ แล้วนกชนิดนี้บินไกลกว่านั้นมาก
เส้นทางการบินอพยพของนกนางนวลแกลบไม่เป็นเส้นตรง ตามที่เห็นในภาพ
มีการติดอุปกรณ์ระบุพิกัดขนาดเล็กน้ำหนักเท่าคลิปหนีบกระดาษไว้กับนกจำนวนหนึ่ง อุปกรณ์พิเศษนี้ทำให้รู้ว่า นกนางนวลแกลบอาร์กติกบางตัวบินไปกลับโดยเฉลี่ยถึง 90,000 กิโลเมตรในการบินอพยพหนึ่งรอบ ซึ่งถือเป็นสัตว์อพยพย้ายถิ่นที่เดินทางไกลที่สุดเท่าที่เรารู้จักกัน นกตัวหนึ่งในจำนวนนั้นบินไกลถึง 96,000 กิโลเมตร ทำไมระยะทางถึงไกลกว่าที่เคยมีการประมาณไว้ก่อนหน้านี้
ไม่ว่านกนางนวลแกลบอาร์กติกจะเริ่มบินอพยพจากที่ไหน เส้นทางการบินของมันจะไม่เป็นเส้นตรง จากภาพประกอบจะเห็นว่า เส้นทางที่นกบินเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกโค้งไปมาเป็นรูปตัว S เพราะมันใช้ประโยชน์จากกระแสลมในเส้นทางนี้เพื่อช่วยในการบิน
ตลอดช่วงอายุ 30 ปีของนกนางนวลแกลบอาร์กติก พวกมันอาจเดินทางอพยพไปกลับเป็นระยะทางมากกว่า 2,400,000 กิโลเมตร ซึ่งเท่ากับระยะทางไปกลับโลกและดวงจันทร์สามหรือสี่รอบ นักวิจัยบอกว่า “น่าทึ่งมากที่นกตัวเล็กซึ่งหนักแค่ 100 กรัมจะทำแบบนี้ได้” และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ เมื่อนกนางนวลแกลบอาร์กติกบินอพยพไปถึงจุดหมาย ไม่ว่าจะเป็นขั้วโลกเหนือหรือขั้วโลกใต้ ที่นั่นก็จะอยู่ในช่วงฤดูร้อน หนังสือ Life on Earth: A Natural History จึงบอกว่า พวกมัน “เป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแสงอาทิตย์มากกว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก”
กุ้งก้ามกราม
มีการพบกุ้งก้ามกรามข้ามทะเลแคริบเบียน กุ้งเหล่านี้เป็นสัตว์จำพวกครัสเตเชียที่ไร้ที่ติมากที่สุดชนิดหนึ่ง ที่มีการการอพยพที่ผิดปกติมากที่สุดในทะเล ในช่วงเริ่มต้นของแต่ละฤดูร้อนพวกมันจะจับกลุ่มเรียงรายกันอยู่ในแถวที่คล้ายกับเส้น conga และเดินลงทะเลนอกชายฝั่งลงไปในน้ำลึกทั่วพื้นมหาสมุทร
เพื่อหลีกเลี่ยงพายุฤดูร้อนที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในทะเลแคริบเบียน อาจเป็นไปได้ว่าตัวเมียที่มีไข่จะป้องกันไข่ของพวกมันโดยการย้ายเข้าไปในน่านน้ำเย็น และเมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึงกุ้งก้ามกรามก็จะกลับเข้ามาในน้ำตื้นเพื่อผสมพันธุ์อีกครั้ง แม้ว่าจะไม่ทราบแน่ชัดว่าทำไมกุ้งก้ามกรามเป็นสายพันธ์เดียวที่อพยพแบบนี้ แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าการรวมตัวกันจะช่วยในการปกป้องจากผู้ล่า
นกกระเรียนน้อย
ทุกๆปีในเดือนสิงหาคมฝูงนกฟลามิงโกน้อยจะบินเร่ร่อนจากทางใต้ทะเลทรายซาฮาร่าไปยังทะเลสาบ Great Rift Valley ของแอฟริกาตะวันออก
ซึ่งเป็นทะเลสาบ Bogoria ของเคนยาเพื่อไปกินอาหารซึ่งได้แก่สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (cyanobacteria เรียกว่าสาหร่ายเกลียวทอง) ก่อนจะบินไปยังทะเลสาบนาทอร์นทางตอนเหนือของประเทศแทนซาเนีย เพื่อจับคู่และทำรังในประมาณเดือนพฤศจิกายน ด้วยจำนวนเหล่านกฟลามิงโกที่ทะเลสาบสองแห่งนี้ มียอดเกือบประมาณสองล้านตัว ทำให้ทะเลที่นกเหล่านี้เคลื่อนผ่านมองดูเป็นสีชมพูซึ่งเป็นภาพที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง
Great Migration
การอพยพของ Wildebeest ซึ่งเป็นสัตว์ประเภทแอนทีโลปชนิดหนึ่งที่พบได้มากในทวีปแอฟริกา เป็นหนึ่งในการอพยพที่ใหญ่ที่สุดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่จะเกิดขึ้นทุกปี โดยนักสัตว์ศาสตร์เรียกการอพยพนี้ว่า Great Migration
ทุกปีในเดือนพฤษภาคม ฝูง Wildebeest จะเริ่มทยอยอพยพหนีความแห้งแล้งจาก Northern Serengeti ประเทศแทนซาเนียข้ามแม่น้ำไนล์ไปยังทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์กว่าในประเทศเคนยา ซึ่งอยู่ไกลออกไปถึง 1,500 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 เดือน ที่ทุ่งหญ้าในประเทศเคนยาพวกมันจะจับคู่ผสมพันธ์ จากนั้นก็จะเดินทางกลับมาถึง Northern Serengeti ถิ่นกำเนิดของมันในเดือนกันยายนถึงตุลาคม ให้กำเนิดลูก Wildebeest ครอกใหม่ก่อนจะเริ่มฤดูอพยพอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมของปีต่อไปเป็นวัฎจักรที่สืบเนื่องมานับพันนับหมื่นปี
นักสัตว์ศาสตร์คาดว่าจำนวน Wildebeest ที่อพยพในแต่ละปีรวมแล้วจะสูงถึง 2 ล้านตัว ตลอดการเดินทางทั้งไปและกลับจะมี Wildebeest ล้มตายไปประมาณ 2 แสนตัวซึ่งสาเหตุมีทั้งเพราะการบาดเจ็บจากการเดินทาง, การเบียดเสียดยัดเยียด และจากการตกเป็นเหยื่อของสัตว์นักล่าเช่น สิงโต รวมถึงตกเป็นอาหารของฝูงจระเข้ระหว่างข้ามแม่น้ำไนล์ อย่างไรก็ตามจำนวน Wildebeest ที่ล้มตายไปในการอพยพจะถูกทดแทนด้วยลูก Wildebeest ที่เกิดใหม่ประมาณปีละ 5 แสนตัว
นก whimbrel
L. Zwatz นักปักษีวิทยาชาวเนเธอร์แลนด์ ได้รายงานผลการวิจัยเรื่องการอพยพของนกในวารสาร Ardea ว่า นกอพยพ (Migratory Wading Birds) ซึ่งอาศัยตามแถบทะเล Wadden ของมหาสมุทรแอตแลนติกนั้น พอถึงฤดูหนาวมันจะพากันบินไปสู่ Banc d' Arguin ซึ่งอยู่ทางใต้ของทวีปแอฟริกา
ณ ที่นั้น นกจำนวน 2 ล้านตัวจะขุดกินหนอน และถึงแม้หนอนแอฟริกาจะมีขนาดเล็กเท่าหนอนยุโรป ที่มันกินอยู่อย่างสมํ่าเสมอก็ตาม แต่หนอนเหล่านั้นก็เกิดใหม่ได้เร็วพอกับความเร็วในการกินของมัน ดังนั้นถึงแม้ว่าในแต่ละวันอาหารที่จะเลี้ยงดูมันทั้งฝูงจะดูน้อย แต่บริเวณนั้นก็สามารถให้อาหารนกฝูงนี้ได้ติดต่อกันนานเป็นเดือน
เขาได้พบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้นกอพยพอีกประการหนึ่งคือ นกที่อาศัยอยู่ในแถบอาหารร้อนจะใช้พลังงานในการทำให้ร่างกายอบอุ่น น้อยกว่านกที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอากาศหนาว นกชนิดเดียวกันที่อาศัยตามบริเวณเส้นรุ้งที่ต่างกัน จะใช้พลังงานในการทำความอบอุ่นให้กับร่างกายไม่เท่ากัน
ก็ในเมื่อมันเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบปรับตัวตามสภาพอากาศแวดล้อม มันจึงต้องอพยพเพื่อประหยัดพลังงาน
สำหรับจังหวะเวลาที่มันจะบินอพยพนั้น Zwatz ก็พบว่า มันกะจะบินให้ถึงตอนเหยื่อของมันอ้วนท้วนสมบูรณ์พร้อม เช่น นก whimbrel จะอพยพทันทีที่ปู Uca tangeri มีเต็มทะเลโคลน เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูล
Cr.https://th.theplanetsworld.com/3914-the-natural-worlds-other-great-migrations-th
Cr.https://megamisc.blogspot.com/2014/10/great-migration-clip-video-time-lapse.html
Cr.https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=anotherside&month=06-2010&date=10&group=31&gblog=202
Cr.https://wol.jw.org/th/wol/d/r113/lp-si/102017126