ตามหัวข้อเลยค่ะ คือมีเพื่อนอยู่คนนึงคบกันมาจะสิบปีละ คือเป็นเพื่อนที่เริ่มจากการโทรคุยกันก่อนยังไม่ได้เจอหน้ากัน ให้คำปรึกษาอะไรกันเรื่อยมา แล้วพึ่งจะมาได้เจอหน้ากันไปมาหาสู่กันเมื่อประมานสามสี่ปีแล้ว แล้วมันมีปัญหาทักมาหาเราตลอด ยืมเงินบ้าง แต่ก็คืนตรงเวลานะคะ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเบี้ยวหรืออะไรให้โทรหาคนนู้นคนนี้บ้าง ชอบเอาชื่อเราไปอ้างคือมันปล่อยเงินกู้อะค่ะ ไม่ได้จิง
มากนะคะ ประมานว่าให้คนอื่นยืมเงินแล้วอ้างกับคนยืมว่ายืมเพื่อนมาให้อีกทีนะ ให้เค้ารีบคืนอะไรประมานนี้ วันดีคืนดีก้อมีเงินเข้าบัญชีเรามาละ ทักมาแล้วบอกมีคนโอนไปเท่านี้ๆนะ โอนมาให้หน่อย บ่อยค่ะแบบนี้ คือทุกครั้งที่ทักมาต้องมีเรื่องให้เราไปทำตลอด ล่าสุด ทักมาให้เราไปเอาเล่มทะเบียนรถอะไรก้อไม่รู้ บอกว่าให้ขึ้นวินไปซึ่งอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ไม่รู้จัก บอกว่าอยู่ถัดจากซอยหอเราแค่ซอยเดียว
ขอท้าวความก่อนนะคะ จขกท เปนคนต่างจังหวัด พึ่งมาอยู่กทมได้ 2 เดือนไม่ชอบนั่งวิน ไม่ชอบนั่งรถประจำทาง คือเมารถด้วย ไม่กล้านั่งกับคนไม่รุ้จักด้วย ขนาดเวลาจะกินก็สั่งแกร็บเอา ไม่ออกไปไหน อยู่แต่ในห้อง อาจจะมีปัญหาด้านการเข้าสังคมเลยก็ว่าได้มั้งคะ ก็คือไม่ชอบออกไปไหนเลยยย ไม่อยากเจอคน คือมันเป็นปัญหาส่วนตัวอะค่ะ
อ่ะแล้วเพื่อนคนนี้ก็ทักมาให้ไปเอาเล่มทะเบียนรถเราเลยบอกไปว่า "ไม่ไป คือจะให้กุทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องออกไปข้างนอกคือมันเซนซิทีฟกับกูมากจริงๆ" ไม่ชอบออกไปไม่อยากไปจริงๆ แล้วนางก็ตอบมาว่า
"ถ้ากูไม่ด่วนก็ไม่บอกหลอก ก็พอรู้สันดานอยู่" คือเราเหนื่อยอะค่ะ เหนื่อยจะพูด เหมือนเราพูดกันคนละภาษาคุยกันไม่เข้าใจ ไม่รุ้ว่าเราสนิทกันเกินไปรึป่าวหรือยังไง แต่มันชอบใช้คำพูดอะไรแบบนี้กับเราอะแหละค่ะ เราเรียน เรามีการศึกษา เรามีการเข้าสังคมมาหลายๆสังคม เราก็พอจะรู้ว่าควรพูดกับใครแบบไหนยังไง แต่เพื่อนของเราคนนี้ จะมาแนวแบบแรงๆ กุพูดตรงกูพูดแรงแต่กูจริงใจอะไรประมานนี้ ก็ประมานตลาดล่างอะค่ะ ขอโทษนะคะไม่ได้เหยียดจริงๆค่ะ แต่เราไม่เคยคิดว่ามันเป็นปัญหาอะไรเลย เราพยายามมองข้ามข้อนี้ไปตลอด จะโวยวายจะด่าอะไรเราทนมาตลอด
และอีกเรื่องนะคะ ที่เรามาอยู่กทมก็เพราะเค้า ก่อนหน้านี่เราอยู่บ้านแฟนคือก่อนหน้านี้เรามีปัญหาทะเลาะกับแฟนอะค่ะก็คือเบื่อมีปัญหากันมาสักพักละ เราก้อโทรไปร้องไห้กับเพื่อนคนนี้บ่อยก้อให้คำปรึกษาเราดี บอกเลิกเหอะ เดียวมาอยู่กับกู มาอยู่ห้องกู กูจะย้ายไปอยู่บ้านแฟนกูที่ต่างจังหวัด มาอยู่ห้องเช่ากูต่อ ตอนนั้นก็คิดละว่า เออเพื่อนคนนี้ดีเนอะ อยู่ข้างเราตลอดไม่ไปไหน ก้อเลยยอมมา เพื่อนบอกจะไปรับที่บ้านแฟน เราก็วางเพลนบะว่าต้องใช้เงินประมานเท่านี้ๆๆ ตอนนั้นเรามีทองอยู่แค่บาทเดียวบาทสุดท้ายเราก็เอามาขาย ได้ประมานสองหมื่นบาทที่ตกลงกันไว้ก้อคิดคล่าวๆว่าเพื่อนมารับไม่น่าใช้เกิน5000 ค่าน้ำมันรถ ค่าคนขับ ค่าเช่าห้องตอนมารอ ก่อนหน้านั้นตกลงกันว่าห้องเดียว แต่พอวันจริงมา พาน้องๆ เด็กแว๊นมาอีกสามคนรวมคนขับเป็นห้าบอกมาเป็นเพื่อน ก็ต้องเพิ่มห้องเช่า ค่ากินของน้องๆเราจ่ายทุกมื้อ ซื้อของเข้าไปให้แม้กระทั้งสบู่ยาสีฟันครีมล้างหน้าครีมทาผิว เราจ่ายไปให้มันทั้งหมดหลังจากกลับมา ประมานหมื่นสาม(รวมกับเราติดหนี้อยู่อีก5000)ค่าเข้าเซเว่น ขนมนมเนยของน้องๆที่ไปด้วยตั้งแต่อยู่กทมจนไปถึงที่รับเรา เราก็เหลือที่ตัวอยู่ไม่กี่บาทละ อยู่ไปได้7วัน เราโดนแฟนทิ้ง ก้อร้องไห้เสียใจไปตามระเบียบ ตอนนั้นเงินก็เหลือน้อยลงละ อกหักก็อกหัก อีกสามวันสิ้นเดือน เพื่อนทักมาบอก " ต้องจ่ายกูอีกเท่านี้นะ........" จดมาเปนลิสรายการเลยจ้าาา ค่ามัดจำห้องหมื่นนึง ค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟ ที่มาอยู่ด้วยครึ่งเดือน หารกัน รวมๆแบ้วประมานหมื่นสามหมื่นสี่ ตอนนั้นอีนี่ร้องไห้หนักมากเลยจ้าาาา เกือบฆ่าตัวตาย จริงๆ แฟนก็เลิก เพื่อนที่เราคิดว่าเปนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจใหม่อะ มาทวงเงินเราแบบนี้ เหมือนแบบกุต้องทิ้งจากลาแฟนมาเจออะไรวะ กุอยู่ที่เดิมก็ดีอยู่แล้ว ถึงมันจะทุกข์แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกแบบนี้ กูเอาตัวเองมาทำอะไรวะ ตอนนั้นยอมรับว่าคิดฆ่าตัวตายจริงๆค่ะ เพื่อนรู้ว่าเราต้องเจออะไรมาบ้าง เพื่อนรู้แม้กระทั่งเงินตอนนี้เราเหลือกี่บาท แต่เพื่อนก็ยังอยากได้เงินตรงนั้นเราถามว่ายังไม่ให้ครบหมื่นได้มั้ย กุแย่จริงๆ ก็รู้ว่ากูเจออพไรมาบ้าง... นางตอบว่า "กูก็ต้องใช้อะ..."จบ ก่อนหน้านี้คุยกันว่าค่ามัดจำอะผ่อนให้ได้ นี่ก้อคิดว่าซักเดือนละสองสามพัน ให้เราตั้งหลักได้ก่อน แต่นี่เพื่อนทวง หมื่นสามหมื่นสี่ภายในสามวัน เพื่อนหาไม่ทันจริงๆเจ้าค่ะ แล้วเราก็ผ่านมันมาได้ พยายามเก็บเงินให้ครบหมื่นกว่าไปจ่ายมัน ภายในสามวัน คิดว่าเอาวะ ต้องอยู่ให้ได้ เดวเพื่อนก็ย้ายออกแล้ว เดี๋ยวจะได้อยู่คนเดียวแล้ว
นี่ล่ะค่ะนี่เปนเรื่องนึงที่เรารู้สึกแครงใจว่า นี่คือเพื่อนที่เราควรอยู่ข้างๆต่อไปจริงเหรอ หลังจากนั้นเราพยายามห่างค่ะ คุยเฉพาะตอนจ่ายค่าเช่าบ้างไรบ้าง เพราะเราจ่ายค่าเช่าผ่านเค้า ชื่อผู้เช่าห้องยังเปนชื่อเค้า มันพยายามคุยกับเราเหมือนเดิมนะคะ พยายามพูดคุยให้เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่ใจเราก็ไม่สนิทใจไปแล้ว แล้วล่าสุดนางกลับมาจากต่างจังหวัดมาทำเรื่องซื้อรถ ขอมาอยู่กับเราสิบวันระหว่างสิบวันพาเพื่อนเด็กแว๊น เพื่อนผู้ชายเข้ามานั่งเล่นในห้องเราทุกวัน ไม่ขออนุญาติ ไม่บอกเราสักคำว่าจะพาใครมา ซึ่งบางคนเราก็รู้จักบ้างไม่รุ้จักบ้าง แต่เราไม่โอเคเลย เข้าใจกันมั้ยคะว่าห้องนอน ยิ่งโลกส่วนตัวเราสูงมากแบบนี้ด้วย ของใช้เราทุกชิ้นเราก็ลำบากใจที่จะให้ใครมาหยิบมาจับ พามาบางทีเรายังใส่ชุดนอนอยู่เลย เราก็ได้แต่ทนๆๆๆ เบื่อค่ะ เวลาไปกินอะไรกัน หารกับเราแค่สองคน แต่จะมีน้องสก๊อยคนที่ 2 3 4 มากินด้วย แล้วหารกับเราแค่สองคน อ้างว่า น้องกุยังไม่มีงาน ให้มันกินไปเหอะเนอะ จะเป็นแบบนี้ตลอด เราพยายามทำความเข้าใจนะคะว่าคนเราโตมาไม่เหมือนกัน โตมาในสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน เลยหล่อหลอมให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ แต่เพื่อนเราไม่เคยเข้าใจเราเลยค่ะ เราควรเลิกคบมั้ยคะ เหนื่อยมากเลยค่ะ หรือเปนเราเองคะที่เห็นแก่ตัวที่ใจแคบ เพื่อนๆลองคอมเม้นความคิดของตัวเองดูนะคะว่าถ้าเป็นเรา ถ้าเจอแบบเราจะทำยังไงกันอะคะ
คิดยังไงกับเพื่อนที่มักมาขอความช่วยเหลือตลอดเลยคะ
ขอท้าวความก่อนนะคะ จขกท เปนคนต่างจังหวัด พึ่งมาอยู่กทมได้ 2 เดือนไม่ชอบนั่งวิน ไม่ชอบนั่งรถประจำทาง คือเมารถด้วย ไม่กล้านั่งกับคนไม่รุ้จักด้วย ขนาดเวลาจะกินก็สั่งแกร็บเอา ไม่ออกไปไหน อยู่แต่ในห้อง อาจจะมีปัญหาด้านการเข้าสังคมเลยก็ว่าได้มั้งคะ ก็คือไม่ชอบออกไปไหนเลยยย ไม่อยากเจอคน คือมันเป็นปัญหาส่วนตัวอะค่ะ
อ่ะแล้วเพื่อนคนนี้ก็ทักมาให้ไปเอาเล่มทะเบียนรถเราเลยบอกไปว่า "ไม่ไป คือจะให้กุทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องออกไปข้างนอกคือมันเซนซิทีฟกับกูมากจริงๆ" ไม่ชอบออกไปไม่อยากไปจริงๆ แล้วนางก็ตอบมาว่า
"ถ้ากูไม่ด่วนก็ไม่บอกหลอก ก็พอรู้สันดานอยู่" คือเราเหนื่อยอะค่ะ เหนื่อยจะพูด เหมือนเราพูดกันคนละภาษาคุยกันไม่เข้าใจ ไม่รุ้ว่าเราสนิทกันเกินไปรึป่าวหรือยังไง แต่มันชอบใช้คำพูดอะไรแบบนี้กับเราอะแหละค่ะ เราเรียน เรามีการศึกษา เรามีการเข้าสังคมมาหลายๆสังคม เราก็พอจะรู้ว่าควรพูดกับใครแบบไหนยังไง แต่เพื่อนของเราคนนี้ จะมาแนวแบบแรงๆ กุพูดตรงกูพูดแรงแต่กูจริงใจอะไรประมานนี้ ก็ประมานตลาดล่างอะค่ะ ขอโทษนะคะไม่ได้เหยียดจริงๆค่ะ แต่เราไม่เคยคิดว่ามันเป็นปัญหาอะไรเลย เราพยายามมองข้ามข้อนี้ไปตลอด จะโวยวายจะด่าอะไรเราทนมาตลอด
และอีกเรื่องนะคะ ที่เรามาอยู่กทมก็เพราะเค้า ก่อนหน้านี่เราอยู่บ้านแฟนคือก่อนหน้านี้เรามีปัญหาทะเลาะกับแฟนอะค่ะก็คือเบื่อมีปัญหากันมาสักพักละ เราก้อโทรไปร้องไห้กับเพื่อนคนนี้บ่อยก้อให้คำปรึกษาเราดี บอกเลิกเหอะ เดียวมาอยู่กับกู มาอยู่ห้องกู กูจะย้ายไปอยู่บ้านแฟนกูที่ต่างจังหวัด มาอยู่ห้องเช่ากูต่อ ตอนนั้นก็คิดละว่า เออเพื่อนคนนี้ดีเนอะ อยู่ข้างเราตลอดไม่ไปไหน ก้อเลยยอมมา เพื่อนบอกจะไปรับที่บ้านแฟน เราก็วางเพลนบะว่าต้องใช้เงินประมานเท่านี้ๆๆ ตอนนั้นเรามีทองอยู่แค่บาทเดียวบาทสุดท้ายเราก็เอามาขาย ได้ประมานสองหมื่นบาทที่ตกลงกันไว้ก้อคิดคล่าวๆว่าเพื่อนมารับไม่น่าใช้เกิน5000 ค่าน้ำมันรถ ค่าคนขับ ค่าเช่าห้องตอนมารอ ก่อนหน้านั้นตกลงกันว่าห้องเดียว แต่พอวันจริงมา พาน้องๆ เด็กแว๊นมาอีกสามคนรวมคนขับเป็นห้าบอกมาเป็นเพื่อน ก็ต้องเพิ่มห้องเช่า ค่ากินของน้องๆเราจ่ายทุกมื้อ ซื้อของเข้าไปให้แม้กระทั้งสบู่ยาสีฟันครีมล้างหน้าครีมทาผิว เราจ่ายไปให้มันทั้งหมดหลังจากกลับมา ประมานหมื่นสาม(รวมกับเราติดหนี้อยู่อีก5000)ค่าเข้าเซเว่น ขนมนมเนยของน้องๆที่ไปด้วยตั้งแต่อยู่กทมจนไปถึงที่รับเรา เราก็เหลือที่ตัวอยู่ไม่กี่บาทละ อยู่ไปได้7วัน เราโดนแฟนทิ้ง ก้อร้องไห้เสียใจไปตามระเบียบ ตอนนั้นเงินก็เหลือน้อยลงละ อกหักก็อกหัก อีกสามวันสิ้นเดือน เพื่อนทักมาบอก " ต้องจ่ายกูอีกเท่านี้นะ........" จดมาเปนลิสรายการเลยจ้าาา ค่ามัดจำห้องหมื่นนึง ค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟ ที่มาอยู่ด้วยครึ่งเดือน หารกัน รวมๆแบ้วประมานหมื่นสามหมื่นสี่ ตอนนั้นอีนี่ร้องไห้หนักมากเลยจ้าาาา เกือบฆ่าตัวตาย จริงๆ แฟนก็เลิก เพื่อนที่เราคิดว่าเปนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจใหม่อะ มาทวงเงินเราแบบนี้ เหมือนแบบกุต้องทิ้งจากลาแฟนมาเจออะไรวะ กุอยู่ที่เดิมก็ดีอยู่แล้ว ถึงมันจะทุกข์แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกแบบนี้ กูเอาตัวเองมาทำอะไรวะ ตอนนั้นยอมรับว่าคิดฆ่าตัวตายจริงๆค่ะ เพื่อนรู้ว่าเราต้องเจออะไรมาบ้าง เพื่อนรู้แม้กระทั่งเงินตอนนี้เราเหลือกี่บาท แต่เพื่อนก็ยังอยากได้เงินตรงนั้นเราถามว่ายังไม่ให้ครบหมื่นได้มั้ย กุแย่จริงๆ ก็รู้ว่ากูเจออพไรมาบ้าง... นางตอบว่า "กูก็ต้องใช้อะ..."จบ ก่อนหน้านี้คุยกันว่าค่ามัดจำอะผ่อนให้ได้ นี่ก้อคิดว่าซักเดือนละสองสามพัน ให้เราตั้งหลักได้ก่อน แต่นี่เพื่อนทวง หมื่นสามหมื่นสี่ภายในสามวัน เพื่อนหาไม่ทันจริงๆเจ้าค่ะ แล้วเราก็ผ่านมันมาได้ พยายามเก็บเงินให้ครบหมื่นกว่าไปจ่ายมัน ภายในสามวัน คิดว่าเอาวะ ต้องอยู่ให้ได้ เดวเพื่อนก็ย้ายออกแล้ว เดี๋ยวจะได้อยู่คนเดียวแล้ว
นี่ล่ะค่ะนี่เปนเรื่องนึงที่เรารู้สึกแครงใจว่า นี่คือเพื่อนที่เราควรอยู่ข้างๆต่อไปจริงเหรอ หลังจากนั้นเราพยายามห่างค่ะ คุยเฉพาะตอนจ่ายค่าเช่าบ้างไรบ้าง เพราะเราจ่ายค่าเช่าผ่านเค้า ชื่อผู้เช่าห้องยังเปนชื่อเค้า มันพยายามคุยกับเราเหมือนเดิมนะคะ พยายามพูดคุยให้เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่ใจเราก็ไม่สนิทใจไปแล้ว แล้วล่าสุดนางกลับมาจากต่างจังหวัดมาทำเรื่องซื้อรถ ขอมาอยู่กับเราสิบวันระหว่างสิบวันพาเพื่อนเด็กแว๊น เพื่อนผู้ชายเข้ามานั่งเล่นในห้องเราทุกวัน ไม่ขออนุญาติ ไม่บอกเราสักคำว่าจะพาใครมา ซึ่งบางคนเราก็รู้จักบ้างไม่รุ้จักบ้าง แต่เราไม่โอเคเลย เข้าใจกันมั้ยคะว่าห้องนอน ยิ่งโลกส่วนตัวเราสูงมากแบบนี้ด้วย ของใช้เราทุกชิ้นเราก็ลำบากใจที่จะให้ใครมาหยิบมาจับ พามาบางทีเรายังใส่ชุดนอนอยู่เลย เราก็ได้แต่ทนๆๆๆ เบื่อค่ะ เวลาไปกินอะไรกัน หารกับเราแค่สองคน แต่จะมีน้องสก๊อยคนที่ 2 3 4 มากินด้วย แล้วหารกับเราแค่สองคน อ้างว่า น้องกุยังไม่มีงาน ให้มันกินไปเหอะเนอะ จะเป็นแบบนี้ตลอด เราพยายามทำความเข้าใจนะคะว่าคนเราโตมาไม่เหมือนกัน โตมาในสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน เลยหล่อหลอมให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ แต่เพื่อนเราไม่เคยเข้าใจเราเลยค่ะ เราควรเลิกคบมั้ยคะ เหนื่อยมากเลยค่ะ หรือเปนเราเองคะที่เห็นแก่ตัวที่ใจแคบ เพื่อนๆลองคอมเม้นความคิดของตัวเองดูนะคะว่าถ้าเป็นเรา ถ้าเจอแบบเราจะทำยังไงกันอะคะ