สวัสดีครับเพื่อนๆ ใน Pantip ทุกท่าน
วันนี้จะพามาแกะกล่องสินค้าใหม่จากการระดุมทุนเมื่อเดือน ตุลาคม ที่ผ่านมาจาก xiaomi ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทาง จะดีแค่ไหนที่ในทุกครั้งในการเดินทาง ที่สามารถปริ้นรูปมาเก็บหรือมอบให้คนอื่นได้ และนี่คือรีวิวเครื่องพิมพ์พกพาขนาดเท่าฝ่ามือ ที่สามารถพิมพ์ภาพถ่ายสะดวกและรวดเร็วมาก และยังสามารถบันทึกวิดีโอลงในภาพถ่ายได้อีกด้วย
สเปค Mi Photo Printer
เทคโนโลยีการพิมพ์ : เทคโนโลยีการพิมพ์ไร้หมึก zink
วัสดุ : ABS / PC
กระดาษ : ขนาด 3 นิ้ว
ขนาดตัวเครื่อง : 124 มม. × 85 มม. × 24.6 มม.
วิธีการเชื่อมต่อ : บลูทูธ 5.0
สั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่น : Mi Home
รองรับระบบ : Android & iOS
น้ำหนัก : 181 กรัม
ภายในกล่อง
อุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องจะมีกระดาษ ZINK 5 แผ่น, สายเคเบิลแบบ Micro-USB, คู่มือภาษาจีน
การออกแบบ
รูปทรงของเครื่องพิมพ์ภาพออกแบบสไตล์ที่สอดคล้องกันของผลิตภัณฑ์ Xiaomi โดยเน้นความเรียบง่ายและมีสไตล์ ด้านหน้าของเครื่องจะมีไฟแสดงสถานะ ทางออกกระดาษ
พลิกกลับมาดูด้านหลังของเครื่องก็จะเจอไฟแสดงสถานะบลูทูธ ไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่, ปุ่มเปิดปิดและพอร์ตชาร์จ MicroUSB
ความรู้สึกในการถือรู้สึกกระชับมือดีแต่ค่องข้างลื่นนิดหน่อย อาจจะเป็นเพราะผิววัสดุที่เป็นผิวมัน
กระดาษ ZINK
xiaomi ได้เลือกเทคโนโลยีการพิมพ์ไร้หมึก zink โดยข้อดีคือกระดาษจะมีราคาถูกเฉลี่ยใบละ 7 บาทและง่ายในการหาซื้อ โดยกระดาษนั้นเป็นสติกเกอร์ขนาด 3 นิ้ว กระดาษ ZINK ของ xiaomi มีจำหน่าย 2 แพ็กเกจ คือ 20 ใบ ราคา 39 หยวน และ 50 ใบ 89 หยวน
เริ่มต้นการใช้งาน
ก่อนอื่นต้องใส่กระดาษเข้าถาดปริ้นก่อน ด้วยการสไลด์ฝาด้านบนอย่างช้า ๆ จะเห็นช่องใส่กระดาษและวิธีการวางกระดาษสำหรับผู้ใช้ครั้งแรก
เมื่อทำการแกะซองกระดาษจะแผ่นสีส้มๆ มาให้ด้วยเสมอ เรียกว่าแผ่น calibrate สีให้เอากระดาษ calibrate สีส้มใส่ลงไป (กระดาษห้ามใช้ของซองอื่น) หรือให้ด้านสีขาว หันหน้าเข้าหาตัวเราเมื่อกระดาษเข้าที่ก็สไลด์ปิดฝาจากนั้นก็สามารถเปิดเครื่องเพื่อเริ่มทำการปริ้นได้
การใช้งานผ่านแอพ Mi Home
เมื่อทำการ Pair เรียบร้อยแล้วเราสามารถสั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่น Mi Home ได้ทั้งการสั่งปริ้นหรือจะตกแต่งรูปเบื้องต้นได้ โดยความสามารถในการสั่งงานของเครื่องปริ้นจะมีโหมดต่างๆ ดังนี้
- Photo
- AR Photo (Highlight)
- Sound Photo (Highlight)
- แสกน AR Photo / Sound Photo
- Photo Collage
- Grid Split
- Headshot Photo
เจาะลึก Hilight ฟีเจอร์
สำหรับเมนูภายในแอพ Mi Home เมื่อกดเข้ามาที่เครื่องปริ้นที่ได้ทำการ Pair ไว้แล้วจะเจอกับเมนูหน้านี้ ซึ่งเราจะมาเจาะลึกลูกเล่นแต่ละเมนูกันว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้าง เริ่มกันที่
Print Photo
- เมนูสำหรับการพิมพ์รูปภาพธรรมดา
AR Photo
- เมนูสำหรับการนำคลิปหรือวีดีโอสั่นความยาวไม่เกิน 15 วินาที พิมพ์ออกมา สร้างความสนุกอีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจ ตัวอย่างอยู่ท้ายรีวิว
Sound Photo
- เมนูนี้คล้ายกับ AR Photo แต่จะเป็นการนำคลิปเสียงมาบันทึกแทนวีดีโอ
Scan AR Photo / Sound Photo
- เมนูนี้จะขาดไปไม่ได้เลย อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ เป็นเมนูเอาไว้แสกนรูปที่ได้พิมพ์ออกมาจากเมนู AR Photo และ Sound Photo
Photo Collage
- การนำภาพหลายภาพมารวมโดยสามารถเลือก template ได้ทั้งแนวตั้งและนอน
Grid Split
- เป็นการนำรูป 1 รูปมาแบ่งออกเป็น grid ตามรูปแบบที่กำหนดไว้ ช่วยให้ภาพดูแปลกตาไปอีกแบบนึง
Headshot Photo
- หากต้องการใช้รูปติดบัตรแบบด่วนๆ แนะนำเมนูนี้เลย
การแก้ไขภาพ
แอพพลิเคชั่นก็จะมีลูกเล่นให้แก้ไขภาพทั้งหมด 3 หมวดหมู่ การใส่ขอบภาพ ใส่ฟิลเตอร์ และปรับสีสันภาพ
การสั่งพิมพ์รูปภาพ
เมื่อตัวเครื่องขึ้น Stanby แล้วก็จะสามารถกดเข้าโหมดต่างๆ จากเมนูเพื่อเลือกภาพที่ต้องการจะปริ้นจากนั้นตัวแอพพลิเคชั่นจะทำการ แสดงตัวอย่างภาพ ก่อนพิมพ์ให้ดู
การแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์ หากเราต้องการตกแต่งภาพเพิ่ม ใส่ข้อความบนภาพก็สามารถกดปุ่ม Edit เพื่อทำการแต่งภาพ และเลือกจำนวนที่จะสั่งพิมพ์ได้
เมื่อได้รูปที่พอใจแล้วจากนั้นเราก็กดปุ่ม พิมพ์บริเวณมุมขวาบน ตัวแอพพลิเคชั่นจะอัพโหลดรูปไปยังเครื่องพิมพ์ เพื่อสั่งพิมพ์ภาพต่อไป
ขั้นตอนการพิมพ์จะมีหน้าจอแสดงรายละเอียดการอัพโหลด
สำหรับเวลาในการพิมพ์ 1 รูปประมาณ 10 วินาที เมื่อหน้าจอแสดงข้อความ Done ก็ถือว่าเสร็จการพิมพ์
AR Photo จุดเด่นของ Mi Photo Printer
ต้องบอกว่าฟีเจอร์นี้ถือว่าเป็นจุดเด่นที่จะเปลี่ยนรูปเดิมๆ ให้เป็นรูปที่แสดงวีดีโอหรือเสียง ด้วยการสั่งปริ้นผ่านเมนู AR Photo/Sound Photo
คลิปต้นฉบับ
ตัวอย่างรูปที่พิมพ์ผ่านเมนู AR Photo/Sound Photo
- วีธีการดูง่ายๆ เข้าแอพ Mi Home แล้วก็แสกนผ่านเมนู Scan AR Photo/Sound Photo
สรุป
- Mi Photo Printer ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในตลาดเครื่องพิมพ์พกพาที่ต้นทุนกระดาษต่อการพิมพ์หนึ่งรูปไม่แพง และง่ายต่อการพกพาไปเที่ยว คุณภาพของภาพสีไม่ได้ตรง 100% อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ทุกครั้งที่เปลี่ยนกระดาษ ZINK ควร calibrate ใหม่เสมอเพื่อให้เครื่องปรับสีสัน
------------------------------------------------------------------------------
ติดตามผลงานและรีวิวได้ที่
https://www.facebook.com/wediaryth
[CR] แกะกล่อง รีวิว Mi Photo Printer ปริ้นความสนุกได้ทุกเวลา ที่แรกในไทย !!
เทคโนโลยีการพิมพ์ : เทคโนโลยีการพิมพ์ไร้หมึก zink
วัสดุ : ABS / PC
กระดาษ : ขนาด 3 นิ้ว
ขนาดตัวเครื่อง : 124 มม. × 85 มม. × 24.6 มม.
วิธีการเชื่อมต่อ : บลูทูธ 5.0
สั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่น : Mi Home
รองรับระบบ : Android & iOS
น้ำหนัก : 181 กรัม
ภายในกล่อง
อุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องจะมีกระดาษ ZINK 5 แผ่น, สายเคเบิลแบบ Micro-USB, คู่มือภาษาจีน
รูปทรงของเครื่องพิมพ์ภาพออกแบบสไตล์ที่สอดคล้องกันของผลิตภัณฑ์ Xiaomi โดยเน้นความเรียบง่ายและมีสไตล์ ด้านหน้าของเครื่องจะมีไฟแสดงสถานะ ทางออกกระดาษ
กระดาษ ZINK
xiaomi ได้เลือกเทคโนโลยีการพิมพ์ไร้หมึก zink โดยข้อดีคือกระดาษจะมีราคาถูกเฉลี่ยใบละ 7 บาทและง่ายในการหาซื้อ โดยกระดาษนั้นเป็นสติกเกอร์ขนาด 3 นิ้ว กระดาษ ZINK ของ xiaomi มีจำหน่าย 2 แพ็กเกจ คือ 20 ใบ ราคา 39 หยวน และ 50 ใบ 89 หยวน
เมื่อทำการ Pair เรียบร้อยแล้วเราสามารถสั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่น Mi Home ได้ทั้งการสั่งปริ้นหรือจะตกแต่งรูปเบื้องต้นได้ โดยความสามารถในการสั่งงานของเครื่องปริ้นจะมีโหมดต่างๆ ดังนี้
- Photo
- AR Photo (Highlight)
- Sound Photo (Highlight)
- แสกน AR Photo / Sound Photo
- Photo Collage
- Grid Split
- Headshot Photo
เจาะลึก Hilight ฟีเจอร์
สำหรับเมนูภายในแอพ Mi Home เมื่อกดเข้ามาที่เครื่องปริ้นที่ได้ทำการ Pair ไว้แล้วจะเจอกับเมนูหน้านี้ ซึ่งเราจะมาเจาะลึกลูกเล่นแต่ละเมนูกันว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้าง เริ่มกันที่
- เมนูสำหรับการนำคลิปหรือวีดีโอสั่นความยาวไม่เกิน 15 วินาที พิมพ์ออกมา สร้างความสนุกอีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจ ตัวอย่างอยู่ท้ายรีวิว
- เมนูนี้คล้ายกับ AR Photo แต่จะเป็นการนำคลิปเสียงมาบันทึกแทนวีดีโอ
Scan AR Photo / Sound Photo
- เมนูนี้จะขาดไปไม่ได้เลย อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ เป็นเมนูเอาไว้แสกนรูปที่ได้พิมพ์ออกมาจากเมนู AR Photo และ Sound Photo
Photo Collage
- การนำภาพหลายภาพมารวมโดยสามารถเลือก template ได้ทั้งแนวตั้งและนอน
Grid Split
- เป็นการนำรูป 1 รูปมาแบ่งออกเป็น grid ตามรูปแบบที่กำหนดไว้ ช่วยให้ภาพดูแปลกตาไปอีกแบบนึง
เมื่อตัวเครื่องขึ้น Stanby แล้วก็จะสามารถกดเข้าโหมดต่างๆ จากเมนูเพื่อเลือกภาพที่ต้องการจะปริ้นจากนั้นตัวแอพพลิเคชั่นจะทำการ แสดงตัวอย่างภาพ ก่อนพิมพ์ให้ดู
การแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์ หากเราต้องการตกแต่งภาพเพิ่ม ใส่ข้อความบนภาพก็สามารถกดปุ่ม Edit เพื่อทำการแต่งภาพ และเลือกจำนวนที่จะสั่งพิมพ์ได้
เมื่อได้รูปที่พอใจแล้วจากนั้นเราก็กดปุ่ม พิมพ์บริเวณมุมขวาบน ตัวแอพพลิเคชั่นจะอัพโหลดรูปไปยังเครื่องพิมพ์ เพื่อสั่งพิมพ์ภาพต่อไป
ขั้นตอนการพิมพ์จะมีหน้าจอแสดงรายละเอียดการอัพโหลด
สำหรับเวลาในการพิมพ์ 1 รูปประมาณ 10 วินาที เมื่อหน้าจอแสดงข้อความ Done ก็ถือว่าเสร็จการพิมพ์
- Mi Photo Printer ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในตลาดเครื่องพิมพ์พกพาที่ต้นทุนกระดาษต่อการพิมพ์หนึ่งรูปไม่แพง และง่ายต่อการพกพาไปเที่ยว คุณภาพของภาพสีไม่ได้ตรง 100% อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ทุกครั้งที่เปลี่ยนกระดาษ ZINK ควร calibrate ใหม่เสมอเพื่อให้เครื่องปรับสีสัน
------------------------------------------------------------------------------
ติดตามผลงานและรีวิวได้ที่
https://www.facebook.com/wediaryth
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้