เรื่องเล่าของทีมงานล่าท้าผี...

มีตำนานเล่าขานกันมาว่า เคยมีทีมล่าท้าผีทีมหนึ่ง ประกอบไปด้วยผู้ชาย 4 คน และผู้หญิงอีก 1 คน โดยผู้หญิงคนนั้นอ้างว่าตนมีสัมผัสพิเศษ สามารถติดต่อสื่อสารกับเหล่าภูติผีวิญญาณได้ ทุกวันพวกเขาจะรวมตัวกันเพื่อวางแผนออกสำรวจบ้านร้างแห่งหนึ่ง และต้องเป็นบ้านหลังนี้เท่านั้น หลังเดิมที่พวกเขาออกล่าท้าผีตลอด 3 ปีมานี้ และด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนสถานที่เลย 

กลางดึกหลังจากวางแผนและเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ขึ้นรถSUVมุ่งหน้าสู่ที่หมาย ใช้เวลานั่งรถอยู่นานพอสมควร จนในที่สุดรถก็ได้มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังนั้น เหล่าทีมงานไม่รอช้า รีบขนอุปกรณ์ปีนรั้วข้ามเข้ามายังบริเวณสวนหน้าบ้านอันรกชัฏ ฝ่าดงหญ้าและพุ่มไม้มาด้วยความยากลำบาก แต่ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นของทุกคน รู้ตัวอีกทีพวกเขาก็มายืนอยู่หน้าประตูเสียแล้ว

นาฬิกาบอกเวลาใกล้ตีสาม ในแวบแรก คืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากคืนก่อนๆ บรรยากาศอันวังเวง สายลมแห้งๆและเย็นเยือกของเดือนธันวา มันเป็นคืนเดือนดับ แหล่งกำเนิดแสงเดียวที่ช่วยให้มองเห็นคือไฟฉาย ที่เมื่อสอดส่องผ่านช่องประตูที่เปิดอยู่แง้มๆ จะเผยให้เห็นสภาพภายในตัวบ้าน ทุกอย่างในนั้นดูเก่าทรุดโทรม มีเศษเฟอร์นิเจอร์กระจัดกระจาย มันเป็นภาพที่ทีมงานทุกคนล้วนคุ้นเคย

เพียงแต่หญิงสาวคนนั้นที่มาด้วย เธอกลับเริ่มสัมผัสถึงบางอย่างที่ผิดปกติ และเธอไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน หญิงสาวเริ่มเล่าความรู้สึกให้ทีมงานทุกคนได้ฟัง ด้วยท่าทีที่กังวล เธอบอกกับทีมงานว่ามีบางสิ่งอยู่ที่นี่กับพวกเขา บางสิ่งที่อยู่คนละภพภูมิโดยสิ้นเชิง ซึ่งแม้แต่เธอเองก็ยังอธิบายไม่ได้ว่าใช่วิญญาณหรือไม่ที่เธอสัมผัสได้ แต่เธอบอกว่าไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันไม่ได้มีแค่ตัวเดียว พวกมันได้กระจายกันอยู่บริเวณจุดต่างๆของตัวบ้าน ล้อมรอบสถานที่แห่งนี้เอาไว้ ราวกับเฝ้ารอการมาถึงของทีมงานอย่างใจจดใจจ่อ

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น เหล่าทีมงานชายฉกรรจ์ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี ที่คืนนี้พวกเขาจะต้องได้เจอกับสิ่งลี้ลับอะไรบางอย่างเป็นแน่ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่พวกเขาตั้งไว้อยุ่แล้ว ทุกคนเริ่มทยอยเข้าไปสำรวจภายในตัวบ้าน ต่างคนต่างถืออุปกรณ์ที่อ้างว่าสามารถตรวจจับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าจากภูติผีวิญญาณ หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ที่สามารถบันทึกเสียงของสิ่งลี้ลับพวกนั้นได้ หญิงสาวพาเดินนำทางไปยังจุดที่เธอคิดว่าสัมผัสได้ชัดเจนที่สุด โดยมีหัวหน้าทีมงานชายคอยตะโกนเรียกเหล่าวิญญาณให้ออกมาปรากฏตัวหรือแสดงอิทธิฤทธิ์ ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่าคืนนี้พวกเขาจะได้เจอกับอะไร

แล้วทุกอย่างก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความโกลาหล

อยู่ดีๆหญิงสาวคนนั้นก็กรีดร้องขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล มีลมกระโชกพัดเข้ามาทางหน้าต่าง อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆแสดงท่าทีประหลาด เข็มวัดค่าเบนไปสุดสเกลแล้วเริ่มสะบัดไปมา เครื่องมือดิจิทัลเริ่มกะพริบไฟอย่างบ้าคลั่ง และไฟฉายของทุกคนก็เกิดติดๆดับๆขึ้นมาพร้อมกัน หญิงสาวยังคงกรีดร้องไม่หยุด ทุกคนสามารถรู้สึกได้เลยว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เธอเคยพูดถึง บัดนี้พวกมันได้เข้าประชิด และแทบจะเข้ามาห้อมล้อมทีมงานทุกคนไว้ เพียงแต่ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้เท่านั้นเอง

ชายทั้งสี่รวบรวมความกล้าแล้วเข้าไปปลอบหญิงสาว ซึ่งตอนนี้กำลังสะอึกสะอื้นอันเนื่องมาจากผลของความตื่นกลัวสุดขีด เธอตัวสั่นเทา ใบหน้าและแขนขาซีดเผือด จากนั้นความโกลาหลทุกอย่างก็ค่อยๆคลี่คลายลงตามลำดับ สายลมได้พัดผ่านไป ไฟฉายกลับมาติดเหมือนเดิม เครื่องมือกลับมาทำงานตามปกติ เมื่อหญิงสาวเริ่มกลับมามีสติทีละน้อย หนึ่งในทีมงานก็หยิบเครื่องบันทึกเสียงขึ้นมาแล้วเปิดฟังเสียงที่ได้บันทึกไว้เมื่อสักครู่ 

ในตอนแรกเสียงที่ได้ยินยังคงไม่มีอะไรผิดปกติ มันเป็นเสียงของเหล่าทีมงานที่พูดคุยกันขณะเดินเข้ามาสำรวจภายในบ้าน จากนั้นก็มาถึงจุดที่ได้ยินเสียงของหญิงสาวคนนั้นกรีดร้องขึ้นมา ในตอนนั้นเอง ที่ทุกคนได้ยินเสียงอื่นดังแทรกเข้ามาด้วย เสียงแรกเป็นเสียงที่ได้ยินค่อนข้างชัด มันเป็นเสียงฝีเท้าคนกำลังวิ่ง และเมื่อลองฟังดีๆจะพบว่าไม่ใช่เสียงฝีเท้าของคนๆเดียว แต่น่าจะเป็นฝีเท้าไม่ต่ำกว่าสิบคู่ กำลังวิ่งเหมือนกับหนีอะไรสักอย่าง ส่วนเสียงที่สองนั้นได้ยินเมื่อเล่นเครื่องบันทึกเสียงอีกรอบ ในตอนที่ได้ยินเสียงหญิงสาวคนนั้นกรีดร้องขึ้นมา เมื่อเงี่ยหูฟังดีๆจะได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวอีกคนดังขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน โดยที่น้ำเสียงของหญิงสาวอีกคนจะฟังดูแหบและทุ้มกว่า แต่ทีมงานทุกคนล้วนสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เหมือนกัน

นั่นคือในน้ำเสียงของทั้งคู่นั้น แฝงไปด้วยความหวาดกลัวไม่ต่างกัน

ในตอนนั้นเองที่ทีมงานเริ่มมีความเห็นไม่ตรงกัน ฝ่ายหัวหน้าต้องการที่จะเดินเข้าไปสำรวจต่อโดยหวังว่าจะได้ประสบกับสิ่งเหนือธรรมชาติชัดๆอีกครั้ง แล้วจะได้บันทึกมันไว้เป็นหลักฐานเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ ส่วนอีกฝ่ายต้องการให้ยุติภารกิจนี้เสีย โดยเห็นแก่หญิงสาวคนนั้นที่มาด้วยกัน ทีมงานเริ่มทะเลาะกันเอง แต่ไม่นานฝ่ายหัวหน้าก็ได้ข้อสรุปว่า ให้หญิงสาวคนนั้นกับทีมงานอีกคนออกไปรอข้างนอกบ้านก่อน ส่วนตนจะเข้าไปสำรวจต่อกับทีมงานที่เหลือ โดยไม่ต้องพึ่งจิตสัมผัสจากหญิงสาว

เมื่อตกลงดังนั้นหัวหน้าทีมงานกับลูกน้องอีกคนก็หอบอุปกรณ์ทั้งหมดแล้วมุ่งหน้าลึกเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ใจกลางบ้าน ซึ่งเป็นที่ที่หญิงสาวคนนั้นเคยบอกว่าสามารถสัมผัสถึงสิ่งเหนือธรรมชาติได้ชัดเจนที่สุด ในระหว่างที่เดินเข้าไปนั้นเอง ชายทั้งสองต่างรู้สึกราวกับว่ามีใครคอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลา และได้กลิ่นธูปจางๆเมื่อเข้าใกล้ที่หมาย แต่ทั้งคู่ก็ไม่คิดอะไรมาก จนมาถึงห้องโถงดังกล่าว

ภาพที่ทีมงานทั้งคู่ได้เห็นในห้องนั้นสร้างความประหลาดเป็นอย่างมาก ตรงกลางห้องมีถาดๆหนึ่งวางอยู่ โดยในถาดมีเทียนไขเล่มหนึ่งกำลังส่องแสงอยู่รำไร และข้างๆกันนั้นเองมีธูปหอมจำนวนหนึ่งปักอยู่บนผลแอปเปิ้ล มีควันลอยออกมา ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วห้อง นอกจากนั้นยังมีผลเงาะอีกสองสามผลวางอยู่ติดกัน ราวกับถูกใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้หรือเรียกพวกภูติผีวิญญาณให้ออกมาปรากฏตัว 

ทั้งคู่คิดว่าน่าจะเคยมีคนมาล่าท้าผีมาก่อน เลยไม่คิดอะไรมากแล้วเริ่มออกสำรวจห้อง แต่แล้วอยู่ดีๆเครื่องมือต่างๆก็เริ่มแสดงอาการว่าสามารถบันทึกบางสิ่งไว้ได้ เข็มวัดแม่เหล็กไฟฟ้าเบนไปจนสุด ไฟฉายเริ่มกระพริบเป็นครั้งที่สอง ไม่นานทุกอย่างก็สงบลง ด้วยความตื่นเต้นชายทั้งสองจึงเปิดเครื่องบันทึกเสียงแล้วฟังเสียงที่บันทึกไว้ได้ แล้วมันก็มีจริงๆ ทั้งสองได้ยินเสียงแทรกเบาๆเหมือนกับมีคนคุยกัน และเมื่อฟังดีๆจะได้ยินเสียงของผู้ชายพูดขึ้นมาว่า

“มาแล้วใช่มั้ย?”

ยังไม่ทันได้พูดอะไร หนึ่งในทีมงานก็เหลือบไปเห็นเครื่องบันทึกเสียงอีกเครื่องวางตกอยู่บนพื้น ทั้งคู่คิดว่าน่าจะเป็นของทีมงานอื่นลืมทิ้งเอาไว้ จากนั้นจึงเก็บขึ้นมาดูด้วยความสงสัย มันเป็นเครื่องบันทึกเสียงคนละยี่ห้อกับที่พวกเขาใช้ ทั้งคู่ใช้เวลาซักพักจึงสามารถเปิดฟังเสียงที่บันทึกไว้ในนั้นได้

มันเป็นเสียงของทีมงานอีกชุดหนึ่งที่มีทั้งชายและหญิงกำลังเดินสำรวจภายในบ้านเหมือนพวกเขา แต่แล้วก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นซึ่งทำให้ชายทั้งสองแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน มันเป็นเสียงกรีดร้องของผู้หญิง น่าจะเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่มาด้วยกันกับพวกนั้น แต่ทั้งคู่จำน้ำเสียงเธอได้ดี เสียงทุ้มๆ แหบๆ แฝงไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด มันคือเสียงที่พวกเขาเคยได้ยินมาก่อน เสียงที่แทรกเข้ามาตอนที่เปิดฟังเทปครั้งแรก

ทันใดนั้นเอง เทียนหอมตรงกลางห้องก็ได้ดับลง ทั้งคู่ฉายไฟฉายไปตรงนั้น ภาพที่เห็นคือมีรูปถ่ายปริศนาสองใบวางอยู่บนถาด โผล่มาจากไหนไม่รู้ เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆจึงได้พบกับภาพที่ทำชายฉกรรจ์ทั้งสองช็อกจนทำอะไรไม่ถูก

รูปถ่ายรูปแรกเป็นรูปหมู่ของทีมงาน 5 คนนั้น ชาย 4 หญิง 1 ยืนกอดคอกันอยู่หน้ารถSUVของพวกเขา เป็นรูปที่ถ่ายก่อนออกเดินทางมายังบ้านหลังนี้ ส่วนรูปถ่ายใบที่สอง คือรูปที่ถูกตัดออกมาจากหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง แสดงให้เห็นซากรถSUVคันนั้นที่มีสภาพยับเยินเนื่องจากถูกอัดก็อปปี้กับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ใต้ภาพนั้นมีรายละเอียดข่าวสั้นๆที่บอกประมาณว่าเกิดอุบัติเหตุรถSUVเสียหลักลงข้างทางช่วงกลางดึก มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 ราย โดยเป็นชาย 4 คน และหญิงอีก 1 คน โดยสันนิษฐานว่าคนขับน่าจะมีอาการหลับใน และจุดเกิดเหตุห่างจากบ้านหลังนั้นไปเพียง 2 กิโลเมตร

เรื่องราวต่อจากนี้จะมีรายละเอียดเปลี่ยนไปตามผู้ที่เล่า บ้างก็บอกว่าดวงวิญญาณของทีมล่าท้าผีทั้ง 5 คนนั้นจะคอยกลับมาที่บ้านหลังนี้ทุกวัน เวลาตีสาม เพื่อมาทำภารกิจล่าท้าผีตามที่จิตสุดท้ายได้มุ่งหวังเอาไว้ เป็นแบบนี้มา 3 ปีแล้ว ทำให้บ้านหลังดังกล่าวมีชื่อเสียงด้านความเฮี้ยนเป็นพิเศษ และมีนักล่าท้าผีมากมายคอยต่อคิวมาที่นี่เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นตามที่มีคนร่ำลือไว้หรือไม่ บ้างก็เล่าว่าหลังจากที่ชายทั้งสองพบกับรูปถ่ายพวกนั้นแล้ว ทุกอย่างก็รีเซ็ตใหม่ ดวงวิญญาณของทั้งห้าคนก็ได้ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น นั่นก็คือตอนที่นั่งรถมายังบ้านหลังนี้ โดยจำอะไรไม่ได้เลย แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้เริ่มใหม่อีกรอบ วนเวียนอยู่แบบนี้ไม่รู้จบ

สำหรับคนที่จะมาล่าท้าผีที่บ้านหลังนี้ ให้มาก่อนตีสาม แล้วเตรียมเทียนหนึ่งเล่ม ธูปหอมเก้าดอก รูปถ่ายจากหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข่าว และผลไม้มาด้วย จากนั้นจึงเข้าไปยังห้องโถงใหญ่แล้วจุดธูปเทียนรอไว้ เมื่อถึงเวลาดวงวิญญาณเหล่านั้นจะมาเอง แล้วให้รอฟังเสียงกรีดร้องที่จะดังขึ้นตอนประมาณตีสามครึ่ง และเมื่อใกล้ถึงตีสี่ให้รีบดับเทียนทันที หากไม่ทำตามว่ากันว่าดวงวิญญาณทั้งห้าตามกลับไปที่บ้าน และผู้นั้นจะประสบเคราะห์ร้ายถึงขั้นอาจมีอันเป็นไปในที่สุด

---
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับเรื่องสั้นเรื่องสิบสองของผม เรื่องนี้เป็นเรื่องผีแบบไทยๆครับ อาจไม่มีอะไรแปลกใหม่สักเท่าไหร่ แต่ก็ขอบคุณมากๆนะครับที่เข้ามาอ่านกัน คิดเห็นติชมอย่างไรสามารถคอมเมนต์ได้เลยนะครับ สวัสดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่