เมื่อวันก่อนแม่บอกว่าฉันกำลังจะกลายเป็นผีกระสือ อีกสามวันเท่านั้น เมื่อฉันอายุครบสิบห้า ฉันก็จะเป็นกระสืออย่างเต็มตัว แม่กุมมือฉันเบาๆ พลางกับบอกให้ฉันไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แม่ว่าคนในครอบครัวเราต่างก็เป็นผีกระสือกันทุกคน ตกทอดกันมารุ่นต่อรุ่นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว จนถึงรุ่นของฉันก็ต้องสืบทอดการเป็นกระสือนี้ต่อไปเหมือนกัน ฉันบอกตรงๆ ว่าวันนั้น ฉันได้แต่อ้าปากค้างจนทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
แพรวา แพรวา แพรวา... ครูเรียกชื่อฉันอยู่หลายรอบจนทุกคนในห้องต่างหันมามองยังฉัน ที่มัวแต่นั่งเหม่อจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็แน่สิ คืนนี้แล้วที่ฉันจะอายุครบสิบห้า คืนนี้แล้วที่หัวกับไส้ของฉันจะหลุดออกไปจากร่าง คืนนี้แล้วที่ฉันต้องกลายเป็นกระสือเหมือนอย่างที่แม่ว่า แล้วจะให้ฉันยังมีกะจิตกะใจเรียนได้ยังไง...
แพร แพร แพร... พี่ชลเรียกชื่อฉันอยู่หลายครั้ง จนพี่แกต้องยื่นมือมาเขย่าแขนฉันเบาๆ กว่าจะรู้สึกตัว
“เป็นไรเปล่า”
ฉันเพียงแต่ฉีกยิ้มแห้งๆ พลางส่ายหน้าปฏิเสธกับพี่ชล แล้วหันกลับไปมองยังถนนที่มีรถวิ่งกันอย่างกวักไขว่ มันเป็นปกติอยู่แล้วที่พี่ชลจะมายืนรอรถเมล์เป็นเพื่อนฉันในทุกๆ เย็นหลังเลิกเรียน พี่ชลเป็นรุ่นพี่มอห้า ที่ทั้งหน้าตาดี เป็นนักกีฬาของโรงเรียน ฉันเคยรู้สึกว่าฉันโชคดีจริงๆ ที่ได้คบกับพี่เขา ใครต่อใครต่างก็อิจฉาเราทั้งคู่ ว่ากันว่าเราเป็นคู่รักที่เหมาะสมที่สุดในโรงเรียน
แต่ไม่รู้สิหลังๆ มานี้ บางทีฉันก็กลับรู้สึกว่าพี่แกจะตามฉันติดราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉันยังไงไม่รู้
ฉันอดคิดไม่ได้ว่ามันจะเป็นยังไงนะ ถ้าพี่ชลได้รู้ความจริงว่าฉันเป็นกระสือ...
“ตัวเอง” ฉันหันกลับไปมองหน้าพี่ชลในตอนนั้น “เราเลิกกันเถอะ” น้ำเสียงของฉันแผ่วเบาแต่หนักแน่นท่ามกลางเสียงเครื่องยนต์บนถนน
“อะไร...” พี่ชลได้แต่ทำหน้าเหลอหลา
“พี่รู้ไหม...” ฉันมองหน้าพี่ชลอย่างจริงจัง “เรากำลังจะเป็นกระสือ”
“อะไรกันแพร กระสือ อะไร...” พี่ชลพลางยิ้มและหลุดเสียงหัวเราะออกมา คงนึกว่าฉันพูดเล่น
“แม่บอกว่าคืนนี้เค้ากำลังจะกลายเป็นกระสือจริงๆ หัวของเค้า กับไส้โสโครกระโยงระยางอะไรพวกนั้นมันจะต้องหลุดจากร่าง...” นัยน์ตาของฉัน
แฉะๆ คล้ายกับแอ่งน้ำที่กำลังจะปริ่มล้น “เค้ากำลังจะกลายเป็นตัวประหลาด แล้วตัวเองจะรับเค้าได้เหรอ ในทุกคืนที่หัวของเค้าจะต้องลอยต่องแต่ง ส่องแสงวับๆ ไปหาของสกปรกโสโครกเพื่อออกหากิน ตัวเองจะรับเค้าได้เปล่า” ฉันยังจ้องมองนัยน์ตาพี่ชล
ตอนนี้พี่ชลได้แต่อ้ำอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก “ว่ากันว่าคู่รักของผีกระสือจะต้องกลายเป็นกระหัง พี่จะยอมเป็นกระหัง หนีบกระด้งแล้วกลายเป็นตัวประหลาดไปพร้อมกับเค้าเหรอ...” น้ำเสียงของฉันเริ่มพร่าเลือนกลับกลายเป็นเสียงสะอื้น พลางกับอดกลั้นไม่ไหวกับหยาดน้ำตาที่ไหลปาดมาตามโหนกแก้ม
“เราขอโทษ” ฉันยังพยายามเอ่ยพูดเป็นประโยคสุดท้าย
พร้อมกันนั้นเมื่อหันกลับมายังท้องถนน รถเมล์คันที่ฉันรอก็วิ่งผ่านมาพอดี ฉันรีบวิ่งขึ้นรถไป ปล่อยให้พี่ชลยังยื่นนิ่งทื่อราวกับเป็นก้อนหินบ้าใบ้อยู่อย่างนั้น
พอเมื่อขึ้นมาบนรถได้ ฉันใช้หลังมือข้างหนึ่งพยายามปาดหยาดน้ำตาบนใบหน้า พร้อมกับรถที่วิ่งออกไปตอนนั้น แวบหนึ่งฉันก็เผลอนึกโกรธแม่อยู่เหมือนกัน
แม่นะแม่... น่าจะแนะนำวิธีบอกเลิกผู้ชายให้ฉันดีๆ กว่านี้สักหน่อย
เรื่องสั้น : ทายาทกระสือคนต่อไป
เมื่อวันก่อนแม่บอกว่าฉันกำลังจะกลายเป็นผีกระสือ อีกสามวันเท่านั้น เมื่อฉันอายุครบสิบห้า ฉันก็จะเป็นกระสืออย่างเต็มตัว แม่กุมมือฉันเบาๆ พลางกับบอกให้ฉันไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แม่ว่าคนในครอบครัวเราต่างก็เป็นผีกระสือกันทุกคน ตกทอดกันมารุ่นต่อรุ่นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว จนถึงรุ่นของฉันก็ต้องสืบทอดการเป็นกระสือนี้ต่อไปเหมือนกัน ฉันบอกตรงๆ ว่าวันนั้น ฉันได้แต่อ้าปากค้างจนทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
แพรวา แพรวา แพรวา... ครูเรียกชื่อฉันอยู่หลายรอบจนทุกคนในห้องต่างหันมามองยังฉัน ที่มัวแต่นั่งเหม่อจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็แน่สิ คืนนี้แล้วที่ฉันจะอายุครบสิบห้า คืนนี้แล้วที่หัวกับไส้ของฉันจะหลุดออกไปจากร่าง คืนนี้แล้วที่ฉันต้องกลายเป็นกระสือเหมือนอย่างที่แม่ว่า แล้วจะให้ฉันยังมีกะจิตกะใจเรียนได้ยังไง...
แพร แพร แพร... พี่ชลเรียกชื่อฉันอยู่หลายครั้ง จนพี่แกต้องยื่นมือมาเขย่าแขนฉันเบาๆ กว่าจะรู้สึกตัว
“เป็นไรเปล่า”
ฉันเพียงแต่ฉีกยิ้มแห้งๆ พลางส่ายหน้าปฏิเสธกับพี่ชล แล้วหันกลับไปมองยังถนนที่มีรถวิ่งกันอย่างกวักไขว่ มันเป็นปกติอยู่แล้วที่พี่ชลจะมายืนรอรถเมล์เป็นเพื่อนฉันในทุกๆ เย็นหลังเลิกเรียน พี่ชลเป็นรุ่นพี่มอห้า ที่ทั้งหน้าตาดี เป็นนักกีฬาของโรงเรียน ฉันเคยรู้สึกว่าฉันโชคดีจริงๆ ที่ได้คบกับพี่เขา ใครต่อใครต่างก็อิจฉาเราทั้งคู่ ว่ากันว่าเราเป็นคู่รักที่เหมาะสมที่สุดในโรงเรียน
แต่ไม่รู้สิหลังๆ มานี้ บางทีฉันก็กลับรู้สึกว่าพี่แกจะตามฉันติดราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉันยังไงไม่รู้
ฉันอดคิดไม่ได้ว่ามันจะเป็นยังไงนะ ถ้าพี่ชลได้รู้ความจริงว่าฉันเป็นกระสือ...
“ตัวเอง” ฉันหันกลับไปมองหน้าพี่ชลในตอนนั้น “เราเลิกกันเถอะ” น้ำเสียงของฉันแผ่วเบาแต่หนักแน่นท่ามกลางเสียงเครื่องยนต์บนถนน
“อะไร...” พี่ชลได้แต่ทำหน้าเหลอหลา
“พี่รู้ไหม...” ฉันมองหน้าพี่ชลอย่างจริงจัง “เรากำลังจะเป็นกระสือ”
“อะไรกันแพร กระสือ อะไร...” พี่ชลพลางยิ้มและหลุดเสียงหัวเราะออกมา คงนึกว่าฉันพูดเล่น
“แม่บอกว่าคืนนี้เค้ากำลังจะกลายเป็นกระสือจริงๆ หัวของเค้า กับไส้โสโครกระโยงระยางอะไรพวกนั้นมันจะต้องหลุดจากร่าง...” นัยน์ตาของฉัน
แฉะๆ คล้ายกับแอ่งน้ำที่กำลังจะปริ่มล้น “เค้ากำลังจะกลายเป็นตัวประหลาด แล้วตัวเองจะรับเค้าได้เหรอ ในทุกคืนที่หัวของเค้าจะต้องลอยต่องแต่ง ส่องแสงวับๆ ไปหาของสกปรกโสโครกเพื่อออกหากิน ตัวเองจะรับเค้าได้เปล่า” ฉันยังจ้องมองนัยน์ตาพี่ชล
ตอนนี้พี่ชลได้แต่อ้ำอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก “ว่ากันว่าคู่รักของผีกระสือจะต้องกลายเป็นกระหัง พี่จะยอมเป็นกระหัง หนีบกระด้งแล้วกลายเป็นตัวประหลาดไปพร้อมกับเค้าเหรอ...” น้ำเสียงของฉันเริ่มพร่าเลือนกลับกลายเป็นเสียงสะอื้น พลางกับอดกลั้นไม่ไหวกับหยาดน้ำตาที่ไหลปาดมาตามโหนกแก้ม
“เราขอโทษ” ฉันยังพยายามเอ่ยพูดเป็นประโยคสุดท้าย
พร้อมกันนั้นเมื่อหันกลับมายังท้องถนน รถเมล์คันที่ฉันรอก็วิ่งผ่านมาพอดี ฉันรีบวิ่งขึ้นรถไป ปล่อยให้พี่ชลยังยื่นนิ่งทื่อราวกับเป็นก้อนหินบ้าใบ้อยู่อย่างนั้น
พอเมื่อขึ้นมาบนรถได้ ฉันใช้หลังมือข้างหนึ่งพยายามปาดหยาดน้ำตาบนใบหน้า พร้อมกับรถที่วิ่งออกไปตอนนั้น แวบหนึ่งฉันก็เผลอนึกโกรธแม่อยู่เหมือนกัน แม่นะแม่... น่าจะแนะนำวิธีบอกเลิกผู้ชายให้ฉันดีๆ กว่านี้สักหน่อย