ความหมายของคำที่ว่างเปล่า

วันนี้ เมื่อยามสาย ข้าพเจ้าลืมตาขึ้นมาพร้อมความคิดที่น่าสะพรึงกลัว ความคิดเหล่านั้นค่อย ๆ ไหลผ่านจิตใจเป็นสายธาร และแล้วน้ำตาจึงค่อยไหลอาบสองแก้ม ทุกอย่างรอบกายเงียบงัน ความรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน แต่สมองพยายามบอกว่ามันไม่จริง ทุกอย่างจะดีขึ้น ความหวังเล็ก ๆ จนวันคืนผ่านไปวันแล้ววันเล่า ความหวังที่เคยมีลดน้อยลงไปทุกที และไม่กี่วันก่อน คำพูดธรรมดา ๆ ของคนรู้จักเสมือนกระสุนปืนที่ยิงแสกหน้า เพียงคำถามทั่วไป กลับทำให้ร่างกายเชื่องชา และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดในตอนเช้า

เมื่อคืนก่อนข้าพเจ้าได้ชมวีดีโอวิเคราะห์ภาวะทางจิตของตัวละครในภาพยนตร์โดยนักจิตวิทยา ส่วนหนึ่งของวีดีโอได้วิเคราะห์ตัวละคร Tony Stark ใน The Iron Man 3 ที่ต้องเผชิญกับ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) ช้าพเจ้าเริ่มตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อวันก่อน คำถามที่คนรู้จักได้ทักทายถามไถ่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ เหมือนแก้วที่บาดลึกลงกลางอก ไม่น่าเชื่อว่าเพียงคำพูดจะทำให้ร่างกายรู้สึกได้เพียงนี้ เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าไม่อาจเปิดเผยคำพูดนั้นได้ ด้วยเหตุผลว่าข้าพเจ้าไม่ต้องการจะเปิดเผยตัวตน บอกได้เพียงว่า มันเป็นคำถามไถ่สารทุกข์สุขดิบทั่ว ๆ ไปในชีวิต แต่ภายใต้ช่วงชีวิตขณะนี้ มันกลับทำให้รู้สึกเจ็บปวด ข้าพเจ้าก็ทำได้เพียงแต่ตอบคำถามด้วยข้อความอ้อมค้อม และฝืนยิ้ม ทั้งที่ภายในใจนั้นหนักอึ้ง แต่ข้าพเจ้าไม่อาจบอกใครได้ ไม่ว่าใครทั้งนั้น

ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าการหายใจเป็นเรื่องที่หนักหนามากขึ้นทุกวัน ความผิดหวังที่ต้องเจอ ความล้มเหลว และเจ็บปวด ที่รู้สึก 2 - 3 ปีที่ผ่านมานี้ ค่อย ๆ กัดกินตัวตนของข้าพเจ้าที่ครั้งหนึ่งช้าพเจ้าเคยเป็น แปรเปลี่ยนที่คนเก็บตัว หลบหน้าหนีจากผู้คน พูดน้อยลงไปทุกที ขณะเดียวกันข้าพเจ้าก็รู้สึกหวงแหนความสันโดษนี้มากขึ้นและมากขึ้น แต่มันไม่ดีเลยสำหรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า อันที่จริงข้าพเจ้าไม่เคยได้รับการยืนยันโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าตนเองเป็นโรคซึมเศร้า เพราะความเจ็บป่วยทางจิตใจนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าสามารถจ่ายได้

ช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ยากลำบากแสนสาหัส ลาออกจากการงาน หางานไม่ได้ แบกภาระหนี้สินใช้ชีวิตเพื่อหายใจทิ้งวันต่อวัน สร้างความภาระความลำบากให้คนที่เรารัก มองหาคุณค่าของชีวิตตัวเองไม่เจอ หมดแรงและท้อแท้ที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่ทั้งหมดนี้ข้าพเจ้าไม่ต้องการความเห็นใจ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใด หลายครั้งที่ข้าพเจ้าล้มตัวลงนอนและภาวนาของให้การนอนหลับครั้งนี้เป็นการนอนหลับครั้งสุดท้ายในชีวิต เพื่อที่จะไม่ต้องตื่นขึ้นมาพบกับความเจ็บปวดเหมือนที่เคย ความช่วยเหลือคำพูดปลอบโยน กำลังใจจากผู้อื่น ดูไร้ความหมายสำหรับข้าพเจ้า เป็นแค่กลุ่มคำที่ลอยอยู่กลางอากาศจับต้องได้ยากเต็มที คำพูดที่ทำให้เสียความรู้สึกกลับทำงานตรงกันข้าม เต็มไปด้วยความหมาย แทรกอยู่ทุกอณูของร่างกาย น่าเศร้า แต่ความหมายของคำพูดเหล่านั้นมันเป็นความจริง

ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเคยมีชีวิตที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีความคิดสร้างสรรค์มากมาย ก้าวเดินอย่างมีพลัง แต่บัดนี้ข้าพเจ้าไม่รู้จักตัวเองอีกแล้ว พร้อมกันกับความฝันที่หล่นหายไป

แต่หกเดือนนี้ก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมด ข้าพเจ้าเริ่มเข้าใจผู้ที่มีปัญหาทางจิตใจ และรู้สึกเช่นเดียวกัน การต้องตกงาน ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่าชีวิตมนุษย์เดือนคนเรามันง่ายแค่ไหนที่จะกลายเป็นคนไร้บ้าน ภายใต้ระบบสังคมเช่นนี้ มันง่ายแค่ไหนที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำในตอนที่ท้องอิ่ม  และมันง่ายที่จะใช้บางอย่างเพื่อให้ลืมความรู้สึก แม้เพียงชั่วคราว ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานะเดียวกับคนที่คุณกำลังพูดด้วย มันง่ายยิ่งกว่าที่จะบอกให้สู้ แต่การต่อสู้ทั้งร่างกายและจิตใจที่กำลังเผชิญอยู่ มันยากซะยิ่งกว่าการไร้ซึ่งตัวตน อาจดูเหมือนอีกข้ออ้างที่พวกเราใช้เพื่อหลีกเลี่ยงกับความรับผิดชอบชีวิตตัวเอง แต่สำหรับคนที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งไม่ได้รู้สึกมากไปกว่าคนที่กำลังจะล้มละลายสิ้นเนื้อประดาตัว ถ้ามองจากมุมมองภายนอกด้วยเหตุผล อาจเห็นว่าแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ความรู้สึกที่ต้องเผชิญ ณ ที่นั่นตอนนั้น ไม่แตกต่างกันเลย เพราะมนุษย์มิได้มีเพียงเหตุผล แต่ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกในจิตใจ

คำพูดมากมายที่ไร้ความหมาย แต่มันจะไม่ไร้ความหมายตลอดไป ดั่งเช่นคำว่า “สู้ ๆ” หลายครั้งที่คนอื่นบอกข้าพเจ้าด้วยคำ ๆ นี้ ไม่ว่าจะระหว่างเกมฟุตบอล ก่อนเข้าห้องสอบตั้งแต่ประถม ไปจนถึงมัธยม ก่อนการแข่งขันบางอย่าง ข้าพเจ้าได้แต่ยิ้ม และตอบกลับเจ้าตัวไปด้วยคำพูดแบบเดียวกัน แต่ภายใน รู้ดีว่ามันไร้ซึ่งความหมายสำหรับข้าพเจ้า คำปลอบประโลม อื่น ๆ ก็เช่นกัน “ไม่ได้แข่งกับคนอื่น ๆ แต่แข่งกับตัวเอง” ข้าพเจ้าสงสัยเหลือเกินว่าคำเหล่านี้หมายความว่าอะไร แต่เมื่อยังเยาว์ ความเขลาจึงปกคลุม ต้องรอให้วันเวลาเลยผ่านนานหลายปี ผ่านสังเวียนการแข่งขันที่ยากลำบาก ฝืนทนไปให้สุดทาง โดยไม่ล้มเลิกความตั้งใจไปเสียก่อน และได้ลงมือทำอย่างเต็มที่ วันนั้นเอง ข้าพเจ้าจึงได้รู้จักว่าคำว่า ”สู้” ไม่ใช่แค่เหตุผลเบื้องหลังของมัน แต่หากได้รู้สึกเช่นกัน ว่ามันเป็นเช่นไร เมื่อต้องควบคุมตัวเองให้ได้ รับผิดชอบตัวเองให้รอด ภายใต้อิสระ และวินัยที่เราเป็นผู้กำหนดขึ้นเอง เมื่อนั้นจึงได้รู้จักการแข่งกับใจตัวเอง

และข้าพเจ้าคิดเห็นเช่นเดียวกับคำอื่น ๆ แม้ในวันนี้มันไร้ซึ่งความหมาย แต่ในวันนึงข้างหน้าเราจะได้เรียนรู้ ไม่ใช่ด้วยคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ หรือคำนิยามในกระดาษ หากเป็นความหมายจากตัวเราเอง

อย่างไรก็ตาม แม้คำพูดมากมายจะมีความหมายขึ้นมาบ้าง แต่ชีวิตยังเต็มไปด้วยคำพูดเปล่า ๆ กลวง ๆมากมายอยู่ดี และบางทีชีวิตเองก็ไร้ความหมายไปด้วยเช่นกัน สำหรับข้าพเจ้าแล้ว การได้เรียนรู้ซึ่งความหมายของชีวิตนี้เองที่ยังคงฉุดรั้งร่างกายและจิตใจให้ยังคงทำงาน ข้าพเจ้าไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ในฐานะผู้ที่สำเร็จ หรือเอาชนะความว่างเปล่าในจิตใจได้ ไม่ใกล้เคียงเลย แต่คงบอกเล่าอย่างที่ผู้ล้มเหลว ที่ยังคงเรียนรู้เพื่อจะสู้ต่อไป ใครก็ตามที่อยู่ข้างนอกนั่น บนโลกอันอ้างว้างกว้างใหญ่ใบนี้ มองหาเหตุผลที่จะตื่นลืมตาในวันรุ่งขึ้น จงรู้ว่าคุณมิได้เป็นอยู่ และต่อสู้เพียงลำพัง

คำบอกเล่านี้อาจดูไร้ระเบียบ แต่ข้าพเจ้าได้เขียนภายใต้ความรู้สึกสับสนอยู่ภายใน
และยังมีคำบอกเล่าอีกมากที่ต้องการจะส่งออกผ่าน

‘hey man being a loser is fine’  - Finn, Internet member.
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  โรคซึมเศร้า ชีวิตวัยรุ่น ปัญหาชีวิต
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่