ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.share2trade.com/index.php?mod=talk&file=view&id=4655
ในปีที่ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศยากลำบาก บมจ. ทาพาโก้ (TAPAC) กลับรายได้โตสวนกระแสได้จากทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจดาวรุ่งใหม่ด้านความงามที่กำลังโกอินเตอร์
TAPAC รายงานผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิแตะ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.5% จากงวดเดียวกันปีก่อนด้วยอานิสงส์จากบริษัท ริโก้ ผู้ผลิตอุปกรณ์สำนักงานชื่อดังของญี่ปุ่น มีแผนย้ายฐานการผลิตเครื่องพิมพ์สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันอยู่ทั้งนี้จำแนกสัดส่วนรายได้ปัจจุบันเป็นดังนี้ ธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติก อยู่ที่ 717.43 ล้านบาท คิดเป็น 52.81% ของรายได้รวม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้อยู่ที่ 558.63 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอาง มีรายได้ 82.44 ล้านบาท
ในส่วนธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอางมีความน่าสนใจมากเพราะเริ่มดำเนินการได้ราว 1 ปีเท่านั้น แต่แบรนด์ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมไปถึงมีพันธมิตรต่างประเทศทาบทามไปบุกตลาดโพ้นทะเลแล้ว
C4 Global เป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท ทาพาโก้ โดยมีสินค้าที่นำมาขายในปัจจุบันมากกว่า 400 แบรนด์แล้ว และด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรในระดับสากลคาดว่าอีกไม่นานจะมีจำนวนแบรนด์มากกว่านี้เกินเท่าตัวเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าได้มากขึ้นไปอีก
นอกจากหัวเมืองหลักๆ กำลังซื้อสูงแล้ว แผนการบุกตลาดต่างประเทศโซน CLMV ไฮไลท์ต้นปีหน้าจะผุดทั้งสาขาจริงและสาขาออนไลน์ในเวียดนามเต็มตัว สนับสนุนให้เป้าหมายรายได้ส่วนธุรกิจนี้โตเท่าตัวแตะ 300 ล้านบาทในปี 2563 มีความเป็นไปได้ (ส่วนปีนี้ 2562 ผู้บริหารคาดธุรกิจเครื่องสำอางจะทำได้ราว 120-150 ล้านบาท)
ก้าวแห่งความเติบโต TAPAC มาจากการจับโอกาสในวิกฤตสงครามการค้า รวมไปถึงการเข้าไปเจาะช่องว่างทางการตลาดในธุรกิจใหม่ได้ถูกจุดกลายเป็นความสำเร็จอันรวดเร็วซึ่งน่าจับตาดอกผลที่จะเกิดขึ้นในปีต่อๆ ไปยิ่งนัก
รายงานพิเศษ : TAPAC โตสวนกระแส จับตาไลน์ธุรกิจเครื่องสำอางไปได้สวย
ในปีที่ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศยากลำบาก บมจ. ทาพาโก้ (TAPAC) กลับรายได้โตสวนกระแสได้จากทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจดาวรุ่งใหม่ด้านความงามที่กำลังโกอินเตอร์
TAPAC รายงานผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิแตะ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.5% จากงวดเดียวกันปีก่อนด้วยอานิสงส์จากบริษัท ริโก้ ผู้ผลิตอุปกรณ์สำนักงานชื่อดังของญี่ปุ่น มีแผนย้ายฐานการผลิตเครื่องพิมพ์สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันอยู่ทั้งนี้จำแนกสัดส่วนรายได้ปัจจุบันเป็นดังนี้ ธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติก อยู่ที่ 717.43 ล้านบาท คิดเป็น 52.81% ของรายได้รวม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้อยู่ที่ 558.63 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอาง มีรายได้ 82.44 ล้านบาท
ในส่วนธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอางมีความน่าสนใจมากเพราะเริ่มดำเนินการได้ราว 1 ปีเท่านั้น แต่แบรนด์ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมไปถึงมีพันธมิตรต่างประเทศทาบทามไปบุกตลาดโพ้นทะเลแล้ว
C4 Global เป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท ทาพาโก้ โดยมีสินค้าที่นำมาขายในปัจจุบันมากกว่า 400 แบรนด์แล้ว และด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรในระดับสากลคาดว่าอีกไม่นานจะมีจำนวนแบรนด์มากกว่านี้เกินเท่าตัวเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าได้มากขึ้นไปอีก
นอกจากหัวเมืองหลักๆ กำลังซื้อสูงแล้ว แผนการบุกตลาดต่างประเทศโซน CLMV ไฮไลท์ต้นปีหน้าจะผุดทั้งสาขาจริงและสาขาออนไลน์ในเวียดนามเต็มตัว สนับสนุนให้เป้าหมายรายได้ส่วนธุรกิจนี้โตเท่าตัวแตะ 300 ล้านบาทในปี 2563 มีความเป็นไปได้ (ส่วนปีนี้ 2562 ผู้บริหารคาดธุรกิจเครื่องสำอางจะทำได้ราว 120-150 ล้านบาท)
ก้าวแห่งความเติบโต TAPAC มาจากการจับโอกาสในวิกฤตสงครามการค้า รวมไปถึงการเข้าไปเจาะช่องว่างทางการตลาดในธุรกิจใหม่ได้ถูกจุดกลายเป็นความสำเร็จอันรวดเร็วซึ่งน่าจับตาดอกผลที่จะเกิดขึ้นในปีต่อๆ ไปยิ่งนัก