[๑๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก
๔ จำพวกเป็นไฉน คือ
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นสังขารปรินิพพายี
จะปรินิพพานด้วยต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรงในปัจจุบันเทียว
บางคนเมื่อกายแตกจึงเป็นสสังขารปรินิพพายี
บางคนเป็นอสังขารปรินิพพายี
จะปรินิพพานด้วยไม่ต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรงในปัจจุบัน
บางคนเมื่อกายแตกจึงเป็นอสังขารปรินิพพายี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็บุคคลเป็นสสังขารปรินิพพายีในปัจจุบันอย่างไร
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
พิจารณาเห็นในกายว่าไม่งาม
มีความสำคัญในอาหารว่าปฏิกูล
มีความสำคัญในโลกทั้งปวงว่าไม่น่ายินดี
พิจารณาเห็นในสังขารทั้งปวงว่าไม่เที่ยง
และมรณสัญญาของเธอตั้งอยู่ดีแล้วในภายใน
คือสมถะ
สมถกรรมฐาน มีอยู่ 40 อย่าง[2] คือ
กสิณ 10
อสุภ 10
อนุสสติ 10
อัปปมัญญาหรือพรหมวิหาร 4
อรูปฌาน 4
จตุธาตุววัฏฐาน
อาหาเรปฏิกูลสัญญา[3]
เธออาศัยธรรมเป็นกำลัง
ของพระเสขะ ๕ ประการนี้อยู่ คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา (ไม่มีพูดถึงฌาน)
ทั้งอินทรีย์ ๕ ประการนี้ คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ ของเธอปรากฏว่าแก่กล้า
เธอย่อมเป็นสสังขารปรินิพพายีในปัจจุบันเทียว เพราะอินทรีย์ ๕ ประการนี้แก่กล้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นสสังขารปรินิพพายีในปัจจุบันอย่างนี้แล ฯ
ผิดอย่างแรง
(1.การปรินิพพานแบบนี้ ปฏิบัติสบาย อินทรีย์แก่กล้า/วิปัสสนาเข้มแข็ง ไม่ต้องได้ฌาน)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเมื่อกายแตกจึงเป็นสสังขารปรินิพพายีอย่างไร
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นในกายว่าไม่งาม ฯลฯ
อินทรีย์ ๕ ประการคือ สัทธินทรีย์ ... ปัญญินทรีย์ ... ของเธอปรากฏว่าอ่อน
เธอเมื่อกายแตก จึงเป็นสสังขารปรินิพพายี เพราะอินทรีย์ ๕ ประการนี้อ่อน (ไม่มีพูดถึงฌาน)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเมื่อกายแตกจึงเป็นสสังขารปรินิพพายีอย่างนี้แล ฯ
ผิดอย่างแรง
(2.การปรินิพพานแบบนี้ ปฏิบัติลำบาก อินทรีย์อ่อน/วิปัสสนากำลังน้อย ไม่ต้องได้ฌาน)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นอสังขารปรินิพพายีในปัจจุบันอย่างไร
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุทุติยฌาน
ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน เธออาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการนี้
คือ ศรัทธา ... ปัญญา อินทรีย์ ๕ ประการนี้ คือสัทธินทรีย์ ... ปัญญินทรีย์ ของเธอปรากฏว่าแก่กล้า
เธอเป็นอสังขารปรินิพพายีในปัจจุบัน เพราะอินทรีย์ ๕ ประการนี้แก่กล้า
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลเป็นอสังขารปรินิพพายีในปัจจุบันอย่างนี้แล ฯ
ผิดอย่างแรง
(3.การปรินิพพานแบบนี้ ปฏิบัติสบาย อินทรีย์แก่กล้า/วิปัสสนาเข้มแข็ง และได้ฌาน)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเมื่อกายแตกจึงเป็นอสังขารปรินิพพายีอย่างไร
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุทุติยฌานฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ
แต่อินทรีย์ ๕ ประการนี้คือ สัทธินทรีย์ ... ปัญญินทรีย์ ของเธอปรากฏว่าอ่อน
เธอเมื่อกายแตกจึงเป็นอสังขารปรินิพพายี เพราะอินทรีย์ ๕ ประการนี้อ่อน
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลเมื่อกายแตกจึงเป็นอสังขารปรินิพพายี อย่างนี้แล
ผิดอย่างแรง
(4.การปรินิพพานแบบนี้ ปฏิบัติลำบาก อินทรีย์อ่อน/วิปัสสนากำลังน้อย แต่ได้ฌาน)
ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
ย้อนแย้งกันเอง
ผิดอย่างแรง
(1.การปรินิพพานแบบนี้ ปฏิบัติสบาย อินทรีย์แก่กล้า/วิปัสสนาเข้มแข็ง ไม่ต้องได้ฌาน)(2.การปรินิพพานแบบนี้ ปฏิบัติลำบาก อินทรีย์อ่อน/วิปัสสนากำลังน้อย ไม่ต้องได้ฌาน)(3.การปรินิพพานแบบนี้ ปฏิบัติสบาย อินทรีย์แก่กล้า/วิปัสสนาเข้มแข็ง และได้ฌาน)(4.การปรินิพพานแบบนี้ ปฏิบัติลำบาก อินทรีย์อ่อน/วิปัสสนากำลังน้อย แต่ได้ฌาน)