วิธีเตรียมสอบ TU-GET ฉบับ เด็ก ป. เอก 30 November 2019
(ตั้งกระทู้ 30 November 2019 อัพโหลดรูปได้ 3 December 2019)
กระทู้นี้ทำขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ซึ่งตัว จขกท. เอง กว่าจะสอบผ่าน ใช้เวลาเตรียมตัวนานเหมือนกัน
ก่อนจะแนะนำวิธีการเตรียมตัวและหนังสือ สิ่งหนึ่งที่ จขกท. ย้ำเสมอคือ ต้องจับเวลาทำข้อสอบ และตอนตรวจต้องอ่านเฉลยโดยละเอียด ดูว่าข้อนั้นทำถูกหรือผิดเพราะอะไร
ก่อนอื่นเลย ก็บอกก่อนว่า
1. จขกท. ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ (พออ่านออกเขียนได้) โดยเฉพาะแกรมม่าและคำศัพท์ แม้ว่าจะมีประสบการณ์ด้านการตีพิมพ์ แต่บาง paper ก็ได้พึ่งพา native speaker ช่วยขัดเกลาภาษา
2. ในขณะที่เรียนนั้น มุ่งเน้นไปทางทำวิจัย และคิดว่า คะแนนสอบภาษาอังกฤษค่อยมาจัดการหลังจากเคลียร์วิจัยได้
3. กระทู้นี้ไม่ได้มาโฆษณาขายของอะไรทั้งนั้น แค่มาแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่กำลังประสบปัญหาเรื่องการสอบภาษาอังกฤษไม่ผ่าน
4. การลงทะเบียน การเดินทาง เตรียมอะไรไปบ้าง มีคนทำกระทู้ไว้แล้วครับ ค้นหาได้ใน pantip
นี่คือเกณฑ์คะแนนภาษาอังกฤษที่ว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ช่วงแรก มีนาคม – กรกฏาคม จขกท. เน้นไปที่การสอบ CU-TEP ซึ่งจะไม่ขอลงรายละเอียด แต่จะแนบหนังสือที่เคยอ่าน ครอสที่เคยติว (สอบได้สูงสุด 50 กว่า ๆ )
(แอบไปสอบมาวันที่ 8 ธันวาคม 2019 คะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 61)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
หลังจากที่ fail มาหลายครั้ง จึงเปลี่ยนมาสอบ TU-GET
ช่วงที่เตรียมตัวสอบ TU-GET จริง ๆ คือ เดือนสิงหาคม (ช่วงนี้เริ่มทำงานและมีเวลาเตรียมตัวแค่ช่วงเย็นและวันหยุด)
TU-GET นั้น มีข้อสอบจำนวน 100 ข้อ ข้อละ 10 คะแนน รวมเป็น 1,000คะแนน
มีทั้งหมด 3 part
1. Writing ability25 ข้อ 250 คะแนน ประกอบด้วยError identification (12 – 13 ข้อ)และ Sentence completion (12 – 13 ข้อ)
2. Vocab 25 ข้อ ประกอบด้วย Gap filling (15 ข้อ) และ Synonyms (10 ข้อ)
3. Reading Comprehension (50 ข้อ)
จะเห็นว่า part หลักที่ให้คะแนนสูงสุดจะเป็น Reading Comprehension รองลงมาจะเป็น Writing ability ซึ่งฝึกง่ายกว่า และสุดท้ายจะเป็น Vocabต้องอาศัยความรู้ที่มีล้วน ๆ (อาจจะเดาได้)
สิ่งแรกที่ทำต้องทำคือ เริ่มฟื้นแกรมม่าก่อน (จขกท. อ่านแกรมม่าและลงครอสมา จึงได้พื้นฐานมาระดับหนึ่งแล้ว) เหตุผลเพราะว่า part นี้สามารถเพิ่มคะแนนได้ไว และถ้าเรารู้แกรมม่า เราจะอ่านได้เร็วขึ้น ประหยัดเวลาด้วย
1. Error identification
1.1
เล่มนี้จะสรุปแกรมม่าที่สำคัญ ซึ่งมีใน TU-GET แน่นอน โดยเฉพาะพวก อนุประโยค (ได้ทั้ง Error Identification และ Sentence completion)
1.2
บอกเลยว่าเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นจริง ๆ เล่มนี้ดีตรงที่ บอกขั้นตอนการทำ และมีแบบฝึกหัดหลายชุดซึ่งค่อย ๆ ไล่ความยากขึ้น และมีเฉลยอย่างละเอียด บางครั้งก็แอบเอาข้อยาก ๆ จากชุดที่ผ่านมา มาให้ทำซ้ำ
1.3
สองเล่มนี้ต้องอ่านต่อเนื่องกันถึงจะเข้าใจ แต่ไม่ได้อธิบายละเอียดเหมือนเล่มแรก
1.4
เล่มนี้เนื้อหาใกล้เคียงกับเล่มTU-GET ของสถาบันภาษา มธ. (ซื้อก่อนจะรู้ผลสอบ)
1.5
เล่มนี้แกรมม่าไม่ได้ยากเหมือนข้อสอบ แต่มีแบบฝึกหัดเยอะมาก (อาจจะยากช่วงหลังก็ได้ จขกท. ทำได้ไม่กี่ชุดเองก็สอบผ่านก่อน)
1.6
แน่นอนว่า หนังสือสองเล่มนี้จัดทำขึ้นโดย สถาบันภาษาฯ ของ มธ. ซึ่ง จขกท. ได้เข้าครอสติวเร่งด่วน (2 วัน) เขาก็ใช้แบบฝึกหัดจากหนังสือสองเล่มนี้มาสอน
หนังสือสองเล่มนี้มีความใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากที่สุด
ใน่ส่วนของ Error identification และ Sentence completion นั้น ถ้าฝึกทำไปเรื่อย ๆ จะพบว่า เรื่องที่ออกสอบ มีไม่กี่เรื่อง จขกท. แนะนำว่า ควรจะอ่านเฉลยโดยละเอียด แล้วค่อยทบทวนพื้นฐานในข้อ 1.1
2. Vocab
สองเล่มนี้เนื้อหาเกี่ยวกับคำศัพท์ ตั้งแต่ root, suffix, prefix ไปจนถึง synonyms
เล่มนี้แนะนำให้ใช้ฝึก มีแบบฝึกหัดเยอะดี ความยากแล้วแต่ชุด สามารถทบทวนได้
จขกท. มองpart นี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะอัพคะแนน ดังนั้น ถ้ามีเวลาน้อย อย่าเตรียม part นี้
3. Reading Comprehension
เป็น part ที่ จขกท. เกลียดเลยก็ได้ เพราะ (1) อ่านง่าย-คำถามยาก (2) อ่านยาก-คำถามง่าย (3) อ่านไม่รู้เรื่องก็มี
หนังสือที่แนะนำ
3.1
เล่มนี้มีสอนการทำ เทคนิคต่าง ๆ เช่น หา main ideaการอ่านแบบวิธีต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์มาก
และมีคำศัพท์ที่ควรรู้ก่อนอ่าน (ต้องท่องก่อนที่จะอ่าน)
เล่มนี้ความยากพอ ๆ กับข้อสอบจริง เฉลยมีแปลเนื้อเรื่อง แต่เฉลยคำตอบไม่บอกถูกผิดเพราะอะไร (อาจจะเพราะว่าไม่อยากทำให้หนังสือหนามาก)
3.2
Reading Comprehensionสองเล่มนี้ ความยากง่ายแต่ละชุดไม่เท่ากัน แนะนำให้ทำให้ครบทุกชุดแล้วค่อยไปสอบจริง
สองเล่มนี้ มีเฉลยที่ละเอียด ตั้งแต่แปลเนื้อหา และเฉลยที่จะบอกว่าผิด/ถูก เพราะอะไร
4. ทริคเพิ่มเติม
4.1 Writing ability
สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ ต้องรู้ชนิดของคำ เช่น คำนาม ลงท้ายด้วย –tion เป็นต้น จขกท. แนะนำให้ดูวีดีโอของครูดิว โทอิค ซึ่งครูดิวจะพาท่องเป็นกลอน รับรองว่าสนุกและจำแม่น
และการท่อง key words
เช่น the number of N(พหูพจน์)+ V เอกพจน์
A number ofN(พหูพจน์)+ V พหูพจน์
เป็นต้น
จะช่วยให้ทำข้อสอบได้เยอะมาก ๆ
ของ ENG ME UP ก็มีทริคสำหรับ Error Identification สามารถดูฟรีได้
4.2 flash cardหรือบัตรคำศัพท์
สิ่งนี้จะช่วยให้ท่องศัพท์ได้ไวขึ้น ประกอบกับต้องทวนทุก ๆ วัน รับรองว่าจะจำได้แม่นยำ
เราสามารถทำขึ้นมาเองได้ โดยตัดกระดาษแข็งหรือกระดาษชาร์จแข็ง ๆ มีขายตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป ด้านหนึ่งเขียนคำศัพท์ ด้านหนึ่งเขียนความหมาย แบ่งท่อง ครั้งละ 20 -30 คำ จากประสบการณ์ จขกท. แบ่งท่องครั้งละประมาณ 25 คำ ใช้เวลา 20 นาที จำได้ แต่ถ้าไม่ทวนภายใน 24 ชั่วโมงจะลืม
เทคนิคนี้ใช้ท่องพวกแกรมม่าได้ด้วย โดยเขียนด้านหนึ่งเป็นคำถาม อีกด้านหนึ่งเป็นคำตอบ
สิ่งที่ท่องจำนั้น จขกท. จะจดมาจากแบบฝึกหัดที่อ่าน ไม่ว่าจะเป็นแกรมม่าที่พลาดบ่อย ๆ และคำศัพท์ที่แปลไม่ออกในเนื้อเรื่อง
4.3 เขียนติดฝาห้อง จ้องมันทุกวัน (บางอย่างที่อยากจำให้ขึ้นใจ)
เช่น
5. ครอสออนไลน์ที่แนะนำ
เนื่องจาก จขกท. เคยสอบ CU-TEP มาก่อน ในตอนนั้นได้ซื้อครอสของครูโตโน่ ข้อดีคือทวนได้ไม่จำกัด
มีสอนแกรมม่าที่ออกบ่อย เทคนิคการทำข้อสอบ และคำศัพท์ที่จะเจอใน TU-GET (แนะนำให้ท่องก่อนทำแบบฝึกหัดในครอสนี้) แนะนำให้ดู 10 รอบขึ้นไปเพื่อความซึมซับเข้าสมอง โดยเฉพาะเรื่องการเดาคำศัพท์จากบริบท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จะบอกว่า Error Identification รอบสอบเดือน พฤศจิกายน มาแบบมุขที่ครูโตโน่ใช้สอน เป๊ะ ๆ เช่น Although + S +V, but + S + V. ขีดคำว่า but (ซึ่ง ห้ามมี but ในประโยค)
6. สุดท้ายเป็นเทคนิคการบริหารเวลา (เอานาฬิกาเข้าไปดูเวลาได้)
ใน TU-GET มีเวลาสอบ 3โมง ข้อดีคือ เขาให้เราบริหารเวลาเอง ซึ่งจะไม่รู้สึกกดดันเรื่องเวลา
เริ่มแรก หลังจากเจ้าหน้าที่คุมสอบแจกข้อสอบ (แจกครั้งเดียว มีทุก part ในชุดเดียว) ให้เราเปิดอ่านภาพรวมก่อน โดยเฉพาะpart ของ Readingแล้วค่อยกำหนดว่าจะอ่านเรื่องไหนก่อน
จากสถิติ (จับเวลาทำข้อสอบ และ สอบจริง ) จขกท. จะใช้เวลาทำส่วนของ Writing abilityกับ Vocab ประมาณ 1 ชั่วโมง แน่นอนว่า 2 ชั่วโมงที่เหลือคือReading Comprehensionแต่ความจริงแล้ว จขกท. จะทำเสร็จก่อนหมดเวลาประมาณ30 นาที (อาจจะเป็นเพราะสายตาเริ่มล้า) ดังนั้นจึงมีเวลาทบทวนอีก 30 นาที
ใช้เวลาสอบ TU-GETทั้งหมด3 ครั้ง
ครั้งที่ 1 และ2 ได้ 480 คะแนน
ครั้งที่3 ได้600 คะแนน
ทริคสุดท้าย (ส่วนตัวจริง ๆ ) ทุก ๆ ครั้งที่สอบเสร็จ หรือในขณะสอบ แน่นอนว่าทุกคนต้องเครียด จขกท.เองก็เช่นกัน วิธีแก้ที่ได้ผลคือ จขกท. ดื่มเปปทีน (4,000 มิลลิกรัม) 2ขวด ก่อนเข้าห้องสอบ 30 นาที (ประมาณเวลา 08:30 – 08:40 น.) ตอนสอบและหลังจากสอบเสร็จ ไม่มีอาการปวดหัวเลย
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณที่อ่านกันมาถึงตรงนี้ จขกท. หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย านถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ
วิธีเตรียมสอบ TU-GET ฉบับ เด็ก ป. เอก 30 November 2019?
(ตั้งกระทู้ 30 November 2019 อัพโหลดรูปได้ 3 December 2019)
กระทู้นี้ทำขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ซึ่งตัว จขกท. เอง กว่าจะสอบผ่าน ใช้เวลาเตรียมตัวนานเหมือนกัน
ก่อนจะแนะนำวิธีการเตรียมตัวและหนังสือ สิ่งหนึ่งที่ จขกท. ย้ำเสมอคือ ต้องจับเวลาทำข้อสอบ และตอนตรวจต้องอ่านเฉลยโดยละเอียด ดูว่าข้อนั้นทำถูกหรือผิดเพราะอะไร
ก่อนอื่นเลย ก็บอกก่อนว่า
1. จขกท. ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ (พออ่านออกเขียนได้) โดยเฉพาะแกรมม่าและคำศัพท์ แม้ว่าจะมีประสบการณ์ด้านการตีพิมพ์ แต่บาง paper ก็ได้พึ่งพา native speaker ช่วยขัดเกลาภาษา
2. ในขณะที่เรียนนั้น มุ่งเน้นไปทางทำวิจัย และคิดว่า คะแนนสอบภาษาอังกฤษค่อยมาจัดการหลังจากเคลียร์วิจัยได้
3. กระทู้นี้ไม่ได้มาโฆษณาขายของอะไรทั้งนั้น แค่มาแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่กำลังประสบปัญหาเรื่องการสอบภาษาอังกฤษไม่ผ่าน
4. การลงทะเบียน การเดินทาง เตรียมอะไรไปบ้าง มีคนทำกระทู้ไว้แล้วครับ ค้นหาได้ใน pantip
นี่คือเกณฑ์คะแนนภาษาอังกฤษที่ว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ช่วงแรก มีนาคม – กรกฏาคม จขกท. เน้นไปที่การสอบ CU-TEP ซึ่งจะไม่ขอลงรายละเอียด แต่จะแนบหนังสือที่เคยอ่าน ครอสที่เคยติว (สอบได้สูงสุด 50 กว่า ๆ )
(แอบไปสอบมาวันที่ 8 ธันวาคม 2019 คะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 61)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากที่ fail มาหลายครั้ง จึงเปลี่ยนมาสอบ TU-GET
ช่วงที่เตรียมตัวสอบ TU-GET จริง ๆ คือ เดือนสิงหาคม (ช่วงนี้เริ่มทำงานและมีเวลาเตรียมตัวแค่ช่วงเย็นและวันหยุด)
TU-GET นั้น มีข้อสอบจำนวน 100 ข้อ ข้อละ 10 คะแนน รวมเป็น 1,000คะแนน
มีทั้งหมด 3 part
1. Writing ability25 ข้อ 250 คะแนน ประกอบด้วยError identification (12 – 13 ข้อ)และ Sentence completion (12 – 13 ข้อ)
2. Vocab 25 ข้อ ประกอบด้วย Gap filling (15 ข้อ) และ Synonyms (10 ข้อ)
3. Reading Comprehension (50 ข้อ)
จะเห็นว่า part หลักที่ให้คะแนนสูงสุดจะเป็น Reading Comprehension รองลงมาจะเป็น Writing ability ซึ่งฝึกง่ายกว่า และสุดท้ายจะเป็น Vocabต้องอาศัยความรู้ที่มีล้วน ๆ (อาจจะเดาได้)
สิ่งแรกที่ทำต้องทำคือ เริ่มฟื้นแกรมม่าก่อน (จขกท. อ่านแกรมม่าและลงครอสมา จึงได้พื้นฐานมาระดับหนึ่งแล้ว) เหตุผลเพราะว่า part นี้สามารถเพิ่มคะแนนได้ไว และถ้าเรารู้แกรมม่า เราจะอ่านได้เร็วขึ้น ประหยัดเวลาด้วย
1. Error identification
1.1
เล่มนี้จะสรุปแกรมม่าที่สำคัญ ซึ่งมีใน TU-GET แน่นอน โดยเฉพาะพวก อนุประโยค (ได้ทั้ง Error Identification และ Sentence completion)
1.2
บอกเลยว่าเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นจริง ๆ เล่มนี้ดีตรงที่ บอกขั้นตอนการทำ และมีแบบฝึกหัดหลายชุดซึ่งค่อย ๆ ไล่ความยากขึ้น และมีเฉลยอย่างละเอียด บางครั้งก็แอบเอาข้อยาก ๆ จากชุดที่ผ่านมา มาให้ทำซ้ำ
1.3
สองเล่มนี้ต้องอ่านต่อเนื่องกันถึงจะเข้าใจ แต่ไม่ได้อธิบายละเอียดเหมือนเล่มแรก
1.4
เล่มนี้เนื้อหาใกล้เคียงกับเล่มTU-GET ของสถาบันภาษา มธ. (ซื้อก่อนจะรู้ผลสอบ)
1.5
เล่มนี้แกรมม่าไม่ได้ยากเหมือนข้อสอบ แต่มีแบบฝึกหัดเยอะมาก (อาจจะยากช่วงหลังก็ได้ จขกท. ทำได้ไม่กี่ชุดเองก็สอบผ่านก่อน)
1.6
แน่นอนว่า หนังสือสองเล่มนี้จัดทำขึ้นโดย สถาบันภาษาฯ ของ มธ. ซึ่ง จขกท. ได้เข้าครอสติวเร่งด่วน (2 วัน) เขาก็ใช้แบบฝึกหัดจากหนังสือสองเล่มนี้มาสอน
หนังสือสองเล่มนี้มีความใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากที่สุด
ใน่ส่วนของ Error identification และ Sentence completion นั้น ถ้าฝึกทำไปเรื่อย ๆ จะพบว่า เรื่องที่ออกสอบ มีไม่กี่เรื่อง จขกท. แนะนำว่า ควรจะอ่านเฉลยโดยละเอียด แล้วค่อยทบทวนพื้นฐานในข้อ 1.1
2. Vocab
สองเล่มนี้เนื้อหาเกี่ยวกับคำศัพท์ ตั้งแต่ root, suffix, prefix ไปจนถึง synonyms
เล่มนี้แนะนำให้ใช้ฝึก มีแบบฝึกหัดเยอะดี ความยากแล้วแต่ชุด สามารถทบทวนได้
จขกท. มองpart นี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะอัพคะแนน ดังนั้น ถ้ามีเวลาน้อย อย่าเตรียม part นี้
3. Reading Comprehension
เป็น part ที่ จขกท. เกลียดเลยก็ได้ เพราะ (1) อ่านง่าย-คำถามยาก (2) อ่านยาก-คำถามง่าย (3) อ่านไม่รู้เรื่องก็มี
หนังสือที่แนะนำ
3.1
เล่มนี้มีสอนการทำ เทคนิคต่าง ๆ เช่น หา main ideaการอ่านแบบวิธีต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์มาก
และมีคำศัพท์ที่ควรรู้ก่อนอ่าน (ต้องท่องก่อนที่จะอ่าน)
เล่มนี้ความยากพอ ๆ กับข้อสอบจริง เฉลยมีแปลเนื้อเรื่อง แต่เฉลยคำตอบไม่บอกถูกผิดเพราะอะไร (อาจจะเพราะว่าไม่อยากทำให้หนังสือหนามาก)
3.2
Reading Comprehensionสองเล่มนี้ ความยากง่ายแต่ละชุดไม่เท่ากัน แนะนำให้ทำให้ครบทุกชุดแล้วค่อยไปสอบจริง
สองเล่มนี้ มีเฉลยที่ละเอียด ตั้งแต่แปลเนื้อหา และเฉลยที่จะบอกว่าผิด/ถูก เพราะอะไร
4. ทริคเพิ่มเติม
4.1 Writing ability
สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ ต้องรู้ชนิดของคำ เช่น คำนาม ลงท้ายด้วย –tion เป็นต้น จขกท. แนะนำให้ดูวีดีโอของครูดิว โทอิค ซึ่งครูดิวจะพาท่องเป็นกลอน รับรองว่าสนุกและจำแม่น
และการท่อง key words
เช่น the number of N(พหูพจน์)+ V เอกพจน์
A number ofN(พหูพจน์)+ V พหูพจน์
เป็นต้น
จะช่วยให้ทำข้อสอบได้เยอะมาก ๆ
ของ ENG ME UP ก็มีทริคสำหรับ Error Identification สามารถดูฟรีได้
4.2 flash cardหรือบัตรคำศัพท์
สิ่งนี้จะช่วยให้ท่องศัพท์ได้ไวขึ้น ประกอบกับต้องทวนทุก ๆ วัน รับรองว่าจะจำได้แม่นยำ
เราสามารถทำขึ้นมาเองได้ โดยตัดกระดาษแข็งหรือกระดาษชาร์จแข็ง ๆ มีขายตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป ด้านหนึ่งเขียนคำศัพท์ ด้านหนึ่งเขียนความหมาย แบ่งท่อง ครั้งละ 20 -30 คำ จากประสบการณ์ จขกท. แบ่งท่องครั้งละประมาณ 25 คำ ใช้เวลา 20 นาที จำได้ แต่ถ้าไม่ทวนภายใน 24 ชั่วโมงจะลืม
เทคนิคนี้ใช้ท่องพวกแกรมม่าได้ด้วย โดยเขียนด้านหนึ่งเป็นคำถาม อีกด้านหนึ่งเป็นคำตอบ
สิ่งที่ท่องจำนั้น จขกท. จะจดมาจากแบบฝึกหัดที่อ่าน ไม่ว่าจะเป็นแกรมม่าที่พลาดบ่อย ๆ และคำศัพท์ที่แปลไม่ออกในเนื้อเรื่อง
4.3 เขียนติดฝาห้อง จ้องมันทุกวัน (บางอย่างที่อยากจำให้ขึ้นใจ)
เช่น
5. ครอสออนไลน์ที่แนะนำ
เนื่องจาก จขกท. เคยสอบ CU-TEP มาก่อน ในตอนนั้นได้ซื้อครอสของครูโตโน่ ข้อดีคือทวนได้ไม่จำกัด
มีสอนแกรมม่าที่ออกบ่อย เทคนิคการทำข้อสอบ และคำศัพท์ที่จะเจอใน TU-GET (แนะนำให้ท่องก่อนทำแบบฝึกหัดในครอสนี้) แนะนำให้ดู 10 รอบขึ้นไปเพื่อความซึมซับเข้าสมอง โดยเฉพาะเรื่องการเดาคำศัพท์จากบริบท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
6. สุดท้ายเป็นเทคนิคการบริหารเวลา (เอานาฬิกาเข้าไปดูเวลาได้)
ใน TU-GET มีเวลาสอบ 3โมง ข้อดีคือ เขาให้เราบริหารเวลาเอง ซึ่งจะไม่รู้สึกกดดันเรื่องเวลา
เริ่มแรก หลังจากเจ้าหน้าที่คุมสอบแจกข้อสอบ (แจกครั้งเดียว มีทุก part ในชุดเดียว) ให้เราเปิดอ่านภาพรวมก่อน โดยเฉพาะpart ของ Readingแล้วค่อยกำหนดว่าจะอ่านเรื่องไหนก่อน
จากสถิติ (จับเวลาทำข้อสอบ และ สอบจริง ) จขกท. จะใช้เวลาทำส่วนของ Writing abilityกับ Vocab ประมาณ 1 ชั่วโมง แน่นอนว่า 2 ชั่วโมงที่เหลือคือReading Comprehensionแต่ความจริงแล้ว จขกท. จะทำเสร็จก่อนหมดเวลาประมาณ30 นาที (อาจจะเป็นเพราะสายตาเริ่มล้า) ดังนั้นจึงมีเวลาทบทวนอีก 30 นาที
ใช้เวลาสอบ TU-GETทั้งหมด3 ครั้ง
ครั้งที่ 1 และ2 ได้ 480 คะแนน
ครั้งที่3 ได้600 คะแนน
ทริคสุดท้าย (ส่วนตัวจริง ๆ ) ทุก ๆ ครั้งที่สอบเสร็จ หรือในขณะสอบ แน่นอนว่าทุกคนต้องเครียด จขกท.เองก็เช่นกัน วิธีแก้ที่ได้ผลคือ จขกท. ดื่มเปปทีน (4,000 มิลลิกรัม) 2ขวด ก่อนเข้าห้องสอบ 30 นาที (ประมาณเวลา 08:30 – 08:40 น.) ตอนสอบและหลังจากสอบเสร็จ ไม่มีอาการปวดหัวเลย
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณที่อ่านกันมาถึงตรงนี้ จขกท. หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย านถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ