“ถ้าผมเลือกได้ ผมขอตาบอดเหมือนเดิมจะดีกว่าครับ” ชีวินพูดกับหมอที่รักษาตนเองมาโดยตลอด
ชีวินหนุ่มพนักงานฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทภูติพัฒน์กรุ๊ป เขาทำงานกับบริษัทนี้มาเกือบๆห้าปี ปัจจุบันเขาพึ่งอายุสามสิบต้นๆ ชีวินเป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาตามหาอนาคตในเมืองกรุง โชคดีโชคเข้าข้างทำให้เขาได้เข้ามาเป็นพนักงานในบริษัทนี้ และไปได้ดีมีอนาคต ทำให้เขามีทุกอย่าง ชีวิตสะดวกสบาย มีเงินเก็บ มีเงินส่งให้ทางบ้าน และมีคู่ชีวิตที่ดี แค่นี้ก็ถือว่าชีวิตเขาสมบูรณ์แบบแล้ว
ถึงชีวิตปัจจุบันของเขาจะมีความสุขกับชีวิตคู่ และการทำงาน ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบกว่านี้ต้องมีคนสืบทอดนามสกุลสักคนสองคนจะเป็นหญิงหรือชายได้หมด และเขากำลังวางแผนสำหรับเรื่องนี้อยู่
แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร โชคชะตาจะเล่นตลกกับเราแบบไหน วันนี้หัวเราะพรุ่งนี้อาจจะเสียใจแทบบ้าก็ได้ ใครจะรู้
ภรรยาของชีวินชื่อเมฆรา เขาสองคนแต่งงานกันมาสามปียังไม่มีลูกสักคน เนื่องจากยังไม่พร้อม ปัจจุบันเขาสองคนพร้อมกันแล้ว ชีวินและเมฆราพากันไปพบแพทย์เพื่อเตรียมตัวมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ รอวันที่ฝันเป็นจริง ทั้งสองรักกันมาก ผู้คนรอบข้างรับรู้ และตัวเขาเองก็รับรู้เช่นกัน
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ เจ้าตัวน้อยก็ยังไม่มาสักที บวกกับที่บริษัทมีงานเพิ่มทำให้ไม่มีเวลาส่วนตัวเท่าที่ควร หรือนี่จะเป็นช่วงขาลงของเขา ไม่ใช่สิมันต้องเป็นช่วงขาขึ้น งานเยอะเงินแยะ โบนัสคูณไปเท่าตัว ด้วยความที่อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยามานาน ไม่เคยคิดนอกใจซึ่งกันและกัน เมฆรานี่แหละจะเป็นคู่ชีวิตของเขาตลอดไป แม้ยามที่เขาลำบากไม่เหลืออะไร เมฆราก็ยังจะอยู่เคียงข้างเขาดังคำพูด
“พี่วินหลาจะอยู่เคียงข้างเป็นกำลังให้พี่ตลอดไป”
“จริงหรือจ๊ะ”
“จ้ะ”
อย่างที่บอกไม่มีใครรู้อนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แม้กระทั่งหมอดูก็ไม่มีใครรู้ ชีวินประสบอุบัติเหตุมีผลทำให้มองไม่เห็นตลอดชีวิต ใช่แล้วเขาตาบอด และโอกาสหายน้อยมาก นอกจากจะเกิดปาฏิหาริย์เท่านั้น
“คุณชีวินได้รับความกระทบกระเทือนที่สมองอย่างรุนแรง ทำให้มีผลกระทบกับการมองเห็นครับ”
“พี่วินจะเป็นยังไงคะหมอ”
“คุณชีวินจะกลายเป็นคนตาบอด” หมอเงียบไปไม่พูดต่อ
“พี่วินจะหายมั้ยคะหมอ” เมฆราร้องไห้เสียใจกับสามีของตนที่ต้องกลายเป็นคนตาบอดตลอดชีวิต
“โอกาสกลับมามองเห็นมีน้อยมากครับ แต่ถ้าดูแลรักษาสุขภาพให้ดี กินยาตามที่หมอสั่งก็มีโอกาสหายครับ หรือไม่ก็คงรอปาฏิหาริย์” หมอพูดจบก็เดินจากไป
เมฆราร้องไห้ด้วยความเสียใจ มองไปยังร่างที่นอนไร้สติของชีวินอยู่บนเตียงคนไข้ ที่ศีรษะมีผ้าพันแผลพันไว้ และใบหน้ามีรอยพกช้ำนิดหน่อยซึ่งเกิดจากการโดนทำร้ายมา
...
วันก่อน
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกชายฉกรรจ์สองคนยืนดักทางไว้เหมือนจะทำมิดีมิร้ายกับเธอที่ซอยเปลี่ยว เวลานี้ดึกมากแล้วผู้คนเริ่มไม่สัญจร ชีวินกลับจากทำงานเขาอยู่ทำโอทีกลับดึกกว่าทุกวัน ชีวินไม่กลัวอยู่แล้วถนนซอยนี้เขาเข้าออกประจำ อีกอย่างเห็นว่าตนเองเป็นผู้ชายด้วย ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยประสบพบเจออะไร
“ฮ่าๆ “ ชายสองคนหัวเราะกับความลนลานของหญิงสาว พวกเขาต้องการแค่จี้ปล้น แต่ด้วยอะไรไม่รู้ ด้วยความคิดอันต่ำช้าสามานย์ทำให้พวกเขาคิดจะฉุดหญิงสาวนี้ไปสนองตัณหาของตน
“เฮ้ยทำไรวะ” ชีวินรีบวิ่งเข้าไปหาสามคนนั้นและถีบเข้าไปที่ตัวชายอีกคน
“เฮ้ยไม่ใช่เรื่องของแกอย่ายุ่ง” ชายอีกคนชี้หน้า ส่วนคนที่โดนถีบกระเด็นถลาล้มไปกองกับพื้น
“พี่คะช่วยหนูด้วยสองคนนี้มันจะฉุดหนู”
“วอนซะแล้วเอง” ชีวินและชายสองคนต่อสู้กันอย่างทุลักทุเล ด้วยทักษะที่เขาเคยชกมวยมาตอนเด็กๆ ทำให้มีวิชาติดตัวมาบ้าง ส่วนหญิงสาวก็พยายามตะโกนร้องขอความช่วยเหลืออยู่ไม่ขาด
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ชีวินพลาดท่าให้กับสองคนนั้นโดนไม้ฟาดเข้าไปที่ท้ายทอยเต็มๆทำให้เขาหมดสติไปทันที ส่วนชายสองคนก็วิ่งหนีไป เพราะเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือของหญิงสาวทำให้มีผู้คนได้ยินหลายคนเริ่มพากันออกมาดู และนำตัวชีวินส่งโรงพยาบาล ส่วนเธอปลอดภัยดี
...
ชีวินกลายเป็นคนตาบอดตลอดชีวิต แรกๆเขาทำใจไม่ได้ด้วยความที่เคยไปไหนมาไหนสะดวก บัดนี้ทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว ชีวินต้องลาออกจากงาน จำต้องยอมรับกับความพิการนี้ตลอดไป
“พี่วินไม่ต้องห่วงนะหลาจะอยู่เคียงค้างพี่เสมอ” เมฆราพูดปลอบใจเขา ปรนนิบัติเขาทุกอย่างทำให้ชีวินคลายความเศร้าและกังวลไป เรื่องที่ชีวินกลัวที่สุดกลัวเมฆราทิ้งเขาไปนั่นเอง
หลังจากที่ชีวินออกจากโรงพยาบาลหญิงสาวคนนั้นก็หมั่นมาเยี่ยมเขาไม่ขาด ด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนตาบอด ทราบชื่อภายหลังคือ ชมจันทร์ เธอมาเยี่ยมชีวินอยู่เสมอ ทำให้ชีวินรู้สึกคุ้นเคยกับเธอ ทั้งสองคนรวมทั้งเมฆราเริ่มสนิทกันเสมือนญาติคนหนึ่ง
เมื่อชีวินช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็ต้องกลายเป็นภาระของเมฆรา ทุกๆอย่างเมฆรารับภาระหมด เงินเก็บที่มีอยู่ถูกเบิกถอนมาใช้จนหมดสิ้น เงินเดือนของเมฆราน้อยนิดไม่พอค่าใช้จ่าย ซึ่งรายจ่ายมีเพิ่มเข้ามาคือค่ารักษาชีวิน ส่วนรายรับน้อยกว่าเดิม ทำให้ต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่ รถยนต์ สร้อยแหวนที่ชีวินซื้อให้ แม้กระทั่งข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านบางชิ้นก็ถูกนำไปขายเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่าย สุดท้ายก็ต้องขายบ้านและย้ายไปเช่าบ้านราคาถูกๆโทรมๆอยู่
ทางครอบครัวของชีวินเคยอยากพาชีวินกลับบ้านต่างจังหวัด ด้วยเห็นเขาดูแลตัวเองไม่ได้อยากให้ไปอยู่ใกล้ๆญาติพี่น้องจะได้ช่วยดูแล แต่เมฆราไม่ยอม กลัวหาว่าเธอดูแลสามีไม่ได้ และที่สำคัญ เธอไม่อยากอยู่บ้านนอก เธอชอบในเมือง เธอชอบชีวิตที่หรูหรา สะดวกสบายแบบนี้ สุดท้ายญาติๆก็ต้องกลับไปโดยไม่ได้ตัวชีวินกลับด้วย
เมื่อการเงินขาดสภาพคล่อง แถมเสาหลักยังมาพิการแบบนี้ความรักที่เคยหนักแน่นก็เริ่มละหลวม บวกกับชีวินให้ความสุขกับเมฆราไม่ได้เหมือนเดิม เธอยังสาวยังสวย ความอยากมันยังไม่สิ้นสุด เมื่อมีคนรวยๆที่สามารถให้ความสุขสบายกับเธออีกครั้งได้ทำไมเธอจะไม่คว้าโอกาสนั้นไว้
ใช่แล้วเมฆราแอบเล่นชู้ เธอแอบเล่นชู้เพราะคิดว่าชีวินมองไม่เห็น ทำยังไงเขาก็มองไม่เห็น แม้จะแก้ผ้านอนกับชู้รักต่อหน้าเขาก็มองไม่เห็น เธอลืมไปว่าชีวินสัมผัสได้ สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนไปของเธอ ถึงเขาตาบอดเขาก็ไม่ได้โง่
เมฆราเริ่มเปลี่ยนไป ไม่สนใจ ไม่ดูแล ปล่อยให้เขาช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง เขาสัมผัสมันได้ เขารับรู้ถึงความเปลี่ยนไปและความหมดใจของเธอ ซึ่งคงรอแค่วันที่จะเดินออกจากบ้านเช่าหลังโทรมๆนี้ไปเท่านั้น ชีวินเก็บความเสียใจไว้ตลอดมา นอนร้องไห้คนเดียวเมื่อนึกถึงวันวานที่เธอยังรักเขา ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว มันเปลี่ยนไปแล้ว โชคดีของเขาที่มีชมจันทร์คอยดูแลเวลาที่เธอหยุดงาน
ชีวินพยายามปรับตัวให้ได้ พยายามใช้ชีวิตหลังกลายเป็นคนตาบอดให้ได้ และเขาทำสำเร็จ เขาสามารถใช้ชีวิตดังเช่นปกติ แม้กระทั่งออกไปข้างนอกโดยใช้ไม้นำทาง
“หลาจะไปไหน พี่หิวข้าว” เขาพยายามเดินไปหาตัวเธอโดยใช้ไม้นำทาง เดินไปตามเสียงพูดของเธอ ใช้มือจับๆคลำๆที่ตัวของเธอ ชีวินต้องตกใจเมื่อเขาสัมผัสว่ามีกระเป๋าใบใหญ่ที่เธอถือไว้ กระเป๋าเสื้อผ้า เธอเก็บเสื้อผ้าจะทิ้งเขาไปอย่างนั้นหรือ
“จะไปไหนก็เรื่องของฉัน” เธอเบ๊ะปากมองบน เมฆราไม่ทนอยู่บ้านเช่าหลังโทรมๆ อยู่แบบไม่มีอะไรแบบนี้อีกต่อไป
“อยู่กับพี่ได้มั้ย อยู่เป็นกำลังใจให้พี่ต่อไปได้มั้ยหลา”
ชีวินเข้าสวมกอดเอวของเธอ น้ำตาใสๆค่อยๆไหลออกมา มันเจ็บปวดใจ เจ็บปวดแบบอธิบายไม่ถูก
“ได้! ฉันจะอยู่กับพี่ก็ได้ แต่แค่อยู่เป็นกำลังใจเท่านั้นนะ” พูดจบเมฆราผลักตัวเองออกจากอ้อมกอดของชีวิน “ฉันฝากเก็บกระเป๋าด้วย ฉันมีธุระเย็นๆจะกลับ”
“หลาจะกลับมาจริงๆนะ หลาสัญญากับพี่นะ”
“จ้ะ” แล้วเธอก็ยื่นกระเป๋าให้ชีวิน เดินตรงไปยังหน้าบ้านที่มีรถเก๋งจอดรออยู่หันมาแสยะยิ้มให้กับชีวินผู้ที่มองไม่เห็นเธออีกแล้ว
ชีวินเสียใจมากถึงเขามองไม่เห็นแต่เขาก็รับรู้ รับรู้ทุกอย่าง ชีวินไม่อยากถามกลัวคำตอบ ไม่อยากได้ยินคำตอบนั้น เขาหลอกตัวเองไปวันๆ
“มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่คุณชีวินจะกลับมามองเห็นได้” เขานึกถึงคำพูดของหมอ ยิ่งทำให้เขาร้องไห้ฟูมฟายเสียใจ กอดกระเป๋าเสื้อผ้าของเมฆรานอนร้องไห้กับพื้น ทำไมชีวิตเขาถึงต้องตกอับขนาดนี้ เขาทำกรรมอะไรไว้ ปาฏิหาริย์จะมีได้อย่างไร ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน
เขาร้องไห้จนเผลอหลับไปอยู่ตรงนั้น เมื่อตื่นขึ้นมาชีวินไม่รับรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่ จะเช้า จะเย็นหรือดึกเขาก็ไม่สนใจ แค่เวลาเขาง่วงก็นอน หิวก็กิน บางวันก็ไม่ได้กิน โชคชะตายังปราณีเขาส่งชมจันทร์มาดูแลอยู่ไม่ขาด สอนให้เขาช่วยเหลือตัวเอง ในเวลาสำคัญเช่นทานข้าว หรือ หาข้าวกินเอง เวลาไม่มีคนอยู่ด้วยจะได้ไม่หิว และที่สำคัญเวลานี้เขาสามารถหุงข้าวกินเองได้ และต้มมาม่ากินเองได้ เขาช่วยเหลือตัวเองและปรับตัวได้มากขึ้นแล้ว
ชีวินตื่นขึ้นมาจากที่นอนร้องไห้เผลอหลับไป เขาใช้มือคลำหาไม้นำทาง มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าของเมฆราไว้ซึ่งจะเอาไปเก็บ เขาคลำไปเรื่อยๆไม่รู้เอาวางไว้ตรงไหน เขาคลำไปเรื่อยๆไม่ทันระวังตัวตกบันไดไปนอนกองกับพื้นที่ชั้นล่าง หัวฟาดกับเสาบันไดทำให้เขาสลบไป นานเท่าไหร่ไม่รู้จนกระทั่งชมจันทร์มาเห็น
“พี่วิน! พี่วินเป็นอะไรมั้ย” ทันทีที่ชมจันทร์เข้ามาในบ้านเห็นเขานอนสลบกองที่พื้นข้างๆบันไดบ้าน
ชีวินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เห็นภาพเบลอๆ ลางๆเป็นหน้าของชมจันทร์ แต่ไม่ค่อยชัด เป็นภาพติดๆดับๆสลับกัน เขาสลัดหัว ขยี้ตาหลับตาสูดลมหายใจมองอีกครั้ง ตอนนี้กลับมองเห็นหน้าชมจันทร์ชัดมากขึ้นกว่าเดิม เขาอึ้งและดีใจที่กลับมามองเห็นอีกครั้ง
“พี่วินๆ เป็นอะไรมั้ยเดี๋ยวชมพาไปหาหมอนะพี่” เธอรีบร้อนพยุงตัวเขาขึ้นมาและพาไปนั่งที่เก้าอี้ไม้
ชีวินไม่พูดอะไรกำลังอึ้งกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ชมจันทร์สวยมาก น่ารัก นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้เห็นหน้าเธอ ซึ่งครั้งแรกในวันที่เข้าไปช่วยเธอจากเหตุการณ์นั้นมันมองหน้าไม่ชัด รู้สึกตัวอีกทีเขาก็มองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว นับเป็นเวลาสามปีที่เขามองไม่เห็นและเธอคนนี้มาดูแลเขาทุกครั้งในวันหยุด มีบ้างที่มาตอนเลิกงาน ซึ่งมาดูแลในฐานะคนรู้สึกผิดคนหนึ่งเท่านั้นที่เขารู้สึกได้
“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกชม” เขาไหวตัวทันทำตัวเหมือนยังมองไม่เห็นเหมือนเดิม เอามือกุมท้ายทอยนิดหน่อยเพราะรู้สึกเจ็บที่โดนฟาดกับเสาบันได
“ไม่เป็นไรไม่ได้อันตรายนะพี่ นี่พี่หลาอยู่ไหนทำไมไม่อยู่ดูแลพี่วิน เดี๋ยวชมพาไปหาหมอเองก็ได้” เธอทำอากัปกิริยาเป็นห่วงเขามาก โมโหที่เมฆราทิ้งเขาไว้คนเดียว
“พี่หลาไม่อยู่หรอก พี่เค้าไปทำงาน” เมื่อนึกถึงเมฆราความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง เสมือนโดนมีดที่คมวับกรีดลงตรงกลางใจ ทำให้เขาเผลอร้องไห้ออกมาไม่ทันตั้งตัว
“พี่วินร้องไห้ทำไม เจ็บเหรอ เดี๋ยวชมพาไปหาหมอนะ ชมโทรหาพ่อแป๊บนึงให้พ่อพาไปหาหมอนะพี่วิน” พูดแล้วชมจันทร์ก็กดมือถือโทรหาผู้เป็นพ่อให้มารับชีวินพาไปหาหมอ เธอเล่าเหตุการณ์ให้คนเป็นพ่อฟังละเอียดยิบเหมือนเกรงว่าพ่อจะไม่ยอมมายังไงยังงั้น
ชีวินแอบมองชมจันทร์อย่างพินิจพิจารณา เธอช่างน่ารัก นิสัยดีเหมือนเมฆราจริงๆ เหมือนเมฆราในวันวานไม่ใช่ตอนนี้ สักพักก็มีรถกระบะสี่ประตูวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน ชมจันทร์รีบวิ่งไปเปิดประตูให้พ่อ และพาชีวินไปหาหมอ ทั้งสองคนพ่อลูกช่วยกันประครองเขาให้เดิน เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าชีวินกลับมามองเห็นแล้ว
“น้อยมากเลยนะครับ สิบในล้านที่จะกลับมามองเห็นได้เองแบบนี้ ปาฏิหารจริงๆ” หมอพูดกับชีวินหลังจากตรวจเช็คสมองและกระโหลกศีรษะอย่างละเอียด ไม่พบสิ่งผิดปกติ
“หมอครับอย่าบอกใครนะครับว่าผมมองเห็นแล้ว” หมอทำน่าสงสัย ทำไมถึงต้องเป็นเช่นนั้น “ผมมีเหตุผลของผมครับ”
“ตามใจคุณแล้วกันครับ แต่ยังไงช่วงนี้ก็ต้องทานยาตามที่หมอจัดให้นะครับอย่าพึ่งชะล่าใจ”
“ครับ”
หลังจากหาหมอเสร็จชมจันทร์พาเขามาส่งที่บ้าน เตรียมข้าวปลาอาหารให้เขาเรียบร้อยและขอตัวกลับ
...
เรื่องสั้น: เพราะตาบอด
ชีวินหนุ่มพนักงานฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทภูติพัฒน์กรุ๊ป เขาทำงานกับบริษัทนี้มาเกือบๆห้าปี ปัจจุบันเขาพึ่งอายุสามสิบต้นๆ ชีวินเป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาตามหาอนาคตในเมืองกรุง โชคดีโชคเข้าข้างทำให้เขาได้เข้ามาเป็นพนักงานในบริษัทนี้ และไปได้ดีมีอนาคต ทำให้เขามีทุกอย่าง ชีวิตสะดวกสบาย มีเงินเก็บ มีเงินส่งให้ทางบ้าน และมีคู่ชีวิตที่ดี แค่นี้ก็ถือว่าชีวิตเขาสมบูรณ์แบบแล้ว
ถึงชีวิตปัจจุบันของเขาจะมีความสุขกับชีวิตคู่ และการทำงาน ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบกว่านี้ต้องมีคนสืบทอดนามสกุลสักคนสองคนจะเป็นหญิงหรือชายได้หมด และเขากำลังวางแผนสำหรับเรื่องนี้อยู่
แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร โชคชะตาจะเล่นตลกกับเราแบบไหน วันนี้หัวเราะพรุ่งนี้อาจจะเสียใจแทบบ้าก็ได้ ใครจะรู้
ภรรยาของชีวินชื่อเมฆรา เขาสองคนแต่งงานกันมาสามปียังไม่มีลูกสักคน เนื่องจากยังไม่พร้อม ปัจจุบันเขาสองคนพร้อมกันแล้ว ชีวินและเมฆราพากันไปพบแพทย์เพื่อเตรียมตัวมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ รอวันที่ฝันเป็นจริง ทั้งสองรักกันมาก ผู้คนรอบข้างรับรู้ และตัวเขาเองก็รับรู้เช่นกัน
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ เจ้าตัวน้อยก็ยังไม่มาสักที บวกกับที่บริษัทมีงานเพิ่มทำให้ไม่มีเวลาส่วนตัวเท่าที่ควร หรือนี่จะเป็นช่วงขาลงของเขา ไม่ใช่สิมันต้องเป็นช่วงขาขึ้น งานเยอะเงินแยะ โบนัสคูณไปเท่าตัว ด้วยความที่อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยามานาน ไม่เคยคิดนอกใจซึ่งกันและกัน เมฆรานี่แหละจะเป็นคู่ชีวิตของเขาตลอดไป แม้ยามที่เขาลำบากไม่เหลืออะไร เมฆราก็ยังจะอยู่เคียงข้างเขาดังคำพูด
“พี่วินหลาจะอยู่เคียงข้างเป็นกำลังให้พี่ตลอดไป”
“จริงหรือจ๊ะ”
“จ้ะ”
อย่างที่บอกไม่มีใครรู้อนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แม้กระทั่งหมอดูก็ไม่มีใครรู้ ชีวินประสบอุบัติเหตุมีผลทำให้มองไม่เห็นตลอดชีวิต ใช่แล้วเขาตาบอด และโอกาสหายน้อยมาก นอกจากจะเกิดปาฏิหาริย์เท่านั้น
“คุณชีวินได้รับความกระทบกระเทือนที่สมองอย่างรุนแรง ทำให้มีผลกระทบกับการมองเห็นครับ”
“พี่วินจะเป็นยังไงคะหมอ”
“คุณชีวินจะกลายเป็นคนตาบอด” หมอเงียบไปไม่พูดต่อ
“พี่วินจะหายมั้ยคะหมอ” เมฆราร้องไห้เสียใจกับสามีของตนที่ต้องกลายเป็นคนตาบอดตลอดชีวิต
“โอกาสกลับมามองเห็นมีน้อยมากครับ แต่ถ้าดูแลรักษาสุขภาพให้ดี กินยาตามที่หมอสั่งก็มีโอกาสหายครับ หรือไม่ก็คงรอปาฏิหาริย์” หมอพูดจบก็เดินจากไป
เมฆราร้องไห้ด้วยความเสียใจ มองไปยังร่างที่นอนไร้สติของชีวินอยู่บนเตียงคนไข้ ที่ศีรษะมีผ้าพันแผลพันไว้ และใบหน้ามีรอยพกช้ำนิดหน่อยซึ่งเกิดจากการโดนทำร้ายมา
...
วันก่อน
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกชายฉกรรจ์สองคนยืนดักทางไว้เหมือนจะทำมิดีมิร้ายกับเธอที่ซอยเปลี่ยว เวลานี้ดึกมากแล้วผู้คนเริ่มไม่สัญจร ชีวินกลับจากทำงานเขาอยู่ทำโอทีกลับดึกกว่าทุกวัน ชีวินไม่กลัวอยู่แล้วถนนซอยนี้เขาเข้าออกประจำ อีกอย่างเห็นว่าตนเองเป็นผู้ชายด้วย ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยประสบพบเจออะไร
“ฮ่าๆ “ ชายสองคนหัวเราะกับความลนลานของหญิงสาว พวกเขาต้องการแค่จี้ปล้น แต่ด้วยอะไรไม่รู้ ด้วยความคิดอันต่ำช้าสามานย์ทำให้พวกเขาคิดจะฉุดหญิงสาวนี้ไปสนองตัณหาของตน
“เฮ้ยทำไรวะ” ชีวินรีบวิ่งเข้าไปหาสามคนนั้นและถีบเข้าไปที่ตัวชายอีกคน
“เฮ้ยไม่ใช่เรื่องของแกอย่ายุ่ง” ชายอีกคนชี้หน้า ส่วนคนที่โดนถีบกระเด็นถลาล้มไปกองกับพื้น
“พี่คะช่วยหนูด้วยสองคนนี้มันจะฉุดหนู”
“วอนซะแล้วเอง” ชีวินและชายสองคนต่อสู้กันอย่างทุลักทุเล ด้วยทักษะที่เขาเคยชกมวยมาตอนเด็กๆ ทำให้มีวิชาติดตัวมาบ้าง ส่วนหญิงสาวก็พยายามตะโกนร้องขอความช่วยเหลืออยู่ไม่ขาด
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ชีวินพลาดท่าให้กับสองคนนั้นโดนไม้ฟาดเข้าไปที่ท้ายทอยเต็มๆทำให้เขาหมดสติไปทันที ส่วนชายสองคนก็วิ่งหนีไป เพราะเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือของหญิงสาวทำให้มีผู้คนได้ยินหลายคนเริ่มพากันออกมาดู และนำตัวชีวินส่งโรงพยาบาล ส่วนเธอปลอดภัยดี
...
ชีวินกลายเป็นคนตาบอดตลอดชีวิต แรกๆเขาทำใจไม่ได้ด้วยความที่เคยไปไหนมาไหนสะดวก บัดนี้ทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว ชีวินต้องลาออกจากงาน จำต้องยอมรับกับความพิการนี้ตลอดไป
“พี่วินไม่ต้องห่วงนะหลาจะอยู่เคียงค้างพี่เสมอ” เมฆราพูดปลอบใจเขา ปรนนิบัติเขาทุกอย่างทำให้ชีวินคลายความเศร้าและกังวลไป เรื่องที่ชีวินกลัวที่สุดกลัวเมฆราทิ้งเขาไปนั่นเอง
หลังจากที่ชีวินออกจากโรงพยาบาลหญิงสาวคนนั้นก็หมั่นมาเยี่ยมเขาไม่ขาด ด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนตาบอด ทราบชื่อภายหลังคือ ชมจันทร์ เธอมาเยี่ยมชีวินอยู่เสมอ ทำให้ชีวินรู้สึกคุ้นเคยกับเธอ ทั้งสองคนรวมทั้งเมฆราเริ่มสนิทกันเสมือนญาติคนหนึ่ง
เมื่อชีวินช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็ต้องกลายเป็นภาระของเมฆรา ทุกๆอย่างเมฆรารับภาระหมด เงินเก็บที่มีอยู่ถูกเบิกถอนมาใช้จนหมดสิ้น เงินเดือนของเมฆราน้อยนิดไม่พอค่าใช้จ่าย ซึ่งรายจ่ายมีเพิ่มเข้ามาคือค่ารักษาชีวิน ส่วนรายรับน้อยกว่าเดิม ทำให้ต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่ รถยนต์ สร้อยแหวนที่ชีวินซื้อให้ แม้กระทั่งข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านบางชิ้นก็ถูกนำไปขายเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่าย สุดท้ายก็ต้องขายบ้านและย้ายไปเช่าบ้านราคาถูกๆโทรมๆอยู่
ทางครอบครัวของชีวินเคยอยากพาชีวินกลับบ้านต่างจังหวัด ด้วยเห็นเขาดูแลตัวเองไม่ได้อยากให้ไปอยู่ใกล้ๆญาติพี่น้องจะได้ช่วยดูแล แต่เมฆราไม่ยอม กลัวหาว่าเธอดูแลสามีไม่ได้ และที่สำคัญ เธอไม่อยากอยู่บ้านนอก เธอชอบในเมือง เธอชอบชีวิตที่หรูหรา สะดวกสบายแบบนี้ สุดท้ายญาติๆก็ต้องกลับไปโดยไม่ได้ตัวชีวินกลับด้วย
เมื่อการเงินขาดสภาพคล่อง แถมเสาหลักยังมาพิการแบบนี้ความรักที่เคยหนักแน่นก็เริ่มละหลวม บวกกับชีวินให้ความสุขกับเมฆราไม่ได้เหมือนเดิม เธอยังสาวยังสวย ความอยากมันยังไม่สิ้นสุด เมื่อมีคนรวยๆที่สามารถให้ความสุขสบายกับเธออีกครั้งได้ทำไมเธอจะไม่คว้าโอกาสนั้นไว้
ใช่แล้วเมฆราแอบเล่นชู้ เธอแอบเล่นชู้เพราะคิดว่าชีวินมองไม่เห็น ทำยังไงเขาก็มองไม่เห็น แม้จะแก้ผ้านอนกับชู้รักต่อหน้าเขาก็มองไม่เห็น เธอลืมไปว่าชีวินสัมผัสได้ สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนไปของเธอ ถึงเขาตาบอดเขาก็ไม่ได้โง่
เมฆราเริ่มเปลี่ยนไป ไม่สนใจ ไม่ดูแล ปล่อยให้เขาช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง เขาสัมผัสมันได้ เขารับรู้ถึงความเปลี่ยนไปและความหมดใจของเธอ ซึ่งคงรอแค่วันที่จะเดินออกจากบ้านเช่าหลังโทรมๆนี้ไปเท่านั้น ชีวินเก็บความเสียใจไว้ตลอดมา นอนร้องไห้คนเดียวเมื่อนึกถึงวันวานที่เธอยังรักเขา ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว มันเปลี่ยนไปแล้ว โชคดีของเขาที่มีชมจันทร์คอยดูแลเวลาที่เธอหยุดงาน
ชีวินพยายามปรับตัวให้ได้ พยายามใช้ชีวิตหลังกลายเป็นคนตาบอดให้ได้ และเขาทำสำเร็จ เขาสามารถใช้ชีวิตดังเช่นปกติ แม้กระทั่งออกไปข้างนอกโดยใช้ไม้นำทาง
“หลาจะไปไหน พี่หิวข้าว” เขาพยายามเดินไปหาตัวเธอโดยใช้ไม้นำทาง เดินไปตามเสียงพูดของเธอ ใช้มือจับๆคลำๆที่ตัวของเธอ ชีวินต้องตกใจเมื่อเขาสัมผัสว่ามีกระเป๋าใบใหญ่ที่เธอถือไว้ กระเป๋าเสื้อผ้า เธอเก็บเสื้อผ้าจะทิ้งเขาไปอย่างนั้นหรือ
“จะไปไหนก็เรื่องของฉัน” เธอเบ๊ะปากมองบน เมฆราไม่ทนอยู่บ้านเช่าหลังโทรมๆ อยู่แบบไม่มีอะไรแบบนี้อีกต่อไป
“อยู่กับพี่ได้มั้ย อยู่เป็นกำลังใจให้พี่ต่อไปได้มั้ยหลา”
ชีวินเข้าสวมกอดเอวของเธอ น้ำตาใสๆค่อยๆไหลออกมา มันเจ็บปวดใจ เจ็บปวดแบบอธิบายไม่ถูก
“ได้! ฉันจะอยู่กับพี่ก็ได้ แต่แค่อยู่เป็นกำลังใจเท่านั้นนะ” พูดจบเมฆราผลักตัวเองออกจากอ้อมกอดของชีวิน “ฉันฝากเก็บกระเป๋าด้วย ฉันมีธุระเย็นๆจะกลับ”
“หลาจะกลับมาจริงๆนะ หลาสัญญากับพี่นะ”
“จ้ะ” แล้วเธอก็ยื่นกระเป๋าให้ชีวิน เดินตรงไปยังหน้าบ้านที่มีรถเก๋งจอดรออยู่หันมาแสยะยิ้มให้กับชีวินผู้ที่มองไม่เห็นเธออีกแล้ว
ชีวินเสียใจมากถึงเขามองไม่เห็นแต่เขาก็รับรู้ รับรู้ทุกอย่าง ชีวินไม่อยากถามกลัวคำตอบ ไม่อยากได้ยินคำตอบนั้น เขาหลอกตัวเองไปวันๆ
“มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่คุณชีวินจะกลับมามองเห็นได้” เขานึกถึงคำพูดของหมอ ยิ่งทำให้เขาร้องไห้ฟูมฟายเสียใจ กอดกระเป๋าเสื้อผ้าของเมฆรานอนร้องไห้กับพื้น ทำไมชีวิตเขาถึงต้องตกอับขนาดนี้ เขาทำกรรมอะไรไว้ ปาฏิหาริย์จะมีได้อย่างไร ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน
เขาร้องไห้จนเผลอหลับไปอยู่ตรงนั้น เมื่อตื่นขึ้นมาชีวินไม่รับรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่ จะเช้า จะเย็นหรือดึกเขาก็ไม่สนใจ แค่เวลาเขาง่วงก็นอน หิวก็กิน บางวันก็ไม่ได้กิน โชคชะตายังปราณีเขาส่งชมจันทร์มาดูแลอยู่ไม่ขาด สอนให้เขาช่วยเหลือตัวเอง ในเวลาสำคัญเช่นทานข้าว หรือ หาข้าวกินเอง เวลาไม่มีคนอยู่ด้วยจะได้ไม่หิว และที่สำคัญเวลานี้เขาสามารถหุงข้าวกินเองได้ และต้มมาม่ากินเองได้ เขาช่วยเหลือตัวเองและปรับตัวได้มากขึ้นแล้ว
ชีวินตื่นขึ้นมาจากที่นอนร้องไห้เผลอหลับไป เขาใช้มือคลำหาไม้นำทาง มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าของเมฆราไว้ซึ่งจะเอาไปเก็บ เขาคลำไปเรื่อยๆไม่รู้เอาวางไว้ตรงไหน เขาคลำไปเรื่อยๆไม่ทันระวังตัวตกบันไดไปนอนกองกับพื้นที่ชั้นล่าง หัวฟาดกับเสาบันไดทำให้เขาสลบไป นานเท่าไหร่ไม่รู้จนกระทั่งชมจันทร์มาเห็น
“พี่วิน! พี่วินเป็นอะไรมั้ย” ทันทีที่ชมจันทร์เข้ามาในบ้านเห็นเขานอนสลบกองที่พื้นข้างๆบันไดบ้าน
ชีวินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เห็นภาพเบลอๆ ลางๆเป็นหน้าของชมจันทร์ แต่ไม่ค่อยชัด เป็นภาพติดๆดับๆสลับกัน เขาสลัดหัว ขยี้ตาหลับตาสูดลมหายใจมองอีกครั้ง ตอนนี้กลับมองเห็นหน้าชมจันทร์ชัดมากขึ้นกว่าเดิม เขาอึ้งและดีใจที่กลับมามองเห็นอีกครั้ง
“พี่วินๆ เป็นอะไรมั้ยเดี๋ยวชมพาไปหาหมอนะพี่” เธอรีบร้อนพยุงตัวเขาขึ้นมาและพาไปนั่งที่เก้าอี้ไม้
ชีวินไม่พูดอะไรกำลังอึ้งกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ชมจันทร์สวยมาก น่ารัก นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้เห็นหน้าเธอ ซึ่งครั้งแรกในวันที่เข้าไปช่วยเธอจากเหตุการณ์นั้นมันมองหน้าไม่ชัด รู้สึกตัวอีกทีเขาก็มองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว นับเป็นเวลาสามปีที่เขามองไม่เห็นและเธอคนนี้มาดูแลเขาทุกครั้งในวันหยุด มีบ้างที่มาตอนเลิกงาน ซึ่งมาดูแลในฐานะคนรู้สึกผิดคนหนึ่งเท่านั้นที่เขารู้สึกได้
“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกชม” เขาไหวตัวทันทำตัวเหมือนยังมองไม่เห็นเหมือนเดิม เอามือกุมท้ายทอยนิดหน่อยเพราะรู้สึกเจ็บที่โดนฟาดกับเสาบันได
“ไม่เป็นไรไม่ได้อันตรายนะพี่ นี่พี่หลาอยู่ไหนทำไมไม่อยู่ดูแลพี่วิน เดี๋ยวชมพาไปหาหมอเองก็ได้” เธอทำอากัปกิริยาเป็นห่วงเขามาก โมโหที่เมฆราทิ้งเขาไว้คนเดียว
“พี่หลาไม่อยู่หรอก พี่เค้าไปทำงาน” เมื่อนึกถึงเมฆราความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง เสมือนโดนมีดที่คมวับกรีดลงตรงกลางใจ ทำให้เขาเผลอร้องไห้ออกมาไม่ทันตั้งตัว
“พี่วินร้องไห้ทำไม เจ็บเหรอ เดี๋ยวชมพาไปหาหมอนะ ชมโทรหาพ่อแป๊บนึงให้พ่อพาไปหาหมอนะพี่วิน” พูดแล้วชมจันทร์ก็กดมือถือโทรหาผู้เป็นพ่อให้มารับชีวินพาไปหาหมอ เธอเล่าเหตุการณ์ให้คนเป็นพ่อฟังละเอียดยิบเหมือนเกรงว่าพ่อจะไม่ยอมมายังไงยังงั้น
ชีวินแอบมองชมจันทร์อย่างพินิจพิจารณา เธอช่างน่ารัก นิสัยดีเหมือนเมฆราจริงๆ เหมือนเมฆราในวันวานไม่ใช่ตอนนี้ สักพักก็มีรถกระบะสี่ประตูวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน ชมจันทร์รีบวิ่งไปเปิดประตูให้พ่อ และพาชีวินไปหาหมอ ทั้งสองคนพ่อลูกช่วยกันประครองเขาให้เดิน เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าชีวินกลับมามองเห็นแล้ว
“น้อยมากเลยนะครับ สิบในล้านที่จะกลับมามองเห็นได้เองแบบนี้ ปาฏิหารจริงๆ” หมอพูดกับชีวินหลังจากตรวจเช็คสมองและกระโหลกศีรษะอย่างละเอียด ไม่พบสิ่งผิดปกติ
“หมอครับอย่าบอกใครนะครับว่าผมมองเห็นแล้ว” หมอทำน่าสงสัย ทำไมถึงต้องเป็นเช่นนั้น “ผมมีเหตุผลของผมครับ”
“ตามใจคุณแล้วกันครับ แต่ยังไงช่วงนี้ก็ต้องทานยาตามที่หมอจัดให้นะครับอย่าพึ่งชะล่าใจ”
“ครับ”
หลังจากหาหมอเสร็จชมจันทร์พาเขามาส่งที่บ้าน เตรียมข้าวปลาอาหารให้เขาเรียบร้อยและขอตัวกลับ
...