คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ลิเวอร์พูล เสียประตูติดต่อกันมา 11 นัดแล้วนะครับ
เกมล่าสุดที่พวกเขารักษาอะไรที่พากย์อิงลิชว่า "คลีนชีต" บังเกิดขึ้นในเกมบุกเชือด เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-0 เมื่อตอนปลายเดือนกันยายน...โน่น
หลังจากนั้นอีก 11 นัดติดต่อกันในทุกรายการที่ถูกคู่แข่งแย่งประตูทุกนัด (แบ่งเป็น 6 นัดในพรีเมียร์ลีก)
ถ้านับเฉพาะในพรีเมียร์ลีกและฤดูกาลนี้ พลพรรคหงส์แดงโดนกะซวกตาข่ายไปแล้ว 11 ดอก ถือว่าเสียน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่ เลสเตอร์ (8 ประตู) เพียงทีมเดียว ปัญหาคือดันทำคลีนชีตได้แค่ 2 นัดเท่านั้น (อีกนัดคือเกมชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0)
ทีนี้ลองมาเทียบกับ 13 นัดแรกในพรีเมียร์ลีกของเมื่อฤดูกาลที่แล้วดูนะครับ
13 เกมแรกของฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล เสียประตูในพรีเมียร์ลีกแค่ 5 ประตูเท่านั้นเอง แถมไม่เสียประตูถึง 8 เกมด้วยกัน
สถิติแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
เสียประตู 5 ต่อ 11
คลีนชีต 2 ต่อ 8
ฤดูกาลนี้ผ่านไปแค่ 13 นัด โดนสอยไปแล้ว 11 ดอก ซึ่งถือว่าน้อยอยู่ดีนะครับ เพียงแต่ตลอดฤดูกาลที่แล้ว 38 นัด เสียไปแค่ 25 ประตู
ความแตกต่างตรงจุดนี้ดูจะสร้างความกังวลใจให้บรรดา "เด็กหงส์" มิใช่น้อย
ดูเหมือนพวกพี่ๆ เขาจะไม่ค่อยสบายใจในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ทั้งที่ความจริงมันก็ยังไม่ได้ส่งผลเสียหายอะไรใหญ่หลวง เพราะต่อให้เสียประตูเกือบทุกนัด ลิเวอร์พูล ก็ยังสะกดความแพ้ไม่เป็น...มิใช่หรือ ???
เข้าใจว่า "เดอะ ค็อป" ทุกหมู่เหล่าคงต้องการความสมบูรณ์แบบ
ขนาดทิ้งห่างคู่ขับเคี่ยวอันตรายอย่าง แมนฯ ซิตี้ ถึง 9 แต้ม ทว่าเด็กหงส์ส่วนใหญ่ก็ยังไม่กล้ามั่นอกมั่นใจแล้วออกตัวแรงๆ ว่าฤดูกาลนี้เป็นแชมป์แน่นอน ซึ่งเรื่องนี้จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่าอาการแบบนี้น่าจะเกิดมาจากรอยแผลในอดีต เมื่อความผิดหวัง และความผิดพลาดยังตามมาหลอกหลอน
เพราะฉะนั้นเมื่อโอกาสคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี โก่งตูดรออยู่ข้างหน้า มันก็ต้องโขยกเข้าใส่แบบไม่ยั้งหยุด - เอาให้ตาย ยิงกระจาย กดไม่เหลือซาก และห้ามเสียประตู
ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่รู้จักความแพ้พ่าย แถมนำโด่งเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอยู่ก็จริง กระนั้นมันก็อดไม่ได้ที่จะหวาดระแวง
เหตุเพราะการเสียประตูมากขึ้น และเสียเกือบทุกนัดแบบนี้ มันผิดสังเกต และอาจไม่ส่งผลดีในภายภาคหน้า
เรียกว่าเอาทุกเม็ดและเน้นทุกดอกเลยทีเดียว
ถือเป็นอาการประสาท-ส์ที่ผมอยากเจอบ้างจังเลย 5555
ถามว่าเพราะเหตุใด ลิเวอร์พูล ถึงเสียประตูแทบทุกนัด ???
อืมมมมม...นะ
ขอบอกว่ามันจัดเป็นคำถามที่ตอบยากเลย !!!
อันดับแรกต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าต่อให้ทีมของคุณมีเกมรับเหนียวแน่นและแข็งแกร่งปานภูผาขนาดไหน มันก็ต้องเสียประตูอยู่ดีนั่นแหละ
เด็กหงส์อาจแย้งว่า...แต่ก็ไม่ใช่เสียมันเกือบทุกนัดแบบนี้นี่หว่า
ในเมื่อ ฟาบินโญ่ อุตส่าห์สถาปนาตัวเองเป็นมิดฟิลด์ตัวรับอย่างถาวร ขณะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็ยังคงฉกาจเหมือนเดิม ส่วนคู่ขาของเขาในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คไม่ว่าจะเป็น โฌแอล มาติป หรือ เดยัน ลอฟเรน ก็ไม่ได้แสดงความผิดพลาดอะไรออกมาอย่างน่าเกลียด
ตำแหน่งผู้รักษาประตูก็เช่นกัน
เท่าที่เห็นผู้เล่นในตำแหน่งนี้ของหงส์แดงเสียประตูแบบไม่น่าเสียแค่ครั้งเดียว คือตอนที่ อาเดรียน บรรจงผ่านบอลให้ แดนนี่ อิงส์ ยิงตีไข่ในเกมที่เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1
นอกนั้นไม่มีอะไรน่าเขกกบาล - แทบทุกประตูที่ ลิเวอร์พูล เสียล้วนแล้วแต่สุดวิสัยของนายทวาร
มันจึงนำมาซึ่งเหตุผลลำดับต่อมาที่ท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผมมองว่าบางทีมันอาจจะอยู่ที่วิธีการเล่นของ ลิเวอร์พูล ก็..เป็น..ได้
ปรัชญาและปรัชยวยการเล่นฟุตบอลของแต่ละทีมมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งในแต่ละวิธีมันก็ได้อย่าง- เสียอย่าง
ถ้าคุณเล่นเกมรุกบุกแหลกแบบไม่คิดชีวิต คุณก็ย่อมเสียประตูมากตามมาด้วยเป็นธรรมดา
ถ้าคุณเน้นเกมรับ หรือเล่นด้วยความรัดกุมและระมัดระวังอย่างจงหนัก คุณก็จะเสียประตูน้อย เพียงแต่อาจต้องแลกมาด้วยจำนวนประตูได้ที่อาจลดน้อยลงตามไปด้วย
วิธีการเล่นของ ลิเวอร์พูล ไม่เหมือน แมนฯ ซิตี้ ที่เน้นการครองบอลเป็นหลัก
นั่นคือเหตุผลที่บอกว่าทำไม เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทีมสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์ ถึงเสียไปแค่ 24 ประตูเท่านั้น ทั้งที่กองหลังและเกมรับของ ลิเวอร์พูล ดีกว่าอย่างชัดเจน
รูปแบบการเล่นของ แมนฯ ซิตี้ ต่อให้กองหลังไม่ดีหรือมีจุดอ่อน มันก็ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ ในเมื่อบอลอยู่กับทีมของคุณมากกว่าคู่แข่งในอัตรา 70-30 เกือบทุกนัด
สไตล์การเล่นของ ลิเวอร์พูล คือ "เฮฟวี่ เมทั่ล ฟุตบอล" ที่เน้นเกมรุกดุดันและกะซวกไส้ดีนักแล เพียงแต่ด้วยรูปแบบการเล่นที่ทั้งบีบสูงและพุ่งเข้าไปรุมกดดันคู่แข่งพร้อมกันเป็นกลุ่ม มันก่อให้เกิดพื้นที่ว่าง
เฉพาะอย่างยิ่งหากคู่แข่งสามารถแก้เพรสได้สำเร็จเมื่อไหร่ พวกเขาจะเจอช่องว่างมหาศาลเลยทีเดียว
จุดสำคัญที่มิอาจมองข้ามอีกประการคือฟูลแบ็ค 2 ข้างที่เล่นเหมือนเป็นปีก
ทั้ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มักจะดันขึ้นไปเล่นเกมรุกสูงๆ เหมือนเป็นปีกพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ซึ่งอาจกลายเป็นดาบ 2 คม เพราะมันเท่ากับการเปิดโอกาสให้คู่แข่งจู่โจมกลับตรงช่องว่างในแนวรับที่ตัวเองทิ้งไปเล่นเกมรุกนั่นแหละ
อย่างไรก็ตาม
ต่อให้โดนคู่แข่งกะซวกตาข่ายเกือบทุกนัดในฤดูกาลนี้ มันก็ไม่ใช่การเสียประตูแบบโง่ๆ หรือเสียแบบไม่น่าเสียดั่งเช่นในอดีต ว่าแล้วลองนึกถึงตอนที่พวกเขามีปราการหลังอย่าง มาร์ติน สเคอร์เทล กับมีผู้รักษาประตูอย่าง ซิมง มิโญ่เล่ต์ หรือ
ลอริส คาริอุส ดูซีครับ
ฉะนั้น & ฉะนี้
ในสายตาของผู้ชมทางบ้านอย่างผม การเสียประตูมากกว่าเดิมฤดูกาลนี้ของ ลิเวอร์พูล ไม่ได้สะท้อนว่าพวกเขาปัญหาในเกมรับจนนำมาซึ่งบทสรุป
บทสรุปที่ว่าไอ้ที่เสียประตูเกือบทุกนัดเนี่ย...มันน่าจะเป็นเรื่องของจังหวะซะมากกว่า
.
.
แม้นจะเสียประตูในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 11 ประตูจาก 13 นัดแรก แต่ ลิเวอร์พูล ก็ยังไม่เคยเสียเกินนัดละ 1 ประตูนะครับ-ขอโทษ
ครั้งสุดท้ายที่เสียมากกว่า 1 ประตูในพรีเมียร์ลีกเกิดขึ้นในเกมที่บุกไปชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-2 เมื่อตอนต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยหลังจากนั้นอีก 14 นัดติดต่อกันที่ ลิเวอร์พูล เสียไม่เคยเกินนัดละ 1 ประตู
ว่าแล้วในฐานะของเด็กผีผู้มีประสบการณ์เริงร่ากับแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วถึง 13 ครั้ง ผมจึงอยากบอกเพื่อนๆ เด็กหงส์ที่ยังจัดอยู่ในประเภทมือใหม่หัดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกว่า...กรุณาอย่าคิดมาก
เข้าใจครับว่าบรรดาเด็กหงส์คงกลัวว่าการเสียประตูติดต่อกันเรื่อยๆ แบบนี้ มันอาจส่งผลกระทบต่อการแย่งแชมป์ในบั้นปลาย โดยเฉพาะในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม เนื่องจากคู่เล่นอันตรายของตัวเองคือโคตรทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ แต่การเสียประตูมันเป็นเรื่องธรรมดาของเกมฟาดแข้งอยู่แล้ว แถมบางทีสถิติการเสียประตูมากขึ้น มันก็เป็นแค่ตัวเลข ตราบใดที่มันยังไม่ส่งผลเสียหาย ตราบใดที่ทีมรักของพวกคุณยังยัดเยียดความปราชัยให้คู่แข่ง และตราบใดที่ยังไม่แพ้ มันก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก หรือเป็นกังวลใจในเรื่องนี้
ตอน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย บางฤดูกาลก็เสียประตูมากมายก่ายกอง
ตัวอย่างเช่นฤดูกาลล่าสุดที่พวกเขาได้แชมป์ (2012-13) ก็เสียไปถึง 43 ประตู
ฤดูกาล 1996-97 เสียไป 44 ประตู
หรือฤดูกาล 1999- 2000 เสียไป 45 ประตู
มิหนำตอนที่พวกเขามีบุตรแห่งความบรรลัยเป็นกองหลังอย่าง เวส บราวน์, มิกาแอล ซิลแวสต์, เดวิด เมย์, เฮนนิ่ง เบิร์ก และโดยไม่เว้นแม้แต่ จอนนี่ อีแวนส์, ฟิล โจนส์ หรือ คริส สมอลลิ่ง ก็ยังอุตส่าห์ได้แชมป์แบบสบายๆ อยู่หลายฤดูกาล
ที่สำคัญการเสียประตูเกือบทุกนัดของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ มันแทบไม่ส่งผลเสียหายอะไร และพวกคุณก็ไม่ใช่ทีมเดียวที่เสียประตูอย่างต่อเนื่องสักหน่อย คู่ขับเคี่ยวอย่าง แมนฯ ซิตี้ เสียไปแล้ว 12 ประตูมากกว่าหงส์แดงอีก แถมยังเสียเกินนัดละ 1 ประตูไปแล้วตั้ง 4 นัด
เรื่องแบบนี้ปรึกษาผู้มีประสบการณ์อย่างเด็กผีดูได้ครับ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกกังวลอะไรมากนักหรอก อิอิอิ
Credit : เพจ บอ. บู๋
ลิเวอร์พูล เสียประตูติดต่อกันมา 11 นัดแล้วนะครับ
เกมล่าสุดที่พวกเขารักษาอะไรที่พากย์อิงลิชว่า "คลีนชีต" บังเกิดขึ้นในเกมบุกเชือด เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-0 เมื่อตอนปลายเดือนกันยายน...โน่น
หลังจากนั้นอีก 11 นัดติดต่อกันในทุกรายการที่ถูกคู่แข่งแย่งประตูทุกนัด (แบ่งเป็น 6 นัดในพรีเมียร์ลีก)
ถ้านับเฉพาะในพรีเมียร์ลีกและฤดูกาลนี้ พลพรรคหงส์แดงโดนกะซวกตาข่ายไปแล้ว 11 ดอก ถือว่าเสียน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่ เลสเตอร์ (8 ประตู) เพียงทีมเดียว ปัญหาคือดันทำคลีนชีตได้แค่ 2 นัดเท่านั้น (อีกนัดคือเกมชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0)
ทีนี้ลองมาเทียบกับ 13 นัดแรกในพรีเมียร์ลีกของเมื่อฤดูกาลที่แล้วดูนะครับ
13 เกมแรกของฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล เสียประตูในพรีเมียร์ลีกแค่ 5 ประตูเท่านั้นเอง แถมไม่เสียประตูถึง 8 เกมด้วยกัน
สถิติแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
เสียประตู 5 ต่อ 11
คลีนชีต 2 ต่อ 8
ฤดูกาลนี้ผ่านไปแค่ 13 นัด โดนสอยไปแล้ว 11 ดอก ซึ่งถือว่าน้อยอยู่ดีนะครับ เพียงแต่ตลอดฤดูกาลที่แล้ว 38 นัด เสียไปแค่ 25 ประตู
ความแตกต่างตรงจุดนี้ดูจะสร้างความกังวลใจให้บรรดา "เด็กหงส์" มิใช่น้อย
ดูเหมือนพวกพี่ๆ เขาจะไม่ค่อยสบายใจในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ทั้งที่ความจริงมันก็ยังไม่ได้ส่งผลเสียหายอะไรใหญ่หลวง เพราะต่อให้เสียประตูเกือบทุกนัด ลิเวอร์พูล ก็ยังสะกดความแพ้ไม่เป็น...มิใช่หรือ ???
เข้าใจว่า "เดอะ ค็อป" ทุกหมู่เหล่าคงต้องการความสมบูรณ์แบบ
ขนาดทิ้งห่างคู่ขับเคี่ยวอันตรายอย่าง แมนฯ ซิตี้ ถึง 9 แต้ม ทว่าเด็กหงส์ส่วนใหญ่ก็ยังไม่กล้ามั่นอกมั่นใจแล้วออกตัวแรงๆ ว่าฤดูกาลนี้เป็นแชมป์แน่นอน ซึ่งเรื่องนี้จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่าอาการแบบนี้น่าจะเกิดมาจากรอยแผลในอดีต เมื่อความผิดหวัง และความผิดพลาดยังตามมาหลอกหลอน
เพราะฉะนั้นเมื่อโอกาสคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี โก่งตูดรออยู่ข้างหน้า มันก็ต้องโขยกเข้าใส่แบบไม่ยั้งหยุด - เอาให้ตาย ยิงกระจาย กดไม่เหลือซาก และห้ามเสียประตู
ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่รู้จักความแพ้พ่าย แถมนำโด่งเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอยู่ก็จริง กระนั้นมันก็อดไม่ได้ที่จะหวาดระแวง
เหตุเพราะการเสียประตูมากขึ้น และเสียเกือบทุกนัดแบบนี้ มันผิดสังเกต และอาจไม่ส่งผลดีในภายภาคหน้า
เรียกว่าเอาทุกเม็ดและเน้นทุกดอกเลยทีเดียว
ถือเป็นอาการประสาท-ส์ที่ผมอยากเจอบ้างจังเลย 5555
ถามว่าเพราะเหตุใด ลิเวอร์พูล ถึงเสียประตูแทบทุกนัด ???
อืมมมมม...นะ
ขอบอกว่ามันจัดเป็นคำถามที่ตอบยากเลย !!!
อันดับแรกต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าต่อให้ทีมของคุณมีเกมรับเหนียวแน่นและแข็งแกร่งปานภูผาขนาดไหน มันก็ต้องเสียประตูอยู่ดีนั่นแหละ
เด็กหงส์อาจแย้งว่า...แต่ก็ไม่ใช่เสียมันเกือบทุกนัดแบบนี้นี่หว่า
ในเมื่อ ฟาบินโญ่ อุตส่าห์สถาปนาตัวเองเป็นมิดฟิลด์ตัวรับอย่างถาวร ขณะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็ยังคงฉกาจเหมือนเดิม ส่วนคู่ขาของเขาในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คไม่ว่าจะเป็น โฌแอล มาติป หรือ เดยัน ลอฟเรน ก็ไม่ได้แสดงความผิดพลาดอะไรออกมาอย่างน่าเกลียด
ตำแหน่งผู้รักษาประตูก็เช่นกัน
เท่าที่เห็นผู้เล่นในตำแหน่งนี้ของหงส์แดงเสียประตูแบบไม่น่าเสียแค่ครั้งเดียว คือตอนที่ อาเดรียน บรรจงผ่านบอลให้ แดนนี่ อิงส์ ยิงตีไข่ในเกมที่เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1
นอกนั้นไม่มีอะไรน่าเขกกบาล - แทบทุกประตูที่ ลิเวอร์พูล เสียล้วนแล้วแต่สุดวิสัยของนายทวาร
มันจึงนำมาซึ่งเหตุผลลำดับต่อมาที่ท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผมมองว่าบางทีมันอาจจะอยู่ที่วิธีการเล่นของ ลิเวอร์พูล ก็..เป็น..ได้
ปรัชญาและปรัชยวยการเล่นฟุตบอลของแต่ละทีมมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งในแต่ละวิธีมันก็ได้อย่าง- เสียอย่าง
ถ้าคุณเล่นเกมรุกบุกแหลกแบบไม่คิดชีวิต คุณก็ย่อมเสียประตูมากตามมาด้วยเป็นธรรมดา
ถ้าคุณเน้นเกมรับ หรือเล่นด้วยความรัดกุมและระมัดระวังอย่างจงหนัก คุณก็จะเสียประตูน้อย เพียงแต่อาจต้องแลกมาด้วยจำนวนประตูได้ที่อาจลดน้อยลงตามไปด้วย
วิธีการเล่นของ ลิเวอร์พูล ไม่เหมือน แมนฯ ซิตี้ ที่เน้นการครองบอลเป็นหลัก
นั่นคือเหตุผลที่บอกว่าทำไม เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทีมสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์ ถึงเสียไปแค่ 24 ประตูเท่านั้น ทั้งที่กองหลังและเกมรับของ ลิเวอร์พูล ดีกว่าอย่างชัดเจน
รูปแบบการเล่นของ แมนฯ ซิตี้ ต่อให้กองหลังไม่ดีหรือมีจุดอ่อน มันก็ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ ในเมื่อบอลอยู่กับทีมของคุณมากกว่าคู่แข่งในอัตรา 70-30 เกือบทุกนัด
สไตล์การเล่นของ ลิเวอร์พูล คือ "เฮฟวี่ เมทั่ล ฟุตบอล" ที่เน้นเกมรุกดุดันและกะซวกไส้ดีนักแล เพียงแต่ด้วยรูปแบบการเล่นที่ทั้งบีบสูงและพุ่งเข้าไปรุมกดดันคู่แข่งพร้อมกันเป็นกลุ่ม มันก่อให้เกิดพื้นที่ว่าง
เฉพาะอย่างยิ่งหากคู่แข่งสามารถแก้เพรสได้สำเร็จเมื่อไหร่ พวกเขาจะเจอช่องว่างมหาศาลเลยทีเดียว
จุดสำคัญที่มิอาจมองข้ามอีกประการคือฟูลแบ็ค 2 ข้างที่เล่นเหมือนเป็นปีก
ทั้ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มักจะดันขึ้นไปเล่นเกมรุกสูงๆ เหมือนเป็นปีกพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ซึ่งอาจกลายเป็นดาบ 2 คม เพราะมันเท่ากับการเปิดโอกาสให้คู่แข่งจู่โจมกลับตรงช่องว่างในแนวรับที่ตัวเองทิ้งไปเล่นเกมรุกนั่นแหละ
อย่างไรก็ตาม
ต่อให้โดนคู่แข่งกะซวกตาข่ายเกือบทุกนัดในฤดูกาลนี้ มันก็ไม่ใช่การเสียประตูแบบโง่ๆ หรือเสียแบบไม่น่าเสียดั่งเช่นในอดีต ว่าแล้วลองนึกถึงตอนที่พวกเขามีปราการหลังอย่าง มาร์ติน สเคอร์เทล กับมีผู้รักษาประตูอย่าง ซิมง มิโญ่เล่ต์ หรือ
ลอริส คาริอุส ดูซีครับ
ฉะนั้น & ฉะนี้
ในสายตาของผู้ชมทางบ้านอย่างผม การเสียประตูมากกว่าเดิมฤดูกาลนี้ของ ลิเวอร์พูล ไม่ได้สะท้อนว่าพวกเขาปัญหาในเกมรับจนนำมาซึ่งบทสรุป
บทสรุปที่ว่าไอ้ที่เสียประตูเกือบทุกนัดเนี่ย...มันน่าจะเป็นเรื่องของจังหวะซะมากกว่า
.
.
แม้นจะเสียประตูในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 11 ประตูจาก 13 นัดแรก แต่ ลิเวอร์พูล ก็ยังไม่เคยเสียเกินนัดละ 1 ประตูนะครับ-ขอโทษ
ครั้งสุดท้ายที่เสียมากกว่า 1 ประตูในพรีเมียร์ลีกเกิดขึ้นในเกมที่บุกไปชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-2 เมื่อตอนต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยหลังจากนั้นอีก 14 นัดติดต่อกันที่ ลิเวอร์พูล เสียไม่เคยเกินนัดละ 1 ประตู
ว่าแล้วในฐานะของเด็กผีผู้มีประสบการณ์เริงร่ากับแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วถึง 13 ครั้ง ผมจึงอยากบอกเพื่อนๆ เด็กหงส์ที่ยังจัดอยู่ในประเภทมือใหม่หัดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกว่า...กรุณาอย่าคิดมาก
เข้าใจครับว่าบรรดาเด็กหงส์คงกลัวว่าการเสียประตูติดต่อกันเรื่อยๆ แบบนี้ มันอาจส่งผลกระทบต่อการแย่งแชมป์ในบั้นปลาย โดยเฉพาะในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม เนื่องจากคู่เล่นอันตรายของตัวเองคือโคตรทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ แต่การเสียประตูมันเป็นเรื่องธรรมดาของเกมฟาดแข้งอยู่แล้ว แถมบางทีสถิติการเสียประตูมากขึ้น มันก็เป็นแค่ตัวเลข ตราบใดที่มันยังไม่ส่งผลเสียหาย ตราบใดที่ทีมรักของพวกคุณยังยัดเยียดความปราชัยให้คู่แข่ง และตราบใดที่ยังไม่แพ้ มันก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก หรือเป็นกังวลใจในเรื่องนี้
ตอน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย บางฤดูกาลก็เสียประตูมากมายก่ายกอง
ตัวอย่างเช่นฤดูกาลล่าสุดที่พวกเขาได้แชมป์ (2012-13) ก็เสียไปถึง 43 ประตู
ฤดูกาล 1996-97 เสียไป 44 ประตู
หรือฤดูกาล 1999- 2000 เสียไป 45 ประตู
มิหนำตอนที่พวกเขามีบุตรแห่งความบรรลัยเป็นกองหลังอย่าง เวส บราวน์, มิกาแอล ซิลแวสต์, เดวิด เมย์, เฮนนิ่ง เบิร์ก และโดยไม่เว้นแม้แต่ จอนนี่ อีแวนส์, ฟิล โจนส์ หรือ คริส สมอลลิ่ง ก็ยังอุตส่าห์ได้แชมป์แบบสบายๆ อยู่หลายฤดูกาล
ที่สำคัญการเสียประตูเกือบทุกนัดของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ มันแทบไม่ส่งผลเสียหายอะไร และพวกคุณก็ไม่ใช่ทีมเดียวที่เสียประตูอย่างต่อเนื่องสักหน่อย คู่ขับเคี่ยวอย่าง แมนฯ ซิตี้ เสียไปแล้ว 12 ประตูมากกว่าหงส์แดงอีก แถมยังเสียเกินนัดละ 1 ประตูไปแล้วตั้ง 4 นัด
เรื่องแบบนี้ปรึกษาผู้มีประสบการณ์อย่างเด็กผีดูได้ครับ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกกังวลอะไรมากนักหรอก อิอิอิ
Credit : เพจ บอ. บู๋
แสดงความคิดเห็น
เพราะเหตุใดลิเวอร์พูลฤดูกาลนี้เสียประตูบ่อย