เกาหลี ญี่ปุ่น ใครเอาเงินใครเยอะกว่าครับ?

คุณ zodiac28 เคยบอกผมว่าส่วนนึงที่เกาหลีรวยเพราะญี่ปุ่นให้เงินตอนหลังสงครามโลก แล้วเกาหลีชักดาบเอาเงินไปพัฒนาประเทศแทนที่จะไปเยียวยาผู้เสียหาย ผมด่าไม่ลงเพราะว่าส่วนนึงทำให้บ้านเมืองเจริญ แล้วอีกอย่างญี่ปุ่นทำเรื่องเยอะสมัยก่อน
นอกจากนี้ สมัยก่อน ของเกาหลีของญี่ปุ่น เหมือนของจีน โดยเฉพาะของเกาหลี ผมใช้  samsung ตอนป.4 สมัยก่อนคนดูถูกเลย ตอนนั้น nokia บูมอยู่
สองชาตินี้เหมือนผัวเมีย ลิ้นกับฟัน ทะเลาะไปทะเลาะมาแต่ก็ตัดไม่ขาด
เอาจริง เกาหลีสูบเงินพี่ยุ่นเยอะ kpop นี่แหละ ส่วนพี่ยุ่นก็น่าจะสูบเกาด้วย
สองชาติ ใครสูบใครมากกว่าครับ?
ปล. ช่วงนี้ izone พักงาน ชิวเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เกาหลีชักดาบญี่ปุ่น คือสัญญาตอนปี 1965
การที่ศาลเกาหลีตัดสินเรื่องแรงงานทาสเมื่อปีที่แล้ว (ทั้งๆที่ในสัญญาเขียนไว้ว่าจะไม่มีการรื้อฟื้น)
อีกนัยหนึ่งก็เหมือนเป็นการซักฟอกให้รัฐบาลเกาหลีสมัยก่อนที่ไม่ทำตามสัญญากลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

แล้วจะว่าไปเกาหลีก็หาเรื่องชักดาบญี่ปุ่นมาหลายครั้งแล้ว อย่างตอนปี 2015 ญี่ปุ่นทำสัญญากับเกาหลีเรื่องผู้หญิงบำเรอ
ญี่ปุ่นออกมาแถลงขอโทษอย่างเป็นทางการและตั้งมูลนิธิช่วยเหลือ ในตอนนั้นเกาหลีก็ตกลงยอมรับและทำสัญญาด้วย
แต่พอเกาหลีเปลี่ยนตัวประธานาธิบดีใหม่ ก็มายกเลิกสัญญากับญี่ปุ่นดื้อๆ แถมเงินที่ญี่ปุ่นให้ไป เกาหลีก็เอาไปให้ผู้เสียหายแล้วด้วย
ตอนปิดมูลนิธิ เกาหลีอ้างว่าจะคืนเงินให้ญี่ปุ่น แต่ถ้าญี่ปุ่นจะเอาเงินคืนจริงๆก็ดูน่าเกลียดอีก
งานนี้เกาหลีได้เงินเอาไปให้ผู้เสียหายแบบฟรีๆโดยที่ไม่ต้องมีสัญญาอะไรกับญี่ปุ่นเลยด้วย
แถมยังสามารถใช้ประเด็นผู้หญิงบำเรอเล่นการเมืองระหว่างประเทศใส่ญี่ปุ่นได้อีกต่อไปได้เรื่อยๆ

ประเด็นที่ว่าใครได้เปรียบใครสูบเงินมาได้เยอะกว่า
ก็จากการที่ศาลเกาหลีตัดสินเรื่องแรงงานทาสใหม่ ให้ญี่ปุ่นแพ้ต้องชำระเงินเพิ่ม
กลางปีที่ผ่านมาญี่ปุ่นเลยตอบโต้โดยควบคุมการส่งออกสินค้าไปเกาหลี
แล้วญี่ปุ่นก็เอาเกาหลีออกจาก Whitelist ทำให้บริษัทญี่ปุ่นที่จะส่งออกสินค้าไปยังเกาหลีมีความยุ่งยากมากขึ้น
(ไม่ใช้เป็นการแบนสินค้าเกาหลีหรือไม่ส่งออกสินค้าไปเกาหลี)
เจอแบบนี้เกาหลีถึงกับออกอาการขนาดหนัก เพราะเกาหลียังต้องพึ่งวัตถุดิบและชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฮเทคอะไรต่างๆของญี่ปุ่น
เพื่อเอาไปใช้เป็นชิ้นส่วนในการผลิตสินค้าต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ
จากที่ก่อนหน้านี้ในขณะที่คดีแรงงานทาสอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ญี่ปุ่นต้องเป็นฝ่ายขอเจรจากับเกาหลีมาตลอดอยู่ฝ่ายเดียว
พอญี่ปุ่นควบคุมการส่งออกสินค้าและเอาเกาหลีออกจาก Whitelist กลายเป็นเกาหลีต้องเป็นฝ่ายรีบมาขอเจรจากับญี่ปุ่นแทน
ทำให้รู้เลยว่าเกาหลีได้ประโยชน์อย่างมากจากการมีชื่ออยู่ใน Whitelist  และในเอเชียก็มีแต่เกาหลีประเทศเดียวที่อยู่ใน Whitelist ของญี่ปุ่น
ประเทศอื่นในเอเชีย เช่น จีน ไต้หวัน อินเดีย ก็ไม่ได้มีชื่ออยู่ใน Whitelist ของญี่ปุ่น ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร
แล้วเกาหลีก็ขาดดุลการค้าให้ญี่ปุ่นมาโดยตลอด ปีที่แล้วประเทศที่เกาหลีขาดดุลการค้ามากที่สุดก็คือญี่ปุ่น (ประมาณ 24 พันล้านดอลลาร์)
ที่ว่า k pop เกาหลีไปสูบจากญี่ปุ่น เป็นมูลค่าที่น้อยเทียบกับที่ญี่ปุ่นสูบเกาหลีจากทางอื่นไม่ได้เลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่