คือจากประสบการณ์ทุกๆวันผมใช้มอไซค์ไปทำงานเป็นหลัก ทั้งบิ๊กไบค์และแค่ 250 ทำมาหลายปีก็เลยมีหลายคัน เก่าก็ใช้ มีเงินก็ซื้อเพิ่ม
ทุกวันนี้เวลาเจอกันในซอยรุ่นเดียวกันสวนกันก็จะทักกันด้วยการก้มหัว คือเค้าทักมา ผมก็รับทัก
แต่.... พอเราขี่อีกคัน (ใช้สลับวัน) เวลาสวนกันเค้าก็จะไม่ทัก เหมือนผมใช้เวทมนต์หายตัว เมื่อไม่ขี่รถรุ่นนั้นก็จะมองไม่เห็นกัน
ผมเลยคิดๆ ว่านี่มันคือสังคมทรานฟอเมอร์หรือยังไง มันไม่น่าแปลอะไรแต่คิดอีกทีมันก็ตลกดี มันคือสังคมแบบไหนที่ต่อติดกันที่สิ่งของ
ฉนั้นเคยมีหลายกระทู้บอกว่าสังคมมันเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้ใครก็ขี่ แต่...นี่ก็คืออีกข้อนึงที่ผมอยากสะท้อน
การทักกันน่าจะเป็นการไปเที่ยวและเจอกัน เป็นทริปๆไปมากกว่า
นอกจากที่ผมเจอแล้ว ในบริบทการใช้ชีวิตไม่ใช่ทุกคนจะอยากรู้จักใครไปเรี่ยราดเพราะทุกคนย่อมมีภาระที่แบกรับ
ต่างจากตอนที่ไปเที่ยวที่มีอารมณ์เบิกบาน พร้อมเปิดรับสิ่งอื่นๆ
ขี่มอไซค์ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องทักกันหรอกครับ
ทุกวันนี้เวลาเจอกันในซอยรุ่นเดียวกันสวนกันก็จะทักกันด้วยการก้มหัว คือเค้าทักมา ผมก็รับทัก
แต่.... พอเราขี่อีกคัน (ใช้สลับวัน) เวลาสวนกันเค้าก็จะไม่ทัก เหมือนผมใช้เวทมนต์หายตัว เมื่อไม่ขี่รถรุ่นนั้นก็จะมองไม่เห็นกัน
ผมเลยคิดๆ ว่านี่มันคือสังคมทรานฟอเมอร์หรือยังไง มันไม่น่าแปลอะไรแต่คิดอีกทีมันก็ตลกดี มันคือสังคมแบบไหนที่ต่อติดกันที่สิ่งของ
ฉนั้นเคยมีหลายกระทู้บอกว่าสังคมมันเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้ใครก็ขี่ แต่...นี่ก็คืออีกข้อนึงที่ผมอยากสะท้อน
การทักกันน่าจะเป็นการไปเที่ยวและเจอกัน เป็นทริปๆไปมากกว่า
นอกจากที่ผมเจอแล้ว ในบริบทการใช้ชีวิตไม่ใช่ทุกคนจะอยากรู้จักใครไปเรี่ยราดเพราะทุกคนย่อมมีภาระที่แบกรับ
ต่างจากตอนที่ไปเที่ยวที่มีอารมณ์เบิกบาน พร้อมเปิดรับสิ่งอื่นๆ