ไม่อ้อมค้อมนะ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน
ครั้งแรกของการแบกกระเป๋าขึ้นเขาเอง บอกเลยว่า....เอาเรื่องว่ะ เล่นซะ สะบักสะบอมกันเลยทีเดียว (เราเป็นพนักงานออฟฟิศไม่เคยเดินป่า เดินเขา แต่เพื่อนที่ไปด้วยเคยแล้ว)
DAY 1 เริ่ม!! (6 ตุลาคม 62)
นั่งรถทัวร์ของแอร์เมืองเลย จากหมอชิต มาลงที่จุดจอดรถ ผานกเค้า จ.เลย ตั้งแต่เช้าตรู่ ประมาณตี 5 กว่าๆ
ตรงจุดจอดรถผานกเค้า จะมีร้านค้า ชื่อ ร้านเจ๊กิม เปิดให้บริการห้องน้ำ อาหาร ที่นอน เพื่อรอขึ้นเขาตอน 7 โมง และขึ้นรถสองแถวเข้าอุทยานได้จากตรงนี้เลย
ค่าสองแถวเข้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ประมาณ 30 บาท (ถ้ามีผู้โดยสาร 10 คน) ใช้วิธีหาแชร์กับกลุ่มอื่นเอาให้ครบ 10 เพื่อความประหยัดเน้อ
และเดี๋ยวเราต้องเสียค่าเข้าอุทยานอีก 40 บาทด้วย
ถึงอุทยานแล้ว ก็เตรียมเช่าพื้นที่กางเต๊นท์ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 30บาท/คืน/คน) ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้เลย ส่วนเต๊นท์จะไปเช่าต่างหากที่บนภู
ราคาหลังละ 225บาท/คืน นอนได้ประมาณ 3 คน ถ้าใครเอาเต๊นท์ไปเองก็เสียแค่ค่าเช่าพื้นที่
เมื่อเราพร้อมแล้ว เราสามารถเดินขึ้นเองได้เลย ถ้าใครต้องการจ้างพี่ๆลูกหาบ ให้หาบกระเป๋าขึ้นให้ ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้เลย กิโลละ 30 บาท
แต่ครั้งนี้เราแบกขึ้นกันเอง เพราะเพื่อนมันบังคับให้เราแบกเอง กระเป๋าของเรา 8 กิโล แต่ของของเพื่อน 14 กิโล
ว่าแล้วก็ ไปกันเถอะ....
เส้นทางก็อาจจะเหนื่อยหน่อยสำหรับมือใหม่ อาจจะมีความชันบ้าง มีหินที่ต้องปีนขึ้นบ้าง บันไดชันบ้าง แต่โดยรวมถือว่าเดินได้ไม่ยากแค่ต้องมีแรง แนะนำว่าช่วงแรก เดินให้ช้าๆ เหนื่อยก็พัก ไม่ต้องรีบเพราะช่วงแรกเนินจะเยอะ
ทุกๆจุดพัก จะมีร้านค้าขายของ ขายข้าว ขายน้ำให้รับประทานกันได้สะดวกสบาย กินให้อิ่มๆจะได้มีแรง
โฉมหน้าของเพื่อน....ผู้ที่ลากเรามาฆ่า!! ตูจะตายแล้ว แต่ต้องฝืนยิ้มให้กล้อง
นี่เพิ่งจุดพักจุดแรกเท่านั้น!!
พักแค่พอหายเหนื่อย ก็ออกเดินต่อ เพราะถ้าพักนานจะรู้สึกปวดขามากๆ
พี่ๆเค้าแบกกันได้ยังไง? ของเรากระเป๋าแค่ 8 โล ยังเหนื่อยจะตาย
ช่วงสุดท้ายก่อนถึงหลังแป จะต้องงัดเอาพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมา เพราะทางจะค่อนข้างชัน ต้องปีนหิน ขึ้นเนิน ขึ้นบันไดชัน
ตลอดระยะทาง 1 กิโลเมตร และพีคสุดคือบันไดอันสุดท้าย ก่อนจะถึงหลังแป จะชันมาก เกือบ 90 องศา โอ้วมายก้อดดด แต่ก็รอดมาได้
พอถึงยอดเขาหลังแป เราต้องเดินทางราบต่ออีกประมาณ 3.8 กิโลเมตร เพื่อไปยังจุดกางเต๊นท์ ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวลานวังกวาง
ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว ใกล้จะตายแล้ว!!
ถึงแล้วววววววววว เดินกันมาประมาณ 6-7 ชม. นอนพักเอาแรงก่อนดีกว่า รอไปดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็น
ตกเย็น เราก็เช่าจักรยาน ปั่นไปที่ "ผาหมากดูก" ระยะทาง 2 กิโลเมตร จากจุดที่พัก เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกกัน บอกเลยว่าอากาศดีสุดๆ
ถึงแม้ว่าเมฆจะบังพระอาทิตย์ แสงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าคุ้มมากๆ ทำให้เราลืมความเหนื่อยไปชั่วขณะนึงเลยนะ
พอตะวันลับฟ้า เราก็ปั่นจักรยานกลับที่พัก และกินหมูกะทะ!! ไฮไลท์เด็ดอันเลื่องชื่อ ของผู้มาเยือนภูกระดึง
อากาศเย็นๆกับหมูกะทะร้อนๆ เป็นอะไร ฟินสุดๆ ไปเลยแหละแกรรรรร
เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน วันแรกก็จบไป ด้วยความอ่อนล้า อ่อนเพลีย หลับได้อย่างง่ายดาย และวันที่สอง จะต้องเดินตะลุยตามน้ำตกและจุดท่องเที่ยวต่างๆอีก ต้องเดินร่วมๆ 20 กว่ากิโล
แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
ถ้าใครอยากเพิ่มอรรถรส ก็ดูคลิปนี้ก็ได้น้าาาา
Part 2
https://ppantip.com/topic/39455442
[CR] ภูกระดึง (Part1) | ก้าวแรกไม่เป็นไร ก้าวต่อไป ขาแทบหลุด‼️
ไม่อ้อมค้อมนะ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน
ครั้งแรกของการแบกกระเป๋าขึ้นเขาเอง บอกเลยว่า....เอาเรื่องว่ะ เล่นซะ สะบักสะบอมกันเลยทีเดียว (เราเป็นพนักงานออฟฟิศไม่เคยเดินป่า เดินเขา แต่เพื่อนที่ไปด้วยเคยแล้ว)
DAY 1 เริ่ม!! (6 ตุลาคม 62)
นั่งรถทัวร์ของแอร์เมืองเลย จากหมอชิต มาลงที่จุดจอดรถ ผานกเค้า จ.เลย ตั้งแต่เช้าตรู่ ประมาณตี 5 กว่าๆ
ตรงจุดจอดรถผานกเค้า จะมีร้านค้า ชื่อ ร้านเจ๊กิม เปิดให้บริการห้องน้ำ อาหาร ที่นอน เพื่อรอขึ้นเขาตอน 7 โมง และขึ้นรถสองแถวเข้าอุทยานได้จากตรงนี้เลย
ค่าสองแถวเข้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ประมาณ 30 บาท (ถ้ามีผู้โดยสาร 10 คน) ใช้วิธีหาแชร์กับกลุ่มอื่นเอาให้ครบ 10 เพื่อความประหยัดเน้อ
และเดี๋ยวเราต้องเสียค่าเข้าอุทยานอีก 40 บาทด้วย
ถึงอุทยานแล้ว ก็เตรียมเช่าพื้นที่กางเต๊นท์ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 30บาท/คืน/คน) ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้เลย ส่วนเต๊นท์จะไปเช่าต่างหากที่บนภู
ราคาหลังละ 225บาท/คืน นอนได้ประมาณ 3 คน ถ้าใครเอาเต๊นท์ไปเองก็เสียแค่ค่าเช่าพื้นที่
เมื่อเราพร้อมแล้ว เราสามารถเดินขึ้นเองได้เลย ถ้าใครต้องการจ้างพี่ๆลูกหาบ ให้หาบกระเป๋าขึ้นให้ ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้เลย กิโลละ 30 บาท
แต่ครั้งนี้เราแบกขึ้นกันเอง เพราะเพื่อนมันบังคับให้เราแบกเอง กระเป๋าของเรา 8 กิโล แต่ของของเพื่อน 14 กิโล
ว่าแล้วก็ ไปกันเถอะ....
เส้นทางก็อาจจะเหนื่อยหน่อยสำหรับมือใหม่ อาจจะมีความชันบ้าง มีหินที่ต้องปีนขึ้นบ้าง บันไดชันบ้าง แต่โดยรวมถือว่าเดินได้ไม่ยากแค่ต้องมีแรง แนะนำว่าช่วงแรก เดินให้ช้าๆ เหนื่อยก็พัก ไม่ต้องรีบเพราะช่วงแรกเนินจะเยอะ
ทุกๆจุดพัก จะมีร้านค้าขายของ ขายข้าว ขายน้ำให้รับประทานกันได้สะดวกสบาย กินให้อิ่มๆจะได้มีแรง
โฉมหน้าของเพื่อน....ผู้ที่ลากเรามาฆ่า!! ตูจะตายแล้ว แต่ต้องฝืนยิ้มให้กล้อง นี่เพิ่งจุดพักจุดแรกเท่านั้น!!
พักแค่พอหายเหนื่อย ก็ออกเดินต่อ เพราะถ้าพักนานจะรู้สึกปวดขามากๆ
พี่ๆเค้าแบกกันได้ยังไง? ของเรากระเป๋าแค่ 8 โล ยังเหนื่อยจะตาย
ช่วงสุดท้ายก่อนถึงหลังแป จะต้องงัดเอาพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมา เพราะทางจะค่อนข้างชัน ต้องปีนหิน ขึ้นเนิน ขึ้นบันไดชัน
ตลอดระยะทาง 1 กิโลเมตร และพีคสุดคือบันไดอันสุดท้าย ก่อนจะถึงหลังแป จะชันมาก เกือบ 90 องศา โอ้วมายก้อดดด แต่ก็รอดมาได้
พอถึงยอดเขาหลังแป เราต้องเดินทางราบต่ออีกประมาณ 3.8 กิโลเมตร เพื่อไปยังจุดกางเต๊นท์ ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวลานวังกวาง
ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว ใกล้จะตายแล้ว!!
ถึงแล้วววววววววว เดินกันมาประมาณ 6-7 ชม. นอนพักเอาแรงก่อนดีกว่า รอไปดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็น
ตกเย็น เราก็เช่าจักรยาน ปั่นไปที่ "ผาหมากดูก" ระยะทาง 2 กิโลเมตร จากจุดที่พัก เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกกัน บอกเลยว่าอากาศดีสุดๆ
ถึงแม้ว่าเมฆจะบังพระอาทิตย์ แสงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าคุ้มมากๆ ทำให้เราลืมความเหนื่อยไปชั่วขณะนึงเลยนะ
พอตะวันลับฟ้า เราก็ปั่นจักรยานกลับที่พัก และกินหมูกะทะ!! ไฮไลท์เด็ดอันเลื่องชื่อ ของผู้มาเยือนภูกระดึง
อากาศเย็นๆกับหมูกะทะร้อนๆ เป็นอะไร ฟินสุดๆ ไปเลยแหละแกรรรรร
เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน วันแรกก็จบไป ด้วยความอ่อนล้า อ่อนเพลีย หลับได้อย่างง่ายดาย และวันที่สอง จะต้องเดินตะลุยตามน้ำตกและจุดท่องเที่ยวต่างๆอีก ต้องเดินร่วมๆ 20 กว่ากิโล แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
ถ้าใครอยากเพิ่มอรรถรส ก็ดูคลิปนี้ก็ได้น้าาาา
Part 2 https://ppantip.com/topic/39455442
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้