[CR] U Khaoyai จะมุมใหนๆก็ถ่ายรูปสวย !

วันหยุดสุดสัปดาห์เป็นวันของใครหลายๆคนที่จะต้องมีแผนออกจากบ้านโดยเฉพาะขาเที่ยวอย่างเรา แต่ถ้าจะออกเดินทางวันเสาร์ก็เกรงว่าจะเจอเพื่อนร่วมทางเยอะบนท้องถนน ทริปนี้พวกเราเลยเลือกที่จะออกจากบ้านวันอาทิตย์และกลับเข้าบ้านวันจันทร์ 24-25.11.2562 สมาชิก 1 2 3 4 5 พร้อมแล้วลุยเลย..! 
คงไม่ต้องอธิบายถึงเส้นทางเนาะเพราะเดี๋ยวนี้ใครๆก็ใช้ GPS หรือ Google Map กันหมดแล้ว บางทีมันอาจจะพาไปทางลัด ทางหลง ทางตันบ้างก็ถือว่าเป็นสีสันแห่งการเดินทางอีกแบบนึง ทริปนี้เราออกเดินทางกัน 8 โมงเช้าจากกรุงเทพ ถึงชนบทเขาใหญ่ก็ราวๆ 10 โมง และจากชนบทเขาใหญ่ไปถึงโรงแรมยู เขาใหญ่ก็ใช้เวลาไม่นาน สรุปถึงโรงแรมบ่ายโมงพอดี หน้าตาโรงแรมก็ตามภาพเลย สวยงามสะดุดตาเป็นที่สุด 
ยู เขาใหญ่ โรงแรมระดับ 4 ดาวที่ถูกออกแบบในแนวชนบทของฝรั่งเศส ซึ่งสวยงาม สงบและร่มรื่นมากพอผ่านป้ายโรงแรมเข้ามาด้านซ้ายมือก็จะเจอลานจอดรถ ขับวนวงเวียนมาอีกนิดนึงก็จะเจอมุมถ่ายรูป..อุ๊ปป เดี๋ยวก่อน(ใจเย็นๆ) เจอทางเดินเชื่อมเข้าไปในโรงแรม จะเดินตรงกลางเลยหรือเดินข้างๆก็ได้ 
เดินมาถึงประตูทางเข้าโรงแรมก็จะเจอครอบครัวพี่แกะมายืนต้อนรับ หลังจากนั้นก็เลี้ยวซ้ายไปที่ Lobby เพื่อเช็คอิน 
พวกเรามากัน 5 คน จองห้องพักล่วงหน้าเดือนกว่าๆแบบ Deluxe Family Connecting Rooms with High Tea Set ก็คือจะได้ห้องพัก 2 ห้องแบบ Deluxe Rooms พร้อมกับชุดน้ำชายามบ่ายสำหรับ 5 ท่าน ราคา 9,713 บาท(รวมแวท..ปาดเหงื่อแป๊บ) 555+++ ถ้าอยากได้ราคาดีแนะนำให้ซื้อแพคเกจจากงานท่องเที่ยวหรือมาช่วง Low Season แล้วจองห้องพักผ่านทาง traveloka agoda หรือ booking น่าจะได้ราคาที่ดีกว่า
จุดเด่นของที่นี่คือเช็คอินได้ไม่จำกัดเวลา เราสามารถเช็คอินเวลาใดก็ได้ตามต้องการและใช้ห้องพักได้ 24 ชม. เช่นถ้ามาเช็คอินบ่ายสองโมงวันนี้ พรุ่งนี้ก็สามารถเช็คเอาท์บ่ายสองโมงได้ ไม่มีการไล่ แจ้งเตือนหรือปรับเพราะเกินเวลาเหมือนโรงแรมทั่วไป อันนี้โอเคมาก
ห้อง Deluxe Room ทั้งสองห้องที่ได้ก็หน้าตาสวยงามน่านอนประมาณนี้ คือตกใจเตียง King Size ของเขา แบบว่ากว้างมาก มากถึงขั้นว่ายื่นไปสุดแขนแล้วยังไม่เจอตัวคนนอนข้างๆเลย (เอ๊ะ..หรือว่าเราแขนสั้น) 555 
สิ่งที่ลืมไม่ได้ต้องนี่เลยเรื่องหมอน เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการหมอนแบบใหนไม่ว่าจะเป็นหมอนขนเป็ด หมอนไมโครไฟเบอร์นุ่มพิเศษ หมอนโพลีเอสเตอร์แข็งปานกลาง หรือหมอนบอลไฟเบอร์แข็ง สรุปนอนเสร็จแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเขาจัดหมอนอะไรให้เพราะไม่ได้เลือก รู้แต่ว่านุ่มมาก 
มุมต่างๆของห้องนอนก็สวยงาม น่าถ่ายรูปไม่เบาเชียวนะค๊า ด้วยขนาดของห้องที่กว้าง จะมองมุมใหนก็ดูโล่ง โปร่ง สบายไม่อึดอัด
ห้องน้ำ..เปิดไฟถ่ายรูปปุ๊บได้สีนี้ออกมาเลย หุหุ แยกโซนเปียก โซนแห้งและมีประตูกั้นดีงาม
ห้องอาบน้ำมีครีมอาบน้ำและยาสระผม แต่...เดี๋ยวมาเล่าต่อตอนท้ายเพราะมันคือความฮา ขออุ๊ปส์ไว้ก่อน อ้อ..ลืมบอก จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่คือเราสามารถเลือกกลิ่นสบู่ล้างมือได้ จะมีกลิ่นมะลิ ตะไคร้ ไผ่ กล้วยไม้ แต่เอาเข้าจริงๆพอไปถึงห้องเขาก็มีจัดไว้ให้แล้ว แต่ในกรณีที่เราต้องการเปลี่ยนกลื่นก็สามารถแจ้งได้
ระเบียงห้องด้านนอกมีชุดโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่งผ่อนคลาย ชมวิว ทุกระเบียงห้องจะมองเห็นวิวภูเขาและต้นไม้เขียวขจีหมด แต่ละมุมก็จะสวยแตกต่างกันไป ส่วนวิวของห้องเราโชคดีมากที่ได้มุมโค้งของโรงแรมเวลาถ่ายรูป แถมยังมองเห็นสระว่ายน้ำอีกด้วย
ระเบียงลมเย็นสบาย อากาศดีจนทำให้คนเป็นบ้า 555
มัวแต่ตื่นเต้นถ่ายรูปบนห้องนอนกัน แว๊ปดูนาฬิกา อ้าวว..บ่ายสอง ได้เวลาจิบชายามบ่ายแล้วซินะ 
แพคเกจห้องพักที่ซื้อนอกจากจะเป็น Connecting Room แล้ว เรายังได้เซ็ทชาสำหรับ 5 ท่าน เนื่องจากที่นี่ตั้งอยู่กลางขุนเขา อากาศตอนกลางวันเลยไม่ร้อนมาก แถมยังมีลมเย็นพัดผ่านมาตลอด เพราะฉะนั้นการจิบชายามบ่ายจึงได้ฟิวส์และฟินมาก..พูดเลย
จิบชาเสร็จแล้ว..ภารกิจต่อไปยิ่งใหญ่มาก คือการเดินสำรวจให้ทั่วโรงแรมเพื่อ..ถ่ายรูป อิอิ
วิวสระน้ำยามบ่าย (กลางวันแสกๆ) แดดร่มลมตกน่ากระโดดน้ำเป็นที่สุด แต่..เดี๋ยวก่อนเรายังต้องถ่ายรูปให้คุ้มก่อน ^_*
จะมุมใหนก็สวย ขนาดถ่ายรูปขึ้นท้องฟ้าก็ยังสวย บ้าไปแล้ว 555
หรือต้องการแบบเขียวๆใต้ต้นไม้ใหญ่ก็มี ฉากหลังได้หมด สวยทุกที่ขอแค่มีนางแบบสวยๆมายืนตรงกลาง
โรงแรมไม่สูง มีทั้งหมด 63 ห้อง ไม่วุ่นวายดี แล้วส่วนมากคนที่มาคือต้องการพักผ่อนจริงๆ กลางคืนมานี่เงียบมากนึกว่าไม่มีคนเข้าพัก 
เปลสำหรับนั่งเล่น หรือจะนอนเล่นก็ได้เพราะใหญ่มาก มีไว้ตามจุดต่างๆหลายจุดเหมือนกัน 
ห้องน้ำบริเวณโถงชั้น 1 ใกล้กับ Lobby ตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่สวยงาม
ชอบตรงที่เขาใช้ผ้าเช็ดมือแทนกระดาษทิชชู่และมีตะกร้าแยกไว้ชัดเจนสำหรับผ้าเช็ดมือที่ใช้แล้ว ลดการใช้กระดาษช่วยลดโลกร้อนได้ดี๊ดี 
เดินสำรวจจนรอบโรงแรมแล้ว ร่างกายได้สูบฉีดบรรยากาศไปบ้างแล้วและพร้อมมากที่จะลงสระต่อ..ขอเวลาไปผ่อนคลายแป๊บนะคะ
ลงสระประมาณ 17.00 น. น้ำเย็นมากกกก..เล่นน้ำได้ไม่ถึง 30 นาที สะบัดตูดหนีทันทีค่ะไม่ไหวจริงๆ ถ้าไปเที่ยวช่วงเดือนธันวาคม มกราคม นี่ควรจะลงสระตอนเที่ยงนะ 555
เราแพลนกันแล้วว่าพอมาถึงโรงแรมแล้วจะไม่ออกไปใหนเพราะอยากพักผ่อน (ถ่ายรูปมากกว่ามั๊ย) มื้อเย็นของที่นี่มีบุบเฟ่ต์น่าทานอยู่ แต่ด้วยความที่สมาชิกของเราทานน้อยและรู้ว่าไม่คุ้ม เราก็เลยสั่งอาหารมาทานที่ห้องแล้วก็เล่นเกมส์ Splendor นาทีนี้ใครไม่รู้จักถือว่าเชยเพราะเขานิยมกันทั่วโลก (พูดจริง)  Good night ค่ำคืนนี้ด้วยการเล่นเกมส์ ส่วนพรุ่งนี้เรามีกิจกรรมอะไรต่อรอลุ้นกันค่ะ !

สดชื่นยามเช้าด้วยภาพจักรยาน..ที่นี่เขามีห้องฟิตเนส สปา แต่เราสายลุยต้องปั่นๆๆ

07.00 น. อากาศกำลังดีเลย เย็นๆไม่ถึงกับหนาว พระอาทิตย์มาๆหายๆ ปั่นออกไปหน้าประตูทางเข้าแล้วเลี้ยวซ้าย ปั่นไปปั่นมาอยู่แถวนั้น เพราะถ้าไปไกลเกินก็เกรงว่าจะเป็นพื้นที่ของคนอื่น 

เสร็จจากปั่นจักรยานก็กลับไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Papillon (ปาปิญอง) เราลงมากันประมาณ 8.30 น. พอถึงห้องอาหารคือตกใจมาก คนเต็มเลย แอบคิดในใจ..ทุกคนนี่วันจันทร์นะไม่ใช่วันหยุด แต่ทำไมคนเยอะจัง ! 
สารภาพเลยว่าไม่ทันได้ถ่ายเมนูอาหารเพราะคนเยอะจริงอะไรจริง เกรงใจคนอื่นเค้าก็เลยไม่เก็บภาพ เอาเป็นว่าเมนูอาหารก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือแตกต่างจากโรงแรมอื่นสักเท่าไหร่ แต่ไส้กรอกไก่และหมูอร่อยดี 

ทานมื้อเช้าเสร็จก็ยังสามารถขึ้นไปงีบต่อได้อีกเพราะเราเช็คอินกันตอนบ่ายโมง จะเดินถ่ายรูปอีกก็ไม่ไหวเพราะเมื่อวานก็เดินวนจนรอบแล้ว เลยพากันเก็บกระเป๋าเช็คเอาท์แล้วไปบ่อน้ำผุดต่อ เพราะดูจากแผนที่แล้วอยู่ใกล้มาก ห่างจากโรงแรมราวๆ 5 กม.เอง อยู่ตรงปากทางขากลับพอดี 

11.30 น. คนไม่เยอะเท่าไหร่เพราะเป็นวันจันทร์ มีคนลงเล่นน้ำ 4-5 คน แต่น้ำก็ยังใสมาก ใสแจ๋วเย็นเจี๊ยบเลย ใสจนมองเห็นทราย ดิน โคลนใต้น้ำกันเลยทีเดียว เราแวะที่นี่กัน 30 นาทีแล้วก็ขับรถกลับ

ระหว่างทางขากลับผ่านฟาร์มโชคชัย ไม่แวะเพราะเคยไปแล้ว ถัดไปอีกนิดไร่สุวรรณ ไม่แวะไม่ได้แล้วเพราะน้ำนมข้าวโพดอร่อยและขึ้นชื่อมาก ผ่านทีไรไม่มีพลาดของเขาดีจริงๆ จัดไป 1 ลัง(กล่องโฟมพร้อมน้ำแข็ง) 15 ขวด 330 บาท อร่อยคุ้มราคา 

จบจากไร่สุวรรณเราก็ยิงยาวกลับ กทม. แต่เดี๋ยวก่อน ยังไม่ลืมนะที่บอกว่าจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง อิอิ มีหลายเรื่องเอาเรื่องใหนก่อนดี
เริ่มจากเรื่องตลกในห้องดีกว่า ปกติไปพักโรงแรมโดยส่วนใหญ่เขาจะมีโลชั่นด้วยถูกมั๊ย ด้วยความที่เราคิดว่าที่นี่ก็คงมีเพราะโรงแรมระดับนี้แล้ว จ่ายแพงด้วย ปรากฏว่าตอนเก็บของใช้ส่วนตัวดึงโลชั่นออกจ้า ไม่พกมาด้วยเพราะกะว่าจะมาใช้โลชั่นที่โรงแรม คงหอมน่าดู สรุปคือที่โรงแรมไม่มีโลชั่นให้คร่าาา อิช้อยก็ผิวแตกแห้งไม่มีโลชั่นทา แฟนก็ทักมาว่าเราไปถามเขามั๊ย ดึงสติตัวเองแป๊บ คิดในใจ..ไม่นะฉันยังไม่ใช่วัยทองต้องไม่โวยวาย ถ้าไม่มีมาวางให้ในห้องน้ำก็แสดงว่าไม่มี หนักกว่านั้นคือทุกคนไม่มีใครเอามาเพราะคิดเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย 555
ยัง..เรื่องตลกยังไม่จบแค่นี้ เพราะอีก 3 คนไม่ได้พกแปรงฟันมาจ้า เพราะคิดว่าที่นี่จะมีให้เหมือนที่อื่น สุดท้ายแห้วค่ะ ต้องเอามือแปะยาแล้วก็สีฟัน...โถ๋ๆๆชีวิตคิดเมื่อไหร่ก็ขำเมื่อนั้น คำคมส่งท้าย : อย่าหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า (เก็บไว้เตือนสติครั้งต่อไปนะจ๊ะตัวเอง..อิอิ ) บ๊ายบายค่าา




ชื่อสินค้า:   โรงแรมยู เขาใหญ่
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่